เสียงที่จู่ๆ ดังขึ้นมานั้น ไม่ได้มีเจตนาร้ายแฝงอยู่
ดวงตาของเสิ่นฉงอมยิ้ม มองไปทางฝ่ายตรงข้าม “ที่แท้ก็ผู้อาวุโสที่เจ็ดจากวังเทียนอู่กง ครั้งนี้ท่านเป็นคนนำ ำหรือ”
ผู้อาวุโสที่เจ็ดจากวังเทียนอู่กงยิ้มแล้วพยักหน้า “คิดไม่ถึงเลย ครั้งนี้รองประมุขเสิ่นจากฮวงเสินจะมาเองเลย หรือ” ทันใดนั้น ดวงตาเขาเป็นประกาย ยิ้มเอ่ย “นึกไม่ถึงเลยว่าตำหนักเย่าจะมีลูกศิษย์เพิ่มขึ้นหลายคน! ยินดีด้วย ยินดีด้วย!”
เมื่อเขาพูดจบ ตรงที่คนฮวงเสินยืนอยู่นั้น มีลมปราณของความแข็งแกร่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ลมปราณนี้ นอกจากแอบแฝงไปด้วยเจตนาร้ายแล้ว ยังแฝงความอยากรู้อยากเห็นอีกด้วย
ถึงอย่างไร เวลาของงานปาฐกถาเจ้าครองนครก็ได้ใกล้เข้ามาแล้ว!
ลมปราณเจตนาร้ายนี้มาจากทางฝั่งป้อมปราการเฟยอวิ๋น เจียงหลีค่อยๆ ขยับ หันไปมองทางนั้น เสื้อด้านในสีขาว เสื้อคล ลุมสีฟ้า ทรงผมตั้งขึ้นของคนจากป้อมปราการเฟยอวิ๋น ได้อยู่ในสายตาของนางแล้ว
แต่ทว่า นางมองเพียงแวบเดียว ก็เบนสายตาไปทางอื่น
“เจียงหลี!” ในเวลานั้น กงเสวี่ยฮวาจากวังเทียนอู่กง มองเห็นเจียงหลี
ไม่เพียงแต่เขา แต่ทางฝั่งวังเวิ่นฉิง ก็มีอีกคนที่เป็นคนคุ้นเคยของเจียงหลี หลังจากมองเห็นนาง ก็พึมพำกับตัว วเอง “ที่แท้นางมาจากฮวงเสิน”
“ไหวปี้”
ไหวปี้คุมสติ มองไปยังผู้อาวุโสที่ยืนอยู่ข้างๆ
ดวงตาผู้อาวุโสของวังเวิ่นฉิงกวาดมองไปสำนักหลีหุนจง แล้วเอ่ยกับไหวปี้ “ครั้งนี้ในการฝึกฝนในดินแดนผนึกมาร เ เจ้ากับพวกศิษย์น้อง จะต้องระมัดคนจากสำนักหลีหุนจงเป็นพิเศษ”
“รับทราบ” ไหวปี้เหมือนใจจดใจจ่อกับบางสิ่ง หางตามองไปทางเจียงหลีอย่างคับแค้นใจ
“ในระยะนี้ สำนักหลีหุนจงและวังเวิ่นฉิงของเรามีเรื่องกระทบกระทั่งกันอย่างต่อเนื่อง เรื่องที่เมืองซูหย่า พวก นั้นต้องรู้เป็นแน่ว่าพวกเรามีส่วนเกี่ยวข้อง เพียงแต่หาหลักฐานไม่ได้ ยิ่งเป็นฝ่ายผิด จึงไม่กล้ามาหาเรื่อง แต่ ลูกศิษย์พวกนี้ของฝ่ายนั้นเป็นพวกต่ำช้า พวกเจ้าก็ต้องระวังพวกมันจะแอบมาแก้แค้น หากพบกับความอันตราย ก็น่ าจะลอง…” สายตาของท่านอาวุโสจากวังเวิ่นฉิง ค่อยๆ มองผ่านไปทางกลุ่มอำนาจอื่นๆ นางลังเลใจ แล้วเอ่ย “น่าจะเป็น พันธมิตรกับทางวังเทียนอู่กงหรือไม่ก็ตำหนักหลีหั่ว หาที่พึ่งเอาไว้”
“ถ้าเช่นนั้น…หากพบกับทางฮวงเสินเข้าล่ะ” ไหวปี้เอ่ยถามอย่างไร้เหตุผล
“ฮวงเสินหรือ” ผู้อาวุโสของวังเวิ่นฉิงเดินไปทางไหวปี้อย่างงุนงงแต่ไม่ได้คิดอะไรมาก พยักหน้าแล้วเอ่ย “หากพบก กับฮวงเสินหรือสำนักฝัวหมัวก็พิจารณาดูว่าจะเป็นพันธมิตรหรือไม่ สรุปแล้ว พวกเจ้าเข้าไปกี่คน ก็ต้องออกมาจำนว วนเท่านั้น ส่วนพวกเลวทรามจากสำนักหลีหุนจง หากกล้ากระทำการเกินเลย ก็ฆ่าทิ้งได้เลย”
หลังจากเอ่ยจบ สายตาของผู้อาวุโสวังเวิ่นฉิงมีประกายของความเดือดดาล
“ท่านอาวุโสสบายใจได้ ในดินแดนผนึกมาร คนของสำนักหลีหุนจงไม่อาจจะนำศพหุ่นเชิดเข้าไปได้ นี่เป็นสิ่งที่เราไ ได้เปรียบ” ไหวปี้ปลอบใจ
“อืม ที่สุดแล้ว จักต้องระวังตัวเป็นอย่างมาก” ผู้อาวุโสของวังเวิ่นฉิงพยักหน้า
อีกฝั่งหนึ่ง คนของสำนักหลีหุนจง ก็มองมาทางกลุ่มหญิงสาวที่งดงามของวังเวิ่นฉิง สายตาเต็มไปความชั่วร้าย
“ศิษย์พี่ รอเข้าไปในดินแดนผนึกมารแล้ว ข้าอยากจะฝึกวิชาหุ่นเชิดใหม่” ศิษย์คนหนึ่งของสำนักหลีหุนจงเดินเข้ ามาด้านข้างของผู้นำอย่างจู๋เยี่ยน สายตามองไปยังวังเวิ่นฉิง
จู๋เยี่ยนเบี่ยงสายตากลับมา ส่งสายตาอย่างโจ่งแจ้ง ไม่เลี่ยงสายตาที่มองไปที่ไหวปี้เลยแม้แต่น้อย “นางเป็นของข้า พวกเจ้าห้ามแตะต้อง”
“เข้าใจแล้ว” เหล่าลูกศิษย์รับทราบ ลอบยิ้มแล้วถอยออกไป
สายของคนจากสำนักหลีหุนจง ทำผู้อาวุโสจากวังเวิ่นฉิงส่งเสียงไม่พอใจ “จิ่นซวี ดูแลคนของเจ้าด้วย หากยังกล้า มองมาอีก ข้าจะควักลูกตาของพวกมันทิ้ง”
จิ่นซวีผู้อาวุโสของสำนักหลีหุนจงไม่สนใจแล้วหัวเราะ “ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่วังเวิ่นฉิงสามารถจัดการกับลูกศิษย์ สำนักหลีหุนจงได้ เรื่องเมืองซู่หยา พวกเราทั้งสองฝ่ายก็ยังไม่ทันได้สะสางกันให้ชัดเจนเลย”
เมืองซู่หยา!
ชื่อเมืองนี้ ทำให้สายตาของเจียงหลีและเจียงเฮ่าเป็นประกายพร้อมกัน
“วิถีอิสระแห่งตนไม่มีที่สิ้นสุด พวกเราต่างก็มาฝึกฝนที่ดินแดนผนึกมาร มิต้องขัดแย้งกัน” เสียงไกล่เกลี่ย ดังม มาจากสำนักฝัวหมัว
เจียงหลีมองไปทางพวกเขา
“ลูกศิษย์สำนักฝัวหมัวสวมใส่จีวรสีนิล ศีรษะล้าน บริเวณคอสวมสร้อยลูกประคำ แต่ทำจากกระดูกคนที่ขัดจนเงา พวกเ เขาเข้าใจว่าว่าพระพุทธเจ้าและเทพมารมาจากจุดเดียวกัน บำเพ็ญตนเช่นเดียวกัน เมตตาดั่งพระพุทธ โหดเหี้ยมดั่งมาร ถ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งการฝึกฝนที่หาได้ยาก” เสิ่นฉงยิ้มบาง แนะนำเจียงหลีและอีกหลายคน


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์