หลังจากที่ไม่พบวิญญาณชั่วร้ายรอบๆ แล้ว เจียงหลีก็หยุดลงและเพิ่งตระหนักได้ว่าฉินเทียนอีมิได้ตามมาด้วย
“เขาไปไหนแล้ว” เจียงหลีตกตะลึง
ล่าถอย…เป็นฉินเทียนอีที่เสนอ และนางก็รีบทำตามทันที ถ้าเช่นนั้น แล้วตอนนี้ฉินเทียนอีหายไปไหนเสียแล้วล่ะ
ริมฝีปากของเจียงหลีชาหนึบและพึมพำอยู่ในใจ ไม่ใช่ว่าทั้งสองวิ่งไปคนละเส้นทางหรอกนะ
เจียงหลีขมวดคิ้ว คิดไตร่ตรองและปลดปล่อยพลังจิตออกไปตามหาฉินเทียนอี พื้นที่ที่ถูกจับเมื่อครู่ ไม่มีเงาของฉินเทียนอีจริงด้วย
“ไกลเกินไป” เจียงหลียกมือขึ้น ใช้ปลายนิ้วนวดๆ บริเวณกลางคิ้ว และเก็บพลังจิตกลับคืน
เมื่อครู่ นางได้ใช้พลังควบคุมจิตในการต่อสู้โดยตลอด พลับควบคุมจิตเป็นพลังหนึ่งของพลังจิต ดังนั้น พลังที่ใช้ไปจริงๆ ก็คือพลังจิตของนางนั่นเอง
ในขณะนี้ นางใช้พลังจิตในการตามหาอีกครั้ง และผลลัพธ์ก็ไม่ได้ดีเท่าตอนแรกนัก
ฉินเทียนอีไม่ได้อยู่ที่เดิมแล้ว นั่นก็แสดงว่าเขาได้ห่างจากพื้นที่อันตรายแล้ว เจียงหลีถอนหายใจ และไม่ได้ตามหาฉินเทียนอีต่อ แต่เดินทางอยู่ในดินแดนผนึกมารนี้เพียงลำพัง
พลังจิตที่ถูกใช้ไปนั้น ไม่รู้ว่าจะฟื้นฟูกลับมาเมื่อไหร่
…
ขณะนี้ เจียงหลีไม่รู้ว่าเส้นทางด้านทางที่นางเลือกเดินมานั้น กำลังเกิดการปะทะกันอีกเช่นกัน
แต่ไม่ใช่การปะทะกันของเหล่าผู้ฝึกฝนกับวิญญาณชั่วร้าย แต่เป็นการประลองของเหล่าผู้ฝึกฝนกับผู้ฝึกฝนต่างหาก!
“จู๋เยี่ยน เจ้าอย่าให้มันมากเกินไปนัก!” ใบหน้าที่งดงามของไหวปี้เต็มไปด้วยอารมณ์โกรธ นางเองก็นึกไม่ถึงว่าตัวเองจะโชคร้ายเยี่ยงนี้ ถึงได้มาเจอจู๋เยี่ยนแห่งสำนักหลีหุนจงที่นี่ได้
จู๋เยี่ยนหัวเราะอย่างชั่วร้าย และมองร่างของไหวปี้ด้วยสายตาอันโอ้อวด “ไหวปี้ สำนักข้าและเจ้าอยู่ใกล้กัน ถือว่าเหมาะสมกันมากแล้ว เหตุใดเจ้าถึงได้เหินห่างกับข้าเช่นนี้เล่า”
“หึ! อย่ามาพูดจาดูดีแถวนี้ สำนักหลีหุนจงของพวกเจ้ามีเรื่องชั่วอย่างไร เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้อย่างนั้นรึ” ไหวปี้หัวเราะเยาะ
ต่อหน้าคนสำนักหลีหุนจงและจู๋เยี่ยนแล้ว แม้แต่เสน่ห์นางก็ไม่อยากจะใช้มัน
“เหอะๆ” จู๋เยี่ยนหัวเราะเบาๆ มองไปที่นางด้วยสายตาที่คลุมเครือ และกล่าวอย่างมีนัยว่า “มีหลายวิธีที่จะปรนนิบัติชายหนุ่มในวังเวิ่นฉิง หากเจ้าปรนนิบัติข้าดี ข้าก็จะไม่ทำให้เจ้าเป็นหุ่นเชิดอย่างแน่นอน”
“เจ้าเหมาะสมอย่างนั้นรึ” มีความดูถูกปรากฏออกมาในสายตาของไหวปี้
สายตาที่ดูถูกนี้ ทำให้ดวงตาของจู๋เยี่ยนเย็นชาลง ความเกลียดชังกระจายอยู่ระหว่างคิ้ว “เจ้าอย่าไม่รู้จักชั่วดี! หากมิใช่ว่าเจ้าเป็นเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์แห่งวังเวิ่นฉิง เจ้านึกว่าข้าจะมองเจ้าอย่างนั้นหรือ”
ไหวปี้หัวเราะเยาะเย้ยถากถาง “ไอ้ผีน้อยแห่งสำนักหลีหุนจงนี่ ก็เป็นเพียงแค่ศิษย์ชั้นต่ำคนหนึ่งสิไม่ว่า”
จู๋เยี่ยนยิ้มอย่างดุร้าย รอยยิ้มนั่นทำให้ไหวปี้รู้สึกขนลุกซู่ รวมไปถึงรู้สึกเย็นวูบอยู่รอบๆ
ระดับการฝึกฝนของจู๋เยี่ยนสูงกว่านาง และยังได้ยินมาว่า ก่อนจะมาที่ดินแดนผนึกมารนี้ เขาเพิ่งจะฝึกฝนถึงระดับหลิงหวัง ดังนั้น ถึงแม้เขาจะไม่มีหุ่นเชิดอยู่ในมือ ไหวปี้ก็มิใช่คู่ต่อสู้ของเขาเช่นกัน
จากการหยั่งเชิงเมื่อครู่ ได้ยืนยันความคิดของไหวปี้แล้ว
“ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังถ่วงเวลา แต่ เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าอยู่ที่นี่จะมีใครมาช่วยเจ้าได้” จู๋เยี่ยนมองด้วยสายตาดุร้ายและค่อยๆ เข้าใกล้ไหวปี้
ดวงตาไหวปี้ฉายแววตกใจ และถอยหลังไปด้านหลังอย่างเงียบๆ
นางถ่วงเวลาไว้จริงๆ อยากหาโอกาสหนีไป กลับคิดไม่ถึงว่าจู๋เยี่ยนมองทุกอย่างออกแล้ว
“ถอดใจเสียเถอะ วิญญาณชั่วร้ายของที่นี่เพิ่งจะเข้าจำศีลได้ไม่นาน ต้องรอเป็นเวลาครึ่งวันถึงจะออกจากการจำศีล พอดีเลย ครึ่งวันนี้ ให้เจ้าและข้าได้มีความสุขกันสองคน ข้าสัญญาว่าจะทำให้เจ้ามีความสุขจนไม่อยากจากข้าไปอีก” จู๋เยี่ยนเข้าใกล้ไหวปี้เรื่อยๆ และพูดจาหยาบคาย
“เจ้าบังอาจนัก! หากเจ้าข้าทำอะไรข้าล่ะก็ อาจารย์ของข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!” ไหวปี้พูดขู่และถอยหลังไปอย่างช้าๆ เว้นระยะห่างจากจู๋เยี่ยนไว้


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์