ตอนที่ 215 แต้มสะสมก้อนโต
“คุณซู คุณช่วย…ช่วยแบ่งแต้มสะสมให้พวกเราไปหน่อยได้ไหม
คะ?”
ซูหยานหยิงรู้สึกราวกับว่าแต้มสะสมสามล้านแต้มที่โจวเฟิงโอนมา
ให้เธอนั้นเป็นเหมือนมันฝรั่งร้อน การได้แต้มสามล้านแต้มเท่ากับ
การฆ่าอสูรระดับแปดสามตัว
สำหรับนักสำรวจที่เพิ่งจบการศึกษาอย่างพวกเธอ แต้มสะสมหนึ่ง
ล้านแต้มเป็นแต้มที่สูงมาก
ซูผิงช่วยให้พวกเธอได้รับแต้มสะสมเหล่านั้นและจำนวนนั้นมากกว่า
ที่พวกเธอคาดไว้มาก นอกจากนี้ซูหลิงเยวี่ยยังเป็นน้องสาวของซูผิง
การแบ่งแต้มสะสมเหล่านั้นจะกลายเป็นปัญหาได้
ซูผิงรู้ว่าอะไรที่รบกวนเธอ “แบ่งแต้มตามผลงาน อย่าคิดมาก” ซูผิง
พูด
ซูหยานหยิงยิ้มอย่างขมขื่น หากพวกเธอได้รับแต้มสะสมเพียงเล็กน้อย
พวกเธอสามารถแบ่งปันได้ตามผลงานของพวกเธอ อย่างไรก็ตาม
จำนวนนี้กลับเยอะเกิน ถ้าแจกจ่ายตามผลงาน เธอสามารถทำแต้มได้
หนึ่งถึงสองล้านไปคนเดียวและนั่นจะทำให้คนอื่นอิจฉาเธอ
แต้มสะสมเหล่านั้นดึงดูดลู่เผิงเฟยและหญิงสาวขายาวก็เช่นกัน แต่
พวกเขาต้องละทิ้งความปรารถนานี้เมื่อได้ยินคำพูดของซูผิง พวกเขา
รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ทำผลงานให้ดีขึ้นในระหว่างการสำรวจ
ซูหลิงเยวี่ยสังเกตเห็นว่าซูผิงไม่ได้พูดในสิ่งที่เธออยากฟัง เธอมอง
เขาด้วยความสับสน เธอไม่มีความสุขหรือผิดหวัง เป็นธรรมชาติ
ของซูหลิงเยวี่ยที่มีเหตุผลและเธอพบว่าเป็นเรื่องปกติที่การแบ่งแต้ม
สะสมควรจะขึ้นอยู่กับผลงานของแต่ละคน เธอเพิ่งพบว่ามันน่า
แปลกใจที่พี่ชายแสนน่ารังเกียจของเธอจะยุติธรรมขนาดนี้
เนื่องจากเพื่อนทั้งสามของเธอไม่เห็นด้วยกับคำพูดของซูผิง ซูหยาน
หยิงจึงคิดข้อเสนอขึ้นมา “ถ้าอย่างนั้นฉันจะเอาแต้มสะสมหนึ่งล้าน
แต้ม ซูหลิงเยวี่ยจะได้แปดแสน และพวกเธอสองคนจะได้คนละหก
แสน แบบนี้ดีไหม?”
ลู่เผิงเฟยและหญิงสาวขายาวรู้สึกโล่งใจ ความแตกต่างระหว่างส่วน
แบ่งของพวกเขาน้อยกว่าที่ทั้งสองคิด พวกเขาสามารถบอกได้ว่าซู
หยานหยิงไม่ได้แบ่งแต้มสะสมตามผลงานอย่างเคร่งครัด ถ้าเช่นนั้น
พวกเขาสองคนจะได้แค่สามถึงสี่แสน
“ขอบคุณหยิงหยิง”
“ขอบคุณ”
หญิงสาวขายาวและลู่เผิงเฟยขอบคุณซูหยานหยิง
ซูหลิงเยวี่ยมีความสุขกับผลลัพธ์และเธอมีความประทับใจที่ดีขึ้นต่อ
ซูหยานหยิง ซูหยานหยิงรู้สึกว่าภาระถูกยกออกจากไหล่ของเธอ
หลังจากเห็นพวกเขาพอใจ เธอรู้ว่าเธอทำได้ดีมากในการแบ่งแต้ม
เธอไม่ได้แบ่งตามที่สมควรได้รับทั้งหมด แต่เธอได้รับความไว้วางใจ
จากพวกเขา และพวกเขาอาจเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือเธอใน
อนาคต
เย่เฉินชานและลั่วกู่เสวี่ยมองหน้ากันแล้วยิ้ม ทั้งสองคนมองเธอใน
แง่ดีเนื่องจากเธอฉลาด
พวกเขาแบ่งของเสร็จเรียบร้อยแล้ว…ไม่สิแบ่งแต้มสะสม หลังจาก
นั้นซูผิงก็เข้าสู่เว็บไซต์ร้านค้าของนักสำรวจและค้นหาวัตถุที่เขา
กำลังมองหา
หลายรายการถูกแสดงบนหน้าเว็บ พวกเขาตื่นตาที่ได้มอง
“คุณกำลังมองหาอะไร?” ซูหลิงเยวี่ยถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นซูผิง
เรียกดูหน้าเว็บนี้
ซูผิงให้คำตอบที่คลุมเครือว่า “วัตถุดิบชนิดหนึ่ง”
“วัตถุดิบชนิดหนึ่ง?” ซูหลิงเยวี่ยยิ่งงงเข้าไปใหญ่
เย่เฉินชาน, ลั่วกู่เสวี่ยและโจวจิ่งต่างกระตือรือร้นที่จะมองว่าซูผิง
มองหาวัตถุอะไรในเมื่อเขามีพลังมากแล้ว
ทันใดนั้นลู่เผิงเฟยก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “คุณซู…เลขนี้…
คือแต้มสะสมของคุณหรอ?”
ซูหยานหยิงและหญิงสาวขายาวต่างประหลาดใจเมื่อเห็นว่าลู่เผิงเฟย
ตาดีเพียงใด พวกเขาละสายตาไปที่หน้าจอมอง ตัวเลขบนแถวด้านบน
ดึงดูดความสนใจของพวกเขา จำนวนนั้นคือ…432.9 …ล้าน?!
ทุกคนตะลึงนิ่ง
ซูหลิงเยวี่ยมองไปที่หน้าจอและตัวเลขนั้นทำให้เธอประหลาดใจ
เย่เฉินชาน, ลั่วกู่เสวี่ยและโจวจิ่งก็มองจากหางตา ทั้งสามคนตกใจ
พอ ๆ กันเมื่อเห็นตัวเลข ซูผิงมีแต้มสะสมมากกว่าสี่ร้อยล้านแต้ม?
สำหรับพวกเขา นักสำรวจระดับทองที่สร้างชื่อเสียงมานานหลายปี
แต้มสะสมจำนวนนี้นั้นน่าเหลือเชื่อมาก!
พวกเขาทั้งสามจ้องไปที่ซูผิงด้วยความประหลาดใจอย่างที่สุด
ซูผิงไม่คิดว่ามันเยอะ เขาแลกเปลี่ยนแค่สมบัติเพียงเล็กน้อยที่พบใน
อาณาจักรลับเท่านั้น เขาจะมีแต้มสะสมมากขึ้นได้อย่างง่ายดายหาก
เขาแลกเปลี่ยนสมบัติขั้นสูงบางอย่าง
เขาใช้สมบัติเหล่านั้นเพื่อแลกแต้มสะสมเพื่อที่เขาจะได้มีโอกาสซื้อ
วัตถุดิบที่เขาต้องการสำหรับการพัฒนาร่างกายของเขา ซูผิงตอบ
กลับลู่เผิงเฟยสั้น ๆ เขากวาดหน้าจอสัมผัสเพื่อเรียกดูรายการต่าง ๆ
รายการเลื่อนไปเรื่อย ๆ
ในร้านค้าซูผิงยังพบผลไม้ชีวิตที่สามารถรักษาโรคของแม่เขา และ
ผลไม้อายุยืนที่สามารถเพิ่มอายุขัยของคนได้ถึงห้าปี แต่ผลไม้อายุยืน
มีผลเพียงครั้งเดียวสำหรับแต่ละคน การทานผลไม้เหล่านั้นมากขึ้น
ไปก็เปล่าประโยชน์
ทั้งสองชิ้นแพงและต้องใช้แต้มสะสมหนึ่งล้านแต้ม สำหรับนัก
สำรวจทั่วไป การได้รับแต้มสะสมหนึ่งล้านแต้มเป็นนัยว่าต้องฆ่า
อสูรระดับแปดหนึ่งตัว แต่ในกรณีของซูผิงหนึ่งล้านนั้นไม่มี
ความหมายอะไรเลย
ซูผิงซื้อพวกมันทั้งสองแล้วเลื่อนลงไปด้านล่าง
ในไม่ช้าเขาก็พบรายการที่ต้องการ : ผลึกไฟ
นั่นมาจากหัวใจของอสูรระดับเก้าขั้นสูงสุด ผลึกไฟมีองค์ประกอบ
ไฟที่เข้มข้นและทรงพลัง สำหรับอสูรในตระกูลไฟการกิน ผลึกไฟ
จะหมายความว่าพวกมันสามารถเพิ่มขึ้นหนึ่งขั้นโดยตรง มีความ
เข้าใจทักษะเกี่ยวกับไฟมากขึ้น เพิ่มความแข็งแกร่งของธาตุไฟในตัว
และทำให้พวกมันเข้ากันกับธาตุไฟได้มากขึ้น ผลึกไฟเป็นสิ่งของที่
ได้รับการยกย่องอย่างมาก
ราคาของ ผลึกไฟคือสามล้านแต้มสะสม
นั่นเป็นราคาที่ซูผิงสามารถจ่ายได้สบาย ๆ อย่างไรก็ตามสีของสินค้า
นี้เป็นสีเทาซึ่งบ่งบอกว่าสินค้าหมดแล้ว
อะไรฟะ?
ซูผิงพูดไม่ออก นี่เป็นเรื่องที่น่ารำคาญและน่าวิตก
นั่นเป็นรายการสุดท้ายที่เขาต้องการสำหรับการบ่มเพาะกายแสง
อาทิตย์ระดับสองของเขา เขาเจอมัน แต่มันหมด
ซึ่งก็คือคือเขาต้องไปเว็บอื่น
นั่นจะเสียเวลามาก
ซูผิงหายใจเข้าลึก เพื่อสงบสติอารมณ์ ด้วยความหงุดหงิด ซูผิงปิด
หน้าเว็บออกจากระบบบัญชีของเขาและเดินออกไป
“เฮ้อ” ซูผิงถอนหายใจ
ในตอนนั้นคนอื่น ๆ ก็สงบลงจากความตกใจที่เห็นแต้มสะสมจำนวน
มหาศาลของซูผิง เย่เฉินซานสังเกตว่าสินค้าที่ซูผิงต้องการซื้อหมด
แล้วและเขาก็ผิดหวัง เย่เฉินชานจึงถามว่า “คุณซู คุณรีบรับของชิ้นนี้
หรือเปล่า? บางทีคุณอาจไปประมูลเพื่อลองเสี่ยงโชค หรือถ้ามัน
เร่งด่วนกว่านั้น ผมสามารถช่วยคุณตั้งเงินรางวัลได้ แต่นั่นจะทำให้
คุณต้องเสียแต้มสะสมมหาศาล”
“เงินรางวัล?” ซูผิงมองเขาด้วยความสับสน
“ถูกต้องแล้ว เราสามารถปล่อยภารกิจในหมู่นักสำรวจเมืองหลงเจียง
ได้ คุณสามารถขอ ผลึกไฟหรือที่อยู่ของอสูรได้” เย่เฉินชานอธิบาย
ซูผิงรู้สึกทึ่งกับข้อเสนอนี้ “งั้นก็ขอทั้งสองอย่าง ผมต้องทำยังไง?”
“ผมจะช่วยคุณเอง” เย่เฉินชานตอบ “แต่ถ้าคุณขอ ผลึกไฟโดยตรง
รางวัลจะต้องเป็น…ผมคิดว่ามากกว่าสิบล้าน ในทางกลับกันถ้าคุณ
ขอที่อยู่ของอสูรแค่มากกว่าหนึ่งล้านก็เพียงพอแล้วสำหรับรางวัล”
ซูผิงตอบโดยไม่ลังเลใด ๆ “ขอทั้งคู่ ผมไม่สนใจแต้มสะสม”
เย่เฉินชานฝืนยิ้ม เขารู้ว่านี่จะเป็นคำตอบของซูผิง แน่นอนว่าด้วย
จำนวนแต้มสะสมที่ซูผิงมี เขาสามารถจ่ายได้อย่างแน่นอน
“โอเค คุณซูผมจะแจ้งให้คุณทราบทันทีที่มีอะไรคืบหน้า” เย่เฉินชาน
พูด
ซูผิงพยักหน้า “ขอบคุณ”
“ยินดีครับ” เย่เฉินชานยิ้ม
ลั่วกู่เสวี่ยพูดเสริมว่า “บางทีคุณอาจตรวจสอบสำนักแลกเปลี่ยนที่
สถาบันก็ได้ สถาบันของเรารู้ช่องทางลับเพื่อรวบรวมสิ่งของดี ๆ
ฉันให้แต้มสะสมคุณได้บ้างถ้าคุณมีไม่พอ”
ดวงตาของซูผิงเปล่งประกาย จริงด้วย เนื่องจากเขาได้เป็นอาจารย์ที่
สถาบันฟีนิกส์ เขายังไม่ได้รับผลประโยชน์ใด ๆ ตงซงหมิงเคยให้
คำมั่นสัญญาว่าจะใช้แต้มแลกสมบัติบางอย่างที่หาได้ยากในตลาด
มืด เขาไม่เคยลอง บางทีเขาอาจจะเจอสิ่งที่ต้องการในสถาบัน
“งั้นคุณซูคุณสามารถดูที่สถาบัน และผมจะโพสต์ภารกิจเช่นกัน ถ้า
คุณสามารถหาได้บอกผมแล้วผมจะยกเลิกภารกิจ” เย่เฉินชานพูด
ซูผิงพยักหน้า การลองใช้ทางเลือกหลายทางอาจเพิ่มโอกาสใน
ความสำเร็จ
ซูหยานหยิงและนักเรียนฟังการสนทนาด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน
ราวกับว่าพวกเธออยู่กันคนละโลก
ซูหยานหยิงเข้าสู่ระบบบัญชีของเธอ และจัดสรรแต้มสะสมสามล้าน
แต้มอย่างรวดเร็ว
เธอออกจากระบบหลังจากทำเสร็จแล้ว ซูหลิงเยวี่ยกำลังคิดที่จะเข้าสู่
ระบบบัญชีของเธอ แต่ยังไม่เข้า เธอเหลือบไปที่ซูผิงและถามว่า
“นายซื้อผลไม้แห่งชีวิตหรือเปล่า?”
“ซื้อ”
“นั่นเพื่อ…” ซูหลิงเยวี่ยลังเล ซูผิงพูดไม่ออกกับปฏิกิริยาของเธอ
“แน่นอนสำหรับแม่” ซูผิงพูดอย่างไม่เต็มใจ ซูหลิงเยวี่ยเดาได้ว่า
ซูผิงซื้อให้แม่ของพวกเธอ การซื้อผลไม้แห่งชีวิตเป็นเป้าหมายของ
เธอมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้เธอมีความกล้าหาญที่จะกระโดด
ออกมาโต้เถียงกับโจวเฟิงโดยไม่คำนึงถึงผลที่ตามมาก็เพราะเธอ
หมดหวังและต้องการได้แต้มมาซื้อผลชีวิตให้แม่เธอ
แต่เป้าหมายที่ยากลำบากของเธอนี้สำเร็จอย่างง่ายดายด้วยฝีมือของ
ซูผิง…
ซูหลิงเยวี่ยรู้สึกแย่เล็กน้อย เธอได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในตัวเขาครั้ง
แล้วครั้งเล่า แต่เธอไม่สามารถกำจัดภาพลักษณ์ตั้งแต่เด็กที่เธอมีต่อ
เขาได้ ในขณะนี้ซูหลิงเยวี่ยก็ตระหนักได้ว่าพี่ชายที่น่ารังเกียจของ
เธอได้กลายเป็นเสาหลักของครอบครัวอย่างแท้จริง
ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเธอเป็นความภาคภูมิใจของครอบครัวมาโดย
ตลอด … ความภาคภูมิใจของแม่
ในขณะนี้เธอรู้สึกว่าซูผิงคงเป็นความภาคภูมิใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ
ครอบครัว และแม้แต่ … แม้แต่เธอเองก็ยังภูมิใจในตัวเขา ซูผิงไม่รู้
ว่าซูหลิงเยวี่ยคิดยังไง และเขาก็ไม่ได้สนใจที่จะอยากรู้ เขาอำลาเย่
เฉินชานและลั่วกู่เสวี่ย “ผมต้องกลับไปที่เมืองฐานแล้ว พวกคุณ
กำลังจะมุ่งหน้ากลับหรือเปล่า?”
ลั่วกู่เสวี่ยส่ายหัว “ฉันต้องจัดการอย่างอื่นก่อน ฉันจะกลับในอีกสอง
สามวัน”
“ผมด้วย” เย่เฉินชานพูด
ซูผิงถามอีกครั้ง “คุณให้ผมยืมรถได้ไหม”
เย่เฉินชานตอบทันที “แน่นอน ผมกลับพร้อมลั่วกู่เสวี่ยได้ คุณใช้รถ
ของผมได้”
“โอเค”
ซูผิงไม่ได้พูดขอบคุณ แต่เขาจะจำความมีน้ำใจของเย่เฉินชานไว้
ซูหยานหยิง, ลู่เผิงเฟยและหญิงสาวขายาวก็บอกลาซูผิงเช่นกัน ซูผิง
พยักหน้าให้พวกเขาและบอกพวกเขาเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องระวังใน
ขณะที่พวกเขาออกสำรวจ
ซูหลิงเยวี่ยได้สติและพึมพำลาซูผิง
ซูผิงมีความคิดอื่น ๆ “เธอจะกลับกับฉันไหม?”
“ทำไม?” ซูหลิงเยวี่ยรู้สึกประหลาดใจ
“ไม่ทำไม” ซูผิงไม่เต็มใจที่จะอธิบาย
ซูหลิงเยวี่ยพบว่าสิ่งนี้แปลก เธอมองเข้าไปในดวงตาของซูผิงและ
เธอก็บอกได้ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกกระวนกระวาย
ใจ
แต่เธอไม่ได้แสดงความสับสน เนื่องจากมีคนอื่นมองอยู่
เมื่อพูดคำอำลาแล้วซูผิงก็พาซูหลิงเยวี่ยขึ้นรถและขับออกไป
“เกิดอะไรขึ้น?” ซูหลิงเยวี่ยไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะตรวจสอบรถคัน
นี้ เธอตั้งคำถามทันทีที่พวกเขาอยู่นอกฐาน
ไม่มีใครอยู่รอบ ๆ แต่ซูผิงก็ยังไม่ได้ลงรายละเอียดกับเธอ “ฉันไป
อาณาจักรลับมา และอาจจะทำให้บางคนไม่พอใจ ในกรณีที่คน
เหล่านั้นต้องการมาหาฉัน เธอและแม่จะต้องอาศัยอยู่ในร้าน”
ซูหลิงเยวี่ยถึงกับผงะ
เท่าที่เธอสามารถบอกได้ ผู้ที่ไปอาณาจักรลับเป็นคนทรงพลัง ตาม
ตรรกะนั้น คนที่ซูผิงยั่วยุย่อมเป็นบุคคลที่ไม่ธรรมดาแน่
ในขณะเดียวกันเธอก็ไม่เข้าใจการเลือกใช้คำของซูผิง “ทำไมนายถึง
พูดว่านายอาจทำให้คนบางคนไม่พอใจ? นายไม่สามารถบอกได้ว่า
นายทำให้คนอื่นอารมณ์เสียหรือเปล่า?”
ซูผิงเหลือบมองเธอ “ถ้าเธอถามฉัน ฉันจะบอกว่าฉันไม่ได้ทำให้ใคร
ขัดใจ อย่างไรก็ตาม คนขี้เหร่บางคนอาจอิจฉาในความหน้าตาดีของ
ฉันและพวกเขาก็อยากมาหาฉัน เธอจะบอกว่าเธอทำให้พวกเขาขัด
ใจไหมละ?”
ซูหลิงเยวี่ยพูดไม่ออก
เธอเคยชินกับความจริงที่ว่าซูผิงไม่เคยทำตัวปกติ ดังนั้นเธอจึงรู้ว่านี่
เป็นวิธีอธิบายของเขา
“คือ นายเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผลประโยชน์ของคนอื่น?”ซูหลิงเยวี่ยคิด
เหตุผลได้อย่างรวดเร็ว
ซูผิงพยักหน้า “เอาเถอะ อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้โง่ขนาดนั้น”
ซูหลิงเยวี่ยเลิกคิ้ว เธอกอดอกและพูดเบา ๆ ว่า”ฉันเป็นอัจฉริยะ ฉัน
เป็นที่ 1 ในรุ่นฉัน! ไม่เป็นไร ฉันไม่อยากคุยเรื่องนี้ ยังไงก็ตามนายรู้
ไหมว่าใครอยากมาหานาย? เราควรซ่อนตัวแบบนี้ตลอดไปเลย
เหรอ?”
ซูผิงเหล่ “ตอนนี้ฉันยังไม่รู้ แต่อีกไม่นานก็รู้”
พวกเขาขับรถเข้าไปในเมืองฐาน
หลายชั่วโมงต่อมา ท่ามกลางเสียงคำรามของเครื่องยนต์ พวกเขา
มาถึงถนนในเขตเมืองตอนล่าง
ซูผิงเริ่มให้ความสนใจทันทีที่พวกเขามาถึงถนน หากผู้ควบคุม
เบื้องหลังของอาณาจักรลับพบว่าเขาเป็นใคร บุคคลนั้นอาจตั้งการ
ซุ่มโจมตีไว้แล้ว
เขาไม่ลดความเร็ว โชคดีที่ถนนโทรมและห่างไกล มีผู้คนเพียงไม่กี่
คน
ไม่นานพวกเขาก็มาถึงร้าน
ความจริงที่ว่าไม่มีใครขวางทางพวกเขาในระหว่างทาง ทำให้ซูผิง
โล่งใจ แน่นอนว่าคนเหล่านั้นยังไม่ได้ลงมือ
เขาลงจากรถ จากนั้นเขาก็หยิบกุญแจออกมา บอกให้ซูหลิงเยวี่ยเข้า
ไปในร้านพร้อมกับเขา
ซูผิงปิดประตูบานเกล็ดและพูดกับซูหลิงเยวี่ย “โทรหาแม่ บอกให้
แม่มาที่ร้าน”
ซูหลิงเยวี่ยรู้สึกประหม่ามากขึ้นหลังจากที่เห็นซูผิงแสดงท่าทีจริงจัง
เธอจึงรีบโทรไปที่บ้านทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว