เข้าสู่ระบบผ่าน

ราชินีพลิกสวรรค์ นิยาย บท 9

ราชินีพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 9 หน้าเนื้อใจเสือ

“ท่านแม่ นั่นใช่น้องอาหลีหรือเปล่าเจ้าคะ” เจียงอวี๋เพ่งสายตามองไปยังกลุ่มสาวใช้พวกนั้น มองปราดเดียวก็เห็นเจียงหลีแล้ว แต่ทว่าเมื่อมองไปยังอาภรณ์ที่เจียงหลีสวมใส่ก็อดแสดงสีหน้าสลดลงไม่ได้ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างนึกอิจฉา “นางแต่งตัวสวยจัง”

เป็นที่ประจักษ์ตาว่าชุดที่เจียงหลีสวมใส่ ดูแล้วเนื้อผ้าแพรพรรณชั้นดีกว่าที่ชุดนางสวมใส่อยู่ยิ่งนัก คนที่ไม่รู้เรื่องอาจคิดว่าเจียงหลีเป็นคุณหนูตระกูลผู้ดี ส่วนนางต่างหากที่เป็นทาส

“เหอะ ตระกูลลู่นี่ช่างเหลือกินเหลือใช้เสียจริง แม้กระทั่งขี้ข้าคนหนึ่งยังใส่เสื้อผ้าดูดีขนาดนี้ ไม่กลัวจะเสียของกันหรือไง” เหอซื่อพูดออกมาอย่างนึกอิจฉาเช่นเดียวกัน

เจียงอวี๋ฟังสิ่งที่มารดาพูดดวงตาเป็นประกายฉายแววสับสน นางขยำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น อดคิดในใจมิได้ หากเป็นนางเองที่ได้เข้าไปในจวนตระกูลลู่ นางจะได้สวมชุดสวยๆ เยี่ยงนี้หรือไม่ ไม่แน่ นางอาจจะชนะใจนายน้อยลู่ได้มากกว่าเจียงหลีเสียอีก

“ท่านแม่ ข้าได้ยินมาว่านายน้อยลู่ช่างรูปงามยิ่งนัก ขนาดที่ว่าคนรูปงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองซั่งตูยังไม่อาจเทียบเขาได้” เจียงอวี๋พึมพำถาม

แต่เหอซื่อกลับสบถออกมา “ชายคนหนึ่งเกิดมารูปงามแล้วอย่างไร แม้จะเป็นถึงนายน้อยตระกูลลู่ก็เป็นแค่คนไร้ประโยชน์คนหนึ่งเหมือนกัน”

เมื่อได้ยินมารดาพูดเช่นนี้แล้ว เจียงอวี๋ก็ได้แต่เก็บความหวังไว้ในใจ นางคิดถึงเย่ว์หนานซีรูปงามสง่าก็อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มหวานออกมา “รอจนกว่าท่านพี่หนานซีฝึกวิชาสำเร็จเพื่อเป็นคุณประโยชน์ของชาติบ้านเมือง มีชื่อเสียงเกียรติยศขึ้นมาเมื่อไหร่ ข้าก็จะได้ซื้อเสื้อผ้าสวยๆ ใส่”

“ดูเรื่องที่เจ้าเอาแต่สนใจสิ” เหอซื่อหยิกบุตรสาวเสียเต็มแรงราวกับคีมเหล็กด้วยความหมั่นไส้

เจียงอวี๋มองมารดาอย่างไม่เข้าใจนัก ไม่รู้ว่าตนเองพูดผิดตรงไหน

มองบุตรสาวที่ยังไม่กระจ่าง เหอซื่อก็ได้แต่ถอนหายใจ “ตอนนี้เย่ว์หนานซีดูท่าทางแล้วอาจไม่เลว แต่คนที่มีความสามารถมีดาษดื่นถมเถ เจ้ามองการณ์ไกลหน่อย อย่าได้แต่หมายตาหมายใจไว้ที่เย่ว์หนานซีเพียงคนเดียว งานประลองชิงเจียวก็จะเริ่มต้นแล้ว ไม่รู้ว่าคนมีพรสวรรค์มีความสามารถจะมากน้อยแค่ไหน คนที่ดีกว่าเย่ว์หนานซีมีมากมาย เจ้าเผื่อใจไว้บ้าง ลูกสาวของข้างดงามหมดจดถึงเพียงนี้ ต้องแต่งงานกับคนที่ไม่เป็นรองใครเท่านั้น เย่ว์หนานซีอะไรนั่นเจ้าแค่ยึดเป็นหลักไว้ก่อนก็พอแล้ว”

เจียงอวี๋มองมารดาอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก ได้แต่เอ่ยเบาๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “ท่านแม่ ข้าชอบท่านพี่หนานซีด้วยใจจริง ข้าจะปันใจไปให้คนสองสามสี่อีกได้เยี่ยงไร ตอนแรกท่านแม่ก็ไม่ได้กล่าวเช่นนี้”

เหอซื่อกลอกตาขาวใส่บุตรสาว “อะไรเรียกว่าปันใจให้คนที่สองสามสี่ เจ้ากับเย่ว์หนานซียังไม่ได้เข้าหอลงโรงกันด้วยซ้ำ หากเจอคนที่ดีกว่า แน่นอนว่าจะต้องเลือกคนที่ดีที่สุด หรือว่าเจ้าไม่อยากมีชีวิตสุขสบายกว่านี้ สุขสบายเสียยิ่งกว่าตอนที่ตระกูลเจียงยังอยู่อีก”

เจียงอวี๋อึ้งไปชั่วขณะ ฉายความกังวลสองจิตสองใจและความดิ้นรนในแววตา นางขบกัดริมฝีปากล่างเบาๆ ด้วยความลำบากใจไม่น้อย แน่นอนว่านางไม่อยากมีชีวิตต่ำต้อยอีกแล้ว

“อีกอย่างตอนนั้นที่ข้าอยากให้เจ้าลงเอยกับเย่ว์หนานซี เพราะนอกจากฐานะทางบ้านของเขาไม่เลวแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นคู่หมั้นของเจียงหลีอีกด้วย เหอะ! พวกคนในเรือนใหญ่ทำร้ายครอบครัวเราจนพังพินาศย่อยยับ ต่อให้ข้าตาย ข้าก็ไม่มีวันยอมให้สายเลือดพวกมันได้เสวยสุข ตอนนี้เจียงหลีมันเป็นขี้ข้าไปแล้ว ต่อให้โชคเข้าข้าง เจ้าคิดหรือว่านายน้อยลู่จะจับนางมาใส่ตะกร้าล้างน้ำ หึ! ชาตินี้ทั้งชาติก็คงได้เป็นขี้ข้าให้เขาจิกใช้เป็นวัวเป็นควายแน่นอน” เหอซื่อยื่นมือไปที่ใบหน้าน้อยๆ ของบุตรสาว จากนั้นลูบไล้ทั่วใบหน้างดงามด้วยความอ่อนโยน “ส่วนลูกสาวข้าถูกลิขิตให้เกิดเป็นหงส์บนฟ้าอยู่คนละชั้นกับนางอีกาชั้นต่ำคนนั้น”

เจียงอวี๋เก็บอาการขวยเขิน ยอมรับคำพูดของมารดาเงียบๆ

ทันใดนั้น นางก็เห็นกองกำลังพลกองใหญ่เข้าไปในจวนตระกูลลู่เป็นที่เรียบร้อย เงาของเจียงหลีก็หายไปแล้วเช่นกัน จึงรีบถามมารดา “ท่านแม่ นางอีกาชั้นต่ำเข้าไปแล้ว เราต้อง…”

“อย่าเพิ่งวู่วาม ให้คนไปบอกข่าวท่านพี่หนานซีของเจ้าเสียก่อน รอเขามาถึงพวกเราค่อยเข้าไปตามหานาง” ปรากฏความแค้นในแววตาของเหอซื่อ

……

ไม่ใช่ว่าให้ข้าเป็นผู้อารักขาหรอกหรือ เหตุใดจึงตามกลับจวน เจียงหลีคิดคำถามนี้วนมาตลอดทาง

นางเดาไม่ออกเลยว่าจู่เจี้ยกำลังคิดการสิ่งใดอยู่ ถ้าหากจะให้เป็นผู้อารักขา ต้องรับกับการฝึกเข้มงวดหนักอย่างแน่นอน นางเองก็หาโอกาสเรียนรู้วิชาการต่อสู้ของโลกนี้ว่าจะเป็นอย่างไร แต่ทว่า ลู่เจี้ยทำเหมือนกับว่าได้ลืมนางไปแล้ว หากจะพูดว่าลืมแล้ว ตอนจะไปก็ไม่ลืมพานางมาด้วย

“ปวดหัว!” เจียงหลีแหงนหน้ามองฟ้าอย่างหมดหวัง นางพบว่าเวลาพูดคุยทักทายกับคนที่อยู่ในเมืองช่างปวดหัวเสียจริง นึกถึงคราวแรกนางเป็นราชินีของโลกแห่งยุคกลาง อาศัยการยับยั้งการไหลเวียนของโลหิตหล่อเลี้ยงชีวิตบริหารอาณาจักร มีอย่างที่ไหนต้องมาเอาอกเอาใจหว่านล้อมผู้อื่นเช่นนี้

“สวรรค์ ท่านคงเห็นว่าภพที่แล้วข้าอยู่สุขสบายเกินไปใช่หรือไม่ ท่านถึงได้ให้ข้ามาอยู่ที่นี่ ให้มาสัมผัสรสชาติทั้งห้าของชีวิตอย่างนั้นหรือ” เจียงหลีถอนหายใจ

“เจียงหลี นายน้อยเรียกเจ้า”

สาวรับใช้ที่รับผิดชอบพานางมาปรากฏตัวอีกครั้งพร้อมกับนำข่าวดีเรียกขวัญกำลังใจให้นาง

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์