ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว นิยาย บท 361

ตอนที่ 361 หยานปิงเยว่
  “พวกเขาเป็นหัวหน้าตระกูลจากห้าตระกูลใหญ่ในเมืองฐานหลงเจียง” ตัวแทนจากรัฐบาลแนะนำหญิงสาวและเพื่อนของเธอ
  หญิงสาวมองไปที่หัวหน้าตระกูลทั้งห้าแต่ไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ชายสูงอายุที่เดินมากับเธอมองคนที่นั่งแถวหน้า และดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมา “ นั่นคือราชาดาบหรอ?”
  นักรบอสูรกิตติมศักดิ์สามคนจากรัฐบาลไม่รู้ว่าผู้อาวุโสเคยได้ยินเกี่ยวกับชื่อเสียงของฉินชูไห่หรือว่าเขาจะรู้จักฉินชูไห่ด้วยซ้ำ
  ”ใช่แล้ว”หนึ่งในตัวแทนของรัฐบาลพยักหน้า
  “ครั้งหนึ่งเขาอยากไปที่นั่นเพื่อศึกษาต่อ น่าเสียดายที่เขามีคุณสมบัติไม่พอ” ผู้อาวุโสหัวเราะเบา ๆ แต่ไม่พูดอะไรอีก แต่สิ่งที่เขาพูดก็เพียงพอที่จะทำให้ตัวแทนรัฐบาลทั้งสามคนตกใจ
  เพื่อศึกษาต่อ?มีคุณสมบัติไม่เพียงพอ?
  เขาบอกว่าฉินชูไห่เคยไปที่นั่นครั้งหนึ่งแต่ถูกกำจัด?
  ทั้งสามไม่ได้ถามต่อด้วยความกลัวที่เพิ่มขึ้นพวกเขาเพียงแค่เหลือบมองหญิงสาวที่อยู่ตรงกลางอีกครั้ง ถ้าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี เธออาจจะกลายเป็นคนที่น่ากลัวกว่าฉินซูไห่
  พวกเขาเดินเข้ามาใกล้ที่นั่งนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ทั้งสามจากรัฐบาลยิ้ม พวกเขาทักทายหัวหน้าตระกูลและแนะนำตัว
  หัวหน้าตระกูลเหล่านั้นอาจไม่รู้เรื่องคนที่มาใหม่แต่พวกเขาก็ยังทักทาย
  “นั่นคืออัศวินมังกร หยินเฟิงเซียว”
  “เขาคือปีศาจปืนยาว จ้าวอู่จื่อ”
  “นี่คือคุณหนูหยาน หยานปิงเยว่”
  ”ส่วนเธอคือสาวใช้เสี่ยวจู”
  จากนั้นนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ทั้งสามของรัฐบาลได้แนะนำหัวหน้าตระกูลทั้งห้าทีละคนพวกเขาเริ่มต้นด้วยฉินตู้หวง การเป็นคนแรกอาจดูสบาย ๆ แต่ลำดับการแนะนำนั้นสำคัญ และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
  “ฉินตู้หวง? ฉันได้ยินมาว่าเขาฆ่าอสูรร้ายระดับเก้าสามตัวด้วยเสียงคำรามเพียงอย่างเดียว นี่คือจิตวิญญาณคลั่ง, ฉินตู้หวง?” ผู้อาวุโสชื่อหยินเฟิงเซียวเหล่และจ้องมองไปที่ ฉินตู้หวง ซึ่งดูเหมือนจะอายุเท่าเขา ความเคร่งขรึมปรากฏในดวงตาเขา
  ชายวัยกลางคนที่มีร่างกายแข็งแรงจ้าวอู่จื่อปีศาจปืนยาวก็มีสีหน้าเคร่งเครียดเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าเขาเคยได้ยินเกี่ยวกับ ฉินตู้หวง มาก่อน
  ฉินตู้หวงยิ้ม “ นั่นเป็นเพียงเรื่องราวในอดีตของฉัน อย่าพูดถึงมันเลย อัศวินมังกรผมเคยได้ยินเรื่องของคุณมาเยอะมาก นั่งก่อนสิ”
  หยินเฟิงเซียวไม่ได้พูดอะไรกับฉินตู้หวง เขาหันไปหาหญิงสาว “เชิญ”
  หยานปิงเยว่พยักหน้าหลังจากที่เธอได้ยินคำพูดของ หยินเฟิงเซียวแล้วเธอก็มองชายชราชื่อ ฉินตู้หวง ขึ้นลง ในขณะที่ทั้งสองสบตากัน ความเย็นชาในดวงตาของเธอก็จางหายไปเล็กน้อย เธอพยักหน้าให้เขาแล้วจึงไปนั่ง
  เธอนั่งอยู่ข้างๆฉินตู้หวง
  พวกเขานั่งเสมอกัน!
  ขณะที่เธอนั่งลงคนที่นั่งอยู่แถวหลังก็สังเกตเห็น สวี่คังและซูหลิงเยวี่ยต่างประหลาดใจ ผู้หญิงที่อายุไล่เลี่ยกับพวกเขาจะนั่งลงตรงนั้นได้ยังไง?
  มู่หยวนโส้ว,เย่หลงเทียนและฉินเส้าเทียนดูเหมือนจะตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่าง ด
  หยานปิงเยว่นั่งลงและหยินเฟิงเซียวก็นั่งลงข้างๆเธอ ชายวัยกลางคนและสาวใช้ของเธอยืนอยู่ข้างหลังพวกเขา
  ทุกตระกูลได้รับการจัดสรรที่นั่งสองที่นั่ง
  นักรบอสูรกิตติมศักดิ์แต่ละคนจากรัฐบาลต่างมีที่นั่งกันหมดนั่นเป็นการประกาศอย่างเงียบ ๆ ว่ารัฐบาลเป็นผู้ปกครองเมืองฐานหลงเจียง!
  หัวหน้าตระกูลคนอื่นๆ มองไปที่ หยานปิงเยว่จากนั้นก็มองไปที่ หยินเฟิงเซียว พวกเขาเคยได้ยินชื่อของ อัศวินมังกรมานานแล้ว เขาเป็นคนที่สร้างชื่อเสียงไปทั่วอนุทวีป
  หัวหน้าตระกูลคนอื่นๆ ไม่พอใจตั้งแต่ อัศวินมังกรคุยแต่กับฉินตู้หวง แน่นอนพวกเขาไม่ได้แสดงบนใบหน้าของพวกเขาพวกเขาทุกคนรู้ว่าฉินตู้หวงเป็นคนแบบไหน อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไม อัศวินมังกรถึงให้ความสำคัญกับฉินตู้หวงมากนัก มันดูเหมือนว่าฉินตู้หวงกำลังซ่อนบางอย่างจากพวกเขา
  “คุณหนูหยานเหตุใดจึงมาที่ลีกนักรบของเมืองหลงเจียง ผมเชื่อว่าไม่ว่าคุณจะไปที่ไหนผู้คนจะต้อนรับคุณด้วยไมตรี”
  ไม่นานหลังจากที่เธอนั่งหลิวเทียนจงก็เริ่มคุยกับเธอ
  หยานปิงเยว่ตอบด้วยคิ้วที่ขมวด
  หยินเฟิงเซียวรู้นิสัยของเธอดีเขาตอบคำถามแทนเธอ “ คุณเป็นหัวหน้าตระกูลหลิวใช่ไหม? คุณอาจไม่ทราบเรื่องนี้ แต่สมาชิกผู้อาวุโสของตระกูลหยานเพื่อนกับนายกเทศมนตรีของคุณ นั่นคือเหตุผลที่เรามาเพื่อเป็นตัวแทนของเมืองฐานหลงเจียง”
  หลิวเทียนจงรู้สึกอายเล็กน้อยเมื่อมีคนตอบคำถามของเขาเขาเป็นหัวหน้าตระกูล หญิงสาวมาจากตระกูลชั้นสูงก็จริง อย่างไรก็ตาม ผู้คนกล่าวว่าแม้แต่มังกรก็ยังต้องกลัวงูจ้าวถิ่น นอกจากนี้แขกควรรับความสะดวกจากเจ้าภาพ นั่นเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่ายๆ เธอจำเป็นต้องได้รับการสั่งสอนเกี่ยวกับประเพณีนี่สิ? เธอไม่สนใจฉันแบบนี้ได้ยังไง? เธออวดดีเกินไปไหม?
  ดังที่กล่าวมาหลิวเทียนจงไม่ได้อารมณ์เสียแค่ร้านขายอสูรพิกซี่อย่างเดียวตระกูลหลิวก็มีช่วงเวลาที่ยากลำบากมากแล้ว พวกเขาไม่สามารถยั่วยุหญิงสาวคนนี้ได้
  ”อ้อเข้าใจแล้ว”
  หลิวเทียนยิ้มปลอมๆทันใดนั้นเขาก็ส่ายหัวและถอนหายใจ “ ผมเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่ คุณหนูหยานไม่ได้มาเยี่ยมเราในช่วงเวลาที่ดีที่สุด เรามีคนมีความสามารถมากมายปรากฏตัวในลีกนักรบของปีนี้ ผู้ที่ติด 5 อันดับแรกในลีกนักรบที่ผ่านมายังไม่ได้ขึ้นสู่ 10 อันดับแรกในปีนี้ด้วยซ้ำ”
  หัวหน้าตระกูลคนอื่นๆ ต่างสงสัยเกี่ยวกับปฏิกิริยาของเขา
  หลิวเทียนจงคึกคักเป็นพิเศษในวันนี้!
  จะพูดมากไปทำไมในเมื่อไม่มีสมาชิกในตระกูลหลิวที่อยู่ใน 5 อันดับแรก?
  บางคนได้เริ่มจ้องมองหลิวเทียนจงด้วยรอยยิ้ม
  ฉินตู้หวงพบว่าเรื่องนี้น่าขบขันเช่นกัน
  ”จริงหรอ?”
  หยินเฟิงเซียวเลิกคิ้วเมื่อได้ยินสิ่งนี้ในทางกลับกันหยานปิงเยว่ยังคงสงบนิ่งเหมือนเดิม ทำเหมือนว่าเธอไม่ได้ยินอะไรสักคำ
  ”คุณหลิวคุณกำลังบอกว่า คุณหนูหยานไม่สามารถติด 5 อันดับแรกได้หรอ?” ฉินเฟิงเซียวจ้องมองหลิวเทียนจง รอยยิ้มบนหน้าของเขาหายไปเล็กน้อย แทนด้วยความไม่แยแส
  “แน่นอนว่าไม่ใช่”หลิวเทียนจงรีบร้อนปฏิเสธ“ ผมรู้ดีว่า คุณหนูหยานมีความสามารถแค่ไหน เธอจะต้องติดอันดับ 5 แน่นอน มันแค่ยากนิดหน่อยเท่านั้น”
  “ในปีนี้มีคนมีความสามารถสองคนที่ได้รับอสูรต่อสู้ขั้นสุดยอด การต่อสู้ดุเดือดและไม่สามารถควบคุมได้ คุณหนูหยานหากคุณได้เจอพวกเขา อย่าลืมระมัดระวังนะครับ นี่เป็นเพียงการแข่งขัน อย่ายอมให้ตัวเองบาดเจ็บ”
  หยินเฟิงเซียวแทบจะหัวเราะออกมา
  การเข้าสู่5 อันดับแรกเป็นเรื่องยาก?
  กับพวกเขาเนี่ยนะ?
  ไม่มีใครบอกได้หรอกว่าใครจะเป็นฝ่ายที่โชคร้าย!
  ผู้ชายคนนั้นกำลังพูดคำเหล่านั้นโดยตั้งใจเขาพยายามทำให้เราโกรธ อืมเขาอยากยืมมือเราจัดการคนอื่น แต่เล็งผิดเป้า! หยินเฟิงเซียวโกรธ แต่เขาก็ซ่อนมันไว้ได้ดี
  เขาสามารถบอกได้ว่าหลิวเทียนจงจงใจพูดคลุมเคลือเพราะมีเจตนาร้ายแต่เขาก็พูดอะไรไม่ได้ ตระกูลใหญ่ทั้งห้าดูเหมือนจะเป็นศัตรูกัน แต่อาจยอมให้กันเมื่อเจอกับคนนอก นอกจากนี้พวกเขาใช้เมืองฐานหลงเจียงเป็นจุดเริ่มเท่านั้นและจะไม่อยู่ที่นี่นาน มีโอกาสที่ตระกูลใหญ่อีกสี่ตระกูลจะไล่ล่าพวกเขาไปด้วย หากพวกเขาสร้างปัญหาที่นี่
  หลิวเทียนจงอาจพูดคำเหล่านั้นเพราะเขารู้ว่าหยินเฟิงเซียวจะกังวล
  หยินเฟิงเซียวหัวเราะเยาะแต่ไม่ได้ให้ความสนใจกับหลิวเทียนจงอีกต่อไป
  หลิวเทียนจงยิ้มให้ตัวเองความเงียบของ หยินเฟิงเซียวเป็นการบ่งบอกว่าเขาไม่พอใจ หยินเฟิงเซียวรู้ว่าหลิวเทียนจงกำลังยั่วยุเขาโดยมีจุดประสงค์
  หยานปิงเยว่ผู้ซึ่งไม่ได้พูดอะไรเลยจนกระทั่งถึงจุดนี้ก็พูดออกมา
  เสียงของเธอแผ่วเบาและไพเราะอย่างมาก
  “ฉันมาที่นี่เพื่อเป็นแชมป์ ฉันจะไม่แสดงความเมตตาไม่ว่ากับใครที่ขวางทางฉัน ฉันต้องขอโทษล่วงหน้าหากต้องต่อสู้กับใครจากตระกูลของพวกคุณ”
  หัวหน้าตระกูลต่างตกใจอย่างแรกคือการที่จู่ๆเธอก็พูดขึ้นมา สองคือเธอเป็นคนโผงผางและหยิ่งเกินไป!
  เธอคงไม่พอใจเพราะหลิงเทียนจงแน่ๆ !
  หลังจากเห็นปฏิกิริยานั้นหัวหน้าตระกูลอีกสี่คนก็หันมาจ้องหลิวเทียนจงด้วยความโกรธ อืมไม่มีใครในตระกูลของเขาติด 5 อันดับแรก เขาเลยพยายามปลุกปั่น!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว