บ่าวรับใช้ที่ยืนอยู่ข้างๆ นางส่ายหัวอย่างช้าๆ แล้วหลบตา
ทำให้มู่หว่านโหรวหน้านิ่วคิ้วขมวด “ไปสืบมาใหม่”
“พ่ะย่ะค่ะ องค์หญิง” บ่าวรับใช้รีบถอยออกมาอย่างเงียบๆ
ถึงแม้ว่าการเคลื่อนไหวของทางนี้จะน้อยมาก แต่ก็ไม่พ้นสายตาของเฮ่อเหลียนเฟิง อู๋เชียน หนานอู๋เฮิ่น และคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ด้วยกันกับมู่หว่านโหรว ในใจของพวกเขาต่างก็สงสัย แต่ก็มั่นใจแล้วว่าองค์หญิงอันผิงมาที่งานประลองชิงเจียวแห่งเมืองซูหนานด้วยตัวเอง แท้จริงแล้วนางมาเพื่อใครบางคน แต่ทว่าคนคนนั้นคือใคร หรือจะเป็นลู่เจี้ย นายน้อยตระกูลลู่ที่หมั้นหมายกับนาง ข้อนี้ความเป็นไปได้ไม่ค่อยมากนัก ถ้าหากมู่หว่านโหรวอยากเจอลู่เจี้ยก็ต้องรองั้นหรือ ลู่เจี้ยก็อยู่ในจวนตระกูลลู่ ไปหาเลยก็ได้ แต่ว่าก่อนหน้านี้มีคนเสนอให้นางเข้าพบลู่เจี้ย นางก็ปฏิเสธด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและห่างเหิน
ในเมื่อไม่ใช่ลู่เจี้ย ถ้าเช่นนั้นเป็นใครกัน ใครกันที่องค์หญิงอันผิงให้ความสำคัญมากจนกระทั่งระยะทางไกลเพียงใดก็เดินทางมาเมืองซูหนานเพื่อเข้าร่วม ถ้าหากเป็นผู้ชายล่ะก็…
เฮ้อ เฮ่อเหลียนเฟิงและอู๋เชียนส่งสายตากันอย่างลับๆ แล้วเก็บเรื่องที่คาดเดาไว้ในใจ โธ่ นายน้อยลู่ดีขนาดนี้ แต่กลับยังห้ามคนรักไม่ให้นอกใจไม่ได้
จะมีเพียงหนานอู๋เฮิ่นเท่านั้นที่ชายตามองมู่หว่านโหรวด้วยความเฉยเมย ยิ้มเล็กน้อย ไม่พูดอันใด
มู่หว่านโหรวรับรู้ได้ถึงการถูกทั้งสามคนจับสังเกต แต่ก็ไม่สนใจและไม่ได้อธิบายอะไร นางยังคงเยือกเย็นดั่งลมหนาวในฤดูใบไม้ร่วง ไม่สนใจว่าใครจะมองอย่างไร
“ท่านเจ้าเมือง ระหว่างสองคนนั้น มีเรื่องอันใดใช่ไหม” หนานอู๋เฮิ่นยกมือทันทีแล้วชี้ไปที่เย่ว์หนานซีและเจียงหลีที่อยู่ท่ามกลางผู้คนด้านล่าง ตอนนี้เย่ว์หนานซีได้นำคนตระกูลเย่ว์เดินมาอยู่ตรงหน้าเจียงหลี
พอเฮ่อเหลียนเฟิงมองก็หัวเราะออกมาทันทีราวกับเป็นเรื่องตลก เล่าเรื่องความขัดแย้งกันระหว่างตระกูลเย่ว์และเจียงหลี “ผู้หญิงคนนี้คือลูกสาวของเจียงหลีเฟิง ด้วยความเมตตาของฝ่าบาท จึงอภัยโทษให้กับลูกสาวตระกูลเจียง”
ในขณะที่เขาเล่าความจริง เย่ว์หนานซียืนอยู่ตรงหน้าเจียงหลี เขาหัวเราะด้วยความเหยียดหยาม ความเกลียดชังที่ถูกปิดบังไว้ในสายตาของเขา “อย่างเจ้าน่ะเหรอ มีคุณสมบัติมากพอที่จะเดินมาอยู่ตรงหน้าข้า”
เจียงหลียิ้มมุมปาก ไม่สนใจคำพูดที่ถือดีของเขา ชายตามองไปตรงที่เจียงอวี๋ยืนอยู่ หัวเราะแล้วพูดฉีกหน้าเขาว่า “เจียงอวี๋ยังสบายดีอยู่ไหม”
พูดถึงเจียงอวี๋ แววตาเย่ว์หนานซีก็เปลี่ยนไป เกิดความหม่นหมองขึ้นในใจ เจียงอวี๋และแม่ของนางถูกไล่ออกจากตระกูลเย่ว์ ตอนเขาสลบไป รอเขาตื่นขึ้นมา หลังจากรู้เรื่องนี้ก็สั่งให้คนไปตามหา แต่กลับไม่ได้ข่าวคราวอะไร
เขาก็ชอบเจียงอวี๋อยู่บ้าง ไม่ใช่ว่าไม่ชอบเลย ยิ่งไปกว่านั้นท่านพ่อยังนำข่าวที่เขานัดประลองกับเจียงหลีกลับมา ตอนนี้ทันทีที่เจียงหลีพูดขึ้นมา ก็เหมือนดั่งเสี้ยนหนามทิ่มแทงหัวใจเขา
ความทุกข์ในแววตาของเขา เจียงหลีเห็นแล้ว เขายิ่งทุกข์มากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งยิ้มได้อย่างมีความสุขมากเท่านั้น ทันใดนั้นนางเพ่งสายตาไปที่เจียงอวี๋ยืนอยู่แล้วเงยหน้าขึ้น สบตาเย่ว์หนานซีเพื่อบอกเป็นนัย ท่าทางของนาง ทำให้เจียงอวี๋ที่อยู่ไกลๆ แข็งทื่อไปทั้งตัว
โดยเฉพาะตอนที่เย่ว์หนานซีหันมองมาด้วยความสงสัย นางยิ่งแทบอยากจะมุดดินหนีฃ นางก็อยากเจอเย่ว์หนานซี แต่ก็ไม่ใช่ในเวลาแบบนี้
“อวี๋เอ่อร์ เจ้าเป็นอะไร ไม่สบายหรือ” ลั่วเทียนเจียวถามด้วยความห่วงใย
“ข้า ข้าไม่เป็นอะไร” เจียงอวี๋ก้มหน้าลงหลบสายตาของเย่ว์หนานซี ในใจกลัวเป็นอย่างมาก
เวลานี้ สีหน้าของนางเหอซื่อเปลี่ยนไป เรื่องนี้ก็ยากจะปิดบังเอาไว้
นางรู้ว่าเย่ว์หนานซีต้องมาที่นี้ แต่คิดว่าคนเยอะเช่นนี้ เขาคงไม่เห็นตน ใครจะไปนึกถึงว่าทาสอย่างเจียงหลีจะทำร้ายแม่ลูกอย่างพวกนาง
“นี่ เย่ว์หนานซี คนรักของเจ้าอยู่ตรงโน้น ไม่เข้าไปคุยกันหน่อยหรือ จึ๊ๆ ดูคุณชายที่อยู่ข้างๆ นาง จะเอาใจนางเป็นอย่างมาก” เจียงหลีเห็นท่าทางตกใจของเจียงอวี๋ตอนที่เย่ว์หนานซีปรากฏตัว นางจึงหัวเราะขึ้นมา
น่าชังนัก!
เย่ว์หนานซีได้ยินคำพูดของเจียงหลี ตาก็จ้องเขม็งไปที่เจียงอวี๋ด้วยความโกรธ


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์