ตอนที่ 359 เหล่าผู้นำตระกูลรวมตัว
“ไปกันเถอะ”
สวี่คังยืนข้างรถเตรียมกระโดดเข้าไป”นายมีรถสปอร์ตไม่ใช่เหรอ?”ซูผิงเหลือบมองรถสปอร์ตสีส้มที่จอดอยู่ข้างหลัง ซึ่งเป็นคันที่สวี่คังขับมา
“คนยิ่งเยอะยิ่งครึกครื้น”สวี่คังยิ้ม
ซูผิงหมดคำพูดเขาไม่พยายามคุยกับสวี่คังอีก เหนือสิ่งอื่นใด เบาะหลังยังว่าง
ซูหลิงเยวี่ยขึ้นที่นั่งข้างคนขับเมื่อเธอได้ยินคำพูดของสวี่คัง เธอก็อดจ้องมองเขาด้วยความเห็นใจไม่ได้
สวี่คังพบว่ามันดูแปลกแต่เนื่องจากวูผิงไม่ปฏิเสธเขา สวี่คังจึงขึ้นรถไปอย่างมีความสุข เขาย่อมไม่พลาดโอกาสพัฒนาความสัมพันธ์ของเขากับซูผิง
“อาจารย์คุณคิดว่าผมจะได้ที่เท่าไร?”สวี่คังยิ้ม
ซูผิงจ้องสวี่คังจากกระจกมองหลังแล้วจับพวงมาลัยแน่น”นาย?นายจะได้สิ่งที่นายสามารถได้รับไม่เหมือนฉัน ฉันได้สิ่งที่ฉันอยากได้ อย่าอวดดีไป!”
สวี่คังต้องใช้เวลาสักพักถึงเข้าใจคำพูดของซูผิงดี”อาจารย์สุดยอดมาก!”สวี่คังอุทาน
“นั่งดีๆ”
“หือ?”
ซูหลิงเยวี่ยรีบรัดเข็มขัดนิรภัยของเธอเงียบๆและคว้าขอบหน้าต่าง
บรื้น!
เนื่องจากสวี่คังกำลังเอนตัวไปข้างหน้าเขาจึงโดนแรงเฉื่อยกระชากกลับไปที่นั่งอย่างรุนแรง
เมื่อมองฉากที่วิ่งผ่านพวกเขาอย่างรวดเร็วด้านนอกหน้าต่างสวี่คังก็เข้าใจว่าทำไมซูหลิงเยวี่ยถึงมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ
“อาจารย์..”
เสียงร้องน่าสมเพชของเขาดังทะลุรถก้องบนถนน
เนื่องจากมันเป็นวันแข่งรอบชิงถนนจึงว่างเปล่าและไม่มีอะไรหยุดรถได้
มันเป็นเวลาเก้าโมงเช้าพอดีหลังพวกเขามาถึงการแข่งขันจะเริม่ตอนสิบโมง พวกเขายังมีเวลาอีกชั่วโมง
ซูผิงออกรถอย่างปลอดภัยซูหลิงเยวี่ยเหงื่อตกเล็กน้อย ในทางกลับกัน สวี่คังกลับกำเข่า หอบหายใจเหมือนวิ่งมาราทอนมา
ซูผิงเดินนำไป
ซูหลิงเยวี่ยกับสวี่คังรีบตาม’ดูนั่นสินั่นไม่ใช่ซูหลิงเยวี่ยเหรอ?”
ผู้เข้าร่วมหลายคนที่ไปถึงร้อยอันดับแรกอยู่ในทางเดินการเดินทางของพวกเขาในลีกได้จบลงแล้ว แต่พวกเขาก็ยังมีสิทธิพิเศษในการเข้าสถานที่จัดงาน
ผู้เข้าแข่งเหล่านั้นหยุดและหลบทางให้ซูหลิงเยวี่ยกับสวี่คังรอให้ทั้งสองเดินผ่าน
สวี่คังสูดหายใจเข้าเชิดคางด้วยความภาคภูมิใจ
ซูหลิงเยวี่ยกำลังประสบกับอารมณ์ซับซ้อนเธอพลันนึกได้ถึงความเห็นสุ่มของซูผิง
เมื่อนายอ่อนแอแล้วเดินบนถนนกว้างสิบเมตร ต่อให้มีคนเดินถนนแค่คนเดียว เขาก็ยังจะขวางทางนาย
แต่เมื่อนายทรงพลังและเดินบนถนนกว้างหนึ่งเมตรที่มีคนเดินเป็นสิบ พวกเขาก็ยังพยายามหลบทางให้นาย!
ตอนนี้สำหรับคนอื่น เธอกลายเป็นคนทรงพลัง
ทางเดินกว้างขวางแต่คนอื่นยังหยุดและเว้นที่ให้เธอ
พวกเขาจะหลีกทางให้เธอต่อให้ไม่มีถนน!
ซูหลิงเยวี่ยมองคนที่เดินอยู่ข้างหน้าเธอและยิ้ม
“ใช่มันเป็นซูหลิงเยวี่ยกับสวี่คัง!”
“พวกเขาอยู่ที่นี่ด้วยกันพวกเขารู้จักกันเหรอ?”
“แปลกคนที่เดินหน้าพวกเขาเป็นใคร?ฉันไม่เคยเห็นเขามาก่อน”
“อืมดูจากอายุเขา ฉันคิดว่าเขาอายุน้อยกว่าเรา เขาเป็นผู้เข้าร่วม?”
พวกเขาเดินออกทางเดินสถานที่จัดงานมีคนหนาแน่นแล้ว ซูหลิงเยวี่ย ซูผิงและสวี่คังมาถึง มันมักเป็นแบบนี้ตลอด
บนเวทีนักร้องชื่อดังกำลังพยายามอุ่นบรรยากาศ ทำให้มันเป็นคอนเสิร์ต ผู้คนส่งเสียงเชียร์ แม้จะไม่ดังเท่ากับตอนแข่ง
ทั้งสามยืนตรงนั้นสักพักในไม่ช้า หลายคนก็สังเกตเห็นซูหลิงเยวี่ยกับสวี่คังและก็ต้อนรับด้วยคำอุทาน
เนื่องจากมีคนสังเกตเห็นพวกเขามากขึ้นเรื่อยๆซูผิงจึงไม่เสียเวลาอีก เขาพาซูหลิงเยวี่ยกับสวี่คังไปยังพื้นที่รอ
พื้นที่รอกว้างขวางโดนเปลี่ยนเป็นที่นั่งวีไอพีแล้วและมันก็โดนจับจองพื้นที่รอของ 5 อันดับแรกโดนย้ายไปแถวสองข้างเวที ที่นั่งทั้งห้าโดนตั้งให้พวกเขาและก็ไม่ได้ทำจากพลาสติกเหมือนผู้ชมอีก แต่ทำจากโซฟาสั่งตัด
แถวหน้ามีไว้ให้นักรบอสูรกิตติมศักดิ์จากตระกูลใหญ่และรัฐบาล
เมื่อทั้งสามพบทางไปพื้นที่รอพวกเขาก็ได้ยินเสียงเชียร์ไล่ตาม มีคนหันมาเห็นพวกเขามากขึ้น ตอนนี้ มีแค่ไม่กี่คนที่สนใจนักร้อง
ท่ามกลางสายตาของทุกคนซูหลิงเยวี่ยกับสวี่คังไปที่นั่งพวกเขา
มีสองคนมาถึงแล้ว
หนึ่งคือฉินเส้าเทียน
อีกคนคือเย่หลงเทียน
พวกเขาสองคนหันมาเมื่อได้ยินเสียง
ฉินเส้าเทียนเลิกคิ้วตอนเห็นซูผิงเขารู้จากฉินชูไห่ว่าเขาเป็นคนหนุ่มที่ทรงพลังและจะติด 5 อันดับแรกได้ถ้าเข้าร่วม น่าเสียดาย ซูผิงไม่มีคุณสมบัติเข้าร่วมอีก ระดับพลังเขาสูงเกินไป
“อืม?”
เย่หลงเทียนจ้องซูหลิงเยวี่ยกับสวี่คังสักพักเขาพลันสังเกตเห็นชายหนุ่มที่เดินนำหน้า”เขาเป็นใคร?”เขาถามด้วยความอยากรู้ ฉินชูไห่จึงมองเขาจากหางตาง”คนที่นายไม่สามารถเอาชนะได้”
“จริง?”
เย่หลงเทียนรู้สึกไม่สบายใจคนคนนี้ดูเหมือนจะอายุน้อยกว่า มันเป็นไปได้ไง?
“อืมหยุดพยายามทำให้มันลึกลับได้แล้ว’เย่หลงเทียนไม่สนใจคำพูดของฉินเส้าเทียน
ฉินเส้าเทียนเงียบไป
ตอนนี้นักรบอสูรกิตติมศักดิ์จากสองตระกูลใหญ่เข้ามานั่ง คราวนี้ มันไม่ใช่แค่ผู้อาวุโสที่เผยตัว แต่ยังเป็นผู้นำตระกูล เหนือสิ่งอื่นใด นี่เป็นวันสุดท้ายแล้ว!
ผู้นำตระกูลที่มาถึงมาจากตระกูลเย่และตระกูลโจว
มันเป็นเขา!
โจวเทียนหลินผู้นำตระกูลโจวหันไปเมื่อได้ยินเสียงร้อง และนั่นทำให้เขาสั่นสะท้าน เขามองผ่านเด็กผู้หญิงและเด็กหนุ่มที่ทุกคนให้ความสนใจ จับจ้องชายหนุ่มที่ไม่มีใครให้ความสนใจ มันเป็นเขา!เขาอยู่ที่นี่!
โจวเทียนหลินรู้สึกว่าเลือดเขาแข็งตัวแต่ก็ค่อยๆผ่อนคลาย รู้ว่าซูผิงไม่ได้มาเพราะเขา
ชายคนนั้นคือเจ้าของร้านและมันเป็นเรื่องธรรมที่เขาจะปรากฏตัวพร้อมทั้งสองที่มาใช้บริการในร้านของเขา
ชายคนนั้น…โจวเทียนหลินเต็มไปด้วยอารมณ์ซับซ้อน
ที่นั่งข้างเขาคืโจวเทียนกวงผู้เองก็ประสบกับความรู้สึกหนักใจแต่เขาก็รีบสงบสติ ความคิดของเขาไม่สามารถอ่านได้บนใบหน้าเหี่ยวย่นอีก แต่ดวงตากลับกะพริบ เป็นการยากที่จะตรวจสอบว่าเขาคิดอะไรอยู่
คนที่นั่งถัดจากเขาคือผู้นำตระกูลและผู้อาวุโสจากตระกูลหลิวพวกเขาเห็นสวี่คังกับซูหลิงเยวี่ยเดินลงมา ผู้อาวุโสกระซิบบางอย่างกับผู้นำตระกูลและฝ่ายหลังก็พยักหน้า”ชายด้านหน้าพวกเขาเป็นใคร?”ผู้นำตระกูลหลิวพลันถาม
ผู้อาวุโสเพิ่งสังเกตเห็นชายหนุ่ม
เขาแค่มองดูแต่ผู้อาวุโสกลับรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่แปลกประหลาด ชายคนนั่นดูเหมือนธรรมดา แต่กลับแผ่กลิ่นอายแปลกๆ
จากสัญชาตญาณผู้อาวุโสรู้สึกกลัว
มันคล้ายกับช่วงเวลาที่สัตว์วิ่งเข้าหาศัตรูตามธรรมชาติของมัน
ความรู้สึกนั่นเป็นสิ่งแปลกปลอมสำหรับเขามันทำให้เขารู้สึกอึดอัด
ผู้อาวุโสของตระกูลหลิวขมวดคิ้วพูดกับผู้นำตระกูล”ผมคิดว่าชายหนุ่มนั่นคือเจ้าของร้าน”
“เขาคือคนที่พลิกคว่ำตระกูลโจว?”ผู้นำตระกูลหันไปมองโจวเทียนหลินกับโจวเทียนกวง
ผู้นำตระกูลหลิวพูดกับตัวเองขณะเห็นว่าทั้งสองสงบแค่ไหน”ใช่”ผู้อาวุโสของตระกูลหลิวจำได้เช่นกันเขาสวมใบหน้าจริงจัง ตอนนี้ ผู้อาวุโสเข้าใจว่าความรู้สึกไม่สบายใจของเขามาจากไหน
ชายหนุ่มคนนั้นน่าจะเป็นระดับกิตติมศักดิ์ขั้นสูงสุด!
สัตว์ประหลาดเฒ่าในคราบเด็ก!
“ไป”
ซูผิงบอกซูหลิงเยวี่ยกับสวี่คังให้ไปหาที่นั่งกันเองเพราะมันสุดทางเดินของเขาแล้ว
“ได้”ซูหลิงเยวี่ยพยักหน้าเธออำลาซูผิงและไปหาที่นั่งของเธอ
“รอดูเถอะผมจะคว้าอันดับสองมาให้ได้!”สวี่คังฉีกยิ้มกว้าง”อย่าฝืนตัวเอง ระวังจะบาดเจ็บ”ซูผิงพูด
สวี่คังไม่คิดว่าซูผิงจะพูดคำห่วงใยเช่นนี้กับเขาซึ่งมีความหมายมากกว่าตำแหน่งอันดับหนึ่งซะอีก วินาทีต่อมา รอยยิ้มสดใสก็เบ่งบานบนหน้าเขา”ครับ!”
“ดี”
ซูผิงพยักหน้าและจากไป
ซูผิงไปพื้นที่สมาชิกครอบครัวและพบที่ว่างมันเป็นวันสุดท้ายของการแข่ง เขาจึงต้องให้แน่ใจว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับซูหลิงเยวี่ย เขาไม่รู้สึกง่วงเพราะเสียงเชียร์ดังสนั่น เขาจับจ้องนักร้องด้วยความสนใจและมีความสุขกับบรรยากาศน่าตื่นเต้น
“คุณซู!”
เขาได้ยินบางคนเรียกเขา
มันคือเฟยหยานป๋อและที่มากับเขาก็เป็นชายวัยกลางคนและสาวสวยด้านหลังพวกเขามีนักเรียนกว่าสิบ รวมถึงลั่วเฟิงเทียนกับหญิงสาวผมหางม้า
“คุณเฟย”ซูผิงพยักหน้าทักทายเขา ด้วยความแปลกใจเขาพบซูผิงอีกแล้ว เขาแนะนำซูผิงกับเพื่อนสองคนของเขา”คุณลั่ว คุณหลิน นี่คือคุณซู อาจารย์กิตติมศักดิ์ที่สถาบันฟีนิกส์ อย่าโดนหลอกด้วยอายุของเขา เขาเป็นนักรบอสูรกิตติมศักดิ์!”
อะไรนะ?
ทั้งคุณลั่วกับคุณหลินต่างประหลาดใจพวกเขาไม่อยากเชื่อว่าชายหนุ่มที่นั่งมองดูนักร้องจะเป็นอาจารย์ ไม่ต้องพูดถึงการเป็นนักรบอสูรกิตติมศักดิ์
ถ้ามันไม่ใช่ความจริงว่าเฟยหยานป๋อทำตัวเหมือนปกติพวกเขาคงสงสัยว่าเขามีอาการทางจิต
“กิตติมศักดิ์?”คุณลั่วดูเหมือนจะอายุ40 เศษ เขามองเฟยหยานป๋อด้วยความสงสัย ดวงตาของเขาแสดงถึงความกังขา กลัวว่าเฟยหยานป๋อจะพูดไร้สาระ เฟยหยานป๋อเข้าใจว่าอีกฝ่ายคิดอะไร ความคิดเกี่ยวกับพรสวรรค์ผิดปกติของซูผิงทำให้เขาเต็ฒไปด้วยความขมขื่น มันดูเหมือนว่าเขาจะต้องรับมือกับสายตาสงสัยทุกครั้งที่เขาแนะนำตัว
“มันเป็นเรื่องจริง”เฟยหยานป๋อพูดเสียงเบา
แต่ทว่าทั้งสองกลับพูดไม่ออก เนื่องจากเฟยหยานป๋อยืนยัน พวกเขาจึงต้องถือว่าซูผิงอาจเป็นนักรบอสูรกิตติมศักดิ์
“คุณซูยังหนุ่มและมีศักยภาพมาก”คุณลั่วยิ้ม
คุณหลินดูเหมือนจะค่อนข้างปลีกตัวเธอพยักหน้าให้ซูผิงแต่ยังเงียบ
สำหรับนักเรียนด้านหลังนอกจากลั่วเฟิงเทียนกับบางคนที่เคยสู้กับซูผิง คนอื่นไม่เชื่อคำพูดของเฟยหยานป๋อ
กิตติมศักดิ์?เอาจริง?เห็นได้ชัดว่าเขาอายุเท่าพวกเรา
“คุณซูที่นั่งนี้โดนจับจองหรือยังครับ?”เฟยหยานป๋ออยากนั่งกับซูผิง
ซูผิงสามารถได้ยินการพูดคุยของนักเรียนเขาบอกกับเฟยหยานป๋อ”ที่นั่งว่าง นอกจากนั้น คุณเฟย มันดีกว่าที่จะไม่แนะนำผมอย่างนั้น ผมยังไม่ใช่นักรบอสูรกิตติมศักดิ์ซะหน่อย”
เฟยหยานป๋อยิ้มเขาสงสัยแต่ก็โดนโน้มน้าวให้คิดว่าซูผิงคือนักรบอสูรกิตติมศักดิ์หลังเห็นวิธีที่เขาฆ่าคนจากตระกูลหลิว
ตัดสินจากเลือดที่กระเซ็นเขาสามารถบอกได้ว่าทั้งสองโดนบีบคอจนตายด้วยมือพลังงาน
เขาถามเจ้าหน้าที่รัฐบาลและยังยืนยันข้อสงสัยด้วยตัวเอง
ไม่ใช่นักรบอสูรกิตติมศักดิ์?ไปหลอกเด็กเถอะ!
“ผมรู้คุณซูไม่อยากอวดใคร ผมเข้าใจ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว