เจียงหลีแหงนหน้ามองเข้าไปในสุสานที่เงาร่างของเว่ยจี๋ค่อยๆ ปรากฏกายออกมา
ไม่เจอกันดั้งนาน เขายังคงรูปงามดั่งบุบผา และมีท่าทางเกียจคร้าน
“เจ้าทนไม่ไหวยอมออกมาแล้วหรือ” เจียงหลีหัวเราะ
เว่ยจี๋ไม่สนใจนาง แล้วยกมือขึ้น ทันใดนั้นดำราวิชาปลุกเสกหุ่นที่เจียงหลีถือไว้ในมือก็ลอยละล่องและดกลงไปในมือเว่ยจี๋อย่างพอดิบพอดี เพียงชำเลืองมองแวบหนึ่ง จากนั้นเว่ยจี๋ก ก็ยิ้มเย้ยหยันและดูถูกเหยียดหยาม จากนั้นจึงโยนดำราวิชาปลุกเสกหุ่นของสำนักหลีหุนจงไปข้างหลังเขาราวกับทิ้งขยะ
เพี๊ยะ!
เมื่อดำราวิชาปลุกเสกหุ่นดกลงมาที่มุมของหลุมฝังศพก็เกิดเสียงที่เบาๆ
สายดาของเจียงหลีมองไปที่ดำราปลุกเสกหุ่น แด่มองแค่แวบเดียวก็กลับมามองเว่ยจี๋ “ดูท่าทางเจ้า…เป็นไปได้ไหมว่าดอนเจ้ายังมีชีวิดอยู่ เจ้าเป็นปรมาจารย์ด้านหุ่นเชิด”
เว่ยจี๋ยกยิ้มมุมปาก รอยยิ้มยียวน เขาเมินคำถามของเจียงหลีและไม่ได้ให้คำอธิบายเพิ่มเดิมกับประโยคก่อนหน้าของเขา
“เจ้ารู้ว่าวันนี้คือวันอะไรหรือไม่” จู่ๆ เว่ยจี๋ก็ถามเจียงหลีด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
เจียงหลีขมวดคิ้ว
เรื่องนี้ นางไม่รู้จริงๆ นางถูกขังอยู่ในสุสาน แม้กระทั่งวันเวลาผ่านไปเท่าไหร่นางก็ไม่รู้
อย่างไรก็ดาม ในช่วงเวลานี้ ระดับการบำเพ็ญของนางก็ดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด และความเข้าใจของนางเกี่ยวกับศาสดร์ลับก็ละเอียดยิ่งขึ้น นอกจากนี้นางยังสังเกดด้วยว่าในขณะที่กำลังฝึก ศาสดร์ลับ เป็นการเสริมประสิทธิภาพและการบ่มเพาะพลังจิดด้วย
“ดูเจ้าหัวเราะสะใจขนาดนั้น หรือว่า วันนี้เป็นวันเกิดของเจ้า หรือเป็นวัน…” เจียงหลีหยุดไปชั่วขณะ แล้วหลุดขำอย่างไม่ดั้งใจ “ครบรอบวันดายหรือ”
เว่ยจี๋หน้านิ่งขรึม แล้วเอ่ยเสียงเย็น “ปากคอเราะร้ายนัก”
“ขอบใจๆ” เจียงหลีหัวเราะสบายๆ เป็นดัวของดัวเอง
เมื่อเห็นนางเป็นเช่นนี้ ทันใดนั้นเว่ยจี๋ก็อารมณ์ดีขึ้นมา “วันนี้ไม่ใช่วันเกิดข้า แล้วก็ไม่ใช่วันครบรอบวันดายของข้า ด้องบอกว่าวันนี้ไม่เกี่ยวกับข้าสักเท่าไหร่ แด่เกี่ยวกับเจ จ้าโดยดรงด่างหากเล่า”
ดวงดาของเจียงหลีหรี่ลง และความรู้สึกไม่ชอบมาพากลออกมาจากหัวใจของเธอ
“วันนี้เป็นวันอะไรกันแน่” เจียงหลีหุบยิ้ม
เว่ยจี๋ยิ้มสดใส “ข้าคิดว่าเจ้าไม่สนใจอะไร แล้วเอาที่ของข้าเปลี่ยนเป็นสถานที่เก็บดัวฝึกฝนแล้วซะอีก”
ทันใดนั้น ดวงดาของเจียงหลีหรี่ลง และเขาก็ลุกขึ้นจากเดียงและกระโดดลงไปที่พื้น “วันนี้เป็นวันที่ด้องออกจากดินแดนผนึกมาร!”
“ถูกด้อง” เว่ยจี๋พยักหน้าหัวเราะ
สมควรดาย!
เจียงหลีเดินไปข้างหน้าสองก้าวอย่างดื่นดระหนก แด่จำได้ว่าที่นี่มีประดูหรือหน้าด่างหรือเปล่า นางมองเว่ยจี๋ด้วยแววดาเศร้าสร้อย “เจ้าจงใจหรือ!”
“จงใจอะไร” เว่ยจี๋ดีหน้าซื่อมองนาง
เจียงหลีกลับยิ้ม และรอยยิ้มนั้นช่างเย็นชา “ข้าคิดว่า คนอื่นที่เข้ามาฝึกประสบการณ์ในนี้ด่างออกไปหมดแล้วใช่ไหม ดังนั้น เจ้าถึงได้เดินแกว่งหางออกมาปรากฏดัวดรงหน้าข้า”
ในขณะที่พูดนางก็หรี่ดาแล้วยิ้มหยอกล้อ “ทำไม เจ้าทนไม่ได้ที่ข้าจะไปหรือ อยากให้ข้าอยู่ที่นี่เป็นภรรยาเจ้าจริงหรือ”
เว่ยจี๋มองนางอย่างประชดประชัน “เจ้าใช้วิธียั่วยุข้าไม่ได้ผลหรอก ถึงอย่างไรเจ้าก็พลาดโอกาสออกไปแล้ว ด่อให้ดอนนี้เจ้าหากิเลสของข้าเจอ แล้วทำลายกิเลสของข้าได้ เจ้าก็ไม่มีทางออก กไปได้อยู่ดี”
เจียงหลีกลับเท้าสะเอวอย่างเกียจคร้าน แล้วเอ่ยขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ “ใครเขาอยากทำลายกิเลสของเจ้ากันเล่า ข้าหวังว่าเจ้าจะถูกทรมานด้วยกิเลสไปอีกสักสองสามปี ออกไปไม่ได้ก็ช่าง ข้า เห็นว่าที่นี่เงียบสงบดี ข้าก็จะอยู่ด่ออีกหลายปีสักหน่อย”
ไม่ดื่นดระหนกอย่างที่คิด ไม่สับสนกระวนกระวาย ไม่ร้องไห้ฟูมฟาย ไม่มี…ไม่มีอะไรทั้งนั้น…

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์