เสิ่นฉงจำเวลาออกจากอาณาเขตหลิงอู่ของเจียงหลีกับคุนอู๋ได้ ก่อนที่พวกเขาจะออกมา จึงกลับมายังตำหนักเย่า แล้วเริ่มกลั่นสุราของเขาต่อ
เว่ยจี๋ก็มองด้วยความสนใจอย่างมาก และไม่รู้ว่ามองสุรากลั่นหรือว่ามองคนกันแน่
ในที่สุด เมื่อเจียงหลีกับคุนอู๋ออกมาจากอาณาเขตหลิงอู่ สุราของเสิ่นฉงก็กลั่นเสร็จแล้วเช่นกัน
“ในที่สุดก็ไม่ทำให้ผิดหวัง” ลิ้มรสสุราใหม่ที่กลั่นออกมาหนึ่งอึก ใบหน้าเสิ่นฉงปรากฏรอยยิ้มพอใจขึ้นมา
เว่ยจี๋สูดหายใจเข้าลึกๆ ในดวงตาแสดงความอยากลิ้มรส
แต่น่าเสียดายที่เสิ่นฉงมองไม่เห็นเขา ยิ่งไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของเขา จึงไม่ได้ให้เขาลิ้มรสสุรา
“ศิษย์พี่ใหญ่”
เสียงของเจียงหลีดังมาจากด้านนอก
เสิ่นฉงกับเว่ยจี๋หันศีรษะไปพร้อมกัน เห็นร่างที่มีเสน่ห์สูงเพรียวจากด้านนอกเดินเข้ามา ด้านหลังนาง ยังมีคุนอู๋กับซีไหลเดินตามมาด้วย
“หอมจริงๆ! ศิษย์พี่ใหญ่กลั่นสุราใหม่สำเร็จอีกแล้ว”
เพียงแค่เข้ามา ซีไหลกับคุนอู๋ก็อดไม่ได้ที่จะสูดกลิ่นหอมของสุราที่ฟุ้งอยู่ในครัว
สายตาของเจียงหลีมองไปยังเว่ยจี๋อย่างไม่ทิ้งร่องรอย คนด้านหลังกลับยิ้มมองนางจนคิ้วชนกัน
“สุรานี้ไม่มีส่วนแบ่งของพวกเจ้า” เสิ่นฉงยิ้มกับคุนอู๋และซีไหล เอ่ยกับเจียงหลี “สิ่งที่ศิษย์น้องเล็กฝากฝังไว้ ถือว่าข้าไม่ได้ทำให้ผิดหวัง”
“ลำบากศิษย์พี่ใหญ่แล้ว” เจียงหลีขอบคุณจากใจ
เวลานี้เว่ยจี๋ถึงได้เข้าใจ เหตุใดเสิ่นฉงจู่ๆ ถึงได้กลั่นสุรา หึหึ ที่แท้เพราะคุณความดีของเจียงหลีรวมอยู่ด้วย
“การเดินทางครั้งนี้ของพวกเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” เสิ่นฉงเอ่ยถาม
หลังจากจากนั้น คุนอู๋ก็นำเรื่องที่เกิดในอาณาเขตหลิงอู่ครั้งนี้เล่าให้เขาฟังคร่าวๆ
ขณะที่เจียงหลีออกจากตำหนักของเสิ่นฉง ในมือมีไหสุราที่ประณีตสวยงามเพิ่มมาอีกหนึ่งไห
“นี่ เจ้ากลับไปก็ต้องประสานวิญญาณยุทธ์ ถ้าเช่นนั้นให้ข้าอยู่กับเสิ่นฉงต่อไปไม่ดีกว่าหรือ” ระหว่างทาง เว่ยจี๋ลองเชิงเจียงหลี
เจียงหลีกลับไม่หยุดฝีเท้า “เจ้าก็ดูมาตั้งนานแล้ว ก็เรียนไม่เป็นสักที ข้าว่าเจ้าคงไม่มีพรสวรรค์ เช่นนั้นก็ล้มเลิกความตั้งใจเถิด”
“…” เว่ยจี๋ถูกนางโจมตีอย่างหนัก
“ไม่มีพรสวรรค์? ข้าเพียงแค่ไม่ได้พบอาจารย์ที่ดีต่างหากล่ะ” เว่ยจี๋พูดแก้ตัว
เจียงหลีหยุดลงกะทันหัน แล้วหันกลับไปมองเขาแล้วยิ้มกริ่ม
รอยยิ้มนี้ ทำให้เว่ยจี๋เนื้อตัวสั่นเทา
“ตามคำสัญญา เจ้าควรกลับมาสอนวิชาปลุกเสกหุ่นเชิดให้ข้าแล้วมิใช่หรือ” น้ำเสียงของเจียงหลีเบามาก แต่กลับซ่อนความเฉียบคมไว้
อึก!
เว่ยจี๋ยิ้มอย่างเขินอาย ช่วงเวลานี้ เขาใช้ชีวิตอย่างสบายจนเกือบจะลืมเรื่องนี้ไปเสียแล้ว
“เรื่องนั้น…ตอนนี้เจ้าก็เข้าใจวิชาปลุกเสกหุ่นเชิดได้ดีแล้ว ขาดแค่ฝึกมือให้คุ้นชิน” ถูกสายตาที่เยือกเย็นของเจียงหลีจ้องมอง เว่ยจี๋รีบหาข้ออ้างที่ดีให้กับตน
“ฝึกมือหรือ” เจียงหลีขมวดคิ้ว
เว่ยจี๋พยักหน้าต่อเนื่อง “ถูกต้อง เจ้าสามารถลองปลุกเสกหุ่นเชิดขั้นต่ำออกมาก่อน ก็เหมือนกับหุ่นอัศวินเกราะทองพวกนั้นแหละ วัสดุที่จำเป็นของหุ่นเชิดประเภทนี้หาได้ไม่ยาก เจ้าเก็ บรวบรวมจากฮวงเสิน แล้วลองฝึกดู หลักการทั้งหมดหากอยากให้เกิดผลล้วนต้องลงมือปฏิบัติจริง”
เจียงหลีค่อยๆ พยักหน้า คำพูดของเว่ยจี๋ พูดได้มีเหตุมีผลมาก
“ในช่วงเวลานี้ หากข้าอยู่ข้างกายเจ้า จะทำให้เจ้าเกิดความรู้สึกต้องการที่พึ่งพา ในขั้นตอนฝึกฝน เมื่อพบปัญหา เจ้าก็จะอยากให้ข้าช่วยแก้ปัญหาให้ เมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็จะไม่พั ฒนา” เว่ยจี๋เอ่ยอย่างจริงจัง
เจียงหลีหรี่ตาเล็กน้อย ยิ้มจางๆ
เว่ยจี๋กลับพูดต่ออย่างเด็ดเดี่ยว “ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดก็คือ เจ้าให้ข้าอยู่ที่นั่นกับเสิ่นฉง เจ้าก็จะได้ฝึกฝนได้อย่างสบายใจ ฝึกฝนวิชาปลุกเสกหุ่นเชิดได้อย่างตามใจ รอจน เจ้าฝึกฝนหุ่นอัศวินเกราะทองสำเร็จเมื่อไหร่ ค่อยมาหาข้า ถึงเวลานั้น ข้าค่อยชี้แนะสิ่งที่เจ้ายังขาดเหลือ แล้วเจ้าค่อยฝึกฝนต่อ และมีข้าค่อยชี้แนะ นานวันเข้า วิชาปลุกเสกหุ่นเช ชิดของเจ้าก็จะสำเร็จเอง”
“เจ้าพูดได้มีเหตุมีผลมาก ข้าแทบไม่มีเหตุผลที่คัดค้านได้เลย” เจียงหลีมองเขาด้วยรอยยิ้ม
เว่ยจี๋ถูกนางมองจนประหม่า เอียงศีรษะ ทำเป็นนิ่งเฉยแล้วเอ่ย “แน่นอนอยู่แล้ว”

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์