“เกินไปแล้ว!”
“ยังมีกฎกติกาอยู่หรือไม่”
“…”
ผู้อาวุโสของกลุ่มอำนาจทั้งเจ็ด โกรธจนควันออกหู โกรธจนหน้าดำหน้าแดง
“ไป! ไปตามหาพวกไร้ยางอายพวกนี้มาตัดสิน!”
ผู้อาวุโสหลายกลุ่มอำนาจต่างมองหน้ากัน และตัดสินใจในใจทันที พวกเขาพร้อมใจกันไปด้วยกัน ที่ที่พวกเขาไปแห่งแรกก็คือป้อมปราการเฟยอวิ๋นหน้าด้านพวกนั้น
…
เมื่อได้เข้ามายังดินแดนผนึกมารอีกครั้ง เจียงเฮ่าและคนอื่นก็ไม่ได้หวาดระแวงขนาดนั้นเหมือนเมื่อก่อน ถึงแม้พวกเขาจะร่วงลงมายังสถานที่ที่แตกต่างกัน แต่ก็พร้อมใจกันมุ่งหน้าไปที่ จุดศูนย์กลาง เพราะตรงนั้นเป็นที่ที่ข่าวสารของเจียงหลีได้ขาดหายไป
และในขณะนั้นเอง เจียงหลีที่กำลังเล่าเรียนวิชาปลุกเสกหุ่นอย่างละเอียดลึกซึ้ง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่เข้าในดินแดนผนึกมารอีกครั้ง ครึ่งหนึ่งของคนที่เข้ามาก็เพื่อตัวนางเอง
เจียงเฮ่ากับคนอื่นๆ ไม่กี่คนไม่ว่า แต่นี่ยังมีคนของป้อมปราการเฟยอวิ๋นอีกสิบคนที่เข้ามาเพราะนาง
“นี่ ดินแดนผนึกมารเปิดขึ้นแล้ว หากเจ้ายังพลาดโอกาสนี้อีก เจ้าก็ต้องรอไปอีกหลายปีเลยเชียวนะ” เว่ยจี๋พิงกำแพงยกมือสองข้างขึ้นมากอดอก จึงทำให้ผิวขาวที่เคยซ่อนไว้เปิดเผยออก กมาชัดเจนเต็มสองตา
เจียงหลีช้อนสายตามองเขา แล้วก็หันไปสนใจศึกษาอัศวินเกราะทองอีกครั้ง แล้วเอ่ยเตือนเว่ยจี๋เสียวเรียบนิ่ง “ใจร้อนทำไม ยังเหลือเวลาอีกตั้งสองปีมิใช่หรือ”
“เหอะ” เว่ยจี๋หัวเราะเบาๆ แล้วหมุนตัวออกไป “ไม่มีสุราให้ดื่มแล้ว”
ทันใดนั้นเอง สุราไหหนึ่งก็ร่วงลงมาจากอากาศ เขาเอื้อมมือขึ้นไปแล้วรีบคว้าเอาไว้ให้มั่น ชักมือกลับมาแล้วเปิดฝาไหสุราออก เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเอ่ยขึ้นด้วยความมึนเมา “อืม! อวี้ลู่เนี่ยงยังคงหอมรัญจวนใจที่สุด”
“เช่นนั้นเจ้ากลั่นเหล้าได้หรือยัง” เสียงของเจียงหลีที่ดังมาจากข้างหลัง ดูเหมือนจะถามเรื่อยเปื่อยตามประสา
และเมื่อได้ยินคำพูดนี้ของนาง สีหน้าของเว่ยจี๋พลันเปลี่ยนไปทันที แววตาดำดิ่ง เขาหันขวับไปมองเจียงหลีที่กำลังศึกษาเจ้าหุ่นอัศวินเกราะทอง “เมื่อครู่นี้ เจ้าว่าอะไรนะ”
“ข้าพูดว่า…” เจียงหลีวางอุปกรณ์ในมือลง ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น พลิกตัวช้าๆ เพื่อเผชิญหน้ากับสีหน้ามืดครึ้มนั้นของเว่ยจี๋ แล้วยิ้มให้เป็นประกายสดใส “ข้ารู้แล้วว่ากิเลสของเจ้าค คือสิ่งใด”
“เป็นไปไม่ได้!” เว่ยจี๋รีบปฏิเสธพัลวัน
เจียงหลีพยักหน้า เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “แม้เจ้าจะปิดเสียมิด แม้เจ้าจะแสดงเหมือนรังเกียจสตรีที่มาเข้าใกล้ แต่ข้าก็ยังค้นพบกิเลสที่แท้จริงของเจ้าได้อยู่ดี”
เมื่อกล่าวจบ นางก็จ้องไปที่ใบหน้าของเว่ยจี๋ แล้วค่อยๆ เบนสายตามองไหเหล้าที่อยู่ในมือของเขา
เมื่อรับรู้ถึงสายตาที่เปลี่ยนไปของนาง อยู่ๆ เว่ยจี๋ก็หัวเราะออกมา “เจ้าคิดว่า กิเลสของข้าคือรักสุราเยี่ยงชีพหรือ”
“ไม่ใช่” เจียงหลีส่ายหน้า นางค่อยๆ ช้อนสายตา ดวงตาเป็นประกายของนางสบเข้ากับดวงตาหงส์คู่เรียวของเว่ยจี๋ “กิเลสของเจ้าก็คือ เจ้ากลั่นสุราไม่เป็นต่างหากเล่า”
เพ้ง!
ไหสุราในมือเว่ยจี๋ร่วงหล่นลงพื้น จนเกิดเสียงแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ทันใดนั้นกลิ่นหอมของสุราแผ่กระจายไปทั่วบริเวณ สุราหมักชั้นดีหอมรัญจวน ตอนนี้กลับทำให้ใบหน้างดงามดั่งภาพวา าดของเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสภาพบิดเบี้ยวเหยเก
ดูเหมือนเจียงหลีจะไม่เห็นใบหน้าเหยเกของเขาในตอนนี้แล้วพูดต่อไปว่า “เจ้ารักสุรา เข้าใจในสุรา ดังนั้น จึงมีสุราที่เจ้ารักจนไม่วางมือบนโลกนี้น้อยมาก เจ้าหวังมาตลอดว่าสามารถ ถลงมือหมักสุราด้วยตนเองออกมาหนึ่งชนิด ที่เปรียบเสมือนตัวเจ้าเองที่รูปงามมิมีใครเปรียบ ให้คนตกหลุมรักและถวิลหา แต่ทว่า เจ้ากลับคิดไม่ถึง เจ้าเป็นคนที่รู้จักและเข้าใจสุราเป็ นอย่างดี แต่ทำไมถึงหมักสุราไม่เป็นเอาเสียเลย ในขณะที่ใช้วิธีเดียวกัน แต่คนอื่นหมักและกลั่นออกมาเป็นสุรา แต่สิ่งที่เจ้าหมักออกมากลับเป็นเพียงแค่น้ำเน่าเสียเท่านั้น”
“เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้ หากเจ้ายังพูดต่อ ข้าจะฆ่าเจ้า!” ราวกับว่าเว่ยจี๋ได้รับความสะเทือนใจมากโข เขาจึงตวาดลั่นใส่เจียงหลีอย่างดุร้าย
เจียงหลีกลับไม่เกรงกลัวความตาย แล้วเอ่ยต่อไปว่า “ต่อให้เจ้าข้าฆ่าตาย ก็เปลี่ยนแปลงความจริงที่เจ้าหมักเหล้าไม่เป็นไม่ได้ เจ้าเป็นคนที่หยิ่งยโสแบบนั้น จะสามารถทนรับความพ่ายแพ้ อันใหญ่หลวงในชีวิตเช่นนี้ได้หรือ นานวันเข้าก็ค่อยๆ ก่อเป็นกิเลสหนา แต่ทว่า ยิ่งเจ้าอยากหมักสุราชั้นเลิศออกมามากเท่าไหร่ สุราที่เจ้าหมักก็ยิ่งมีรสชาติแย่มากเท่านั้น”



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์