“อาตมาเคยเจอในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์มาก่อน สิ่งนี้เรียกว่าอาณาเขตจื๋อจั้ง” พระมหาอินฮูค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองม่านใสนี้ด้วยสีหน้าสับสน
“อิสระไร้ขอบเขต”
ด้านหลังของเขามีลูกศิษย์สำนักฝัวหมัวอยู่สี่คน พวกเขาล้วนแต่พากันหลับตาพนมมือ แล้วท่องอะไรบางอย่าง เหมือนว่ากำลังสวดมนต์ก็มิปาน
เหตุการณ์ที่แปลกประหลาดนี้ คนของฮวงเสินและวังเทียนอู่กงเห็นแล้วก็ไม่เข้าใจ
“พระมหาอินฮู ลูกศิษย์สำนักเดียวกันกับท่านเหล่านี้กำลังสวดอะไรรึ” กงเสวี่ยฮวาถามด้วยความสงสัย
“คาถาสุขาวดี” พระมหาอินฮูตอบคำถามของกงเสวี่ยฮวา แต่สายตายังมองม่านใสอยู่
คาถาสุขาวดีสามารถปลดปล่อยวิญญาณร้ายได้
ความรู้ทั่วไปนี้เป็นเรื่องที่ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็รู้ เพียงแต่สำหรับคนที่ฝึกฝนพลังนั้นไม่กลัวผีสางหรือเทพเจ้า ดังนั้นเหล่าลูกศิษย์ของวังเทียนอู่กงเลยหัวเราะเยาะคำ ำพูดของพระมหาอินฮูเบาๆ
ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะที่ไม่เชื่อ พระมหาอินฮูก็ไม่ได้แสดงความไม่พอใจอะไรออกมา เพียงแต่แววตากลับยิ่งเคร่งขรึมมากขึ้น
ตอนนี้ได้มีเสียงฝีเท้าดังลอยมา
พวกเจียงหลีเงยหน้ามองไปก็เห็นไหวปี้และลูกศิษย์วังเวิ่นฉิงสามคนที่เหลือกำลังเดินมุ่งหน้ามาหาด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก
ก็อย่างว่าถูกขังอยู่ที่นี่อย่างพิลึก ใครจะไปอารมณ์ดีได้
เจียงหลีมองพวกไหวปี้ไม่นาน แล้วนางก็กลับไปมองพระมหาอินฮูแล้วถามว่า “อาณาเขตจื๋อจั้งที่ท่านพูดเมื่อครู่นี้คืออะไร”
พระมหาอินฮูตอบว่า “อาณาเขตจื๋อจั้งที่ว่าก็คือการหลอมรวมของกิเลสที่แพร่การกระจายอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดม่านใสนี้”
“ในเมื่อท่านรู้ว่ามันคืออะไร แล้วรู้วิธีทำลายมันหรือไม่” หันเหยากวงถามขึ้น
พระมหาอินฮูพยักหน้า แล้วก็ส่ายหน้า
ทำให้ผู้คนต่างไม่เข้าใจ กงเสวี่ยฮวาทนไม่ไหวเลยพูดแขวะเขา “เดี๋ยวท่านก็พยักหน้า เดี๋ยวท่านก็ส่ายหน้า สรุปท่านรู้หรือไม่รู้กันแน่”
“รู้ แต่ทำไม่ได้ เช่นนั้นแล้วมันต่างอะไรกันกับไม่รู้ล่ะ” พระมหาอินฮูหันไปมองเขาด้วยท่าทางที่สงบนิ่งเช่นเดิม
“ท่านก็บอกวิธีมา พวกเราจะได้ช่วยกันคิด” เจียงหลีพูด
“ใช่แล้ว! ท่านทำไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าพวกเราทำไม่ได้! คนเยอะขนาดนี้ ช่วยๆ กันคิด อย่างไรก็ดีกว่าคิดหนักอยู่คนเดียว” กงเสวี่ยฮวาพูดเสริมขึ้นมา
พระมหาอินฮูยิ้ม “อยากจะทำลายอาณาเขตจื๋อจั้ง เช่นนั้นก็ต้องมีจิตใจที่ไร้ซึ่งกิเลสตัณหา”
ในขณะที่ทุกคนเงียบไป พระมหาอินฮูยิ้มสดใสมากขึ้น “เมื่อครู่นี้พวกเจ้าก็ได้ลองดูแล้ว รสชาติของการที่ถูกกิเลสครอบงำเป็นอย่างไร”
“…”
“…”
คำพูดนี้ทำให้เจียงเฮ่าและกงเสวี่ยฮวาที่โดนมากับตัวเองสีหน้าไม่สู้ดีนัก
ความรู้สึกแบบนั้น ทั้งชีวิตนี้ของพวกเขาก็ไม่คิดอยากจะลองอีก
“จิตใจ…” เจียงหลีพูดพึมพำ
“เช่นนั้น…ถ้าพวกเราถูกขังอยู่ที่นี่ แล้วจะเป็นอย่างไร” ไหวปี้มองซ้ายมองขวาแล้วถามขึ้นมา
แต่ครั้งนี้พระหมาอินฮูกลับส่ายหน้า “ไม่รู้ ใครจะรู้ว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นจะทำอะไรกับพวกเราล่ะ”
“ข้าไม่เชื่อว่าจะออกไปไม่ได้!” หันเหยากวงส่งเสียงแสดงความไม่พอใจ แล้วโจมตีใส่ม่านใสอีกครั้ง ลูกศิษย์ของวังเทียนอู่กงทั้งสามคนนั้นต่างก็พากันโจมตีเช่นกัน
จิตใจอะไรกัน ซับซ้อนเกินไปแล้ว
สิ่งที่พวกเขาเชื่อถือที่สุดก็คือพลังของตัวเอง
แต่น่าเสียดาย ไม่ว่าจะโจมตีเท่าไหร่ ม่านใสก็ไม่ได้รับความเสียหายใดๆ เลย
ในตอนนี้เจียงหลีเดินไปข้างๆ พระมหาอินฮู แล้วถามด้วยรอยยิ้มหยอกเย้าว่า “ที่ท่านทั้งหลายสวดคาถาสุขาวดีอยู่ตรงนี้ก็เพื่ออยากจะปลดปล่อยวิญญาณคนตายที่ยังไม่ละซึ่งกิเลสใช่ห หรือไม่”
พระมหาอินฮูยิ้มตาหยีแล้วตอบว่า “ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ได้ผล แต่ก็ถือว่าเป็นความสบายใจก็แล้วกัน”
เจียงหลียิ้ม แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
ปลดปล่อยจิตใจที่มีกิเลสครอบงำ



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์