เจียงหลีมีสีหน้ามึนงง
แต่ภายใต้สายตาของผู้คนมากมาย นางคิดว่าตนเองควรจะพูดอะไรสักอย่าง
“เจ้าหมายความว่า…” นางมองกงเสวี่ยฮวา
กงเสวี่ยฮวาเผยมืออย่างไม่ยี่หระ “ข้ายังพูดไม่ชัดเจนพอรึ กลุ่มอำนาจของซีฮวงต่างแบ่งแยกกันทั้งหมด ล้มไปหนึ่งก็ผุดขึ้นมาอีกหนึ่ง หากไม่มี แคว้นที่ถูกล้มล้างอำนาจการปกครองก็จะถูกกลุ่มอำนาจอื่นในระดับเดียวกันคว้าไปครอง ตอนนี้ข่าวการล่มสลายของสำนักพรตเสวียนหมิงยังไม่เผยแพร่ออกไป เจ้ายังสามารถนำแย่งชิงก่อนได้หนึ่งก้าว” พูดจบเขายักคิ้วให้อีกด้วย
สามารถก่อตั้งกลุ่มอำนาจของตนเองในซีฮวงได้ด้วยหรือ
เจียงหลีขมวดคิ้ว เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ก่อนอื่นเลย…
นางหันไปทางหนานอู่เฮิ่นและเฟิงสิงอวิ๋นซึ่งทั้งสองก็เข้าใจความหมายของนาง หนานอู๋เฮิ่นจึงยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “เจ้ายังไม่ได้เข้าร่วมกลุ่มอำนาจฮวงเสินอย่างเป็นทางการ ไม่ถือว่าขัดต่อกฎเกณฑ์”
เฟิงสิงอวิ๋นยังกล่าวอีกว่า “ที่นี่ไกลจากฮวงเสินมาก ภูมิศาสตร์ก็ทุรกันดาร ถึงแม้เจ้าจะก่อตั้งกลุ่มอำนาจขึ้นมาก็ไม่เห็นจะเกี่ยวข้องอะไร”
หากทางด้านฮวงเสินไม่มีปัญหา เจียงหลีก็สามารถคลี่คลายไปได้หนึ่งเปราะ
แต่นางกลับหันไปหากงเสวี่ยฮวาแล้วเอ่ยว่า “ตอนนี้ทั้งสองมือของข้าว่างเปล่า ข้าจะเอาอะไรไปก่อตั้งกลุ่มอำนาจ”
“กลุ่มอำนาจระดับต่ำจำเป็นต้องมีหลิงหวังนั่งปกครอง” กงเสวี่ยฮวาพูดจบก็หันไปมองที่เจียงเฮ่า
เจียงเฮ่าชัดเจนในใจ เขาเม้มริมฝีปากเงียบหันไปมองสายตายืนยันของเจียงหลี เพียงแค่เอ่ยปากเขาก็ไม่สนสิ่งใดทั้งนั้น
“แต่พี่เฮ่าเป็นลูกศิษย์เป็นหัวใจสำคัญของฮวงเสินนี่นา!” ลู่เสวียนเอ่ยเตือน
“ไม่เห็นเป็นไรนี่ ไม่ได้เป็นเจ้าสำนักสักหน่อย เสนอชื่อเป็นผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์ก็ได้กระมัง” กงเสวี่ยฮวามองไปที่หนานอู๋เฮิ่นกับเฟิงสิงอวิ๋นแล้วหัวเราะ
ในซีฮวงเมื่อผู้คนจากหลายมหาอำนาจเดินทางออกไป พวกเขาจะได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้ปกครองกิตติมศักดิ์ของกลุ่มอำนาจอื่นๆ เพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน ตราบใดที่พวกเขาไม่ขัดแย้งกับกลุ่มอำนาจเดิม โดยพื้นฐานก็มักจะไม่สนใจ
“ถูกต้อง เพียงแค่เสนอชื่อผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์ ฮวงเสินก็จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว” เฟิงสิงอวิ๋นกล่าวยืนยัน
“เช่นนั้นข้าก็อยากเป็นผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์” ลู่เสวียนเอ่ยหัวเราะ
กงเสวี่ยฮวากลับปราดตามองเขาอย่างดูถูก “เจ้ารึ เป็นแค่หลิงจงขั้นหก ยังไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ”
“นี่! ชักจะเกินไปแล้ว!” ลู่เสวียนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
ลู่เสวียนเป็นผู้มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมและเขามีสายเลือดพิเศษที่สามารถยกระดับได้ อย่างไรก็ตาม ผลสืบเนื่องจากความบกพร่องสายเลือดนี้มากเกินไป ซึ่งทำให้ฐานการบำเพ็ญของเขาต่ำกว่าคนรอบข้าง
“มีหลิงหวังนั่งครองเมือง แทบจะถือว่าเป็นกลุ่มอำนาจได้ แต่ข้าไม่สามารถอยู่ที่นี่นานได้ พี่ใหญ่ก็เช่นกัน ท้ายที่สุดแล้วกลุ่มอำนาจนี้จะกลายเป็นเปลือกที่ว่างเปล่า” เจียงหลีพูดอย่างช่วยไม่ได้
สิ่งที่นางต้องทำมีมากเกินไป ไม่มีทางที่จะอยู่ที่นี่ได้นานตั้งแต่แรก
อีกอย่างคนรอบกายนางเหล่านี้ต่างมีเรื่องที่ตนเองต้องทำเช่นกัน ไม่สามารถขอร้องให้พวกเขาเสียสละทุกอย่างเพื่อนางได้ ไม่มีใครอยู่รอบตัว แม้ว่าความคิดในการสร้างกลุ่มอำนาจจะยอดเยี่ยม เจียงหลีจึงทำได้เพียงส่ายศีรษะด้วยความเสียดาย
ตำแหน่งของสำนักพรตเสวียนหมิงคือกลุ่มอำนาจระดับต่ำทางตอนใต้ดินแดนตะวันตกซีฮวง พูดได้ว่าอยู่ใกล้หนานฮวง หากมีกลุ่มอำนาจของตัวเองในที่แห่งนี้ เช่นนั้นก็สามารถเป็นสะพานเชื่อมระหว่าซีฮวงและหนานฮวงได้ ก่อนที่ปัญหาเรื่องกลองศิลาจารึกของหนานฮวงยังไม่คลี่คลาย คนของหนานฮวงถึงจะสามารถแอบส่งคนมาฝึกฝนที่นี้ได้
ดังนั้น ไม่ว่าจะมาจากการพิจารณาของตัวเองหรือคนของซีฮวง ข้อเสนอของกงเสวี่ยฮวานั้นถือว่าดีเยี่ยม น่าเสียดายที่ไม่มีใครอยู่ในมือของเจียงหลี และเป็นเรื่องยากสำหรับสตรีที่ฉลาดในการทำกับข้าวโดยไม่มีข้าว!
“ให้ข้าอยู่เถอะ” จู่ๆ มู่ชิงเหยียนก็เปิดปากพูด
เจียงหลีเงยหน้ามองนาง ดวงตาเจียงเฮ่าก็วูบไหวด้วยความประหลาดใจ ส่วนคนอื่นก็พากันมองนาง
เมื่อมู่ชิงเหยียนได้รับความสนใจจากทุกคน นางยิ้มเล็กน้อย “ถึงอย่างไรข้าก็ไม่ใช่คนของกลุ่มอำนาจใด แล้วไม่มีที่ไหนที่อยากไปเป็นพิเศษ อยู่ที่นี่ดูแลแทนทุกคนก็ไม่เลวนัก”
“เจ้าไม่คิดจะไปฮวงเสินพร้อมกับพวกข้าหรือ” เจียงหลีถามจบก็หันไปหมองเจียงเฮ่าที่มีสีหน้าตึงเครียด
“ไม่ล่ะ” มู่ชิงเหยียนส่ายหน้าช้าๆ นางเองก็กวาดสายตามองไปทั่วใบหน้าของเจียงเฮ่าโดยไม่ได้ตั้งใจก่อนจะถอนสายตากลับมาอย่างรวดเร็ว “ข้าคิดว่าอยู่ที่นี่คงจะดีมากๆ”


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์