ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว นิยาย บท 351

ตอนที่ 351 หญิงสาวลึกลับ
  ในขณะที่การแข่งขันระหว่าง10 อันดับแรกดำเนินไป ทหารอาวุโสบางคนกำลังหาวอยู่ที่ขอบพรมแดนของเมืองฐานหลงเจียง
  พวกเขาเบื่อหน่ายกับการมองโดยไร้จุดหมายและอ้างว้างที่ต้องมองตลอดทั้งวัน
  บางครั้งอสูรร้ายตัวเล็กๆ บางตัวจะออกมาให้พวกเขาล่า ซึ่งจะเป็น “ความบันเทิงเดียว” ของพวกเขา
  มันเป็นเพียงวันธรรมดาอีกวันหนึ่งยกเว้นพื้นดินที่เริ่มสั่นสะเทือนในขณะนี้
  ความเกียจคร้านและความเหนื่อยล้าถูกขจัดออกไปจากใบหน้าของพวกเขาพวกเขามุ่งความสนใจไปยังแรงสั่นและพยายามติดตามแหล่งที่มาของความวุ่นวาย
  แรงสั่นสะเทือนใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็วไม่นานจากขอบฟ้า ร่างมหึมาที่สูงกว่าสิบเมตรก็วิ่งมา
  ทหารคนหนึ่งใช้กล้องโทรทรรศน์ส่องดูมันคือมังกรระดับเก้า!
  มังกรที่เข้าสู่วัยผู้ใหญ่!
  ทันใดนั้นทหารก็ยิ่งตกใจเมื่อสังเกตเห็นบางคนนั่งอยู่บนหัวมังกร นี่ไม่ใช่มังกรป่า มันมีเจ้าของ
  ในขณะที่ทหารยังคงมองเข้าไปในกล้องโทรทรรศน์ผู้บัญชาการของเขาก็กระโดดออกมา
  “เปิดประตูและเตรียมต้อนรับแขกของเรา” ผู้บัญชาการกล่าวพร้อมกัน
  ทหารยามกลับมามีสติดูเหมือนว่าผู้บัญชาการของพวกเขาจะรู้ว่าใครกำลังมา และคนๆนั้นต้องมีความสำคัญ
  ไม่นานมังกรก็มาถึง
  ทหารก้าวถอยหลังประตูที่ทำจากหินลึกลงที่พบในมหาสมุทรก็ค่อยๆเปิดออกทหารทั้งหมดยืนเข้าแถวเพื่อคำนับคนที่มาถึง นอกจากพวกเขาแล้วผู้ใต้บังคับบัญชาการทุกคนรวมทั้งนายพลต่างปรากฏตัวเพื่อรอรับแขกของพวกเขา
  มังกรชะลอตัวลงต่อหน้าพวกเขา
  สี่คนอยู่บนหัวมังกรชายวัยกลางคนและผู้อาวุโสกระโดดลงมา พวกเขาชะลอตัวลงลงพื้นอย่างนุ่มนวล การกระทำนี้ทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาประหลาดใจ นายพลเป็นชายคนเดียวที่สามารถรักษาความสงบและยิ้มได้
  ”ขอบคุณ”ชายชรายิ้ม เขาโค้งคำนับ
  “ยินดีต้อนรับ นายกเทศมนตรีของเราได้จัดเตรียมงานเลี้ยงต้อนรับท่านไว้แล้วครับ” นายพลยิ้ม เขาแอบเหลือบไปมองอีกสองคนที่ยังอยู่บนหัวของมังกร
  ทั้งคู่เป็นผู้หญิงแต่คนหนึ่งต้องเป็นสาวใช้เพราะเธอยืนอยู่ข้างหลังหญิงสาวอีกคนด้วยความเคารพ
  หญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงขอบหัวมังกรสวมชุดสีแดงสดเธอมีใบหน้าที่บอบบาง สมบูรณ์แบบ แต่มีความเย็นชาอยู่ในดวงตา ใบหน้าของเธอก็ไร้ซึ่งการแสดงออกใดๆ เธอยังคงจ้องมองไปในระยะไกล ไม่ยอมเหลือบมองทหารเลย
  นายพลไม่ได้แสดงความไม่พอใจใดๆ เนื่องจากเขาได้รับฟังการบรรยายสรุปเกี่ยวกับตัวตนของหญิงสาวมาแล้ว เป็นเรื่องปกติที่เธอจะไม่ทักทายเขา เพราะเธอได้เห็นนักรบอสูรกิตติมศักดิ์มามากพอ
  นายพลลอบถอนหายใจขณะที่รักษารอยยิ้มบนใบหน้าของเขา “ ทางนี้ครับ เราเตรียมพาหนะไว้ให้ท่านแล้ว”
  ชายชราพยักหน้า“ ขอบคุณท่านนายพล แต่คุณหนูของเรามักจะมีปัญหาเรื่องพาหนะ เราจะเข้าไปแบบนี้”
  ปัญหาเรื่องพาหนะ?
  นายพลพูดไม่ออกช่างเป็นข้ออ้างที่เส็งเคร็ง คุณสามารถพูดได้ว่าไม่อยากลงมา
  แน่นอนว่าเขาไม่ได้พูดออกมาดัง“ มันอาจจะไม่สะดวกที่จะเดินไปกับมังกรในขณะที่อยู่ในเมือง คุณเอาอสูรของผมไปแทนได้ไหมครับ?”
  ชายชราขมวดคิ้วและคิดเกี่ยวกับข้อเสนอ“ คุณหนูคิดว่ายังไงครับ?” เขาถามหญิงสาว ในที่สุดหญิงสาวก็ละสายตาจากระยะไกลและมองไปที่นายพล “ ได้สิ” เธอพูดหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง
  ชายชรารู้สึกโล่งใจเขาพยักหน้าให้นายพล
  นายพลเม้มริมฝีปากเขาอารมณ์เสียเล็กน้อย ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถขี่อสูรของเขาได้ เขาต้องปรับตัวให้เข้ากับอารมณ์ของพวกเขา และขอความเห็นชอบจากพวกเขา
  แม้ว่าจะโกรธเคืองแต่นายพลก็ซ่อนอารมณ์ของเขาได้ดี เขาเรียกอสูรของเขาทันที มันคือเหยี่ยวพายุระดับเก้าอสูรของตระกูลสายลมที่มีนิสัยดุร้าย
  ทันทีที่เหยี่ยวพายุออกมามันก็เริ่มกระพือปีก ทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจาย ทันใดนั้นหญิงสาวก็กระโดดขึ้นไปบนหลังของอสูร
  มันตกใจนายพลจึงรีบปลอบเหยี่ยวพายุ เกรงว่ามันจะถือหญิงสาวเป็นศัตรู
  ถึงกระนั้นนายพลก็ห้ามช้าเกินไปในขณะที่หญิงสาวกำลังกระโดด เหยี่ยวพายุก็ระเบิดความโกรธแล้ว
  เมื่อหญิงสาวลงบนหลังเหยี่ยวพายุก็เริ่มรวบรวมธาตุลมมากมายโดยมีเจตนาที่จะฉีกหญิงสาวเป็นชิ้นๆ
  ทันใดนั้นหญิงสาวก็วางมือข้างหนึ่งไว้บนหลังเหยี่ยวพายุและพูด
  ”หยุด!”
  ดูเหมือนจะมีระลอกคลื่นกระจายออกมาจากมือบอบบางของหญิงสาว
  ขนของเหยี่ยวพายุสั่นและพื้นดินใต้มันเองก็สั่นไหวเช่นกัน
  จากนั้นลมที่พัดแรงก็หยุดลงจนกระทั่งมันหายไปอย่างไร้ร่องรอย
  คนทั่วไปคงไม่เชื่อเรื่องนี้
  หญิงสาวหยุดเจตนาฆ่าของเหยี่ยวพายุเนี่ยนะ?!
  ที่น่าประหลาดใจคือเหยี่ยวพายุของเขามาถึงระดับเก้าแล้วและสูงกว่าผู้หญิงคนนี้ถึงสามระดับ เธอหยุดเหยี่ยวได้ยังไง?!
  กระนั้นผู้อาวุโสและชายวัยกลางคนก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใดพวกเขาเคยชินกับมัน พวกเขาเพียงแค่แสดงรอยยิ้มเมื่อเห็นว่านายพลตกตะลึงเพียงใด
  สาวใช้ยังกระโดดไปที่ด้านหลังของเหยี่ยวพายุจากหัวมังกร
  ชายชราทำท่าคว้ากลางอากาศและมังกรตัวใหญ่ก็หายไป“ ท่านนายพล ไปกันเถอะ” เขาพูดกับนายพล
  นายพลได้สติแต่เขาก็ยังคงลุกเป็นไฟ งั้นคนจากที่นั่นก็เป็นแบบนี้กันหมด?!
  นายพลตระหนักดีว่าหญิงสาวไม่ได้หยิ่งเพราะเคยเจอนักรบอสูรมามากเกินไปแต่เป็นเพราะตัวเธอเองอาจมีความสามารถในระดับที่นักรบอสูรกิตติมศักดิ์มี!
  นายพลสงบสติอารมณ์จากอาการตกใจโดยไม่ต้องกังวลใจอีกต่อไปเขากระโดดขึ้นไปบนเหยี่ยวพายุเพื่อเข้าร่วมกับคนอื่น ๆ
  ก่อนที่พวกเขาจะออกเดินทางนายพลกล่าวกับทหารของเขา“ อย่าเผลอเรอกันเด็ดขาด ฉันจะรีบกลับมา”
  พวกเขาแสดงความเคารพและตะโกนรับทราบ
  การแข่งขันท้าทายสิ้นสุดลงแล้วผู้ชนะจากอันดับที่หกถึงสิบถูกตัดสินแล้ว
  เย่ห่าวคืออันดับที่แปดและซูหยานหยิงคืออันดับที่เก้า
  อันดับสิบถูกนักรบอสูรที่ได้รับการกล่าวขานว่ามีผลการเรียนสูงในสถาบันศึกษาของเขาคว้าไป
  อันดับเจ็ดเป็นนักสำรวจที่จบการศึกษาจากสถาบันมานานแล้ว
  อันดับหกคือชายหนุ่มจากตระกูลโจวชายหนุ่มคนนั้นไม่ได้มีพลังเท่าสวี่คังหรือซูหลิงเยวี่ย แต่เขาสามารถเอาชนะผู้เข้าร่วมคนอื่น ๆ ได้อย่างง่ายดาย เขาแสดงให้เห็นถึงความได้เปรียบอย่างล้นหลามในแต่ละรอบการแข่ง
  อสูรของเขาไม่ธรรมดาทักษะ การสั่งการและกลยุทธ์ของเขาเองล้วนน่ายกย่อง
  หลายคนบอกว่าเขาเก็บออมพลังงานไม่เช่นนั้นเขางคสามารถขึ้นสู่ 5 อันดับแรกได้ และการแข่งขันจะเข้มข้นขึ้น
  ตกกลางคืนเมื่อการแข่งขันของวันสิ้นสุดลง
  ซูผิงพาซูหลิงเยวี่ยกลับบ้านทันทีหลังจากที่เขาบอกลาเย่ห่าวกับซูหยานหยิง
  การเดินทางของเย่ห่าวและซูหยานหยิงในลีกนักรบได้สิ้นสุดลงแล้วหลังจากนี้ พวกเขาสามารถนั่งพักและสนุกกับการแข่งขันในฐานะผู้ชม
  ”คณซูผมจะไปที่ร้านของคุณพรุ่งนี้”เย่ห่าวบอกกับซูผิง
  การชนะของสวี่คังทำให้เย่ห่าวโมโหใช้เงิน? นั่นไม่ใช่ปัญหา เขามาจากตระกูลเย่ จริงอยู่เขาไม่ได้เป็นหนึ่งในสมาชิกหลัก แต่เขาเกิดในครอบครัวย่อย นอกจากนี้เขายังทำได้ดีด้วยการเข้าสู่ 10 อันดับแรก เขาจะได้รับทรัพยากรมากมายและไม่ขาดเงิน
  “แน่นอน ตอนไหนก็ได้ที่คุณต้องการ” ซูผิงพยักหน้า เขาไม่คิดกังวลเกี่ยวกับสาเหตุของพฤติกรรมที่ผิดปกติของเย่ห่าว
  ซูหยานหยิงยิ้มเธอรู้ว่าเย่ห่าวพยายามแข่งขันกับสวี่คัง
  เธอรู้สึกกังวลเพราะคิดว่าการใช้จ่ายเงินมากขึ้นในร้านของซูผิงจะทำให้มีพลังมากขึ้น
  เธอเกิดในย่านเมืองทรุดโทรมเธอมีการศึกษาที่ดี แต่ครอบครัวของเธอไม่มีทางเทียบกับเย่ห่าวหรือสวี่คังได้เลย เธอต้องหาเงินด้วยตัวเองทั้งหมด
  มันเป็นกว่าสี่ทุ่มตอนพวกเขากลับถึงบ้าน
  ซูผิงคิดอยู่ตลอดเวลาว่าจะผ่านบททดสอบสวรรค์ได้ยังไงดังนั้นเขาจึงคว้าของกินเล็กน้อยและรีบกลับไปที่ร้านของเขา เขาไม่เปิดโอกาสให้แม่ถามคำถาม ก่อนที่เขาจะจากไป เขายังบอกให้ซูหลิงเยวี่ยพักผ่อนให้เยอะๆ เพราะการแข่งขันในวันถัดไปจะยาก เธอยังคงต้องแข่งขันในหลาย ๆ รอบ และคู่ต่อสู้ของเธอแต่ละคนก็จะทรงพลังไม่เหมือนเมื่อก่อน
  เธอสามารถชนะได้แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่จะผ่อนคลาย นั่นไม่ใช่เรื่องที่ดี
  ซูหลิงเยวี่ยเพียงแค่พยักหน้าโดยไม่ตอบกลับเธอจะเชื่อฟังเขาทุกวินาทีเมื่อพูดถึงการบ่มเพาะและการต่อสู้
  ซูผิงทิ้งซูหลิงเยวี่ยไว้ที่บ้านและรับคำชื่นชม เขาเดินกลับไปที่ร้านของเขา ปิดประตู เดินผ่านอสูรที่ลูกค้าทิ้งไว้ในร้านวันนี้
  เขาวางอสูรไว้เป็นกลุ่มต่างๆเลือกสองตัวที่จะต้องฝึกฝนมืออาชีพให้โจแอนนา และไปที่หลุมศพกึ่งเทพ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว