เจียงหลีไม่สนใจเขา
ไหวปี้กลับถาม “พระมหาอินฮู ช่วงนี้ท่านได้พบเจอลูกศิษย์ของวังเวิ่นฉิงบ้างหรือไม่ หรือท่านมากับกลุ่มอำนาจอื่นหรือ”
พระมหาอินฮูส่ายหน้า “อาตมาช่างอับโชคยิ่งนัก ตั้งแต่เข้ามา ไม่เคยเจอใครเลย”
ไหวปี้รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย และนางเป็นห่วงศิษย์ร่วมสำนักนางจริงๆ
ทว่า จะวิตกกังวลในตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
ถูกวิญญาณร้ายไล่ตามไปตลอดทาง ไหวปี้พูดอย่างโกรธเคือง “ไอ้พวกนี้ เมื่อไหร่จะหยุดกัน พวกมันพยายามจะทำอะไร พวกมันจะบีบบังคับพวกเราไปถึงไหน”
“อย่างไรคำถามก็มีคำตอบเสมอ เทพธิดาไหวปี้อย่าฉุนเฉียวไป” พระมหาอินฮูจิตใจสงบนิ่งดีมาก
เขาถูกไล่ล่าตลอดทาง แต่เขาไม่ได้ฉุนเฉียวหรือร้อนรนใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“มีคนอยู่ข้างหน้า” ทันใดนั้นเจียงหลีเตือนขึ้น
พระมหาอินฮูกับไหวปี้เงยหน้าขึ้นพร้อมกัน และพวกเขาเห็นกลุ่มวิญญาณชั่วร้ายมาบรรจบกันที่ข้างหน้าด้านขวาพวกเจียงหลี และคนสองคนกำลังไล่ตามอยู่ข้างหน้าพวกนาง
“ใช่! เป็นพระสงห์แห่งสำนักฝัวหมัวเรานั่นเอง!” อินฮูมองไป ทำให้เขารับรู้ถึงบุคคลที่มา พร้อมยิ้มออกมาทันที
“ทางนี้! ทางนี้!” อินฮูโบกมือให้ทั้งสอง
อีกฝ่ายก็พบเขาเช่นกัน และรีบมาหาเขาอย่างไม่รีรอ
ไหวปี้ส่ายหน้าแล้วพูดอย่างโกรธเคืองว่า “ท่านพบสหายแล้ว แทนที่จะไปรวมตัวกับพวกเขา กลับเรียกพวกเขามาที่นี่ พระมหาอินฮูบ้า ท่านคิดว่าวิญญาณร้ายที่ไล่ตามเรายังมีไม่มากพอ อหรือ”
“เทพธิดาไหวปี้คิดเช่นนี้ได้อย่างไร อาตมาเรียกศิษย์น้องมา เพื่อปกป้องเทพธิดาทั้งสองต่างหาก!” พระมหาอินฮูกล่าวอย่างไร้ยางอาย
พูดไปเพียงไม่กี่ประโยค พระมหาอีกสองรูปแห่งสำนักฝัวหมัวมาถึงแล้ว เมื่อเห็นพระมหาอินฮู พวกเขาก็เบิกบานด้วยความดีใจ
ทั้งสามคนแลกเปลี่ยนคำทักทายเรียบง่าย จากนั้นจึงเร่งพลังวิ่งต่อไป และกลุ่มวิญญาณชั่วร้ายที่อยู่ข้างหลังพวกเขาก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และจำนวนก็ทำให้ทึ่งมาก
“วิญญาณชั่วร้ายเหล่านี้มาที่นี่เพื่อเร่งความเร็วของเราหรือไม่” ไหวปี้อดไม่ได้ที่จะบ่น นางหมดแรง แต่นางไม่กล้าหยุด นางทำได้เพียงจับดาบวิญญาณด้วยมือทั้งสอง และเติมพลังว วิญญาณของนางอย่างต่อเนื่อง
“หือ บางทีเทพธิดาไหวปี้อาจจะบังเอิญเจอความจริงก็ได้” ใบหน้าอ่อนเยาว์ของอินฮูโผล่ขึ้นมา
ไหวปี้มองบนใส่เขาและตอบอย่างไม่สุภาพว่า “ทำไมอะไรก็ท่าน ข้าถามท่านหรือ”
อินฮูไม่สนใจน้ำเสียงแย่ๆ ของไหวปี้ เขายิ้มและพูดว่า “อาตมาเห็นว่าเทพธิดาฮวงเสิน ไม่สนใจสีกา กลัวว่าสีกาจะเสียหน้า จึงใจดีช่วยเหลือ”
“ใครให้ท่านมาสนใจ! นางจะสนหรือไม่สนใจข้า เกี่ยวอะไรกับท่าน” ไหวปี้โดนจี้ใจดำ และความโกรธในอกก็พุ่งเข้าหาพระมหาอินฮูโดยตรง
“ทำไมเทพธิดาไหวปี้ถึงโกรธนัก ใจเย็นๆ สุข โกรธ เศร้า บ่น เพิกเฉยและความเขลา นั่นเป็นเพียงเรื่องไร้สาระและเป็นต้นตอของปัญหา ปล่อยวางเถิดแล้วจะสบายใจ” พระมหาอินฮูโน้มน้าว วไหวปี้ให้ปล่อยวาง
“เจ้าสองคนว่างมากสินะ!” เจียงหลีที่ฟังการทะเลาะวิวาทกันของทั้งสองคนตลอดทาง อดไม่ได้เอ่ยขัดขึ้น
“สบายเหลือเกิน” พระมหาอินฮูยิ้มและเงียบปากอย่างเชื่อฟัง
หลังจากที่ไหวปี้จ้องไปที่เขาอย่างดุเดือด ก็หยุดพูด
วิญญาณชั่วร้ายปรากฏรอบตัวทั้งห้าคนมากขึ้นเรื่อยๆ และไม่มีใครรู้ว่าวิญญาณชั่วร้ายเหล่านี้จะไล่ไปที่ใด
หลังจากวิ่งมาหนึ่งวัน แม้แต่เจียงหลีก็เริ่มดูดซับพลังวิญญาณในผลึกหินวิญญาณ ระหว่างที่กำลังเติมพลัง ในที่สุดพวกเขาก็ได้พบกับพรรคพวกอีกครั้ง
“พี่ใหญ่!”

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์