ณ ทะเลสีดำ ร่างของอวิ๋นเซียวถูกกลืนหายไปในพริบตา
แต่ทันทีที่เขาถูกกดลง มีพลังหนึ่งได้ดึงเขาออกจากก้นทะเล
เจียงหลีสังเกตเห็นว่าหลังจากที่อวิ๋นเซียวออกมาจากก้นทะเล เขาก็อยู่ในสภาพหมดสติ
“หึ! คนของฮวงเสินช่างบังอาจนัก กล้าฆ่าคนของป้อมปราการเฟยอวิ๋นในที่สาธารณะได้ไม่อายฟ้าดิน” เสียงตะโกนเย็นชาที่น่าเกรงขามลอยออกมาจากฟากฟ้า
เจียงหลีลืมตาขึ้นมอง มีกลุ่มคนปรากฏตัวขึ้น ซึ่งล้วนแต่สวมเสื้อสีขาวและชุดคลุมสีน้ำเงิน
คนเดินนำแข็งแกร่งและทรงพลังนัก สามารถพูดได้ว่าอยู่ในระดับเดียวกับเสิ่นฉงศิษย์พี่ใหญ่ของนาง
หลิงหวง! เจียงหลีแอบพูดในใจ
พวกเจียงเฮ่ายืนอยู่ด้านหลัง และขณะนี้ เจียงหลีได้รับการคุมกันจากพวกเสิ่นฉงทั้งสาม เขาจึงไม่ต้องกังวล แต่ในฐานะพี่ชายแท้ๆ ของเจียงหลี เขากลับรู้สึกผิดอยู่บ้างในใจ
หากข้าแข็งแกร่งกว่านี้! แข็งแกร่งกว่านี้! ก็จะสามารถปกป้องอาหลีได้ด้วยตัวเอง! เจียงเฮ่ายังคงเงยหน้าขึ้นมองหลิงหวงของป้อมปราการเฟยอวิ๋นที่ปรากฏกายบนท้องฟ้า
หลังจากที่อวิ๋นเซียวขึ้นจากน้ำ เขาถูกโยนลงบนโขดหินทันที ศิษย์จากป้อมปราการเฟยอวิ๋นที่ยืนอยู่ข้างหลังมองไปทางโขดหินนั่น และมีเพียงหลิงหวงที่ยืนอยู่บนท้องฟ้า
อวิ๋นเซียวยังไม่ตาย เจียงหลีเหลือบมองโขดหินก็รู้ทันที แต่ก็ไม่เป็นไร ชีวิตของอวิ๋นเซียว วันหนึ่งวันใด นางปลดชีวิตเขาอย่างสง่าผ่าเผยได้แน่ และโอกาสที่เหมาะสมที่สุดคือวัน งานปาฐกถาเจ้าครองนคร
“ข้านึกว่าเป็นใครเสียอีก ที่แท้คือพี่พั่วเทียนนี่เอง” เสิ่นฉงยิ้มอย่างสุภาพ
คนรู้จักหรือ
เจียงหลีเหลือบมองเสิ่นฉงอย่างสงสัย
“อ่ะแฮ่ม ชายผู้นี้เคยพ่ายแพ้ให้กับศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าขณะที่อยู่ในระดับหลิงหวัง” ซีไหลป้องริมฝีปากไอเบาๆ และอธิบายให้เจียงหลีฟังด้วยเสียงทุ้มต่ำ
พ่ายแพ้ให้กับศิษย์พี่ใหญ่หรือ
สีหน้าของเจียงหลีแปลกไป
“แต่ก็ไม่ควรประมาท เขาเข้าสู่อาณาเขตหลิงหวงนานกว่าศิษย์พี่ใหญ่” คุนอู๋กระซิบ
เจียงหลีขมวดคิ้ว
ซีไหลคาดผิดไป คิดว่านางกังวลว่าเรื่องของวันนี้ไม่อาจจบลงได้ด้วยดี จึงยิ้มปลอบ “ไม่เป็นไรนะ เรื่องเล็กแค่นี้ ศิษย์พี่ทั้งสามรับมือไหว จากนี้ไป เจ้าออกไปข้างนอกได้โดยไม่ต้อ องกังวลเรื่องนี้อีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มีพวกเราสามคนช่วยจัดการให้เสมอ”
ฮะ!
เจียงหลีมองไปที่ซีไหลด้วยความประหลาดใจ
“ศิษย์น้องเล็ก ศิษย์พี่รองของเจ้าพูดถูก ไม่ว่าในวันข้างหน้าอยู่ข้างนอกใครกล้ารังแกเจ้าก็ตาม เจ้าสู้ไหวก็สู้ไป ฆ่าตายไปก็ไม่เป็นไร สู้ไม่ไหวก็ให้วิ่งหนี แล้วพวกพี่จะจัดการต ต่อเอง” คุนอู๋ก็พูดขึ้น
“พวกศิษย์พี่…” เจียงหลีอธิบายไม่ถูกเล็กน้อย สงสัยว่าทำไมศิษย์พี่ทั้งหลายถึงพูดคำพูดที่พลันรู้สึกตื้นตันใจเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม หากพูดว่าไม่ซาบซึ้ง ก็คงจะไม่จริง
ขณะที่ทั้งสามพูดเสียงเบา เสิ่นฉงและอวิ๋นพั่วเทียนเปิดสงครามน้ำลายใส่กันแล้ว
“เสิ่นฉง ในที่สุดเจ้าก็เต็มใจที่จะเข้าสู่อาณาเขตหวงสักทีนะ!” น้ำเสียงของอวิ๋นพั่วเทียนเต็มไปด้วยความประชดประชันจากบนท้องฟ้า
“เจ้าเข้าแล้ว ข้าจะไม่เข้าได้อย่างไร” เสิ่นฉงยิ้มกริ่มตอบกลับ
อวิ๋นพั่วเทียนไม่ได้โกรธ แต่กลับหัวเราะแทน “เกิดอะไรขึ้น ไม่ใช่ว่าเจ้าจะเข้าร่วมงานปาฐกถาเจ้าครองนครอีกรอบหรอกหรือ ตัดใจได้แล้ว และคิดว่าฮวงเสินอยู่ในกลุ่มอำนาจระดับกลาง ก็พอใจแล้วอย่างนั้นหรือ”
เสิ่นฉงมองเขาอย่างเห็นอกเห็นใจ “อวิ๋นพั่วเทียนเอ๋ยอวิ๋นพั่วเทียน ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเจ้าภูมิใจกับอะไร ตอนนั้นในงานปาฐกถาเจ้าครองนคร เจ้าพ่ายแพ้ให้กับข้า ถึงแม้ป้อมปราการเฟยอวิ นจะได้รับชัยชนะ ก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าเลย”
ใบหน้าของอวิ๋นพั่วเทียนหม่นหมองและพูดอย่างเย็นชา “หึ! มันเป็นการต่อสู้เพียงรอบเดียว และเจ้าแค่โชคดีเลยเอาชนะข้าได้ก็เท่านั้น”
“สู้กันจนเจ้ากระอักเลือด ลอยออกจากสนามประลอง ยังบอกว่าข้าโชคช่วยอย่างนั้นหรือ” เสิ่นฉงดูเหมือนจะตกใจมากและพยักหน้าด้วยความตื่นตระหนก “คำพูดที่ออกจากปากของคนป้อมปราการเฟยอว วิ๋น ช่างฟังดูไพเราะเสียจริง! แต่ขัดกับข้อเท็จจริงไปเสียหน่อย”

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์