กงเสวี่ยฮวาลงมืออย่างรวดเร็ว เมื่อครู่ยังคุยกับเจียงหลี แต่จู่ๆ ก็ระเบิดแรง
ผ่านไปชั่วครู่กว่าคนอื่นๆ จะมีปฏิกิริยาต่อการเคลื่อนไหวของเขา
คนจากวังเทียนอู่กงวิ่งหนีออกไปแล้วพวกเขาถึงหันไปมอง จึงได้รู้ว่ามีสิ่งผิดปกติ
“หากอยากจะเข้าไป ต้องใช้พลังทั้งหมดที่มีเปิดประตูทางเข้า!” ในขณะที่พวกเขาเตรียมตัวที่จะรีบตามออกไปด้วย ถ้อยคำที่เจียงหลีกล่าว ทำให้ฝีเท้าของพวกเขาหยุดชะงัก
ในชั่วพริบตานั้น คนจากวังเทียนอู่กงและเมืองฮวงเสินทั้งหมด ก็ได้หายวาบไปต่อหน้าต่อตาพวกคนอื่นๆ
“พวกคนสารเลว!” ไหวปี้กระทืบเท้าด้วยความโกรธ ดวงตาแสดงถึงความคับแค้นใจเป็นอย่างมาก
ฉินเทียนอีเงยหน้าหัวเราะ สะบัดแขนแล้วก้าวเท้า ใช้พลังวิญญาณทั่วกายของตนทำลายทางเข้าที่ปิดลงเมื่อครู่
“ไป!” คนนำของตำหนักหลีหั่วคือหลัวอวี่ ยกมือขึ้นบัญชาการ นำลูกศิษย์ร่วมสำนักออกไปพร้อมๆกัน
ในครั้งนี้ ไหวปี้รีบมาอยู่ตรงหน้าสำนักฝัวหมัวหันไปยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับพระมหาอินฮู “พระคุณท่าน นักบวชย่อมมีเมตตาจิต โปรดอย่าแย่งทางสตรีเฉกเช่นผู้น้อยเลยนะเจ้าคะ”
รอยยิ้มพระมหาอินฮูดุจพระศรีอริยเมตไตร “ไม่ ไม่! พระพุทธเจ้าและเทพมารเคยตรัสไว้ ความเป็นความตายตรงหน้า ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระ!”
“…” ไหวปี้ชะงัก เทพมารตรัสเช่นนี้ นางยังเชื่อ แต่ว่า…พระพุทธเจ้าเคยตรัสวาจาต่ำช้าเช่นนี้เมื่อไหร่
“นักบวชต่ำตม!” ดวงตาของไหวปี้มีประกายของความโกรธ พร้อมต่อสู้กับพระมหาอินฮูโดยตรง
แรงที่ทั้งสองคนออก กลับไปช่วยหนุนฉินเทียนอีได้อีกชั่วครู่
ในขณะที่ไหวปี้กับพระมหาอินฮูต่อสู้กัน คนจากตำหนักหลีหั่ววัง เวิ่นฉิงและสำนักฝัวหมัวล้วนออกไปกันหมดแล้ว
“รีบไป!” ฉินเทียนอีตะโกนเสียงดัง
ไหวปี้และพระมหาอินฮูนั้น ขณะที่ต่อสู้ ก็รีบไปทางออกเพื่อทะลุออกไปด้วย
ในขณะที่รอยแตกกำลังจะปิดลง ทั้งสามได้เบียดเสียดกันออกไป
“…”
“…”
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในชั่วพริบตาเดียว
เริ่มจากกงเสวี่ยฮวาระเบิดพลังอย่างกะทันหันเพื่อเปิดทางออก ถึงคำพูดของเจียงหลีที่ทำให้ความรู้สึกนึกคิดของทุกคนแตกออก ต่อมาฉินเทียนอีลงมือ ไหวปี้และพระมหาอินฮูอินฮูช่วยหนุนแรง ทั้งหมดล้วนต่อเนื่องกันคล้ายเป็นไปตามธรรมชาติ ทำให้คนไม่ทันที่จะมีปฏิกิริยาตอบสนอง
หลังรอยแตกปิดลงอีกครั้ง คนจากป้อมปราการเฟยอวิ๋นและสำนักหลีหุนจงจึงมีท่าทีตอบสนอง
“สมควรตาย! ไอ้พวกชั่วช้าสามานย์!” อวิ๋นซู่ตะโกนอย่างโมโห
สายตาของจู๋เยี่ยนดูมืดครึ้ม
“ยังไม่รีบไปเปิดมันออกให้ข้าอีก! ใช้แรงทั้งหมด ฟังเข้าใจหรือไม่” อวิ๋นซู่ตะโกนใส่ศิษย์ร่วมสำนักอย่างเสียงดัง
ดวงตาของจู๋เยี่ยนหม่นหมอง แต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดสิ่งใด
…
โลกอีกใบที่ไม่เหมือนโลกใบเดิม เส้นแสงหลายสิบเส้น ดังดาวตกตกพาดผ่านสายหมอกบนท้องฟ้า แยกกันตกในทิศทางต่างๆ
ในโลกนี้ มีกลิ่นอายของความมืดมัว
ในสถานที่แห่งนี้ ล้วนเป็นสีเทา จนทำให้คนรู้สึกได้ถึงความไร้ซึ่งชีวิตชีวาและสิ้นหวัง
โครม!
แสงเส้นหนึ่ง พุ่งลงมาจากท้องฟ้า ตกลงบนพื้นดิน ทำให้ฝุ่นคลุ้งกระจาย
ฝุ่นพัดหายไป เงาของเจียงหลีปรากฏขึ้น
นางยืนยังคงยืนอยู่ที่เดิม ไม่ได้รีบร้อนไปไหน มองบรรยากาศรอบตัวอย่างถี่ถ้วน “ที่นี่คือดินแดนผนึกมารอย่างนั้นหรือ”
นอกจากสีเทาสลัวแล้ว ยังมีบรรยากาศอยู่ตรงหน้า ทำให้สายตาของเจียงหลีหรี่ลง
สิ่งที่สะท้อนมาในดวงตาของเจียงหลีคือหลุมฝังศพทรงครึ่งวงกลมแห่งหนึ่ง ดูแน่นขนัดและยาวออกไปสุดลูกหูลูกตา เต็มไปทุกบริเวณนี้ และตัวนางเองตำแหน่งที่ยืนอยู่ก็คือตรงหลุมฝั่งศพหลุมหนึ่ง
หลุมศพนี้ ไม่มีป้ายสลักชื่อผู้ตายและดูเงียบจนแปลกตา


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์