ในตอนนี้คนที่ยืนอยู่ฝั่งนี้นอกจากเจียงหลีแล้ว ก็มีเพียงเจียงเฮ่า ไป๋หลี่เฟิ่ง กงเสวี่ยฮวา แล้วก็…พระลูกศิษย์ของสำนักฝัวหมัวทั้งห้า
สายตาของเจียงหลีและคนอื่นๆ มองไปยังพระมหาอินฮูและพรรคพวก
ไหวปี้มองคนของสำนักฝัวหมัวด้วยความระแวดระวัง แล้วเดินมายืนอยู่ข้างๆ เจียงหลี
กงเสวี่ยฮวายิ้มเยาะ “พระมหาอินฮู เพราะเหตุใดคนของพวกเราล้วนแต่ได้รับความเสียหายกันหมด ยกเว้นคนสำนักฝัวหมัวของท่าน”
หลังจากที่แสงสีทองจากไกลๆ ลงมาสู่พื้น ก็ปรากฏร่างของคนสำนักหลีหุนจงและป้อมปราการ
เฟยอวิ๋นทั้งแปดคน
พระมหาอินฮูมองคนของป้อมปราการเฟยอวิ๋น แล้วยิ้มอย่างไม่มีพิษภัย “คนของป้อมปราการ
เฟยอวิ๋นก็ไม่มีใครบาดเจ็บไม่ใช่รึ”
คำพูดนี้ของเขา ทำให้อวิ๋นซู่ส่งเสียงแสดงความไม่พอใจออกมา
คนของสำนักหลีหุนจงทั้งสามมองตากันด้วยสีหน้าอึมครึม หนึ่งคนในนั้นพูดขึ้นด้วยความเคร่งขรึมว่า “ชวีหยางเข้าสู่การเป็นมาร เขาจะฆ่าพวกเรา คนของป้อมปราการเฟยอวิ๋นและพวกเราจึงร่วมมือกันฆ่าเขา”
กงเสวี่ยฮวายิ้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ “อัยหยา เข้าสู่การเป็นมารนั่นเอง! บังเอิญนนัก ฝั่งพวกเราทางนี้ก็มีบางคนที่เข้าสู่การเป็นมาร ตอนนี้ล้ วนยังมีชีวิตรอดกันอยู่ เพียงแต่สลบไปบ้างเท่านั้น…”
คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความถากถาง ยิ่งไปกว่านั้นคือมีความยั่วยุ
อวิ๋นซู่แววตาดุดัน น้ำเสียงเย็นชา “กงเสวี่ยฮวา ถ้าหากว่าเจ้าอยากตาย ข้าสงเคราะห์ให้ได้”
“นอกจากเจ้าจะพูดเป็นแต่คำพวกนี้ พูดอย่างอื่นเป็นไหม” กงเสวี่ยฮวาแคะหูด้วยความรำคาญ
บรรยากาศทั้งสองฝ่ายตึงเครียดขึ้นมาทันที คนฝั่งนี้ของป้อมปราการเฟยอวิ๋นล้วนแต่จ้องกง
เสวี่ยฮวาตาเขม็ง เหมือนไม่ค่อยเข้าใจว่าตอนนี้วังเทียนอู่กงก็เหลือเขาแค่คนเดียวแล้ว ทำไมถึงยังกล้าพูดจาถากถางเช่นนี้
“ฮวาฮวา” เจียงหลีเรียก
ได้ยินเสียงของเจียงหลี กงเสวี่ยฮวาก็รีบเก็บสีหน้าหาเรื่องทันที แล้วเดินกลับไปอยู่ข้างๆ นางแต่โดยดี
สายตาที่เย็นชาคู่นั้นของอวิ๋นซู่มองเจียงหลีอย่างไม่ได้ตั้งใจ แล้วก็ไม่ได้พูดอะไร
เจียงเฮ่ามองพระมหาอินฮูด้วยสายตาที่เฉียบคมดุจดาบ “พระคุณท่าน ช่วยอธิบายให้พวกเราเข้าใจได้หรือไม่”
พระมหาอินฮูยิ้มเล็กน้อย และสงบนิ่งเป็นอย่างมาก “อาตมาและพระรูปอื่นๆ จิตใจไม่มีความโกรธและไร้ซึ่งกิเลสตัณหา ก็เป็นธรรมดาที่จะไม่เป็นอะไร”
“โกหก!” กงเสวี่ยฮวาเหยียดหยามเป็นคนแรกเลย “พวกท่านก็ฝึกวิชามารด้วยนี่นา!”
แต่ทว่าพระมหาอินฮูกลับตอบโต้เขาด้วยการไม่สนใจ แล้วยิ้มอย่างสงบนิ่งมากขึ้น “ใช่แล้ว พวกเรายังฝึกวิชามารด้วย ในเมื่อข้าก็เป็นมารแล้ว แ แล้วจะเข้าสู่การเป็นมารได้อย่างไร”
“…”
ทุกคนต่างนิ่งไป เหมือนว่าคำพูดนี้ของพระมหาอินฮูจะหาเหตุผลมาโต้แย้งไม่ได้
แม้แต่อวิ๋นซู่ก็มองพระมหาอินฮูอยู่เงียบๆ เหมือนว่ากำลังวิเคราะห์ข้อเท็จจริงจากคำพูดนี้ของเขาอยู่
“ไม่ใช่ว่าพวกเราจะไม่เป็นอะไร” พระมหาอินฮูเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที
ผู้คนขมวดคิ้ว
เพียงแต่ยังไม่ทันได้ถาม เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดของสำนักฝัวหมัวฝั่งนั้นก็เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
อ้ากกก! ย๊าา! เสียงร้องที่เต็มไปด้วยป่าเถื่อนดังออกมาจากปากของลูกศิษย์สำนักฝัวหมัวคนหนึ่ง
ผู้คนต่างพากันถอยหลังอย่างระแวดระวัง
แต่พระมหาอินฮูกลับยังยืนอยู่ที่เดิม แล้วพนมมือด้วยสีหน้าสงบ “ศิษย์น้องบำเพ็ญไม่ถึงที่สุดจริงๆ! ข้าเพิ่งจะพูดจบ เจ้าไว้หน้าข้าหน่อยได้ หรือไม่”
“ข้าจะฆ่าเจ้า!” ลูกศิษย์ของสำนักฝัวหมัวคนนั้นหันมามองพระมหาอินฮูทันที ดวงตาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยเส้นเลือดและความโกรธ
ตู้มม!
VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์