ดินแดนผนึกมารนี้ใหญ่แค่ไหนกันเชียว เจียงหลีมองเห็นสถานที่พร่ามัวรอบแผนที่แล้วแอบกลัว
เห็นได้ชัดว่าสถานที่พร่ามัวเหล่านั้นยังไม่เสร็จสิ้น
แผนที่ที่ไม่อาจวาดให้เสร็จสมบูรณ์ ก็สามารถอธิบายได้เพียงว่าสถานที่เหล่านี้เป็นสถานที่ที่ไม่มีใครเคยสำรวจมาก่อน
ไม่เพียงเท่านั้น นางยังสังเกตเห็นว่าสถานที่ที่นางและฉินเทียนอีลงมาครั้งแรกนั้นจริงๆ แล้วอยู่ด้านนอกของแผนที่
“มิน่าล่ะ วิญญาณชั่วร้ายที่พบในครั้งแรกนั้นจัดการได้ไม่ยาก เว้นแต่จะน่ารำคาญเสียมากกว่า” เจียงหลีเข้าใจในทันที
ยิ่งเดินเข้าไปข้างในมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งพบกับวิญญาณชั่วร้ายที่แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น
แต่ในเวลานี้…
ดวงตาของเจียงหลีเหลือบไปเห็นที่ที่พวกนางอยู่ตอนนี้ แล้วเม้มปากเงียบ
ตอนนี้ ที่ที่นางและไหวปี้อยู่ ยังนับว่าเป็นชายขอบ แต่ยิ่งพวกนางก็อยู่ใกล้ขอบมากขึ้น ระยะห่างจากศูนย์กลางก็อีกยาวไกล จากความเร็วปัจจุบัน จะใช้เวลาประมาณครึ่งปีกว่าจะ ะถึงศูนย์กลาง นี่คือระยะเวลาในกรณีที่ทุกอย่างนั้นราบรื่น
มันไม่ง่ายเลย ที่จะพบกับผู้มาหาประสบการณ์เพียงสามสิบห้าคนในสถานที่ใหญ่ขนาดนี่
เมื่อคิดคำนวณดูแล้ว เป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้วที่นางได้เข้ามายังดินแดนผนึกมารแห่งนี้
เจียงหลีขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่แน่ใจเล็กน้อย เวลาในดินแดนนี้คลุมเครือเกินไป
“เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ ประเดี๋ยวก็ขมวดคิ้ว ประเดี๋ยวก็ทำหน้าบึ้งตึง” ไหวปี้มองไปที่เจียงหลีตลอด ไม่พลาดการเปลี่ยนแปลงใดๆ ของสีหน้านาง
เจียงหลีลืมตาขึ้นมองนาง พลิกแผนที่ขึ้นมา แล้วพูดอย่างแผ่วเบา “ไม่มีอะไร เจ้าเคยเจอใครมาก่อนหรือไม่”
ไหวปี้ส่ายหน้าช้าๆ “ยกเว้นเจ้าและจู๋เยี่ยนข้าไม่ได้พบใครเลย” เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ตาของไหวปี้ก็กังวลเล็กน้อยเช่นกัน “ศิษย์น้องสี่คนของข้า ก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็ นอย่างไร โชคดีไปหากไม่เจอกับคนจากสำนักหลีหุนจงหากบังเอิญเจอเข้า…”
นางขมวดคิ้วจนย่น
นับว่านางโชคดีที่ได้พบกับเจียงหลี แล้วพี่น้องคนอื่นของนางเล่า
วิธีการของสำนักหลีหุนนั้นร้ายกาจเกินไปจริงๆ
เมื่อเผชิญหน้ากับผู้คนจากสำนักหลีหุน หญิงสาวเหล่านี้ดูเหมือนจะมีความกลัวตามสัญชาตญาณ เมื่อเห็นพวกเขา มักจะนึกถึงหุ่นเชิดศพสาว ยังไม่ทันได้สู้ก็สูญเสียพลังไปครึ่งหนึ่งก่อ อนแล้ว
ไม่ ไม่ใช่หญิงสาวทุกคนสักหน่อย ไหวปี้อดไม่ได้ที่จะมองไปที่เจียงหลี กระตุกมุมปากของนางเบา ๆ “เจ้าไม่กลัวสำนักหลีหุนเลยหรือ”
“ถ้าเจอเข้าจริง ก็ต้องพึ่งพาตัวเอง” น้ำเสียงของเจียงหลีเรียบนิ่งและไม่แสดงความกังวลใดๆ ไม่ใช่เพราะนางไม่คุ้นเคยกับคนจากวังเวิ่นฉิงแต่ในความเห็นของนาง ความเป็นความตายข ของตัวเองนางจะพึ่งพาคนอื่นได้อย่างไร หากตนยังไม่สามารถพึ่งพาตนได้
แทนที่จะคิดหาคนมาช่วย สู้ตายด้วยตัวเองยังจะดีกว่า
“อื้อ” ไหวปี้พยักหน้า ไม่สามารถหักล้างคำพูดของเจียงหลีได้
ในช่วงครึ่งวันนี้ พวกนางอยู่อย่างสงบสุขโดยหลีกเลี่ยงจากวิญญาณชั่วร้าย ครึ่งวันต่อมา วิญญาณชั่วร้ายก็พักผ่อนอีกครั้ง เจียงหลีและไหวปี้ก็ออกเดินทางอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้ ทั้งสองได้พูดถึงเพื่อนของพวกนาง
ในเวลานี้ สิ่งที่ไหวปี้ต้องการมากที่สุดคือ รวมตัวกับพวกของตน เพื่อยืนยันความปลอดภัยและดูแลซึ่งกันและกัน
มีผู้คนมากมายที่เป็นห่วงเจียงหลี
พี่ใหญ่เจียงเฮ่า กงเสวี่ยฮวา ฉินเทียนอี แน่นอนในฐานะหัวหน้า นางยังต้องให้ความสนใจกับอีกสามคนจากฮวงเสิน
…
“ได้เวลาตื่นอีกแล้ว” หลังจากผ่านไปครึ่งวัน ไหวปี้ก็เตือนอีกครั้ง
เจียงหลี ขมวดคิ้ว “เดินต่อไป”


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์