ในบรรดาคนที่ปรากฎตัวขึ้นอีกครั้ง ทั้งห้าคนล้วนแต่สวมชุดผ้าไหมสีขาว
มีเพียงคนเดียวที่ชุดขาวบนตัวส่องแสงรำไร ออกมา
“เป็นคนของวังเทียนอู่กงและคนของพวกเรา!” เจียงเฮ่าหรี่ตาแล้วพูดขึ้น
เจียงหลียิ้ม ยังถือว่าโชคดีที่คนที่เจอระหว่างทางส่วนมากเป็นคนที่นางอยากเจอ
“คนของวังเทียนอู่กงทั้งห้าคนตามมาทันแล้ว โชคดีจริงๆ” พระมหาอินฮูลูบที่หัวกลมๆ ของตนเอง แล้วพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“เจียงหลี!”
ในขบวนของวังเทียนอู่กง กงเสวี่ยฮวาก็เห็นเจียงหลีแล้วเหมือนกัน เขาเผยรอยยิ้มที่ดีใจออกมาแล้วพาคนเข้าไปหา
“ไป๋หลี่เฟิ่ง เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม”
คนที่อยู่กับคนของวังเทียนอู่กงคือไป๋หลี่เฟิ่ง เขาปฏิบัติต่อความห่วงใยของเจียงเฮ่าด้วยการพยักหน้าโดยที่ไม่ได้พูดอะไร แล้วก็เดินไปด้วยกันกับพวกเขา
“หลบๆ ขอทางหน่อย” พอกงเสวี่ยฮวามา เขาก็เบียดหันเหยากวงที่อยู่ข้างๆ เจียงหลี
หันเหยากวงไม่ได้พูดอะไร เขาถอยไปก้าวหนึ่งแล้วเดินอยู่กับไป๋หลี่เฟิ่ง
“ช่วงนี้เจ้าดูไม่เลวเลยหนิ” เจียงหลีมองกงเสวี่ยฮวาอย่างรวดเร็ว แล้วพูดจาหยอกเย้า
สีหน้าของกงเสวี่ยฮวาเปลี่ยนไป แล้วเริ่มพูดบ่นทันที “ไม่เลวอะไรล่ะ ข้าถูกวิญญาณเหล่านี้ก่อกวน ข้าคิดว่าเกือบจะไม่ได้เจอเจ้าแล้ว”
เจียงหลีส่ายหน้า แล้วมองเขาด้วยใบหน้าเมินเฉย “พอ! เล่นบทเศร้าแบบนี้ไม่เหมาะกับเจ้าเลย”
ถูกเจียงหลีตะโกนใส่ กงเสวี่ยฮวาเบะปาก แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
“รู้หรือไม่ว่าตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไร” เจียงหลีถามกงเสวี่ยฮวาเบาๆ
พูดถึงสถานการณ์ในตอนนี้ กงเสวี่ยฮวาก็เคร่งขรึมขึ้นมา “ไม่รู้สิ มีบางอย่างผิดปกติ การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เริ่มขึ้นก่อนกำหนด อีกทั้งยังไม่เหมือนกันกับครั้งก่อนๆ”
คำพูดของเขาทำให้เจียงหลีแววตาเปล่งประกาย “ดูแล้วเจ้าก็รู้ความจริงบางอย่างอยู่บ้าง”
ไร้สาระ!
กงเสวี่ยฮวามองบนใส่นาง แล้วรีบพูดอย่างอวดดีว่า “ถึงอย่างไรวังเทียนอู่กงของข้าก็เป็นกลุ่มอำนาจระดับสูงเหมือนกัน อยู่มานานขนาดนี้ ก็มีลูกศิษย์มากมายที่เข้ามาฝึกฝน พ่ อของข้าน่ะเป็นคนที่ฉลาดมาก ทุกครั้งที่ลูกศิษย์กลับมาจากการฝึกฝน ก็จะให้บันทึกการฝึกฝนทั้งหมดอย่างละเอียด อะไรที่เป็นประโยชน์ก็บันทึกไว้ แล้วให้ลูกศิษย์รุ่นหลังฝึกฝน”
เจียงหลีเผลอยิ้มออกมา
ดูออกเลยว่าความสัมพันธ์ของเขากับพ่อนั้นสนิทกันมาก ถ้าไม่เช่นนั้นจะมีลูกที่ไหนบอกว่าพ่อของตัวเองฉลาดเล่า
“ดังนั้นเหตุการณ์ในตอนนี้ในบันทึกวังเทียนอู่กงของพวกเจ้าไม่มีรึ” เจียงหลีถาม
กงเสวี่ยฮวาพยักหน้า สีหน้าของเขาเป็นกังวลเล็กน้อย “ดูแล้ววิญญาณชั่วร้ายในดินแดนผนึกมารแห่งนี้ก็เริ่มเปลี่ยนไปแล้วเช่นกัน”
“เริ่มเปลี่ยนไปแล้วที่เจ้าว่าหมายถึงอะไร” เจียงเฮ่าถาม
กงเสวี่ยฮวาขมวดคิ้ว “ก่อนหน้านี้พวกเจ้าได้เข้ามาในหลุมพรางของวิญญาณร้ายอย่างไม่ชอบมาพากลหรือไม่”
ทุกคนที่ได้ยินคำพูดของเขา ต่างก็นิ่งไปตามๆ กัน
แม้ว่าจะไม่มีใครพูดอะไร แต่สีหน้าของทุกคนได้บอกทุกอย่างชัดเจนแล้ว
เจียงหลีหรี่ตาทั้งสองข้างลงแล้วนึกถึงตอนนั้นที่เจอกับฉินเทียนอี
“เหตุการณ์แบบนี้ก็ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในบันทึกครั้งก่อนๆ วิญญาณร้ายล้วนแต่ต่อสู้เพียงลำพัง ไม่ว่าพวกมันจะชั่วร้ายเพียงใด ก็เป็นเพียงแค่วิญญาณที่กิเลสหนา นึกไม่ถึงว่าพวก มันจะใช้กลอุบายเป็น แล้วยังสามารถร่วมกันรับมือกับพวกเรา นี่มันหมายถึง……”
ทันใดนั้น เสียงของกงเสวี่ยฮวาก็หยุดลง
“หมายถึงอะไร” พระสำนักฝัวหมัวคนหนึ่งกำลังฟังอย่างตั้งใจ เห็นว่าจู่ๆ เขาหยุดพูดเลยถามขึ้นมา
“หมายถึงวิญญาณร้ายเหล่านี้เริ่มมีสติปัญญาแล้ว” เจียงหลีพูดแทนกงเสวี่ยฮวาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
กงเสวี่ยฮวาพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์