ตู้มมม!
เสียงดัง มาจากทางด้านหน้า
เจียงหลีชะงักไป มองเห็นกลุ่มคนจากป้อมปราการเฟยอวิ๋น ร่นถอยไปอย่างรวดเร็ว
“อาหลี!” เจียงเฮ่ามาถึงข้างกายเจียงหลี รีบถามอย่างรวดเร็ว “เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่”
เจียงหลีส่ายหน้า มองซ้ายมองขวา คนอื่นจากฮวงเสิน ได้มารวมตัวอยู่ข้างนางแล้ว ในเวลานี้ เสิ่นฉงไม่อยู่แล้ว สาย ยตาของไป๋หลี่เฟิ่งที่มองไปทางนาง ดูมีความรู้สึกบางอย่างที่มากขึ้น
ก็ดี เมื่อมองเห็นสายตาเช่นนี้ของเขา เจียงหลีก็มั่นใจว่าไป๋หลี่เฟิ่งจำนางได้
ไม่อย่างนั้น ท่าทีก่อนหน้านี้ที่ดูนิ่งเฉยของเขา ทำให้นางคิดไปว่าตนเองคงจำคนผิดแล้ว
ชิ้งๆๆ!
กลุ่มดาบสังหารสีดำ ถูกแกว่งมาจากด้านหน้า
คนจากป้อมปราการเฟยอวิ๋นทั้งห้า ยืนเรียงกันเป็นแถว แกว่งดาบไม่หยุดเพื่อขวางเอาไว้
“พวกชั่วนี่!” เสียงของกงเสวี่ยฮวา ดังเข้าหูเจียงหลี
เจียงหลีหันไปมอง มองไปกงเสวี่ยฮวากำลังนำคนจากวังเทียนอู่กงมา และยืนอยู่กับคนจากฮวงเสิน
“เจ้ารู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น” เจียงหลีเอ่ยถาม
กงเสวี่ยฮวากัดฟันตอบ “ต้องเป็นไอ้พวกชั่วป้อมปราการเฟยอวิ๋นไม่ระวังตัวไปโดนกลไกการเปิดทางเข้าออก”
“พวกเรายังอยู่ด้านนอกหรือ” เจียงเฮ่ามองไปทางเข้าแล้วเอ่ยถาม
“อืม” กงเสวี่ยฮวาพยักหน้าอย่างแรง คิ้วขมวด ดวงตาแสดงออกถึงความเคร่งขรึม
น้อยครั้งมากที่เจียงหลีจะเห็นเขาเป็นเช่นนี้ จึงเอ่ยถาม “มีอะไรแปลกไปหรือ”
“แปลกหรือ นี่มันแปลกไปมาก! หากในเวลาอันสั้นนี้ พวกเรายังเข้าไปในดินแดนผนึกมารไม่ได้ ก็จะหายไปจากช่องทาง งนี้ เข้าไปสู่มิติที่ไม่ชัดเจน แล้วอาจตายได้ หรือไม่ก็อาจจะโดนขังไว้ที่นี่ไปชั่วชีวิต เข้าและออกไปไม่ได้” ” น้ำเสียงของกงเสวี่ยฮวาดูเดือดดาล
เมื่อรู้ถึงความร้ายแรง เจียงหลีและคนอื่นๆ ก็เข้าใจความโกรธของกงเสวี่ยฮวา
“เทพธิดา ท่านดูพวกเขา” หญิงสาวทั้งห้าจากวังเวิ่นฉิงยืนอยู่ด้วยกัน หนึ่งในนั้นเอ่ยกับไหวปี้อย่างเบาเสียง
ไหวปี้หันไปมอง มองไปเห็นคนทั้งห้าจากสำนักหลีหุนจงกำลังจ้องมาด้วยท่าทางอันดุดัน ชิ นางส่งเสียงแสดงความไม่พ พอใจ แล้วเบี่ยงสายตาไปทางอื่น
“เทพธิดา คนพวกจากสำนักหลีหุนจงดูน่าสะอิดสะเอียนมาก โดนพวกมันจ้องมองเช่นนี้ ในใจข้าก็กลัว” อีกคนหนึ่งเอ่ย ยกับไหวปี้อย่างไม่สบายใจ
แววตาของไหวปี้เป็นประกาย มองทางไปเจียงหลีและกงเสวี่ยฮวา แล้วตัดสินใจ “ไป”
นางนำคนจากวังเวินฉิ่ง รีบเดินเข้าไปใกล้กลุ่มของเจียงหลี
เมื่อรับรู้ได้ว่ามีลมปราณใกล้เข้ามา เจียงหลีหันไปมอง มองเห็นไหวปี้พาเหล่าลูกศิษย์จากวังเวิ่นฉิง มาถึงอย่าง ว่องไว เอ่ยปากพูด “ในเมื่อโดนขวางทางเช่นนี้ พวกเราเป็นพันธมิตรวางแผนรับมือด้วยกันดีกว่าไหม”
เจียงหลียังไม่ทันจะได้ตอบกลับ ก็มองไปเห็นกลุ่มคนที่มีแสงสีแดงสวยงามทั้งห้า มาจากระยะไกลแล้วมาหยุดอยู่ข้าง พวกเขา
ครั้งนี้ นางมองเห็นพวกคนใส่ชุดสีแดงนั้นได้อย่างชัดเจน เป็นเพื่อนเก่าจากซีฮวงจริงๆ… ฉินเทียนอีนั่นเอง
หลังจากราชวงศ์โฮ่วจิ้นล่มสลาย คนผู้นี้ก็หายเข้ากลีบเมฆ หลังจากนางเป็นจักรพรรดินี ก็ได้ยินมาว่าตระกูลฉินส่งต ตัวให้กลุ่มอำนาจบางกลุ่มในซีฮวงเพื่อฝึกฝน คิดไม่ถึงว่าจะเป็นตำหนักหลีหั่ว
ฉินเทียนอียิ้มให้เจียงอย่างสนิทสนม ถึงแม้ไม่ได้พูดอะไรมาก เขาก็รู้เวลานี้ ไม่ใช้โอกาสที่จะมารำลึกถึงความหลั ง
“วิถีอิสระแห่งตนไร้ที่สิ้นสุด! ในเมื่อทุกท่านมาล้วนมารวมตัวกัน ปรึกษาหารือแผนรับมือ ไม่อาจขาดสำนักฝัวหมัวไ ได้” นักบวชทั้งห้า จู่ๆ ก็มาร่วมวงด้วย
ในเวลานั้น คนอื่นๆ และเจียงหลีที่ยืนอยู่บริเวณนั้น นับเป็นสองในสามของคนทั้งหมด

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์