ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว นิยาย บท 360

ตอนที่ 360 ผู้เข้าร่วมคนที่หก
  ซูผิงหมดคำพูดเขาอยากพูดว่า’แกมันไม่รู้อะไร’
  แต่ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษและหน้าตาแสนหล่อเหลา เขาจึงต้องรักษาภาพลักษณ์
  คุณลั่วกับคุณหลินพูดไม่ออกตอนเห็นเฟยหยานป๋อพยายามประจบซูผิงพวกเขาทำได้แค่นั่งลงข้างเฟยหยานป๋อ ไม่รู้ว่าชายหนุ่มไปหลอกเฟยหยานป๋อท่าไหน เขาถึงได้ตกหลุมพรางของเด็กขนาดนี้?
  หลังนั่งลงเฟยหยานป๋อก็พยายามชวนซูผิงคุย”คุณซู ผมคิดว่าน้องสาวของคุณน่าจะได้ที่หนึ่ง”
  ซูผิงตอบ”ใช่ผมคิดว่านะ เธอมาที่นี่เพื่อชิงแชมป์ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว”
  คุณลั่วกับคุณหลินกลายเป็นมึนงงขณะที่ถามเฟยหยานป๋อว่า”ชนะที่หนึ่งนายหมายความว่า….”
  ในบรรดาห้าอันดับแรกมีผู้หญิงแค่คนเดียว งั้น..
  คุณลั่วกับคุณหลินจำได้ว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นก็คือซูหลิงเยวี่ยสกุลซู และเฟยหยานป๋อก็เพิ่งเรียกชายหนุ่มว่าคุณซู…
  “เห้อดูฉันสิ ฉันลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท”เฟยหยานป๋อตบหัวตัวเอง”คุณซูหลิงเยวี่ยเป็นน้องสาวของคุณซู”
  ทั้งคุณลั่วกับคุณหลินต่างนิ่งงัน
  นักเรียนที่พยายามแอบฟังการสนทนาต่างรู้สึกประหลาดใจเช่นกัน
  ซูหลิงเยวี่ยผู้มีพรสวรรค์สะเทือนโลกคนนั้นเป็นน้องสาวของชายหนุ่มผู้นี้?
  ซูหลิงเยวี่ยมีชื่อเสียงกระจายไปทั่วเมืองฐานหลงเจียงทุกคนต่างรู้จักเธอ นักเรียนเหล่านี้เธอว่าเธอเป็นหอคอยสูงที่พวกเขาไม่มีวันปีนถึง แม้กระทั่งอาจารย์ก็ยังมองว่าเธอมีพรสวรรค์หายาก พวกเขาไม่เคยคิดว่าเด็กสาวที่โดดเด่นแบบนั้นจะเกี่ยวข้องกับชายหนุ่มข้างพวกเขา เธอคือน้องสาวของเขา!
  คุณลั่วกับคุณหลินมองหน้ากันแต่ทั้งคู่กลับเห็นแค่ความแปลกใจในดวงตา พวกเขาเชื่อว่าเฟยหยานป๋อคงไม่โกหกเรื่องแบบนี้
  “งั้น…”คุณลั่วพูดไม่ออก
  เธอเป็นน้องสาวเขา?
  งั้นทำไมหนึ่งในนั้นถึงนั่งที่นี่แบบไร้คนสังเกต ส่วนอีกคนยืนบนเวที เป็นจุดสนใจ?
  สำหรับเรื่องที่เฟยหยานป๋ออ้างว่าซูผิงคือระดับกิตติมศักดิ์มันโดนลบออกจากหัวของคุณลั่วไปแล้ว เขาไม่เชื่อมันเลย เขาไม่เคยคิดว่าจะมีนักรบอสูรระดับเก้าที่ยังหนุ่มขนาดนี้ ต่อให้มีจริง เขาก็ต้องดังไปทั่วโลก
  เฟยหยานป๋อสังเกตสีหน้าเพื่อนเขาเขายิ้ม สุดท้าย ฉันก็ไม่ใช่คนเดียวที่หวาดหวั่น
  ซูผิงจ้องเฟยหยานป๋อแต่ไม่พูดอะไรเขหาันกลับไปสนใจการแสดงบนเวที
  ยู่เว่ยหานเหลือบมองเฟยหยานป๋อและกระซิบกับลั่วเฟิงเทียน”คุณเฟยมักบอกว่าชายคนนี้คือนักรบอสูรกิตติมศักดิ์นั่นจริงหรือเปล่า?”
  ลั่วเฟิงเทียนจ้องแผ่นหลังซูผิงเมื่อได้ยินคำถามเธอ เขาก็หันไปหาเธอและพยักหน้า”เป็นไปได้สูง ยังไงก็ตาม เขาแข็งแกร่งมาก แม้กระทั่งคุณเฟยก็ยังไม่สามารถเอาชนะเขาได้”ยู่เว่ยหานไม่สามารถเชื่อมันได้เลย”แน่ใจนะ?นั่นจะเป็นไปได้ไง?คุณเฟยคือระดับแปดและกำลังจะกลายเป็นระดับเก้า กลายเป็นนักรบอสูรกิตติมศักดิ์อีกคน เขาจะแพ้ซูผิงได้ไง?”
  “นั่นจริงไปถามคนอื่นได้”ลั่วเฟิงเทียนไม่ใช่คนชอบพูด เขาขี้เกียจอธิบายและโยนให้เพื่อนๆแทน
  เหล่านั้นคือนักเรียนที่เคยไปเยือนสถาบันฟีนิกส์กับลั่วเฟิงเทียน
  พวกเขาพยักหน้าให้ยู่เวยหาน”มันเป็นความจริง”
  “มันเพราะเขาเราถึงแพ้”
  “เธอรู้ใช่ไหมว่าเราบดขยี้สถาบันฟีนิกส์ได้ง่ายๆเขาถึงได้ออกมาและเอาชนะเรา อสรพิษนรกของคุณเฟยโดนเขาทำร้ายจนบาดเจ็บ เธอเคยถามถึงมันนี่ จำได้ไหม?”
  “เขาพูดถุกชายคนนั้นน่ากลัวมาก อย่าไปยั่วโมโหเขานะ”
  นักเรียนทั้งหมดเหล่านั้นดูกลัวยู่เว่ยหานมึนงงไปหมด ชายหนุ่มคนนี้คือพี่ชายของซูหลิงเยวี่ย?
  และเขายังทรงพลังถึงขนาดนั้น?
  เขาสามารถเอาชนะคุณเฟยได้พูดก็พูด ถ้าเขาเข้าร่วม เขาคงเป็นอันดับหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัยเลยสิ?วินาทีต่อมา ในที่สุดยู่เว่ยหานก็ลบความแปลกใจนี้ออกและโยนคำถามอื่นออกไป”งั้น..ทำไมเขาถึงไม่เข้าร่วม?”
  นักเรียนคนอื่นมองหน้ากันไม่มีใครสามารถตอบคำถามนี้ได้
  ลั่วเฟิงเทียนขมวดคิ้วเขามีคำถามเดียวกันในอดีต แต่ก็ได้คำตอบแล้วในภายหลัง”คุณเฟยบอกว่าเขาคือนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ มันเกินข้อกำหนดการเข้าร่วม”
  ยู่เว่ยหานพูดไม่ออก
  นักรบอสูรกิตติมศักดิ์..ด้วยวัยแค่นี้…..
  ใกล้จะถึงเวลาตามกำหนดการแล้วผู้คนเริ่มหลั่งไหลเข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ หัวหน้าตระกูล และผู้อาวุโสจากตระกูลใหญ่มาถึงและนั่งแถวหน้าสุด
  “อืมผู้ชายคนนั้นจะต้องมาเป็นคนสุดท้ายตลอด น่าหมั่นไส้จริงๆ!” ผู้อาวุโสของตระกูลเย่จ้องไปที่ที่นั่งว่างที่เป็นของตระกูลฉิน
  หัวหน้าตระกูลยิ้ม“ เรื่องผิวเผินแบบนั้นไม่ได้เป็นปัจจัยกำหนดการตัดสินความแข็งแกร่งของคน” หลังจากที่หัวหน้าตระกูลอีกสี่ตระกูลใหญ่มาถึง หัวหน้าตระกูลและผู้อาวุโสของตระกูลฉินก็ปรากฏตัวพร้อมกับชายวัยกลางคนฉินตู้หวง หัวหน้าตระกูลฉินยังคงสวมรอยยิ้มเป็นเอกลักษณ์ของเขา ในขณะที่เขาทักทายหัวหน้าตระกูลคนอื่น ๆ บางคนอาจเข้าใจผิดว่านี่เป็นผู้นำที่ทักทายผู้ใต้บังคับบัญชา
  หัวหน้าตระกูลคนอื่นๆ ยิ้มปลอม ๆ พวกเขานั่งและจับมือของฉินตู้หวง อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ต้องยืนขึ้นและพูดสองสามคำ พวกเขาต้องวางท่าที การให้ผู้คนเห็นว่าพวกเขาไม่ได้สนิทกับตระกูลฉินไม่เป็นเรื่องดี “ ราชาดาบ!”
  ดูเหมือนว่าหัวหน้าตระกูลจะประหลาดใจที่เห็นชายวัยกลางคนที่เดินมากับฉินตู้หวง ราชาแห่งดาบฉินชูไห่ เขาเป็นหนึ่งในสมาชิกที่มีชื่อเสียงที่สุดในตระกูลฉินรุ่นสอง เขามักจะเดินทางไปรอบ ๆ แทนที่จะอยู่ในเมืองฐานหลงเจียง ว่ากันว่าเขาเป็นคนอัธยาศัยดีและเป็นมิตร ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าเขามีมิตรกับกี่ตระกูลในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และนั่นคือสาเหตุที่ตระกูลใหญ่ ๆ ทั้งหมดกลัวเขา
  “ดีใจที่เจอพวกนายทุกคนที่นี่เพื่อนเก่าของฉัน อย่าลืมมาบ้านตระกูลฉินเพื่อดื่มชากันบ้างล่ะ” ฉินตู้หวง ยังคงมีรอยยิ้มบนใบหน้า เขาดูเหมือนชายชราที่อ่อนโยนคนอื่น ๆ
  แต่คนที่รู้จักเขาและตำแหน่งของเขาจะรู้ดีว่าเขาโหดร้ายแค่ไหน!
  ฉายาไม่ผิดผิดที่ชื่อ
  “ผู้อาวุโสฉิน เด็กตระกูลคุณมีแนวโน้มดีที่เดียว” มู่เป่ยไห่ หัวหน้าตระกูลมู่ยิ้มจริงใจ
  ฉินตู้หวงยิ้ม “อย่ามาประจบฉัน เขาควรเรียนรู้เพิ่มเติม ถ้าไม่ใช่เพราะผู้ตัดสิน เขาคงตายไปแล้ว”
  “ไม่ จะพูดแบบนั้นก็ไม่ได้ ฉันต้องพูดอะไรบางอย่างเพื่อปกป้องเส้าเทียน เขาเป็นเด็กที่เก่ง เขาสามารถควบคุมทาสโลหิตระดับแปดได้ทั้งที่เขาอยู่ที่ระดับหก เขาจะทำอย่างนั้นไม่ได้ถ้าเขาไม่มีจิตใจที่แข็งเหมือนเหล็ก สิ่งเดียวที่ต้องตำหนิคือความแปลกของลีกนักรบในปีนี้ ไม่มีใครคาดคิดได้ว่าจะมีการปรากฏตัวของสัตว์ประหลาดทั้งสองคนนั้น นายไม่มีทางรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป!”
  มู่เป่ยไห่ทำสีหน้าน่าสงสาร
  ฉินตู้หวงยิ้ม
  หลิวเทียนจงหัวหน้าตระกูลของหลิวนั่งอยู่และฟังอย่างสงบเขารู้สึกได้ว่าคนอื่น ๆ กำลังเยาะเย้ยเขา แม้ว่าพวกเขาจะซ่อนมันไว้ คนเหล่านั้นกำลังรอที่จะหัวเราะกับความเสียหายของเขา! แววตาของความหดหู่และเจตนาฆ่าฉายผ่านดวงตาของเขาขณะที่เขาคิดถึงผู้เข้าร่วมจากตระกูลของเขา
  ไม่มีใครจากตระกูลหลิวที่ติด10 อันดับแรก!
  ไม่ต้องพูดถึง5 อันดับแรก
  เขาจะไม่มาเข้าร่วมถ้าไม่ใช่เพราะคนอื่นต้องดูถูกและอ้างว่าตระกูลหลิวเป็นพวกขี้แพ้ แน่นอนว่าเขาต้องมาปรากฏตัว ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยเหล่านั้น เขายังมาเพื่อดูด้วยซูหลิงเยวี่ยพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ
  แข่งกับตระกูลหลิว?
  ชนะที่หนึ่ง?
  ฉันมีตัวช่วย!ในขณะที่เขานึกถึงหญิงสาวลึกลับคนนั้น หลิวเทียนจงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะเย้ย ตระกูลหลิวแพ้จริงๆ อย่างไรก็ตามแม้แต่สวรรค์ก็ช่วยพวกเขา โชคดีแค่ไหนคิดดู!
  ในขณะที่ฉินตู้หวง และหัวหน้าตระกูลคนอื่น ๆ ยังคงคุยกันอยู่ ทันใดนั้นพวกเขาทั้งหมดก็หยุดและหันไปมองที่ทางเดิน
  มีคนเจ็ดคนเดินออกมาจากทางเข้านั้น
  ทั้งสามคนทางด้านขวาเป็นนักรบอสูรกิตติมศักดิ์จากรัฐบาลพวกเขาทั้งหมดแสดงพลังอันยิ่งใหญ่เหมือนดาบแหลมคมที่สามารถออกมาจากฝักได้ตลอดเวลา
  จากสามคนทางด้านขวามีชายชราสวมเสื้อคลุมแปลก ๆ เพียงแค่ดูเสื้อผ้าที่เขาใส่ก็เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ใช่คนในท้องถิ่น
  ที่เดินข้างๆเขาคือชายวัยกลางคน
  เด็กผู้หญิงบอบบางถือดาบอยู่ใกล้ตรงกลางสุด
  ตรงกลางมีเด็กผู้หญิงอีกคนสวมชุดสีแดงสดมีพู่ห้อยติดกับพื้นเธอดูผอมบาง และการแสดงออกบนใบหน้าของเธอบ่งบอกว่าเธอดูแคลนทุกสิ่งและทุกคน ไม่มีอะไรนอกจากความเย็นชาที่แสดงออกมาทางดวงตาของเธอ เธอมาแล้ว!
  ตัวแทนของตระกูลใหญ่ต่างผงะ
  ฉินชูไห่เหล่ตามองเธอมาแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว