“ คุณเป็นเจ้าของที่นี่เหรอ?”
ฉินเส้าเทียนก้าวเข้ามาใกล้เคาน์เตอร์ และพูดเสียงเบา
“ใช่”
ฉินเส้าเทียนยังคงทำตัวลึกลับ ซึ่งซูผิงคิดว่าเขาดูโง่
ฉินเส้าเทียนจ้องซูผิง ฉันกล้าถาม แต่ฉันไม่คิดว่านายจะกล้าตอบ ฉินเส้าเทียนคิด’ถ้านายเป็นเจ้าของ นายจะอธิบายเรื่องผู้หญิงจากตระกูลถังยังไง’
แน่นอนฉินเส้าเทียนไม่ได้วางแผนที่จะ“ ตอกย้ำเรื่องโกหก” เขาคิดไม่ออกว่าทำไมทายาทตระกูลถังถึงมาอยู่ที่ร้าน หากตระกูลถังต้องการสร้างธุรกิจในเมืองฐานหลงเจียงก็ไม่จำเป็นต้องให้ว่าที่ผู้นำมาเอง ไม่ต้องพูดถึงการอยู่ที่นี่ในฐานะพนักงาน ความหมายนีเคืออะไร? ไม่ว่าตระกูลถังจะเป็นยังไง ฉินเส้าเทียนก็ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะสอบสวนอะไรเพิ่มเติม เขาอาจจะไม่สามารถออกจากร้านได้หากเขารู้ความลับบางอย่าง
สมาชิกในตระกูลเตือนเขาไม่ให้มาที่ร้านค้า ตระกูลฉินและร้านค้าไม่ได้ขัดแย้งกัน ถึงกระนั้นทั้งตระกูลฉินและตระกูลใหญ่อื่น ๆ ก็ยังไม่ทราบสาเหตุว่าทำไมร้านค้าจึงปรากฏตัวในเมืองฐานหลงเจียง ดังนั้นการรักษาระยะห่างให้ปลอดภัยจึงเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุด ฉินเส้าเทียนไม่ได้บอกใครว่าเขาจะมาที่นี่ ยกเว้นผู้อาวุโสที่ภักดีต่อเขาซึ่งรออยู่นอกร้าน ฉินเส้าเทียนกระตือรือร้นที่จะค้นหาว่าร้านนี้มีอะไรแปลก ๆ
ส่วนเรื่องความปลอดภัย เขาได้พิจารณาแล้ว เขาเชื่อว่าร้านค้าจะไม่ทำอันตรายใด ๆ กับเขา ท้ายที่สุดร้านค้าได้เป็นศัตรูกับตระกูลหลิวและโจวแล้ว ไม่น่าเป็นไปได้ที่ร้านค้าจะสร้างปัญหากับตระกูลฉินในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ผู้อาวุโสก็อยู่ข้างนอก ฉินเส้าเทียนเชื่อว่าเขาสามารถหลบหนีได้อย่างปลอดภัย หากเกิดอะไรขึ้น
“ ผมได้ยินมาว่านามสกุลของคุณคือซูใช่ไหม? ผู้อาวุโสบางคนในตระกูลของผมบอกผมเกี่ยวกับเรื่องของคุณ”ฉินเส้าเทียนเหล่ เขารู้ว่าชายหนุ่มคนนี้คือซูผิง พี่ของหญิงสาวที่เขาแพ้เขาเมื่อวันก่อน
ฉินเส้าเทียนค้นคว้าเรื่องของหญิงสาวทันทีที่เขากลับบ้าน มันไม่ใช่งานยาก ชื่อที่อยู่ที่จดทะเบียนและวุฒิการศึกษาของเธอถูกระบุไว้อย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเกี่ยวกับสมาชิกในครอบครัวของเธอยังคลุมเครือ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่ชายของเธอ ข้อมูลของซูผิงยังไม่สมบูรณ์ รัฐบาลไม่เต็มใจที่จะเปิดเผยอะไรเกี่ยวกับเขา “จริงไหมครับ?”
ซูผิงนึกถึงฉินชูไห่ นั่นเป็นสมาชิกอาวุโสคนเดียวของตระกูลฉินที่เขารู้จัก
ซูผิงยังคงสงบ ฉินเส้าเทียนไม่รังเกียจที่เขาจะเปิดเผยตัวตนที่นี่ เขาเชื่อว่าซูผิงน่าจะจำเขาได้ ท้ายที่สุดเขาไม่สามารถปลอมพลังงานของเขาได้ นอกจากนี้ลุงฉินชูไห่ยังบอกเขาว่าชายหนุ่มคนนี้อาจเป็นนักรบอสูรกิตติมศักดิ์
ส่วนชายหนุ่มเป็นนักรบกิตติมศักดิ์จริงหรือไม่นั้น ยังคงต้องรอการยืนยัน ถึงกระนั้นดูเหมือนว่าเขาจะมีความแข็งแกร่งเท่ากับระดับกิตติมศักดิ์
สำหรับคนอื่นข่าวนี้อาจดูไม่น่าเชื่อ แต่เมื่อฉินเส้าเทียนได้ยินสิ่งนี้เป็นครั้งแรก ความตกใจของเขาก็คงอยู่เพียงชั่วขณะ ท้ายที่สุดเขาเองก็มีความสามารถแข็งแกร่งพอที่จะฆ่าอสูรร้ายระดับเก้าได้
แม้ว่าฉินชูไห่จะไม่ได้พูดเกินจริงใดๆเกี่ยวกับเจ้าของร้าน แต่เขาก็เป็นคนที่มีความสามารถเหมือนฉินเส้าเทียน
ฉินเส้าเทียนไม่คุ้นเคยกับความจริงที่ว่าคนอื่นในเมืองฐานหลงเจียงอาจมีพลังมากเท่าเขา แต่เขาก็ยอมรับได้
เขามีวิสัยทัศน์กว้างขวาง เขาตระหนักดีว่ายังมีอัจฉริยะอีกมากมายในที่อื่น ๆ ตัวอย่างเช่นสถาบันที่เขากำลังจะเข้าร่วมในไม่ช้าก็เป็นสถานที่ที่ผู้มีความสามารถมารวมตัวกัน ที่ร้านนี้ก็ด้วย
แต่ไม่ช้าก็เร็วเขาจะต้องเหนือกว่าคนอื่น
เป้าหมายของเขาคือต้องแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ! “ ผมได้ยินมาว่าคุณเป็นนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ เป็นเรื่องจริงหรือไม่?”ฉินเส้าเทียนยังคงพูดเสียงต่ำ
ซูผิงเลิกคิ้ว “ แค่ข่าวลือ ผมยังไปไม่ถึงระดับนั้น”
ซูผิงยังคงสงบ ฉินเส้าเทียนยิ้มเล็กน้อย นั่นคือสิ่งที่เขาคิด นักรบอสูรกิตติมศักดิ์ทั้งหมดต่างมีฉายา ตัวอย่างเช่นฉินชูไห่เป็นราชาแห่งดาบ
แต่ถึงแม้ฉินชูไห่จะไม่รู้จักฉายาของซูผิง ฉินชูไห่ก็ได้ถามถึงฉายาของซูผิง อย่างไรก็ตามทุกครั้งซูผิงจะตอบว่าเขายังไม่ถึงระดับนั้น และเขายังไม่ได้เป็นนักรบกิตติมศักดิ์
เช่นนี้ฉินชูไห่จึงสามารถบอกได้เพียงว่าซูผิงมีความสามารถระดับกิตติมศักดิ์ แต่เขาไม่แน่ใจว่าความจริงเป็นยังไง
ฉินเส้าเทียนเชื่อมั่นว่าถ้าซูผิงไม่หลอกอายุของเขา เขาคงไม่สามารถเป็นนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ได้ ไม่น่าเป็นไปได้ที่นักรบอสูรกิตติมศักดิ์จะยังเด็กขนาดนี้!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว