ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว นิยาย บท 1009

“อย่างที่ฉันพูดไป ฉันจะใช้มือเดียวเท่านั้น หรือเธอคิดว่าฉันแข็งแกร่งเกินไป?” อี้หลิงถามอย่างไม่ใส่ใจ
  โหลวหลานหลินกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “การฝึกแบบนี้มีจุดประสงค์อะไร? คุณจะไม่ได้อะไรจากมัน นอกจากนี้มันไม่ยุติธรรมสำหรับเขา คุณจะดูถูกตัวเองไม่ว่าคุณจะชนะหรือแพ้ ไว้รอจนกว่าเขาจะระดับเท่าคุณก่อนก็ได้”
  ซูผิงมองหญิงสาวด้วยความประหลาดใจ ไม่คิดว่าเธอจะปกป้องเขาและโต้เถียงกับอันดับสามของอันดับราชาเทพ อันดับของชายคนนี้สูงกว่าเธอมาก
  อี้หลิงเหลือบมองโหลวหลานหลินด้วยดวงตาเป็นประกาย เขานึกอะไรบางอย่างได้และพูดอย่างเย็นชาว่า “เธอกำลังพูดเหมือนกับว่าฉันกำลังรังแกเขา ก็ได้ ฉันจะปล่อยให้นายไปเพื่อเห็นแก่เจ้าหญิงหลิน เรื่องนี้น่าขายน่าจริงๆ นายชนะการแข่งขันสุดยอดอัจฉริยะระดับจักรวาล แต่นายกลับมาหลบหลังผู้หญิง ฉันผิดหวังมาก”
  เหล่าอัจฉริยะของตระกูลโหลวหลานมองซูผิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย
  ซูผิงถามเขาว่า “นายเป็นแค่อันดับสามในอันดับราชาเทพ นายมีสิทธิ์มาผิดหวังด้วยเหรอ?”
  เงียบสนิท!
  ทั้งลานเงียบสงัด ทุกคนจับจ้องไปที่ซูผิง ตกตะลึง พวกเขาไม่คาดคิดว่าเขาจะก้าวร้าวขนาดนี้
  พุทธองค์หกชีวิตและลิเลียนหลือบมองซูผิง อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่คิดว่าซูผิงอวดดีเกินไป การได้เห็นซูผิงถูกดูถูกทำให้พวกเขารู้สึกไม่พอใจเช่นกัน ท้ายที่สุดซูผิงเป็นแชมป์ของพวกเขา พวกเขาดีใจที่เห็นซูผิงโต้กลับ!
  พวกเขาไม่เชื่อว่าอี้หลิงสามารถกลั่นแกล้งซูผิงในที่สาธารณะได้  สิ่งสำคัญคือต้องอย่าลืมว่าซูผิงเป็นศิษย์ของยอดฝีมือสภาวะเทพอมตะ แม้ว่าอี้หลิงอยากจะโจมตีเขาจริงๆ แต่ตระกูลโหลวหลานก็ต้องเข้ามาช่วย
  โหลวหลานหลินประหลาดใจ มองไปที่ซูผิงที่ยังคงมีท่าทางแปลก ๆ เธอไม่เห็นความโกรธใด ๆ บนใบหน้าของซูผิง และดูเหมือนว่าเขาจะหมายความอย่างที่เขาพูด
  “เมื่อกี้นายพูดว่าอะไรนะ?”
  อี้หลิงโกรธมากทันที เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดว่าซูผิงจะกล้าพอที่จะพูดแบบนั้น
  “นายแก่มากจนหูมีปัญหาแล้วหรอ? นายต้องการให้ฉันพูดซ้ำไหม?” ซูผิงตะคอก “เท่าที่ฉันรู้ การแข่งขันสุดยอดอัจฉริยะระดับจักรวาลจะจัดขึ้นทุก ๆ สองสามร้อยปีใช่ไหม? นายเคยเข้าร่วมมาก่อน ดังนั้นนายต้องมีอายุอย่างน้อยหนึ่งพันปี… และยังมาทำตัวเหมือนเด็ก นายยังไม่ถึงสภาวะเทพดวงดาวในรอบพันปีด้วยนิ คิดจะรอถึงหมื่นปีหรือไง?”
  “…”  ทุกคนมองซูผิงอย่างไม่เชื่อ อัจฉริยะชั้นนำส่วนใหญ่ไม่พูดเหมือนซูผิงที่แข็งทื่อและตรงไปตรงมา
  หากการไปไม่ถึงสภาวะเทพดวงดาวในพันปีเป็นสิ่งที่น่าละอาย ผู้บ่มเพาะทุกคนในจักรวาลคงต้องร้องไห้ เพราะหลายคนติดอยู่ที่คอขวดของสภาวะเทพดวงดาวนานหลายหมื่นปี
  อี้หลิงกล่าวด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว “บัดซบ! ฉันรู้ว่าแกเพิ่งเข้าร่วมการแข่งขันและแกยังเด็ก แกคิดว่ามันง่ายหรือไงที่จะไปถึงสภาวะเทพดวงดาว? บางคนไปถึงระดับดวงดาวตอนอายุยี่สิบ กลายเป็นเจ้าดวงดาวตอนอายุสามสิบ แต่ล้มเหลวในการไปถึงสภาวะเทพดวงดาวแม้จะอายุ 30,000 ปีก็ตาม!”
  “แล้วนายจะเป็นหนึ่งในนั้น?” ซูผิงถาม
  “!”
  อี้หลิงโกรธจัด เขาพูดด้วยดวงตาเย็นชา “แกอยากตายหรือไง?”   ซูผิงมองเขาราวกับว่าเขาเป็นคนงี่เง่า ก่อนที่เขาจะยกนิ้วขึ้นและพูดว่า “อย่างแรก อย่าพูดเหมือนว่าแกฆ่าฉันได้ สอง แกกล้าฆ่าฉันเหรอ?”
  อี้หลิงเงียบไป
  ทั้งลานเงียบสนิท ตระกูลโหลวหลานทุกคนเหมือนหยุดหายใจ พวกเขารู้สึกว่าอากาศกำลังแข็งตัว
  อี้หลิงจ้องไปที่ซูผิง และความโกรธในดวงตาของเขาถูกแทนที่ด้วยความหนาวเย็น สิ่งที่ซูผิงพูดทำให้เขาสงบลง เถียงต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ และเขาก็ไม่สามารถฆ่าซูผิงในที่สาธารณะได้ ท้ายที่สุดเทพอมตะจะโกรธ และแม้แต่อาจารย์ของเขาก็ไม่สามารถรับมือกับความโกรธนั้นได้!
  อย่างไรก็ตาม การฆ่าซูผิงไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่สามารถสอนบทเรียนให้ซูผิงได้
  อี้หลิงยกมือขึ้นและคำราม “คุกเข่าซะ!”   เกิดเสียงบูม กฎแปลก ๆ ถูกปล่อยออกมาและโลกใบเล็กที่สดใสก็ปรากฏขึ้นรอบตัวเขา โลกใบเล็กดูสวยงามราวกับพระราชวังอันวิจิตร สว่างไสวด้วยแสงไฟ กฎกำลังโบยบินอยู่บนท้องฟ้าเหมือนโซ่ตรวน พลังแห่งศรัทธาแผ่ซ่านออกจากโลกใบเล็ก สะกดข่มซูผิงราวกับสนามพลัง
  ”โอ้ ไม่!”
  พุทธองค์หกชีวิตตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นและวิตก
  ใบหน้าของลิเลียนก็เปลี่ยนไป เธอแสดงความโกรธออกมา เธอไม่คิดมาก่อนเลยว่าชายผู้นี้จะกล้าโจมตีซูผิง และทำให้เขาขายหน้าในที่สาธารณะ
  แรงกดดันอย่างท่วมท้นกดซูผิงราวกับมือขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็น ทุกคนคิดว่าซูผิงจะคุกเข่าตามที่อี้หลิงประกาศไว้ แต่ซูผิงกลับยืนนิ่ง ไม่ขยับเขยื้อนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
  ทุกคนตกตะลึงอีกครั้ง  “????”
  พวกเขาสับสนอย่างสมบูรณ์ อี้หลิงใช้พลังจากโลกใบเล็กของเขา แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเนี่ยนะ?
  ก่อนที่พวกเขาจะกลับมารู้สึกตัว ซูผิงก็ยกมือขึ้นและกดลงอย่างไม่เร่งรีบ จากนั้นเขาก็พูดอย่างเย็นชาว่า “คุกเข่าซะ!”
  หลังจากเสียงระเบิดดังสนั่น อากาศก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง มิติเวลาโดยรอบพลันแข็งตัว รัศมีอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ขยายออกไป ทำให้เกิดแรงกดดันที่น่าเกรงขาม ภาพลวงตาของโลกใบเล็กที่แห้งแร้งและรกร้างปรากฏขึ้นด้านหลังซูผิงในเวลาเดียวกัน กฎหลายข้อเริ่มปรากฏขึ้นและลอยอยู่ในนั้น พลังของมันแข็งแกร่งราวกับมังกร
  พลังอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งออกมาจากโลกใบเล็กของเขาและปกคลุมลาน
  อีกด้านหนึ่ง ท่าทางของอี้หลิงเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เขาตัวสั่นแรงราวกับว่าท้องฟ้าถล่มลงมาใส่เขา พลังที่ไม่อาจต้านทานได้ตกลงมาเหนือหัวของเขา พื้นใต้เท้าเขาเริ่มปริแตก เท้าของเขาจมลงไปในแผ่นหิน แต่แรงกดดันยังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาตัวสั่นและเกือบจะล้มลง
  เขายืนหยัดไว้ด้วยพลังดวงดาว ในขณะที่มือของเขาเกือบจะกระแทกพื้น จากนั้นเขาก็เงยหน้ามองซูผิงอย่างไม่อยากเชื่อ
  ซูผิงมองเขาอย่างเฉยเมย จากนั้นก็ค่อยลดมือลง ขณะที่แรงกดดันรอบตัวชายคนนั้นผ่อนคลายลงทันที
  ซูผิงได้ท้าทายนักรบสิบอันดับแรกทั้งหมดเมื่อเขาท้าทายอันดับราชาเทพ เขาจำได้ว่ามีเพียงเจ้าดวงดาวที่อยู่อันดับสูงสุดเท่านั้นถึงเข้าใจกฎสูงสุดทั้งสี่อย่างสมบูรณ์และเข้าถึงขอบเขตของโลกใบเล็กของเขา
  เนื่องจากพวกเขาไม่มีเทคนิคทวีคูณโลก นั่นจึงเป็นสิ่งที่ดีสุดที่เจ้าดวงดาวสามารถทำได้ตามทฤษฎีในขอบเขตของสหพันธ์
  นอกจากเจ้าดวงดาวที่เก่งที่สุดแล้ว คนที่อยู่ต่ำกว่าเขานั้นอ่อนแอกว่ามาก ยกตัวอย่างเช่นอี้หลิง เขายังไม่เข้าใจกฎสูงสุดทั้งสี่เลยแม้แต่น้อย
  ทั้งลานเงียบลงหลังจากที่ซูผิงคลายมือ ทุกคนมองไปที่ซูผิงตกใจราวกับว่าเขาเป็นผี พวกเขาไม่อยากเชื่อสิ่งที่เห็น คิดว่ามันเป็นภาพลวงตา
  ไม่มีอะไรเกิดขึ้นตอนที่อี้หลิงโจมตี ตรงกันข้ามเขาถูกซูผิงโจมตีกลับ!
  ”เกิดอะไรขึ้น?”
  “ฉันตาฝาดหรือเปล่า? มันเป็นไปได้ยังไง? เป็นเพราะอี้หลิงประมาทและไม่ได้เตรียมตัวหรือเปล่า?”
  “ชายคนนั้นเพิ่งเข้าสู่ระดับดวงดาวไม่ใช่หรอ?อี้หลิงเป็นอันดับสามในอันดับราชาเทพ สิบอันดับแรกในอันดับราชาเทพล้วนเป็นสัตว์ประหลาน!”
  ลูกหลานของตระกูลโหลวหลานทุกคนต่างกรีดร้องอยู่ในใจ ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น  ใบหน้าของอี้หลิงเคร่งขรึมและเย็นชา แต่ไม่มีความโกรธ เขาจ้องไปที่ซูผิงอย่างเย็นชาราวกับหมาป่า
  คนสองคนที่ติดตามเขามาก็ตกตะลึงเช่นกัน
  “หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล” ซูผิงกล่าวด้วยท่าทางสงบ
  ไม่มีอารมณ์ใด ๆ ในคำพูดของเขา เขาเพียงพูดข้อเท็จจริงเท่านั้น
  การไปถึงขีดจำกัดของโลกใบเล็กเป็นเพียงก้าวแรก ตามเทคนิคทวีคูณโลก ความยากในการเพิ่มโลกใบใหม่จะเพิ่มเป็นสองเท่า ซูผิงรู้สึกว่ายังมีอีกหลายอย่างที่เขาจะต้องทำให้สำเร็จ เมื่อเขานึกถึงเทพโบราณที่สามารถสร้างโลกใบเล็กเจ็ดใบได้
  ข้างซูผิง—พุทธองค์หกชีวิตและลิเลียนสะดุ้งตกใจ เปลือกตาของพวกเขากระตุกเมื่อได้ยินสิ่งที่ซูผิงพูด พวกเขาสงสัยว่าคนที่อยู่ข้างๆ เป็นสัตว์ประหลาดประเภทไหน เขาเผชิญหน้ากับอี้หลิงผู้ครอบครองอันดับที่สามในอันดับราชาเทพโดยไม่เป็นอะไรเลย แถมยังเหนือกว่าอีกฝ่ายด้วยซ้ำ.. เราบ้าหรือโลกนี้มันบ้ากันแน่?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว