เขารู้ว่าครั้งนี้เกิดเรื่องใหญ่แล้ว มีเพียงนายน้อยคนเดียวที่สามารถช่วยคุณหนูได้! เขาอาศัยตอนที่เรื่องยังไม่เลวร้าย แอบย่องออกจากงานประลองชิงเจียว รีบวิ่งกลับมารายงานนายน้อย
“นายน้อย หม่าหยวนจย่าขอเข้าพบขอรับ!”
หม่าหยวนจย่าเข้าประตูจวนตระกูลลู่มา ก็ส่งเสียงดังแล้ววิ่งไปตรงหน้าห้องของลู่เจี้ย
จะช้าไม่ได้ ช้าไม่ได้เด็ดขาด
ตอนนี้ลู่เจี้ยอยู่ในห้อง ในมือมีกระดาษที่เขียนไว้ว่า ‘เย่ว์หนานซีจะฆ่าเจียงหลี เจียงหลีจึงฆ่าเย่ว์หนานซี’
ลู่หวาที่ยืนอยู่ข้างๆ เขา ในมือทั้งสองข้างอุ้มนกส่งข่าวสีแดงอยู่
“นายน้อย”
หม่าหยวนจย่ามาตรงหน้าประตูห้องของลู่เจี้ย คุกเข่าลงพร้อมน้อมคำนับขอเข้าพบ “นายน้อย หม่าหยวนจย่าขอเข้าพบนายน้อยขอรับ บ่าวรับใช้มีเรื่องสำคัญมารายงาน”
ลู่หวามองเงาคนที่ประตู แล้วมองลู่เจี้ย
ลู่เจี้ยเงยหน้าขึ้นมามองอย่างช้าๆ ดวงตาวาวเผยให้ถึงความเฉื่อยชาและไม่ใส่ใจ เขาค่อยๆ อ้าปากพูด “ให้เขาเข้ามา” ม้วนกระดาษที่อยู่ในมืออย่างเบามือ
ลู่หวาได้รับคำสั่ง เดินไปข้างหน้าไม่กี่ก้าวแล้วพูดกับหม่าหยวนจย่าว่า “เข้ามาได้”
หม่าหยวนจย่าดีใจ รีบเข้าไปในห้อง หลังจากที่คำนับอีกครั้ง ก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่งานประลองชิงเจียวด้วยความรวดเร็ว “…ตอนที่ข้ามา คนตระกูลเย่ว์ได้พากันขึ้นไปบนเวทีการประลองแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้คนของจวนท่านเจ้าเมืองกำลังถ่วงเวลาอยู่ แต่ข้าเป็นกังวลว่าพวกเขาจะเสียใจจนบ้าแล้วทำร้ายคุณหนูถึงชีวิต ข้าขอร้องให้นายน้อยช่วยชีวิตคุณหนูด้วย”
ลู่เจี้ยยิ้มอ่อน “เจ้านี่จงรักภักดีจริงๆ”
หม่าหยวนจย่าตกใจ เงยหน้ามองลู่เจี้ย ใบหน้าที่งดงามดูไม่ออกว่ายินดีหรือยินร้าย ที่ยิ่งเดายากกว่าก็คือความคิดของเขา
คำพูดนี้เป็นความหมายเชิงบวกหรือความหมายเชิงลบกันแน่
“ในเมื่อกลับมาแล้ว เจ้าก็อยู่นี่แหละ” ทันใดนั้นลู่เจี้ยก็พูดขึ้นมาอีก
หม่าหยวนจย่าตกใจจนหน้าถอดสี พลั้งปากถาม “นายน้อย แล้วคุณหนู…”
“ถ้านางสามารถกลับมาจวนตระกูลลู่ได้ด้วยตัวเอง ก็เป็นธรรมดาที่ข้าจะหนุนหลังนาง” ลู่เจี้ยพูดแทรกเขาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
หม่าหยวนจย่าอึ้งกิมกี่ ไม่ค่อยเข้าใจที่ลู่เจี้ยพูด
ตระกูลลู่จะช่วยหรือไม่กันแน่
ระยะทางจากที่จัดการประลองชิงเจียวมาถึงจวนตระกูลลู่ ถึงแม้ว่าจะใช้เวลาครู่เดียว แต่ว่าในระยะเวลาครู่เดียวนี้ หากคนตระกูลเย่ว์คิดจะฆ่านาง นางตายได้เป็นร้อยครั้งเลย!
ถึงเจียงหลีแข็งแกร่งกว่านี้ แต่ก็มีพลังแค่หลิงซื่อระดับห้า จะรับมือกับคนตระกูลเย่ว์ได้อย่างไรกัน
หม่าหยวนจย่ากัดฟันคำนับลู่เจี้ย “นายน้อย ถ้าหากตอนนี้จวนตระกูลลู่ไม่พร้อมลงมือ ก็ขอให้นายน้อยอนุญาตให้ข้าออกจากจวน เพื่อต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับคุณหนูด้วย!”
“ตอนนี้เจ้าอยู่ระดับอะไร” ลู่เจี้ยถาม
สายตาของหม่าหยวนจย่าเผยให้เห็นความอับอาย ก้มหน้าตอบว่า “หม่าหยวนจย่าพรสวรรค์ธรรมดาทั่วไป ทุกวันนี้พลังหลิงซื่อระดับหกขอรับ”
“ถ้าเจ้าไป จะมีประโยชน์อะไร อยู่นี่แหละ” ลู่เจี้ยสะบัดแขนเสื้อ พูดอย่างเย็นชา
หม่าหยวนเจี้ยพูดอย่างรีบร้อน “นายน้อย ข้าอยู่ที่นี่ไม่ได้! ถึงแม้ว่าข้าจะมีพลังเพียงน้อยนิด แต่ข้าก็รู้จักภักดี ตอนนี้คุณหนูตกที่นั่งลำบาก บ่าวรับใช้อย่างข้าจะมีความคิดที่จะเอาตัวรอดคนเดียวได้อย่างไร”
“หม่าหยวนจย่า นายน้อยมีเมตตา ไม่อยากให้เจ้าไปตาย ทำไมเจ้าถึงไม่รับความเมตตาไว้ ยิ่งไปกว่านั้น แม่นางเจียงมีวิธีเอาตัวรอดมากมาย เจ้าไปแล้วมีแต่จะเป็นตัวถ่วงของนาง” ลู่หวาพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
หม่าหยวนจย่าหน้าถอดสี ยังคงกัดฟันพูดว่า “ข้าจะไม่เป็นตัวถ่วงของคุณหนู ข้าจะกลับไป อย่างน้อยก็เอาคำพูดของนายน้อยไปบอกนาง ให้นางมีความหวังแล้วช่วยนางถ่วงเวลาคนตระกูลเย่ว์!”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็ไปเถอะ” ลู่เจี้ยโบกมือ ไล่ให้หม่าหยวนจย่าไป
หม่าหยวนจย่าคาดเดาความคิดลู่เจี้ยไม่ถูก ทำได้แค่ถอยออกไป ยังไม่ทันได้พัก ก็ขี่ม้าไปงานประลองชิงเจียวในทันที
ลู่หวาก็ไม่รู้เช่นกันว่าลู่เจี้ยคิดอะไรอยู่


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์