ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว นิยาย บท 350

ตอนที่ 350 ผู้ตัดสินสองคน
  หลังจากหลิวฉิงเฟิงลงจากเวทีไปผู้ตัดสินก็ประกาศผลอีกครั้ง สวี่คังเป็นผู้ชนะ เขาติด 10 อันดับแรก!
  เมื่อพูดจบผู้ตัดสินก็ออกไปเช่นกันเขาต้องใช้เวลาพอสมควรในการสงบสติอารมณ์ และในขณะเดียวกันก็ต้องการร้องขอความเป็นธรรม
  เขาเกือบเสียชีวิตเขาจะเรียกร้องเงินสองเท่า!
  นอกจากนี้เขาจะขอให้มีผู้ตัดสินคนอื่นหรือผู้คุ้มกันอยู่ร่วมด้วยหากพวกเขายังต้องการให้เขาเป็นผู้ตัดสิน เขาไม่ยินยอมที่จะอยู่ในม่านพลังเพียงลำพัง!
  ใครจะบอกได้อย่างแน่นอนว่าจะไม่มีอสูรร้ายที่น่ากลัวสักตัวหรือมากกว่านั้น?
  เขาโชคดีที่สุนัขมังกรดำยังสามารถกลับมาควบคุมได้ครั้งต่อไปชีวิตของเขาจะถึงจุดจบหากอสูรบางตัวควบคุมไม่ได้!
  ยิ่งเขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ผู้ตัดสินก็ยิ่งโกรธ
  เขาแค่พยายามที่จะเป็นประธานการแข่งขันที่ลีกนักรบผู้เข้าร่วมหนุ่มที่บ้าคลั่งเหล่านั้นกลับมาทำให้อาชีพนี้เป็นอาชีพที่อันตราย!
  เขาคิดว่านี่เป็นงานง่ายที่สามารถนำโชคมาให้เขาได้ฉันจะรู้ได้ยังไงว่างานนี้อันตรายถึงชีวิต!
  การประกาศของผู้ตัดสินดึงผู้ชมออกจากความงุนงงพวกเขาเห็นหลิวฉิงเฟิงจากไปด้วยอารมณ์หดหู่ พวกเขายังเห็นรอยไหม้ขนาดใหญ่ที่ทิ้งไว้ที่พื้น สัญญาณทั้งหมดบอกพวกเขาว่าการต่อสู้ที่ไม่น่าเชื่อเกิดขึ้นจริง
  หลิวฉิงเฟิงพ่ายแพ้ในทันที!
  แม้แต่ผู้ตัดสินก็ยังแทบหยุดโศกนาฏกรรมไม่ได้!
  ส่วนที่น่าสยดสยองที่สุดก็คือมังกรโตเต็มวัยของผู้ตัดสินถูกครอบงำทันทีที่มันออกมา!
  การต่อสู้กลายเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นยิ่งกว่าของซูหลิงเยวี่ย!
  หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเสียงปรบมือและเสียงเชียร์ดังกึกก้อง
  เสียงดังขึ้นเรื่อยๆ จนดังไปทั่วทุกมุมของงาน!
  ในขณะนี้ชายหนุ่มที่ยืนอยู่บนเวทีกลายเป็นดาราที่น่าจับตามองที่สุด
  สวี่คังยืนอยู่บนเวทีและมองไปรอบๆ เขาตื่นเต้นมากจนกำหมัดแน่นเพราะตัวสั่น
  นี่คือสิ่งที่ผู้ชายควรเป็น!
  ใช้ชีวิตให้รุ่งโรจน์และภาคภูมิ!
  ผู้ชายควรได้รับความแข็งแกร่งที่เข้ากับวิถีชีวิตเพื่อที่เขาจะได้ตั้งใจ!
  ”ท่าน…”
  สวี่คังจ้องไปที่สถานที่หนึ่งในผู้ชมเขาไม่สามารถมองเห็นซูผิงได้ชัดจากระยะทาง แต่เขายังคงแสดงความชื่นชมผ่านสายตา
  “ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะชนะ…”
  ในพื้นที่รอผู้เข้าแข่งขัน10 อันดับแรกที่เหลือ ผู้ท้าชิงอีก 9 คนต่างก็ตะลึงไม่แพ้กัน
  ความคิดที่ว่าสวี่คังจะชนะไม่เคยเข้ามาในหัวของพวกเขาไม่ต้องพูดถึงว่าเขาสามารถชนะได้รวดเร็วจนน่าอัศจรรย์!
  สุนัขมังกรดำแสดงพลังที่คนทั่วไปนึกไม่ถึง!
  อสูรตัวนี้แสดงทักษะระดับเก้ามากมายหลายประเภทราวกับว่ามันเป็นทักษะไร้ค่า! “ ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีอสูรร้ายที่มีความสามารถเช่นนี้ด้วย…”
  หลายคนหันจากสวี่คังไปมองหญิงสาวในพื้นที่รอหญิงสาวที่น่ากลัวคนเดียวก็น่าทึ่งมากพอแล้ว พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้เห็นคนแบบเธออีก
  “ผู้ชายคนนั้น…”
  เย่หลงเทียนแสดงความกังวลความจริงที่ว่าสวี่คังเอาชนะหลิวฉิงเฟิงไม่ใช่สาเหตุสำคัญของความกังวลของเขา อย่างไรก็ตามอสูรของสวี่คังได้บดขยี้มังกรโตเต็มวัยของผู้ตัดสินทันที นั่นคือสิ่งที่น่าตกใจ
  สวี่คังเป็นเพียงผู้เล่นรายย่อยที่เย่หลงเทียนไม่เคยให้ความสนใจอย่างไรก็ตามในขณะนี้เย่หลงเทียนกังวลเกี่ยวกับสวี่คังมากกว่าคนอื่น สวี่คังกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งพอ ๆ กับผู้หญิงคนนั้น
  ในเวลาเดียวกันฉินเส้าเทียนก็กังวลเช่นกันคิ้วที่ขมวดแน่นบ่งบอกว่าเขาไม่สงบเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป เขาหยุดจ้องมองไปบนท้องฟ้าอย่างว่างเปล่า
  ฉินเส้าเทียนไม่ได้คิดถึงสวี่คังมากนักเมื่อพบเขาในร้านของซูผิงเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจสำหรับสวี่คังที่มีหน้าตาธรรมดาที่ซ่อนอสูรที่น่ากลัวเช่นนี้ไว้
  เขาไปที่ร้านนั้น…เป็นไปได้ไหมว่า…มีความคิดเข้ามาในใจของฉินเส้าเทียนเขาเหล่ตา เขาตระหนักว่ามีบางอย่างที่เหมือนกันระหว่างหญิงสาวและสวี่คัง ลักษณะทั่วไปนั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้อสูรของพวกเขามีพลังมาก ในระหว่างนี้นักเรียนของสถาบันแอรีสได้มารวมตัวกันในสถานทีนที่ห่างไกลจากพื้นที่รอ รวมทั้งมู่เฉินเขาสามารถใช้อิทธิพลของตระกูลเพื่อให้ได้ที่นั่งที่ดีขึ้น แต่เขาเลือกที่จะไม่ทำเพราะเขาอยากจะอยู่กับคนอื่นๆมากกว่า
  ท้ายที่สุดนักเรียนเหล่านั้นก็มีพรสวรรค์เช่นกันพวกเขาสามารถเปลี่ยนเป็นสายสัมพันธ์ของเขาได้ในอนาคตและเสริมสร้างเครือข่ายกับทรัพยากรของตระกูลมู่ เมื่อเขาเข้ามาบริหารจัดการตระกูล
  เขานั่งอยู่ตรงกลางโดยมีนักเรียนคนอื่นๆ เดินมาหาเขา ราวกับมีดวงดาวมากมายที่อยู่รอบดวงจันทร์
  เขาเพิ่งจบการศึกษาและสามารถเข้าสู่100 อันดับแรกในลีกนักรบของปีนี่ มันเป็นผลลัพธ์ที่ค่อนข้างดีอยู่แล้ว นอกจากนี้เขายังทำได้ดีพอที่จะติด 1 ใน 30 อันดับแรก
  ในขณะนี้มู่เฉินและคนอื่นๆ ที่อยู่รอบตัวเขากำลังจ้องมองไปที่ชายหนุ่มบนเวทีด้วยความสับสน
  พวกเขาน่าจะคุ้นเคยกับชายหนุ่มคนนั้นแต่ดูเหมือนเขากลับกลายเป็นคนแปลกหน้า
  นี่คือสวี่คังที่พวกเขารู้จักจริงๆหรอ?
  คนที่ตกใจที่สุดคือมู่เฉินเขายังจำได้ว่าสวี่คังท้าทายเขายังไงในสถาบัน แต่ก็มักจะแพ้
  ผู้ชายที่เคยแพ้เขามาแล้วอย่างน้อยร้อยครั้งไม่เพียงแต่จะได้ผลงานที่ดีเท่านั้น…เขายังได้รับสามารถท้าทาย และติด 10 อันดับแรก!
  ความแข็งแกร่งของสวี่คังแสดงให้เห็นว่าผิดปกติ!
  แม้แต่ผู้ตัดสินยังเกือบเสียชีวิต!อสูรสามารถเอาชนะมังกรระดับเก้าได้?!
  มู่เฉินจ้องมองอย่างว่างเปล่าพร้อมกับอ้าปากค้างเป็นเวลานาน
  ในแถวหน้า
  ตัวแทนจากตระกูลใหญ่และรัฐบาลมีท่าทางจริงจังพวกเขากังวลมากขึ้นเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของสุนัขมังกรดำทักษะของมัน และจำนวนทักษะที่มันสามารถใช้ได้ นอกจากนี้ยังมีเจตนาฆ่าที่ทำให้พวกเขาหวาดกลัว คุณสมบัติทั้งหมดนั้นแทบจะไม่พบเห็นได้ในอสูร อสูรเช่นนี้น่าจะน่ากลัวยิ่งกว่ามังกรหายากทั้งสามตัว!
  พวกเขายังสงสัยว่าสุนัขมังกรดำเป็นอสูรร้ายที่ไม่รู้จักภายใต้หน้ากากของสุนัขมังกรดำ
  แน่นอนว่าสุนัขมังกรดำเป็นของจริง!
  คำอธิบายเดียวที่เป็นไปได้คือสุนัขมังกรดำนั้นพิเศษ!
  สายเลือดเป็นปัจจัยกำหนดว่าอสูรจะไปถึงระดับใดแต่ความแข็งแกร่งของอสูรนั้นขึ้นอยู่กับหวพริบ!
  สุนัขมังกรดำตัวนี้มีไหวพริบสูงสุดแถมยังได้รับการฝึกอบรมระดับมืออาชีพที่ครอบคลุม!
  ความแข็งแกร่งในการต่อสู้พลังทักษะ และความโหดร้าย สุนัขมังกรดำมีทุกอย่าง!
  อสูรบางตัวมีความแข็งแกร่งในการต่อสู้พลังและทักษะที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน แต่พวกมันจะขาดลักษณะที่โหดร้าย เช่นเดียวกับนักเรียนที่เพิ่งออกมาจากหอคอยงาช้าง อสูรเหล่านั้นจะเป็นอสูรที่ได้รับรางวัล เมื่อพวกมันเจออสูรร้าย อสูรเหล่านั้นจะตกใจและไม่สามารถแสดงความสามารถได้เต็มที่
  เห็นได้ชัดว่าสุนัขมังกรดำมีความโหดร้ายมากเกินไป
  ความจริงจะบอกว่าสุนัขมังกรดำอาจมีความรุนแรงเกินไปเพียงแค่เจตนาฆ่าและความชั่วร้ายที่อยู่รอบ ๆ มันก็เพียงพอที่จะทำให้อสูรทั่วไปส่วนใหญ่หวาดกลัว
  “ด้วยพลังเช่นนี้เขาอาจจะสามารถก้าวไปสู่เวทีระดับนานาชาติได้…” ผู้อาวุโสตระกูลโจวกล่าว
  ไม่มีใครตอบกลับความคิดเห็นของเขาแต่พวกเขาเห็นด้วย
  แม้แต่ผู้ตัดสินที่มีตำแหน่งกิตติมศักดิ์ขั้นกลางยังเกือบตายบนเวที
  พวกเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าอสูรตัวนี้อยู่ในระดับหก
  มังกรระดับเก้าถูกอสูรระดับหกข่มขู่ช่างเป็นความอัปยศ!
  “ฉันจะคุยกับอาจารย์ใหญ่ของสถาบันแอรีส เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับเด็กชายคนนี้ ตระกูลมู่ของเราจะพาเขาไปหากเขายังไม่ได้เข้าร่วมองค์กรใด ๆ ” ผู้อาวุโสจากตระกูลมู่ยิ้ม
  “อืม”
  คนอื่นๆ ตอบส่งเดช เพราะพวกเขามีความคิดเหมือนกัน
  ท่ามกลางเสียงโห่ร้องสวี่คังลงจากเวที และขณะที่เขากลับไปที่ที่นั่ง ทุกสายตาจับจ้องเขา
  ”ฉันชนะ”สวี่คังเดินเข้ามาหาซูหลิงเยวี่ยและยิ้มจนปากเกือบถึงหู
  ในขณะนี้ผู้ชมเริ่มตื่นเต้น
  ผู้เข้าร่วมที่มีเอกลักษณ์ที่สุดสองคนยืนอยู่ด้วยกันและดูเหมือนว่าพวกเขาจะรู้จักกัน นั่นเป็นการประกาศสงครามหรือไม่?
  คนที่อายุน้อยกว่าและมีอารมณ์ขันที่สุดในกลุ่มผู้ชมบางจำลองการคนคุยกัน”ฉันชนะ ฉันจะท้าทายเธอต่อไป”
  “อืม นายมีหนทางอีกยาวไกลก่อนที่นายจะมาเอาชนะฉันได้”
  ”จริงหรอ?ฉันแทบรอไม่ไหวที่จะเห็นว่าตัวไหนแข็งแกร่งกว่ากัน มังกรของเธอหรือสุนัขมังกรดำของฉัน!”
  “เราจะได้เห็นกัน”
  ”ดีเวลาจะบอกเอง!”
  ช่างเป็นการแลกเปลี่ยนที่ไม่เป็นมิตรระหว่างผู้เข้าร่วมที่ทรงพลังสองคน!
  แต่ความจริงก็คือซูหลิงเยวี่ยยิ้มหลังจากได้ยินคำพูดของสวี่คังและอุทานว่า “ฉันคิดว่าเขาจะให้นายยืมมังกร หรือโครงกระดูกนั่นซะอีก ฉันไม่รู้ว่ามันคือสุนัขสีดำตัวนี้…ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าสุนัขสีดำตัวนี้จะแข็งแกร่งขนาดนี้ มันน่ากลัวยิ่งกว่า ก้อนน้ำแข็งของฉันเสียอีก”
  มังกร?โครงกระดูก?
  สวี่คังรู้สึกประหลาดใจมันคืออสูรอีกสองตัวของซูผิงหรือเปล่า?
  “มังกรที่เธอพูดถึงมันคือมังกรเพลิงนรกหรือเปล่า?”สวี่คังถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
  ซูหลิงเยวี่ยพยักหน้า
  “ว้าว…”สวี่คังไม่รู้จะพูดอะไร ด้วยความตื่นเต้นสิ่งแรกที่คิดได้ก็คือเขาต้องยืมมังกรเพลิงนรกตัวนั้นมาสักครั้ง
  มังกรจะทำอะไรได้บ้างในเมื่อสุนัขมังกรดำยังมีพลังขนาดนี้?
  ทั้งสองกลับไปที่ที่นั่งของพวกเขาหลังจากคุยกันจบ
  ในที่สุดสถานที่จัดงานก็เงียบลง
  ผู้ตัดสินออกจากสถานที่
  คณะกรรมการไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นเพื่อให้ความตื่นเต้นดำเนินต่อไป และให้เวลาผู้ตัดสินกลับมา พวกเขายังคงพูดคุยเกี่ยวกับการต่อสู้ระหว่างสวี่คังและหลิวฉิงเฟิง
  อย่างไรก็ตามคณะกรรมการไม่กล้าพูดถึงรายละเอียดมากเกินไปแน่นอนว่าพวกเขาสามารถทำให้บรรยากาศดีขึ้นได้ แต่หลิวฉิงเฟิงมาจากตระกูลหลิว ซึ่งให้ความสำคัญกับศักดิ์ศรี คณะกรรมการกลัวการตอบโต้กลับหากพวกเขาพูดถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการต่อสู้มากเกินไป
  คณะกรรมการจะไม่ทำให้ตระกูลใหญ่ขุ่นเคืองเช่นนี้มิฉะนั้นพวกเขาจะตายโดยไม่มีใครรู้
  นั่นคือสิ่งที่ยากสำหรับงานนี้
  โชคดีที่คณะกรรมการไม่จำเป็นต้องอดทนรอนานผู้ตัดสินก็กลับมา
  เขานำผู้ช่วยมาด้วย
  ผู้ตัดสินกล่าวแนะนำโดยกล่าวว่าเขาเป็นผู้ตัดสินกิตติมศักดิ์เช่นกัน
  เหตุผลของการมีผู้ตัดสินสองคนคือเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ผู้เข้าร่วมได้รับบาดเจ็บจากไม่มีใครช่วยได้ทันเวลา
  แน่นอนว่าคนที่ฉลาดบางคนบอกได้ว่าสาเหตุหลักคือผู้ตัดสินกลัวตาย!
  นั่นเป็นเรื่องที่เข้าใจได้เมื่อพิจารณาจากการต่อสู้ที่น่าตื่นเต้นนั้น ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าการแข่งขันของลีกนักรบที่เมืองฐานหลงเจียงจะพัฒนาไปถึงระดับที่น่ากลัวขนาดนี้
  การแข่งขันเหล่านั้นโดดเด่นพอๆ กับการต่อสู้ 10 อันดับแรกในเวทีทวีป!
  ผู้ตัดสินทั้งสองขึ้นไปบนเวทีและการท้าทายยังคงดำเนินต่อไป
  ผู้เข้าร่วมบางคนพูดไม่ออกหลังจากเห็นผู้ตัดสินสองคนจะต้องเป็นครั้งแรกสำหรับการแข่งขันที่จะต้องมีผู้ตัดสินสองคนคอยดูแลตั้งแต่ลีกนักรบครั้งแรกในเมืองฐานหลงเจียง
  ในปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบที่มีมายาวนาน
  ผู้เข้าร่วมบางคนฝืนยิ้มอย่างขมขื่นพวกเขาโชคร้ายมากที่ได้เจอกับคนประหลาดในปีนี้
  การแข่งขันดำเนินต่อไปผู้ท้าชิงคนอื่น ๆ เริ่มเลือกผู้ชนะ 10 อันดับแรกที่เหลือ
  ทุกคนหลีกเลี่ยงซูหลิงเยวี่ยและฉินเส้าเทียน
  ไม่มีใครโง่พอที่จะท้าทายพวกเขาณ เวลานี้ ทั้งชาวเน็ตและผู้เข้าร่วมคนอื่น ๆ ต่างเชื่อมั่นว่าพวกเขาจะกลายเป็นแชมป์และรองชนะเลิศ
  ให้ท้าทายพวกเขา?ใครจะไม่อยากมีชีวิตอยู่?
  ในไม่ช้าเย่ห่าวและซูหยานหยิงก็ถูกท้าทาย
  การแข่งขันของพวกเขาดุเดือดแต่พวกเขาสามารถปกป้องตำแหน่งพวกเขาได้ พวกเขาใช้อสูรเพียงตัวเดียว แต่อสูรเหล่านั้นทำให้ผู้ชมประหลาดใจด้วยความสามารถระดับแปดของพวกมัน พวกเขาไม่ใช่สองคนที่ทรงพลังที่สุดใน 10 อันดับแรก แต่พวกเขาดีพอที่จะอยู่ที่อันดับเจ็ดหรือแปด
  อีกหลายคนถูกท้าทายแต่พวกเขาทั้งหมดก็ปกป้องตำแหน่งของพวกเขาได้สำเร็จ
  ผู้เข้าร่วมไม่สามารถท้าทางเป็นครั้งที่สองได้ได้
  กล่าวได้ว่านอกเหนือจากสวี่คังแล้วผู้ท้าชิงเก้าคนจะต้องยอมแพ้
  พวกเขาจะต้องมั่นใจมากพอที่จะออกคำท้าก่อนคนอื่นทางเลือกเดียวที่เหลือคือการท้าทายฉินเส้าเทียนหรือซูหลิงเยวี่ย
  แต่การท้าทายสองคนนั้นจะไม่นำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีและผู้ท้าชิงอาจได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต หากพวกเขาโชคร้าย
  ความท้าทายสิ้นสุดลงแล้วในที่สุดก็มีผู้ชนะ 10 อันดับแรกรอบสุดท้าย
  มีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับผลลัพธ์แรก
  มีผู้ท้าชิงเพียงสองคนเท่านั้นที่สามารถเข้าสู่10 อันดับแรกได้
  เหมือนเช่นเคยการแข่งขันท้าทายเป็นเหมือนอาหารเรียกน้ำย่อยสำหรับรอบต่อไป ผู้เข้าร่วมที่ทรงพลังอย่างแท้จริงมักจะชนะในการแข่งขันกลุ่มของพวกเขา
  สวี่คังเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบ
  คนที่ลังเลไม่ใช่คนมีความสามารถแบบที่ลีกนักรบต้องการ
  ท้ายที่สุดแล้วลีกนักรบมีจุดมุ่งหมายเพื่อเลือกคนห้าคนจากแต่ละเมืองฐาน
  ห้าคนจากแต่ละเมือง
  ท่ามกลาง10อันดับแรก แต่ไม่ได้อยู่ใน 5 อันดับแรกจะไม่มีประโยชน์สำหรับตระกูลใหญ่ ๆ ตัวเลขหกถึงสิบจะถือเป็นความสำเร็จส่วนบุคคลเท่านั้น
  การแข่งขันท้าทายสิ้นสุดลงแล้วถัดไป 10 อันดับแรกจะจับสลากเพื่อดำเนินการแข่งขันต่อไป
  ก่อนหน้านี้เชียร์ลีดเดอร์ได้เข้าสู่เวทีเพื่อทำให้บรรยากาศเบาลงด้วยการแสดงของพวกเธอซึ่งเป็นช่วงพักชั่วคราว
  ผู้ชมจะต้องชมสิ่งนี้หากต้องการดูการแข่งขันรอบต่อไป บางคนถือโอกาสเข้าห้องน้ำ
  ไม่นานบรรยากาศก็ผ่อนคลายขึ้นเชียร์ลีดเดอร์ออกจากเวทีและคณะกรรมการก็กลับมา ทุกคนหันไปมองหน้าจอขนาดใหญ่
  ชื่อจะถูกเลือกแบบสุ่ม
  คนดูและผู้เข้าร่วมต่างกลั้นหายใจ
  ในไม่ช้าชื่อของแต่ละคู่ก็ปรากฏบนหน้าจอ
  ซูหลิงเยวี่ยจ้องไปที่หน้าจอเธอรู้สึกโล่งใจที่เห็นว่าคู่ต่อสู้ของเธอไม่ใช่ฉินเส้าเทียน แน่นอนว่าเธอเคยเอาชนะเขามาแล้วครั้งหนึ่ง แต่เธอก็ยังไม่ต้องการเผชิญหน้ากับเขาอีก ดูเหมือนเขาจะอันตรายและสิ่งเดียวที่เธอมีคือมังกรจันทราเหมันต์
  “ฉันหวังว่าวันหนึ่งฉันจะเอาชนะพวกเขาได้ด้วยตัวเอง…” ซูหลิงเยวี่ยพูดกับตัวเอง
  ในไม่ช้าทั้งห้าคู่ก็ถูกกำหนด
  ซูหลิงเยวี่ยจะต่อสู้เย่ห่าว
  สวี่คังจะต่อสู้กับนายน้อยจากตระกูลโจว
  ฉินเส้าเทียนกับซูหยานหยิงเย่หลงเทียนจะต่อสู้กับผู้ท้าชิงคนอื่น ๆ ที่ได้เลื่อนขึ้นสู่ 10 อันดับแรก
  และคู่ต่อสู้ของมู่หยวนโส้วเป็นนักเรียน
  ซูหลิงเยวี่ยหันไปสบตากับเย่ห่าวที่นั่งอยู่ห่างออกไป
  เย่ห่าวกำลังมองมาที่เธอเช่นกันเขายิ้มอย่างฝืน ๆ
  ซูหยานหยิงกำลังจ้องไปที่ฉินเส้าเทียน;เธอรู้สึกกลัวมากเมื่อเขาหันมามองเธอในที่สุด เธอรู้สึกว่านายน้อยตระกูลฉินคนนี้ไม่เป็นมิตรเหมือนเมื่อก่อน
  เขาจะไม่ฆ่าฉันใช่ไหมเธอคิด
  ซูหยานหยิงและเย่ห่าวสบตากันความทุกข์บังเกิด
  “ฉันคิดว่าเรามาถึงจุดสิ้นสุดของการเดินทางแล้ว…”เย่ห่าวถอนหายใจ
  ซูหยานหยิงพยักหน้า”ใช่ แต่ฉันก็มีความสุขพอแล้ว เมื่อวานนี้มีบริษัทเอกชนหลายแห่งติดต่อมาหาฉัน ต้องการเซ็นสัญญาระยะยาวกับฉัน พวกเขาให้ค่าตอบแทนและผลประโยชน์ที่ดีมากกว่าสิ่งที่ฉันสามารถทำได้ในฐานะนักสำรวจ!”
  เย่ห่าวเตือนเธอ“ระวังบริษัทเอกชนด้วยล่ะ พวกเขามักจะพาเธอไปทำงานที่เสี่ยงอันตราย พยายามหาทีมนักสำรวจที่ดี จะปลอดภัยกว่า และเธอยังสามารถสร้างรายได้ที่ดีได้อีกด้วย”
  ซูหยานหยิงพยักหน้า”ฉันรู้ ทีมอื่น ๆ ก็เสนองานให้ฉันเหมือนกัน ฉันก็ดูๆอยู่ ” เย่ห่าวพยักหน้าและมองไปในระยะไกลและเพิ่งจะเห็นสวี่คังยิ้มด้วยรอยยิ้มเย่อหยิ่ง เย่ห่าวดึงหน้ายาว ผู้ชายคนนั้น เขาไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตอนนี้เขาเป็นหนึ่งในพวกเรา ฉันคิดว่าการได้รับ 1 ใน 5 อันดับแรกจะไม่เป็นปัญหาสำหรับเขา! ซูหยานหยิงหันไปทางนั้น สวี่คังที่น่าทึ่งกำลังแลบลิ้นเพื่อท้าทายเย่ห่าว
  เธอยิ้มอย่างมีชั้นเชิง“ ถ้าฉันจำไม่ผิด สุนัขมังกรดำของเขาก็ได้รับการฝึกฝนในร้านคุณซูเช่นกัน”
  เย่ห่าวประหลาดใจ“ ในร้านคุณซู? แล้วทำไมอสูรของเราถึงไม่เป็น….”
  “เขาต้องใช้เงินมากกว่าเรา” ซูหยานหยิงตอบ เธอรู้จักคนอย่างคุณซูเป็นอย่างดี
  เย่ห่าว:“ …”
  ในกลุ่มผู้ชม
  ซูผิงเอนตัวพิงเก้าอี้หาวเขาเบื่อมากจนเกือบหลับ เขาคงจะหลับไปถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าสวี่คังไม่สามารถควบคุมสุนัขมังกรดำได้ในการต่อสู้ครั้งนั้น
  “ฉันต้องระวังค่าเรื่องเช่าอสูร สุนัขมังกรดำตัวนั้นอยู่ในระดับหกและแม้แต่นักรบอสูรระดับสี่ก็สามารถเซ็นสัญญากับมันได้ อย่างไรก็ตามการจะควบคุมมันได้นั้นเป็นเรื่องยาก”
  ซูผิงถอนหายใจในตอนนั้นซูผิงต้องใช้อิทธิพลของเขาผ่านสัญญา มิฉะนั้นผู้ตัดสินและคนจากตระกูลหลิวจะต้องตาย
  แน่นอนว่าซูผิงจะไม่รู้สึกเสียใจแม้ว่าคนจากตระกูลหลิวจะตายก็ตามอย่างไรก็ตามหากเป็นเช่นนั้นสวี่คังจะถูกตัดสิทธิ์และสัญญาว่าจะส่งเขาขึ้นสู่ 5 อันดับแรกจะล้มเหลว
  สำหรับซูผิงชีวิตของคนตระกูลหลิวนั้นไม่ได้สำคัญเท่ากับชื่อเสียงของร้าน
  ท้ายที่สุดถ้าเขาต้องการให้นายน้อยตระกูลหลิวตายเขาก็สามารถไปที่ตระกูลหลิวและจบชีวิตลงด้วยตนเองได้
  ไม่จำเป็นที่จะต้องเอาชีวิตนายน้อยของตระกูลหลิวไปเสี่ยงกับความสำเร็จของสวี่คังมิฉะนั้นทุกคนที่ซื้อแพ็คเกจของเขาจะประสบความสำเร็จน้อยไปคนหนึ่ง
  นั่นคงไม่สำคัญกว่าซูหลิงเยวี่ยได้ที่หนึ่งตอนนั้นทุกอย่างดูดี เย่ห่าวและซูหยานหยิงได้ติด 10 อันดับแรก ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องแน่ใจว่าทุกคนที่ซื้อแพ็คเกจของเขาจะได้รับสิ่งที่ต้องการ
  “ไม่มีอะไรน่าสนใจเกี่ยวกับการแข่งขันระหว่างสิบคู่ต่อจากนี้…” ซูผิงถอนหายใจ เขาหลับตาและเริ่มศึกษากฎแห่งสายฟ้า เขาหมดความสนใจในการแข่งขันที่เหลือโดยสิ้นเชิง
  ตอนนี้ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของเขา
  เขาก้าวไปข้างหน้าในโลกกฎแห่งสายฟ้าและเขาสามารถศึกษาได้ด้วยตัวเอง กระบวนการนี้จะใช้เวลานานและความสามารถในการเข้าใจของเขาก็มีความสำคัญ แต่เขาจะปรับปรุงให้ดีขึ้น ตราบเท่าที่เขาสามารถเรียนได้ตลอดเวลา มันดีกว่าดูเกมน่าเบื่อที่นี่
  ถ้าไม่ใช่เพราะเขาต้องปกป้องซูหลิงเยวี่ยในกรณีที่มีคนมาทำร้ายเธอ เขาจะไม่มาที่นี่ด้วยซ้ำ
  การแข่งขันเริ่มขึ้นในขณะที่ซูผิงกำลังหมกมุ่นอยู่กับการศึกษาของเขา
  อันดับแรกคือฉินเส้าเทียนและซูหยานหยิง
  เมื่อฉินเส้าเทียนเรียกทาสโลหิตซูหยานหยิงก็ไม่ลังเล
  ถัดไปคือซูหลิงเยวี่ยและเย่ห่าว
  ไม่เสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียวเย่ห่าวยอมแพ้ก่อนที่ซูหลิงเยวี่ยจะเรียกมังกรจันทราเหมันต์เสียอีก
  ผู้ชมพูดไม่ออกหลังจากเห็นว่าการต่อสู้ทั้งสองครั้งจบลงด้วยการยอมรับความพ่ายแพ้อย่างรวดเร็วนั่นเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ นี่เป็นข้อพิสูจน์ว่าฉินเส้าเทียนและซูหฃิงเยวี่ยนั้นน่ากลัว
  คู่ต่อสู้ของสวี่คังนายน้อยตระกูลโจวก็ยอมแพ้หลังจากนั้นไม่นาน
  แม้แต่หลิวฉิงเฟิงก็ถูกสวี่คังเล่นงานนายน้อยตระกูลโจวไม่ได้ตั้งใจที่จะ“ แลกเปลี่ยนประสบการณ์” กับสวี่คัง เขาเกรงว่าเขาจะต้องพ่ายแพ้อย่างน่าสยดสยอง
  มู่หยวนโส้วและเย่หลงเทียนเป็นเพียงสองคนที่ตัดสินใจต่อสู้กันการแข่งขันเหล่านั้นจบลงอย่างรวดเร็ว -มู่หยวนโส้วและเย่หลงเทียนชนะการแข่งขันตามลำดับด้วยอสูรหนึ่งตัว
  ในหนึ่งชั่วโมงผู้ชนะ5 อันดับแรกก็เปิดเผย
  ผู้เข้าร่วมที่แพ้ทั้ง5 คนมีโอกาสท้าทายผู้ชนะ 5 อันดับแรกคนใดคนหนึ่งในปัจจุบัน แต่ทุกคนยอมแพ้
  ช่องว่างระหว่างพวกเขานั้นใหญ่มากณ จุดนี้ไม่มีใครประเมินความแข็งแกร่งของตัวเองสูงเกินตัว พวกเขามีรู้พลังของตัวเองอย่างชัดเจน หลังจากที่มาได้ไกลขนาดนั้นในลีกนักรบ
  หลังจากนั้นผู้เข้าร่วมที่แพ้ทั้งห้าจะต่อสู้กันเอง
  ต่อสู้เพื่อชิงระดับที่หกถึงสิบ
  นอกเหนือจากผู้ชมแล้วคนที่มีอำนาจในตระกูลใหญ่ๆ และรัฐบาลของเทศบาลก็ไม่สนใจการแข่งขันเหล่านั้นมากนัก บางส่วนออกไปแล้ว
  การแข่งขันเป็นไปอย่างเข้มข้นทั้งห้าคนมีความสามารถคล้ายกัน และทุกคนก็ใช้กำลังเต็มที่ พวกเขาถูกขังอยู่ด้วยกัน สำหรับการต่อสู้ระหว่าง 5 อันดับแรก กำหนดไว้ในวันต่อไป
  เจ้าหน้าที่ของรัฐเฝ้าดูจากพื้นที่รอและยิ้ม
  “ฉันคิดว่าพวกเขาจะเป็นห้าคนที่เป็นตัวแทนของเมืองฐานหลงเจียงของเรา”
  คนข้างๆพยักหน้าเห็นด้วย
  ทันใดนั้นผู้อาวุโสจากตระกูลฉินกล่าวว่า“อืม ไม่จำเป็นหรอก” เขาสวมรอยยิ้มลึกลับนั่นอีกครั้ง “ ในห้าคนนั้นจะมีอีกหนึ่งคนที่จะถูกทำให้แพ้ ฉันไม่รู้ว่าคน ๆ นั้นจะเป็นใคร มันอาจจะถูกตัดสินจากตระกูลหลิวและตระกูเย่”
  ผู้แทนรัฐบาลทั้งสองดูเหมือนจะประหลาดใจกับคำพูดเหล่านั้น
  ผู้อาวุโสของตระกูลมู่และตระกูลเย่เปลี่ยนไปเป็นมืดมนราวกับว่าพวกเขานึกถึงบางสิ่งที่น่ากลัว
  “ตั้งแต่ผู้หญิงคนนั้นมาฉันจะยอมรับความจริงว่าเรากำลังจะแพ้ ท้ายที่สุดแล้วผู้ปกครองในตระกูลของเรามีภารกิจในการปกป้องหัวหน้าตระกูลในอนาคต แต่โชคร้ายเหลือเกินที่ฉินเส้าเทียนจะแพ้นักเรียนในปีแรก… ”
  ผู้อาวุโสจากตระกูลมู่แสร้งทำเป็นรู้สึกเสียใจผู้อาวุโสจากตระกูลฉินหน้านิ่ง แต่ไม่ได้พูดอะไรอีก
  ผู้อาวุโสของตระกูลเย่มองไปที่ผู้อาวุโสของตระกูลฉินและหัวเราะเยาะ
  จากผู้ชนะ5 อันดับแรกซูหลิงเยวี่ยและสวี่คังเป็นคนที่ดีที่สุด และฉินเส้าเทียนก็พอๆกับพวกเขา คนจากตระกูลเย่และคนที่ได้รับการแต่งตั้งจากตระกูลมู่ในปัจจุบันเป็นคนที่อ่อนแอที่สุดในห้าคน
  ผู้อาวุโสของตระกูลเย่เชื่อว่าในขณะที่นายน้อยของพวกเขาไม่ได้แข็งแกร่งที่สุดและอาจแพ้ฉินเส้าเทียน แต่เขาก็น่าจะดีกว่าผู้พิทักษ์ของมู่หยวนโส้ว
  คนที่จะถูกผลักออกไปจะต้องเป็นคนจากตระกูลมู่
  ทันใดนั้นผู้อาวุโสจากตระกูลโจวก็ถามคนของรัฐบาลว่า”ยังไงก็ตามคืนนี้ผู้หญิงคนนั้นจะมาถึงใช่ไหม?”
  พวกเขารู้สึกแปลกใจพวกเขาเพิ่งรู้ตัวว่าลืมเกี่ยวกับคนสำคัญคนนั้นไปแล้ว
  “เราไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน?” ใครบางคนตอบอย่างคลุมเครือ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว