ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว นิยาย บท 345

ตอนที่ 345 รอบท้าทาย
  “เธอหมายความว่าให้ฉันไปแย่งบททดสอบสวรรค์?”
  ข้อเสนอของเธอทำให้ซูผิงแปลกใจ
  โจแอนนาพูดเหมือนเธอไม่ได้กำลังพูดถึงบททดสอบสวรรค์แต่เป็นการได้รับอาหารฟรี
  “ใช่เหมือนกับการฉกบททดสอบสวรรค์ของใครบางคน”โจนแอนนายืนยันคำตอบ”หาสิ่งที่มีชีวิตที่กำลังจะถึงระดับตำนานและเมื่อบททดสอบสวรรค์เริ่ม ให้อสูรนายเข้าร่วม นายสามารถนำอสูรกลับมามีชีวิตได้อีกต่อให้พวกมันถูกฆ่าโดยบททดสอบสวรรค์ไม่ใช่เหรอ?งั้น อสูรของนายก็สามารถรับบททดสอบได้หลายครั้งเลย”
  ซูผิงจ้องมองโจแอนนาอย่างตกตะลึง
  นั่น..อาจได้ผลจริง!
  ในสนามบ่มเพาะอสูรของเขาจะไม่ตายจริงและพวกมันก็สามารถมีพลังงานที่กลั่นโดยบททดสอบสวรรค์! นั่นควรเป็นวิธีการที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพสุด!
  วิธีนี้อาจได้ผล!
  “ฉลาดมากถึงกับคิดวิธีแบบนี้ได้ สมกับเป็นจิ้งจอกแก่ที่อยู่มานานหลายปี!”ซูผิงอดอุทานไม่ได้
  โจแอนนาดึงหน้า”มันไม่เกี่ยวกับสติปัญญาของฉันแต่นายโง่ต่างหาก!แถม ตัวตนจริงของฉันนั้นมีชีวิตยืนยาวก็จริง แต่ฉันไม่แบ่งปันความทรงจำกับร่างจริงฉัน มันแค่ว่าตอนฉันเกิด ตัวตนจริงฉันได้ถ่ายทอดความสามารถบางอย่างมา พูดในทางทฤษฏี ฉันอายุแค่ 17 ในปีนี้!”
  ซูผิงตกใจ
  17?
  “เธอจะวางแผนชั่งขนาดนี้ได้ไงถ้าอายุแค่17?”
  “นาย!”
  โจแอนนากัดฟันด้วยความโกรธ
  ซูผิงหัวเราะแต่หยุดล้อเล่นหลังจากนั้นยังไงก็ตาม ข้อเสนอของโจแอนนาได้ตอบสนองสิ่งที่เขาต้องการแล้ว ไม่งั้น เขายังคงไม่รู้ว่าต้องทำอะไร
  “ไปกันเถอะแต่ฉันไม่คิดว่าการหาตัวคนหรืออะไรที่ใกล้กับระดับตำนานจะง่าย”ซูผิงยังกังวล
  วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีแต่เขาคิดว่าการค้นหาสิ่งมีชีวิตที่เหมาะสมยังห่างไกลจากงานกล้วยๆ
  “อืมฉันด้วยได้แค่นั้นแหละ”
  โจแอนนาแค่นเสียงเนื่องจากซูผิงกำลังจะไป เธอจึงไม่ต้องอยู่ในคอกเลี้ยงดูคนเดียว เธอก้าวออกมาขยายเป็นขนาดมนุษย์ เธอปรับขนาดเธอเพราะร่างเดิมเธอใหญ่เกินไปสำหรับสถานที่นั้น
  ซูผิงพยักหน้าโจแอนนาสามารถบอกให้ลูกน้องเธอหาสิ่งมีชีวิตแบบนั้นได้ มันง่ายกว่าการที่เขาพยายามหาเองมาก”ขอบใจมาก เมื่อเราจัดการเรื่องนี้เสร็จ ฉันจะประเมินคะแนนยอดเยี่ยมให้เธอ”ซูผิงพูด
  เขาสามารถประเมินพนักงานของเขาได้ทุกเดือน
  การประเมินยอดเยี่ยมสามารถมอบ10 คะแนนให้พนักงานได้
  เหนือกว่ายอดเยี่ยมคือโดดเด่นซึ่งถือเป็น 50 คะแนน
  เนื่องจากโจแอนนาช่วยเขาฝึกอสูรและเพิ่งแก้ปัญหาใหญ่ให้เขาเธอจึงสมควรได้รับคะแนนสูงสุดแต่ซูผิงคิดว่าเขาจะก้าวได้ดีขึ้น ถ้าเขามอบคะแนนดีๆให้เธอทุกการประเมิน เธอจะไม่เรียนรู้ที่จะยึดมั่นสิ่งนั้นนอกจากนี้ เธอจะมีแรงจูงใจมากขึ้นด้วยโอกาสที่จะได้รับคะแนนที่ดีขึ้น
  หึเป็นความคิดที่ชั่วร้ายมาก!
  โจแอนนามึนงงไปชั่วขณะหลังได้ยินคำพูดเขา
  เธอแปลกใจที่ได้ยินเขาพูดถึงการประเมินเธอทำงานให้ซูผิงโดยไม่บ่นเพราะการฝึกอสูรให้เขาง่าย เธอมักจะมอบหมายงานให้ลูกน้องเธอ
  ในระหว่างนี้เธอสามารถกลับไปบ้านเธอเพื่อพักผ่อนหรือทำธุระส่วนตัวได้
  ดังนั้นสำหรับเธอ การทำงานให้เขาเป็นข้อตกลงที่ยุติธรรม
  เธอยอมแลกโอกาสกลับไปแดนเทพขณะทำงานให้เขา
  มันน่าแปลกใจที่ซูผิงที่เธอไม่เคยตั้งใจทำงานให้จะมอบผลการประเมินดีๆให้เธอ
  เธอรู้ว่าเธอจะได้รับ10 คะแนนจากการประเมินคะแนนยอดเยี่ยม
  ก่อนหน้านี้สำหรับภารกิจแปลกๆ เธอได้รับ 20 คะแนนมา ถ้าเธอสามารถได้รับอีก 10 เธอก็จะมี 30
  เธอมีคะแนนตั้งต้น100 โดยรวม เธอมี 130 ใกล้กับ 200 ขึ้นไปอีกก้าว และจะกลายเป็นพนักงานยอดเยี่ยม
  นั่นหมายความว่าเธอจะมีสถานะสูงขึ้นและสามารถมีโอกาสไปเยือนโลกที่เธอชอบได้
  นั่นคือเป้าหมายของเธอ
  เธอคิดถึงคะแนนโดดเด่นในการประเมินซึ่งดีกว่ายอดเยี่ยม ร่องรอยความตื่นเต้นฉายในดวงตาเธอ
  “ถึงเวลาไปแล้ว’
  ซูผิงค้นหาหลุมศพกึ่งเทพและเข้าไป
  “การหาอสูรป่าที่กำลังจะไปถึงระดับตำนานค่อนข้างยาก”
  พวกเขามาถึงโจแอนนาจึงวิเคราะห์สถานการณ์ให้ซูผิงฟัง”เราต้องหันไปหาคนของเรา ฉันจะส่งข้อความและติดป้ายไปทั่วเมือง ฉันจะขอให้คนที่กำลังจะไปถึงระดับตำนานมาและฉันจะเสนอรางวัลมากมายให้พวกเขา และมอบสมบัติที่จะช่วยให้พวกเขารับมือกับบททดสอบสวรรค์ได้ดีขึ้น”
  ซูผิงสามารถบอกได้ว่าโจแอนนาเอาจริง”ดีแต่เราจะขัดขวางความก้าวหน้าพวกเขาไม่ใช่เหรอถ้าเราอยากทำลายบททดสอบของพวกเขา”
  ปฏิกิริยาแรกของโจแอนนาคือใช่
  แต่เธอสังเกตเห็นว่ามันคงฟังเหมือนเธอกำลังดูหมิ่นซูผิงกับคำถามโง่ๆเธอจึงหยุดคิดหาคำตอบใหม่ให้ดูนุ่มนวลขึ้น”อาจมีอิทธิพลบ้าง โดยปกติ เมื่อคนกำลังจะไปถึงระดับตำนาน สถานที่ปลอดภัยคือสิ่งจำเป็นมันต้องเป็นที่ที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นสามารถเข้าใกล้ เมื่อสิ่งมีชีวิตอื่นปรากฏระหว่างบททดสอบ มันจะยิ่งยากขึ้น!”
  ซูผิงแปลกใจ”อสูรนับเป็นสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นไหม?”
  “ไม่อสูรกับเจ้านายมีสัญญา ธรรมชาติจะถือเจ้านายกับอสูรเป็นหนึ่งเดียวกัน”โจแอนนาอธิบา
  ซูผิงพยักหน้า“ แต่เมื่ออสูรของฉันไปเข้าร่วมบททดสอบสวรรค์ คนคนนั้นจะโดนฆ่าหรือเปล่า?” ซูผิงมีคำถามเพิ่มเติม โจแอนนาตอบว่า“ การทดสอบจะยากขึ้น แต่ฉันจะให้ของวิเศษบางอย่างแก่พวกเขา เพื่อช่วยพวกเขา แม้จะมีอสูรของนายอยู่ด้วยก็ตาม แน่นอนว่าถ้าคน ๆ นั้นอ่อนแอเกินไปฉันก็ทำอะไรไม่ได้ แต่การเสียชีวิตของคนแบบนั้นไม่มีอะไรต้องเสียใจ”
  ในไม่ช้าเขาก็นึกถึงอย่างอื่น“ เธอต้องมีสมบัติและของวิเศษมากมาย เธอ…ให้ฉันบ้างได้ไหม?”
  โจแอนนาพูดไม่ออกเธอเสียใจที่พูดมากไปกว่าที่ควร
  นักธุรกิจเจ้าเล่ห์!
  “อืม…ฉันคิดว่า…” โอกาสที่จะได้คะแนนดีจากการประเมินช่วยให้เธอตัดสินใจได้ เธอตกลงทันที
  ซูผิงดีใจมากเขารู้ว่าเขากำลังโลภ แต่เขาถูกล่อลวง นี่คือเทพ ของวิเศษของโจแอนนาต้องมีพลังมากทีเดียว!
  เขาได้รับของวิเศษล้ำค่าเพียงไม่กี่ชิ้นหลังจากผ่านความยากลำบากในอาณาจักรลับถ้าเขาได้อะไรบางอย่างที่นี่เขาจะ ไร้เทียมทาน!
  เขาตำหนิตัวเองที่ไม่คิดถึงเรื่องนี้ก่อนหน้านี้
  ในขณะที่ซูผิงกำลังโทษตัวเองจู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงของระบบ “ ไม่แนะนำให้รับสิ่งเหล่านั้น เจ้าของจะไม่สามารถใช้มันได้ในโลกความจริง แม้ว่าเจ้าของจะสามารถนำพวกมันออกไปจากสนามบ่มเพาะก็ตาม”
  อะไรนะ?
  ทำไมไม่ได้?
  “ของจากสถานบ่มเพาะมีกฎของโลกเดิม และกฎเหล่านั้นสามารถใช้ร่วมกันกับกฎโลกอื่นได้!” ระบบอธิบายว่า“ ในบางกรณีถ้านายขอให้โจแอนนาพาคนของเธอไปยังโลกของนาย คน ๆ นั้นจะต้องอยู่ในร้าน นั่นเป็นเพราะกฎโลก!”
  ซูผิงยังคงพบว่ามันยากที่จะเข้าใจ“ แล้วทำไมฉันจึงนำอสูรออกจากสนามบ่มเพาะได้ รวมทั้งอาหารอสูรด้วย”
  ระบบตอบกลับว่า“เป็นเพราะร้านนี้เป็นร้านขายอสูร อสูรถูกจับด้วยแหวนจับอสูรร้ายที่สามารถช่วยขจัดความขัดแย้งของกฎของโลกที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ยังมีการจำหน่ายอสูรที่นำมาจากสนามบ่มเพาะอย่างถูกกฎหมาย ร้านค้าจะลบกฎเหล่านั้นโดยสิ้นเชิง!
  “นั่นใช้ได้กับทั้งอสูรและสินค้าที่ขายในร้าน ทั้งสองอย่างสามารถนำออกไปจากร้านได้
  “อย่างไรก็ตาม ร้านค้าไม่ได้เสนอขายของวิเศษล้ำค่า ดังนั้นของวิเศษที่เจ้าของนำออกจากสนามบ่มเพาะจะสามารถอยู่ในร้านได้เท่านั้นและจะไร้ประโยชน์อย่างที่สุดหากอยู่ห่างจากขอบเขตของร้านค้า”
  ซูผิงพูดไม่ออก
  แววแห่งความหวังที่เพิ่งถูกจุดดับลงทันที
  เขาพยายามที่จะร้องไห้แต่ล้มเหลวที่จะหลั่งน้ำตา
  จากนั้นเขาก็จำดาบกระดูกของโครงกระดูกน้อยได้
  “ข้อแรกดาบนั้นไม่ใช่สมบัติ แน่นอนว่ามีผลบางอย่างของกฎจากโลกใบนั้นบนดาบ อย่างไรก็ตามดาบกระดูกนั้นได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของอสูรโครงกระดูกของนาย กฎของโลกอื่นได้ถูกหลอมรวมแล้ว” ระบบระบุ
  ซูผิงเม้มริมฝีปาก
  ซูผิงหายใจเข้าลึกๆ และบอกโจแอนนาว่า“ ไม่เป็นไร ฉันไม่ต้องการของวิเศษของเธอ”
  โจแอนนารู้สึกงง
  เขาไม่ต้องการ?
  เธอตื่นตัวเขาไม่ต้องการของวิเศษ เขาจะพยายามถามเธอถึงเรื่องที่จริงจังกว่านี้หรือเปล่า?!
  “ทั้งหมดนี้เป็นสมบัติของเธอ เธอต้องทำงานหนักเพื่อรวบรวมพวกมัน ฉันเป็นเจ้านาย และฉันไม่ควรเอาของจากพนักงาน ” ซูผิงยังคงหน้านิ่งฟังดูจริงใจ
  โจแอนนากระพริบตาด้วยความไม่เชื่อ
  ผู้ชายคนนี้ใจดีขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?แต่นายเอาไปจากฉันมากพอแล้ว! นายใช้น้ำพุธรรมชาติของฉันไปเกือบครึ่ง!
  นายเอาผลึกเทพ!
  เมื่อนึกถึงน้ำพุธรรมชาติโจแอนนารู้สึกทุกข์ใจเธอก็หายใจเข้าลึกเพื่อสงบสติอารมณ์ เธอมองซูผิงด้วยความสงสัย “ แล้วนายต้องการอะไร?”
  ดวงตาของเธอทำให้เขาอับอายเขาโพล่งออกมาด้วยความโกรธ“ อย่ามองหน้าฉัน! เธอคิดว่าฉันเป็นเจ้านายที่ไม่มีจรรยาบรรณที่จะโลภเอาของจากพนักงานหรือไง?”
  ใช่โจแอนนาพูดกับตัวเอง
  แต่ไม่ใช่กับเขา
  ซูผิงตะคอกและทำหน้าภูมิใจ“ ฉันบอกเธอแล้วว่าฉันไม่ต้องการของวิเศษของเธอ และนั่นคือคำสัญญา ฉันจะไม่กลับคำ ฉันจะไม่เอาของวิเศษจากเธอแม้ว่าเธอจะพยายามบังคับก็ตาม!”
  โจแอนนาพบว่าการกระทำของเขาแปลกไปเธอมองเขาใกล้ ๆ ในขณะเดียวกันเธอก็ไม่คิดว่าเขาโกหกซึ่งทำให้เธอโล่งใจเธอคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ ที่จริงฉันมีบางอย่างที่อาจเหมาะกับนาย ฉันจะให้คนเอามาให้นายทีหลัง”
  เธอคงไม่รังเกียจหากซูผิงต้องการของวิเศษเพียงไม่กี่ชิ้นสิ่งที่เธอกลัวคือซูผิงสามารถเรียกร้องสิ่งที่มีค่าสูงเกินไป และล้างคลังสมบัติของเธอ ท้ายที่สุดแล้วมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่โลภมากและจะเป็นเช่นนั้นเสมอไป ซูผิงยกคางขึ้น “ ฉันบอกเธอแล้วว่าฉันไม่ต้องการ เธอไม่เข้าใจที่ฉันพูดเหรอ? ฉันรักษาคำพูดของฉันเสมอ เธอสามารถมอบของวิเศษที่สามารถทำลายโลกให้ฉันได้ แต่ฉันจะไม่เอาไป ฉันสาบาน!”
  โจแอนนาพูดไม่ออกเกิดอะไรขึ้นกับเขา?
  “ฉันจะจำคำของนายไว้” โจแอนนาพยายามยืรยัน
  ซูผิงตะคอก“ เอาเลย ฉันยืนยันตามคำพูดของฉัน!”
  “น่าสนใจ”
  “เอาล่ะ ไปหาคนที่กำลังจะขึ้นสู่ระดับตำนานให้ฉัน” ซูผิงเปลี่ยนเรื่องด้วยสีหน้าจริงจัง
  เนื่องจากซูผิงปฏิเสธของวิเศษของเธอโจแอนนาจึงสบายใจ เธอเรียกลูกน้องของเธอ และบอกพวกเขาว่าให้ทำอะไร
  ข่าวดังกล่าวถูกแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว!
  ประการแรกผู้คนในเมืองเริ่มทราบข่าวประชากรในเมืองมีมากกว่าหนึ่งร้อยล้านคน รวมทั้งมนุษย์และเผ่าพันธุ์อื่น ๆ ที่ไม่ใช่เทพ
  ข่าวปลุกระดมในเมืองผู้ที่อยู่ที่จุดสูงสุดของระดับเก้าต่างตื่นเต้น และฝึกฝนกันหนักขึ้น
  ในไม่ช้าลูกน้องของโจแอนนาก็ส่งข่าวไปยังที่อื่นนอกเมือง
  กลับมาที่ปราสาทของโจแอนนา
  ซูผิงนั่งรอข่าวดีแน่นอนเขาไม่เสียเวลาในขณะที่รอ เขาบอกให้โจแอนนาหาอสูรของตระกูลสายฟ้าให้เขาเพื่อทำหน้าที่เป็นคู่หูในการฝึก เขาต้องการพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเรียนรู้ทักษะทั้งหมดของตระกูลสายฟ้าที่ต่ำกว่าระดับตำนาน
  เนื่องจากนั่นเป็นเรื่องง่ายๆโจแอนนาจึงเห็นด้วยทันที
  คนที่ฝึกกับซูผิงอยู่ที่อาณาจักรเทพเทียบเท่ากับระดับตำนาน
  พวกเขามีอสูรที่อยู่ในระดับตำนานเช่นกันอสูรรองของพวกเขาบางตัวอยู่ที่ระดับเก้าขั้นสูงสุด
  ซูผิงต้องยอมรับว่าวิสัยทัศน์ของเขาขยายกว้างขึ้นเรื่อยๆเมื่อเขามาที่นี่
  เขาเคยเห็นเทพต่อสู้กันไม่น่าแปลกใจที่เขาจะไม่แปลกใจกับการต่อสู้ที่ลีกนักรบ“สายฟ้าปกป้อง!”
  “ภาพลวงตาเงาสายฟ้า!”  “คลื่นสายฟ้า!”
  ทักษะต่างๆถูกปลดปล่อยต่อหน้าซูผิงเขานั่งบนพื้นดูอย่างระมัดระวัง ศึกษาทักษะทั้งหมด เมื่อใดก็ตามที่เขาเรียนรู้อย่างใดอย่างหนึ่ง เขาจะบอกเทพให้บอกอสูรของพวกเขาเปลี่ยนไปใช้ทักษะอื่น
  ทีละหนึ่ง
  ซูผิงเชี่ยวชาญทักษะของตระกูลสายฟ้ามากขึ้นเรื่อยๆ
  มันแย่ที่รัฐบาลกลางถือว่า‘สายฟ้าแลบ’ เป็น 1 ใน 10 ทักษะลับที่ต่ำกว่าระดับตำนาน จริงๆแล้วทักษะนั้นเป็นทักษะระดับตำนาน ฉันไม่สามารถเรียนรู้สิ่งนั้นได้ในขณะนี้
  ซูผิงบอกเทพให้อสูรต่อสู้ของพวกเขาปล่อยคลื่นสายฟ้าเพื่อที่เขาจะได้ลอกเลียนแบบ อย่างไรก็ตามเขาต้องตกใจเพราะตระหนักว่าทักษะนั้นซับซ้อนกว่าที่คิด การกระทำดูเหมือนจะเรียบง่าย แต่กลไกการทำงานทำให้เขาไม่เข้าใจ
  “ฉันบอกได้ว่ากฎพื้นฐานสายฟ้าทำให้ฉันเรียนรู้ทักษะที่ต่ำกว่าระดับตำนานได้เท่านั้น ถ้าฉันสามารถเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับกฎแห่งสายฟ้าได้บางทีฉันอาจจะสามารถเรียนรู้ทักษะในระดับตำนานได้” ซูผิงพูดกับตัวเอง
  กฎสายฟ้าเบื้องต้นคือการผลักเปิดประตูให้ซูผิง
  บางทีเขาอาจจะได้รับกฎแห่งสายฟ้าขั้นกลางจากระบบในอนาคตแต่เขาจะต้องโชคดีมากที่ทำจะได้แบบนั้น
  ซูผิงเชื่อว่าเขาค่อนข้างจะพึ่งพาการเรียนรู้มากกว่าโชคเขาต้องหมั่นฝึกฝนกฎแห่งสายฟ้า และบางทีเขาอาจไปถึงขั้นกลางได้ด้วยตัวเอง
  หลายวันต่อมา
  “เราได้คำตอบแล้ว” โจแอนนามาที่สนามนอกปราสาทเพื่อตามหาซูผิง “ ฉันเพิ่งได้ยินว่าเทพคนหนึ่งสัมผัสได้ถึงการเรียกบททดสอบแห่งสวรรค์ เขาจะเริ่มในไม่ช้า”
  ซูผิงหยุดการเรียนรู้ของเขา“ รู้สึกถึงการเรียกของบททดสอบแห่งสวรรค์หรอ?” เขาฟังดูประหลาดใจ
  ”ใช่แล้วเมื่อนายอยู่ที่ระดับเก้าขั้นสูงสุดและมีคุณสมบัติที่จะก้าวไปสู่ระดับตำนาน นายจะรู้สึกได้ถึงการเรียกของสวรรค์ นั่นเป็นความรู้สึกที่หลายคนต้องการเมื่อถึงจุดสูงสุดของระดับเก้า เมื่อนายได้รับความรู้สึกนั้นหมายความว่านายจะไปถึงระดับตำนาน การทดสอบสวรรค์จะมาเมื่อใดก็ตามที่นายพร้อม” โจแอนนากล่าว
  ซูผิงไม่รู้เกี่ยวกับรายละเอียดที่เกี่ยวข้องคำอธิบายของโจแอนนาช่วยให้เขาเข้าใจ
  “คนนั้นมาที่เมืองนี้หรอ? เขารู้หรือไม่ว่าเขากำลังจะเข้ารับการทดสอบแห่งสวรรค์” ซูผิงถาม
  โจแอนนายิ้ม“ เขากำลังมา แต่เขาเพิ่งรู้สึกถึงการเรียก และต้องการเวลาก่อนที่มันจะเริ่มต้นอย่างน้อยครึ่งเดือน เมื่อเขาพร้อม ก็จะเริ่มกระบวนการได้ทุกเมื่อ”
  “นั่นเป็นสิ่งที่ดี ครึ่งเดือนใช่มั้ย…นานไปหน่อย แต่ฉันสามารถจัดการเรื่องนั้นได้…” ซูผิงทำการคำนวณเวลา ครึ่งเดือนจะเป็นเวลาแค่วันครึ่งในโลกแห่งความจริง
  เขาสามารถกลับมารับบททดสอบสวรรค์ได้หลังจากการแข่งขันในวันถัดไป
  “ฉันจะฝากเรื่องนี้ให้เธอจัดการ” ซูผิงกล่าว
  “ไม่ต้องกังวล” โจแอนนาตอบด้วยรอยยิ้ม
  ในไม่ช้าผู้ที่กำลังจะเข้ารับการทดสอบแห่งสวรรค์ก็มาถึงในเมือง
  โจแอนนานัดพบระหว่างเขาและซูผิงเทพคนนี้อยู่ในวัยกลางคน แข็งแรง เหมือนกับเทพองค์อื่น ๆ สูงประมาณสี่ถึงห้าเมตรเทพวัยกลางคนไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นมนุษย์ต่ำต้อยในสถานที่ที่สูงส่งเช่นนั้น
  นอกจากนี้เทพคนอื่นๆ ดูเหมือนจะกลัวมนุษย์คนนี่
  เทพวัยกลางคนสามารถมองเห็นเทพแท้จริงเทพสวรรค์ และแม้แต่เทพนักรบ
  การอยู่ท่ามกลางพวกเขาทำให้เทพวัยกลางคนหวาดกลัว
  “ยินดีที่ได้รู้จัก…” เทพวัยกลางคนทักทายซูผิงอย่างประหม่า ไม่กล้าดูแคลนมนุษย์คนนี้
  เทพเกิดมาเพื่อเหยียดมนุษย์แต่พวกเขายอมรับว่ามีผู้มีอำนาจอยู่ในหมู่มนุษย์ แม้ว่าจะไม่สามารถยืนยันระดับพลังของมนุษย์คนนี้ได้ แต่ความจริงที่ว่าเขาอยู่ที่นี่ในกลุ่มเทพทำให้มันแปลกกว่าเดิม! ซูผิงรู้สึกงุนงงสงสัยว่าทำไมเทพวัยกลางคนถึงดูเครียดขนาดนี้
  เป็นคนหนึ่งที่รู้สึกถึงการเรียกร้องของบททดสอบสวรรค์และกำลังจะกลายเป็นตำนาน
  บนโลกสีน้ำเงินเขาจะได้รับความเคารพนับถือมากกว่าปรมาจารย์ดาบ เมื่อเขามาถึงระดับตำนานอย่างเป็นทางการเขาจะกลายเป็นเจ้าเหนือหัวของทั้งทวีป
  แต่ทำไมเขาถึงประจบประแจงได้ขนาดนี้?
  ในไม่ช้าซูผิงก็เข้าใจเหตุผลมันเป็นเพราะเทพทั้งหมดที่อยู่รอบตัวเขา ในเมืองนี้เทพสวรรค์มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง และผู้ที่อยู่ในระดับตำนานก็ยิ่งมีมาก เทพวัยกลางคนคนนี้ที่ไม่ถึงระดับตำนานจะต้องเป็นหนึ่งในเทพระดับปานกลางในแดนเทพ
  “คุณรู้ไหมว่าผมกำลังคิดจะใช้พลังบททดสอบสวรรค์ของคุณ” ซูผิงถาม
  ชายวัยกลางคนตอบทันที“ ใช่ ผมรู้เรื่องนั้น ท่านหญิงได้บอกแล้วว่าท่านมีของวิเศษเพื่อช่วยให้ผมผ่านการทดสอบท่านสามารถทำทุกอย่างที่ท่านต้องการ และไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องผม”
  เอ๊ะ…ซูผิงพูดไม่ออก“ ถ้าอย่างนั้นขอให้คุณโชคดี” นั่นเป็นคำตอบเดียวที่ซูผิงสามารถตอบได้ ด้วยนิสัยของเขา เขาอยากจะตบไหล่เทพองค์นั้น แต่เนื่องจากไหล่สูงเกินไป เขาจึงใช้วิธีให้กำลังใจที่ต้นขาหนาๆของเทพ
  เทพยิ้มด้วยความลำบากใจ
  ก่อนที่เขาจะจากไปเทพวัยกลางคนหันกลับมามองซูผิงอีกครั้งและเห็นว่ามนุษย์คนนั้นเริ่มพูดคุยบางอย่างเกี่ยวกับการต่อสู้กับเทพแท้จริง “ มนุษย์คนนั้น…” แววตาแห่งความรู้สึกทุกข์ใจผุดขึ้นในดวงตาของเทพวัยกลางคน เขามองออกไปและจากไป
  ในไม่ช้าเวลาที่ซูผิงจะออกจากที่หลุมศพกึ่งเทพก็มาถึง
  เขาอยู่ที่นี่มา10 วันแล้ว
  เทพวัยกลางคนยังไม่ได้เริ่มบททดสอบสวรรค์ซูผิงทำการคำนวณบางอย่าง นี่ควรเป็นเวลาเช้าถ้าเขากลับไปในดาวเคาะห์สีน้ำเงิน เขาต้องกลับไปทานอาหารเช้าและส่งซูหลิงเยวี่ยที่งสถานที่จัดงาน
  ซูผิงไม่สามารถอยู่ที่นี่ต่อได้เขาต้องจากไป
  หนึ่งวันในโลกความจริงเท่ากับประมาณสิบวันที่นี่
  ซูผิงจะเข้าสู่การทดสอบสวรรค์ในตอนเย็นของวันถัดไปหรือตอนเช้าหลังจากนั้น
  “ได้เวลาแล้ว” ซูผิงพูดกับโจแอนนา
  โจแอนนาเข้าใจเธอพร้อมแล้ว
  วังวนปรากฏขึ้นและดึงซูผิงและโจแอนนาเข้าไป
  กลับมาที่ร้าน
  ซูผิงมองดูเวลาการคำนวณของเขาถูกต้อง
  รุ่งอรุณมาถึงแล้ว
  ซูผิงดึงถังยู่หรานออกมาจากม้วนภาพและบอกให้เธอไปทำตัวให้สดชื่น
  เมื่อเขาเปิดประตูมีคนรออยู่แล้วกว่าสิบคน
  ซูผิงเคยชินกับเรื่องนี้แล้วนอกจากนี้เขาสังเกตเห็นว่ามีลูกค้าน้อยลงเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า อาจเป็นเพราะผู้คนกำลังรอคอยการแข่งขันที่กำลังจะมาถึงในวันนี้
  การแข่งขันในวันนี้จะต้องเข้มข้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนที่แพ้ในรอบชิงชนะเลิศรอบแบ่งกลุ่มเพื่อท้าทายผู้ชนะ 10 อันดับแรกในปัจจุบัน
  ผู้ชมต่างรอคอยความท้าทายเหล่านี้และกระตือรือร้นที่จะดูว่า10 อันดับแรกจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่
  การได้ขึ้นสู่10 อันดับแรกถือเป็นเกียรติ แต่การถูกแทนที่จะเป็นเรื่องน่าเสียดาย
  ซูผิงนึกถึงสวี่คังเขายังไม่ปรากฏตัว ซูผิงบอกให้ถังยู่หรานไปรับลูกค้าที่รออยู่ข้างนอก
  ในไม่ช้าเขาก็เริ่มมองเห็นความต้องการทั้งหมดของลูกค้าครึ่งหนึ่งของพวกเขามารับอสูร ผู้ที่มาในชั่วโมงนี้ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าเก่า บางคนรับอสูรแล้วออกไปทันทีโดยไม่ได้ทดสอบผลการฝึก พวกเขาใช้วิธีนี้เพื่อแสดงให้ซูผิงเห็นว่าพวกเขาเชื่อใจซูผิง
  ลูกค้าที่เคยซื้อบริการทั้งหมดรู้ผลกระทบที่น่าทึ่งอสูรของพวกเขาอาจได้รับทักษะใหม่หรือเพิ่มความแข็งแกร่งในการต่อสู้
  พวกเขาจะสามารถทดสอบผลลัพธ์ได้เมื่อพวกเขาไปที่สนามรบเพื่อท้าทายใครบางคน
  ซูผิงไม่ได้เชิญชวนให้ลูกค้าอยู่เพื่อทดสอบก่อนเขาได้เรียนรู้วิธีใหม่: เขาจะเขียนผลการฝึกของอสูรแต่ละตัวบนโพสต์อิท
  เขาจะจดชื่อของทักษะใหม่หากอสูรได้เรียนรู้ทักษะใดๆ
  เขาจะเขียนสั้นๆ ว่าเทคนิคการต่อสู้ใดที่อสูรได้รับมา หากอสูรมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น
  ลูกค้าสามารถหารายละเอียดนั้นๆในสนามรบใดก็ได้ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ต้องเสียเวลารอการผลัดกันใช้ห้องทดสอบ
  ซูผิงสามารถบอกได้ว่าลูกค้าเก่าบางคนไม่ต้องการที่จะอยู่ในห้องทดสอบเพื่อตรวจสอบผลกระทบดังนั้นวิธีใหม่นี้จะทำให้ง่ายขึ้นสำหรับพวกเช่นกัน
  ไม่นานลูกค้าทั้งหมดก็จากไป
  ซูผิงยื่นมือออกไปและบอกให้ถังยู่หรานดูร้านเขายังบอกให้โจแอนนาคอยดูถังยู่หราน ในขณะที่เขากลับบ้านเพื่อทานอาหารเช้า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว