เว่ยจี๋พิงหลังกับกำแพงเย็นเฉียบของสุสาน สีหน้าขาวซีดและดูย่ำแย่ แล้วมองหลีด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร
ราวกับว่าตอนนี้เจียงหลีได้ทำสิ่งที่เขายกโทษให้นางไม่ได้
ปฏิกิริยาของเขาส่งผลให้เจียงหลีหัวเราะคิกคัก นางหันกลับมา เดินไปที่เตียงหิน และนั่งลงบนเตียงด้วยท่าทางเกียจคร้าน เท้าข้อศอกกับร่างของนาง และขาเรียวของนางก็เรียวยาวราวกับงูก็มิปาน
ส่วนโค้งเว้าที่สมบูรณ์แบบบนร่างกายของนาง ทุกตารางนิ้วเผยให้เห็นสิ่งล่อตาล่อใจ ซึ่งทำให้ผู้คนสูญเสียสติไปทีละนิดๆ ได้
นี่ช่างเป็นฉากที่ล่อใจมาก แต่ในสายตาของเว่ยจี๋ มันกลับทำให้เขาคลื่นไส้และขยะแขยง
เจียงหลีมีท่าทางอ้อยอิ่ง ดวงตาซ่อนแววเจ้าชู้ และใบหน้างดงามมีเสน่ห์ยั่วยวน ช่างดูประณีตดังภาพวาด
ทุกส่วนของร่างกายราวกับรังสรรค์มาจากสวรรค์ชั้นฟ้ามาอย่างดีที่สุด
ความงามของเจียงหลี เต็มไปด้วยคำว่า ไร้ที่ติ ภายใต้ผิวที่แกะสลักอย่างสวยงามมีกระดูกที่มีเสน่ห์ตามธรรมชาติซ่อนอยู่
“เจ้ามัวยืนอยู่ตรงนั้นทำไม ไม่อยากเป็นสามีภรรยากับข้าแล้วหรือ” เจียงหลีพูดอย่างเกียจคร้านด้วยรอยยิ้มที่มุมปากของนางเต็มไปด้วยแววหยอกล้อ
ดวงตาของเว่ยจี๋พลันมืดหม่น
ราวกับว่าเขาพยายามควบคุมจิตสังหารของตัวเองอยู่ และไม่อยากหลงกลของเจียงหลี
ใช่ นี่มันคือเล่ห์กล!
เว่ยจี๋มิใช่คนโง่เง่าเต่าตุ่น เขารู้ถึงความฉลาดและเจ้าเล่ห์ของเจียงหลีมาตั้งแต่ต้น ทั้งสองต่างหยั่งเชิงและชิงไหวชิงพริบกัน นี่เป็นข้อพิสูจน์ที่ดีเช่นกัน
ดังนั้น ในเวลานี้ เขายังรู้ด้วยว่าสิ่งที่เจียงหลีพูดและทุกอย่างที่นางทำคือการยั่วยุเขา
“เหอะ!”
เว่ยจี๋สบถเสียงเย็น แล้วเงาร่างก็ค่อยๆ หายเข้าไปในมุมกำแพง
ไปมาปุบปับ ทั้งยังไม่ลืมหอบเอาไหสุราที่เขาแย่งมาไปพร้อมกันด้วย
เว่ยจี๋ที่เพิ่งจากไป จู่ๆ ก็ชะงักค้าง ก่อนจะกัดฟันก่นด่า “ให้ตายสิ! ข้ายังไม่ทันทราบชื่อสุรานี่เลย”
ในสุสาน เว่ยจี๋ที่เพิ่งหายตัวไป จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งและถามด้วยใบหน้าที่เย็นชาว่า “แล้วชื่อล่ะ”
เจียงหลียังคงสงวนกิริยาท่าทางมีเสน่ห์น่าหลงใหลนั้น เมื่อได้ยินคำพูดของเขา นางก็หัวเราะยั่วยวน “เจียงหลี”
“ใครถามว่าเจ้าชื่ออะไร ข้าหมายถึงชื่อของมันต่างหาก” สายตาเว่ยจี๋เย็นชายิ่งกว่าเดิม เขามองเจียงหลีด้วยสายตาเหยียดหยัน แล้วยกไหเหล้าในมือขึ้นมา
ดวงตาของเจียงหลีเต็มไปด้วยความขี้เล่น คราวนี้ นางไม่ได้ผิดสัญญาอีกต่อไปและพูดชื่อสุรานั้นอย่างแผ่วเบา “อวี้ลู่เนี่ยง”
“อวี้ลู่เนี่ยงหรือ” เว่ยจี๋ท่องพึมพำชื่อสุรานั้นไม่หยุด จากนั้นก็หายไปต่อหน้าต่อตาเจียงหลี
หลังจากเขาจากไป เจียงหลีก็เก็บสีหน้าท่าทางยั่วยวน แล้วลุกขึ้นจากเตียงนั่งขัดสมาธิ เขาเกลียดผู้หญิงที่เข้าหาเขา… ดวงตาเจียงหลีประกายวูบไหว นางได้เบาะแสจากการกลับไปนึกถึงตอนที่กำลังหยั่งเชิงเว่ยจี๋มาเมื่อสักครู่นี้อย่างละเอียด
ขณะนี้ เจียงหลีมั่นใจว่าเว่ยจี๋เกลียดผู้หญิงเจ้าชู้ที่เข้ามายั่วยวนเขา แต่ทว่า ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกิเลสของเขาหรือไม่
“ความคลั่งรักของเว่ยจี๋ที่มีต่อน้ำเมา ความเกลียดชังผู้หญิง…” เจียงหลีขมวดคิ้ว “ไม่ถูกต้อง เขาไม่ได้เกลียดผู้หญิง แต่รู้สึกขยะแขยงผู้หญิงที่เข้ามายั่วเขาก่อนต่างหาก”
หลังจากครุ่นคิดพิจารณาอยู่นาน เจียงหลีก็ยังไม่ได้ข้อสรุป
สุดท้ายนางก็ได้แต่ลูบหน้าลูบตา แล้ววางเรื่องนี้เอาไว้ก่อน “เบาะแสน้อยมาก ไม่สามารถวิเคราะห์ได้เลย ได้แต่รอให้เขาออกมาปรากฏตัวอีกครั้ง แล้วค่อยคิดหนทางหาเบาะแส”
ถึงอย่างไร เว่ยจี๋ต้องไม่พูดตรงๆ แน่นอน
…
เจียงหลีต้องการรอให้เว่ยจี๋ปรากฏขึ้นอีกครั้งและทดสอบต่อไปว่ากิเลสของเขาคืออะไร


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์