สรุปบท ตอนที่ 362 ทดสอบด้วยอสูรหุ่นยนต์ระดับแปด: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว
สรุปเนื้อหา ตอนที่ 362 ทดสอบด้วยอสูรหุ่นยนต์ระดับแปด – ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว โดย Internet
บท ตอนที่ 362 ทดสอบด้วยอสูรหุ่นยนต์ระดับแปด ของ ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง
และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง
ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ตอนที่ 362 ทดสอบด้วยอสูรหุ่นยนต์ระดับแปด
“คุณหนูหยานพูดถูก ทุกคนจะต้องแสดงความสามารถที่แท้จริงบนเวที และคนแพ้จะต้องยอมรับมัน!”
หัวหน้าตระกูลของตระกูลเย่หัวเราะเบาๆ แต่มันเหมือนเป็นการเยาะเย้ยมากกว่า “”คำเตือนที่เป็นมิตร” ของคุณหลิว นั้นถูกต้อง เด็ก ๆ แข็งแกร่งกว่าปีก่อน ๆ ผมต้องบอกว่าเมืองฐานหลงเจียงโชคดีมาก เราโชคดีที่มีคนมีความสามารถมากมายในเมืองของเรา เด็กหนุ่มจากตระกูลหลิว รวมถึงนายน้อยของพวกเขาไม่สามารถก้าวขึ้นสู่ 5อันดับแรกได้ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้!”
”ผมเห็นด้วยปีนี้มีคนมีความสามารถมากมาย!” หัวหน้าตระกูลของตระกูลมู่ตะโกนเข้ามาและรีบเหลือบไปมองหลิวเทียนจง
อืมนี่มันเป็นการตบหน้ากันชัดๆ มาดูกันว่าพวกแกจะกวนน้ำให้เดือดยังไงต่อ!
ฉินตู้หวงมองโจวเทียนหลินที่ดูเหมือนจะสงบเขาเอาแต่จิบชาเพลิดเพลินกับการสนทนาในฐานะผู้สังเกตการณ์ เป็นที่เข้าใจได้ว่าโจวเทียนหลินไม่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของการสนทนา ไม่มีใครจากตระกูลโจวได้เข้ารอบชิงชนะเลิศ จากนั้น ฉินตู้หวงก็หันไปหาหลิวเทียนจงซึ่งใบหน้าดำมืด “ คุณหนูหยานอย่าตีความ “การแสดงไมตรีจิต” ของคุณหลิวผิด ” ฉินตู้หวงยิ้ม
หยานปิงเยว่มองไปที่ฉินตู้หวงแต่ไม่ได้พูดอะไร เธอเข้าใจกระจ่างแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก
หยินเฟิงเซียวจิ้งจอกชรานั่งอยู่ข้างๆเธอสัมผัสได้ทันทีถึงบรรยากาศที่”เป็นมิตร” ระหว่างตระกูลใหญ่ๆ เช่นเดียวกับที่เขาคาดไว้ ความขัดแย้งภายในนั้นร้ายแรง
หยินเฟิงเซียวยิ้มก่อนที่เขาจะพูดว่า“คุณหนูหยานยังเด็กและอาจจะพูดตรงไปตรงมาเกินไป โปรดยกโทษให้เธอด้วย”
มู่เป่ยไห่ยิ้มในตอนนั้นเขาพูดคำเหล่านั้นเพราะเขาต้องการสร้างความอับอายให้หลิวเทียนจง และในเวลาเดียวกันก็เป็นการเตือนหยานปิงเยว่ ท้ายที่สุดคำพูดของเธอก้าวร้าวเกินไป ถ้าเขาไม่ได้พูดอะไร หยานปิงเยว่และคนของเธอคงคิดว่าตระกูลหลักของเมืองฐานหลงเจียงนั้นขี้ขลาดและอ่อนแอ
เนื่องจากผู้เข้าร่วมที่เหลือมาจากสามตระกูลใหญ่คำพูดของเธอจึงรุนแรงต่อทั้งสามตระกูลใหญ่
แน่นอนว่าหญิงสาวถูกยั่วยุโดยการยุยงของหลิวเทียนจงแต่คำพูดของเธอก็ยังรุนแรง!
”ผู้หญิงคนนั้นคือใคร?”
สวี่คังไม่สามารถระงับความอยากรู้อยากเห็นของเขาได้อีกต่อไป
ฉินเส้าเทียนไม่ได้พูดอะไรกับเขาเขายังคงไม่พอใจเพราะสวี่คังพูดจาหยาบคายกับเขาตอนที่อยู่ในร้านของซูผิง
มู่หยวนโส้วเป็นคนที่มีนิสัยนิ่งสงบเขาก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน เขาเอาแต่หายใจเข้าออกเพื่อปรับอารมณ์ของตัวเอง
ในทางกลับกันเย่หลงเทียนได้ตอบคำถามแต่เขาพยายามพูดเสียงเบา “ นายไม่รู้เหรอ ผู้หญิงคนนั้นมาจากที่อื่น เธอพยายามที่จะใช้ประโยชน์จากเมืองฐานหลงเจียงเพื่อคว้าแชมป์ เพื่อที่เธอจะได้ไปแข่งขันในเวทีระดับนานาชาติเพื่อคว้าแชมป์โลก ฉันได้ยินมาว่าความแข็งแกร่งของเธอนั้นไม่อาจหยั่งรู้ได้ เธออยู่ในระดับเดียวกับพวกเรา แต่ความสามารถของเธอเทียบเท่าระดับกิตติมศักดิ์!”
ทั้งสวี่คังและซูหลิงเยวี่ยต่างตกตะลึง“ กิตติมศักดิ์? เป็นไปได้ยังไง?”
เย่หลงเทียนพูดไม่ออกไปชั่วขณะหลังจากที่เห็นทั้งสองคนหวั่นไหว “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ? ทั้งสองคนก็เป็นแบบนั้นไม่ใช่เหรอ?”
“เอ่อใช่แล้ว”
สวี่คังเกาหัว
ซูหลิงเยวี่ยดูเหมือนจะลำบากใจเล็กน้อยกิตติมศักดิ์? หากไม่มีอสูรที่ซูผิงมอบให้เธอ เธอจะไม่สามารถเอาชนะนักรบอสูรระดับเจ็ดได้ด้วยซ้ำ
เมื่อเห็นปฏิกิริยาจากสองคนนั้นเย่หลงเทียนได้แต่ส่ายหัว เขาหยุดคุยด้วย หันไปหาฉินเส้าเทียนและมู่หยวนโส้ว ด้วยผู้หญิงคนนั้นเข้าร่วมการแข่งขัน 1 ใน 5 อันดับแรกในปัจจุบันจะถูกคัดออก พวกเขาได้เห็นแล้วว่าซูหลิงเยวี่ยและสวี่คังมีความแข็งแกร่งมากแค่ไหน ซูหลิงเยวี่ยได้แข่งขันกับฉินเส้าเทียนแล้ว เมื่อพิจารณาถึงความสามารถของเธอ เธอจะไม่ถูกคัดออก สำหรับพวกเขาที่เหลือ พวกเขาต้องชนะฉินเส้าเทียนที่แพ้ซูหลิงเยวี่ยให้ได้
อย่างไรก็ตาม…
แม้ว่าฉินเส้าเทียนจะแพ้ไปหนึ่งครั้งแต่เขาก็ยังคงน่าเกรงขาม เย่หลงเทียนไม่สามารถพูดได้ว่าเขาจะเอาชนะฉินเส้าเทียนได้
ฉินเส้าเทียน,มู่หยวนโส้วและเย่หลงเทียนกำลังมีความคิดที่คล้ายกันพวกเขาสบตากันและมองเห็นความมุ่งมั่นในดวงตาของกันและกัน
ฉินเส้าเทียนยังคงไม่แยแสแต่เขาไม่ได้มีท่าทีเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป นับตั้งแต่ที่เขาพ่ายแพ้ให้กับซูหลิงเยวี่ย ความมุ่งมั่นในการต่อสู้ของเขาก็สูงอยู่ตลอดเวลา
เย่หลงเทียนสามารถตรวจพบความเย็นชาในดวงตาของฉินเส้าเทียนได้เช่นเดียวกับความตั้งใจของเขาที่จะชนะ
เวลาสิบโมงเช้า
เสียงเชียร์ของผู้คนค่อยๆเงียบลงคณะกรรมการรอคอยมานาน พวกเขาเปิดไมโครโฟนและใช้คำที่น่าตื่นเต้นเพื่อเพิ่มความกระตือรือร้นของผู้คน จากนั้นพวกเขาก็เริ่มประกาศกฎ
คณะกรรมการอธิบายกฎเสร็จแล้วรอบชิงชนะเลิศในระดับเมืองฐานหลงเจียงก็เริ่มต้นขึ้น!
ในตอนท้ายของประโยคพลุไฟจำนวนนับไม่ถ้วนยิงขึ้นฟ้าจากรอบ ๆ เวที รวมถึงรอบ ๆ สถานที่จัดงานด้วย มันทำให้ทั้งสนามครึกครื้นขึ้น
หมอกที่เกิดจากพลุไฟกระจายไปตามสายลมบนเวทีเชียร์ลีดเดอร์สุดเซ็กซี่เต้นตามเพลงอย่างมีความสุข บนหน้าจอขนาดใหญ่สำหรับผู้ชม ภาพโปรไฟล์ของผู้เข้าร่วมทั้งห้าคนปรากฏขึ้น การตกแต่งภาพทำให้ทุกคนดูมาก
คณะกรรมการแนะนำผู้เข้าร่วมทั้งห้าคนอย่างเป็นทางการอีกครั้งผู้ชมโห่ร้องด้วยความดีใจทุกครั้งที่อ่านข้อมูลของผู้เข้าร่วม
ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนมีฐานแฟนคลับของตัวเองอยู่แล้วคนที่มีแฟนคลับมากที่สุดคือซูหลิงเยวี่ย ตามด้วยฉินเส้าเทียนและสวี่คัง
เย่หลงเทียนและมู่หยวนโส้วมีแฟนคลับน้อยลงแต่ก็ยังได้รับการสนับสนุนอย่างดีเยี่ยม
บางคนชื่นชอบเย่หลงเทียนมาตั้งแต่แรกและไม่เปลี่ยนใจ
หลังจากการแนะนำผู้เข้าร่วมทั้งห้าคนจบลงทันใดนั้นกรรมการก็เริ่มพูดอย่างอื่น ในขณะเดียวกันก็มีพื้นที่ว่างปรากฏขึ้นถัดจากรูปภาพโปรไฟล์ทั้งห้าบนหน้าจอ
พื้นที่ว่างนั้นทำให้ผู้ชมสับสน
ในไม่ช้าพื้นที่ว่างนั้นก็เริ่มหมุนและภาพที่ได้รับการจัดเตรียมอย่างดีก็ปรากฏขึ้นเป็น หยานปิงเยว่ที่นั่งอยู่ข้างๆฉินตุ้หวง
หยานปิงเยว่มีรูปลักษณ์ที่น่าทึ่งแต่ความเย็นชาบนใบหน้าของเธอทำให้เธอดูเข้าถึงยาก การปรับแต่งภาพได้เน้นความเย็นชาบนใบหน้าของเธอ
ทุกคนรู้สึกงุนงงเมื่อได้ยินเสียงที่ตื่นเต้นของคณะกรรมการขณะที่ภาพยังคงหมุนต่อไป“ ถัดไปคือผู้เข้าร่วมคนที่หกของเรา!”
อะไร?!
ผู้ชมระเบิดความงุนงง
ทุกคนมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจผู้แข่งขันคนที่หก?
ควรมีห้าคนคนที่หกคืออะไร?
“ผู้เข้าร่วมคนที่หก?”
ซูผิงรู้สึกประหลาดใจเช่นเดียวกับคนอื่นๆ
ความหมายของมันคืออะไร?
การแข่งขันทั้งหมดจบลงแล้วแล้วผู้เข้าแข่งขันคนที่หกเพิ่งออกมา? จากไหน?
“มันเป็นเรื่องจริงสินะ…” เฟยหยานป๋อพึมพำ
คุณลั่วและคุณหลินต่างก็หันไปหาเฟยหยานป๋อ“ เฟย อะไรจริง?” เขาถามอย่างเร่งรีบ
เฟยหยาป๋อกลับมามีสติเขามองไปที่คุณลั่วแล้วมองไปที่ซูผิง เมื่อตระหนักว่าซูผิงไม่รู้เรื่องนี้เฟยหยานป๋อจึงเริ่มอธิบาย “ คือผมได้ยินเรื่องนี้จากอาจารย์ใหญ่ของเรา มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในการแข่งขัน 5 อันดับแรก วีไอพีบางคนจะมาที่เมืองฐานหลงเจียงเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันของเรา ตอนแรกผมนึกว่าเป็นแค่ข่าวลือ ปรากฎว่ามันเป็นเรื่องจริง” เฟยหยานป๋อพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่แสดงให้เห็นว่าเขาภูมิใจที่ตัวเองรู้ข้อมูลภายในนี้
”จริงหรอ?!”
คุณลั่วจ้องไปที่เฟยหยาป๋อ“ไม่ยุติธรรมเลย!”
“ใช่”คุณหลินก็ขมวดคิ้วเช่นกัน ในเวลาเดียวกันเธอก็จ้องมองไปที่ซูผิง 1 ใน 5 อันดับแรกคือน้องสาวของเขา ซูผิงน่าจะโกรธคนที่มาใหม่มากที่สุด ท้ายที่สุดพวกเขาเป็นเพียงผู้มาสังเกตการณ์
ซูผิงเลิกคิ้วเขาเองก็รู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมเช่นกัน
ทุกคนทำงานอย่างหนักผ่านความท้าทายจะมาแซงคิวอย่างนี้ได้ยังไง?
เพราะเธอสวย?
แต่ฉันก็หล่อ!
ฉันยังไม่ทำอะไรแบบนั้นเลย!
เฟยหยาพูดล่าวต่อว่า“ความยุติธรรม…หึพวกเราทำงานกันมาหลายปีแล้ว คุณคิดว่าเราเห็นความไม่ยุติธรรมมามากเพียงพอแล้วหรอ? เราทำอะไรไม่ได้ ฉันได้ยินมาว่าผู้หญิงคนนี้มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับนายกและมีภูมิหลังที่ทรงพลัง ไม่มีใครในเมืองฐานหลงเจียงสามารถยั่วโมโหเธอได้ ดูห้าตระกูลหลักสิ ทำไมถึงคิดว่าพวกเขายอมรับสิ่งนี้ได้ ”
หลังจากคำพูดเหล่านั้นพวกเขาทั้งหมดก็เปลี่ยนไปมองแถวแรกและเห็นหญิงสาวในภาพซึ่งนั่งอยู่กับหัวหน้าตระกูลอย่างเท่าเทียมกัน!
พวกเขามึนงงไปชั่ววินาทีเพราะมันน่าเหลือเชื่อ!
หัวหน้าตระกูลเหล่านั้นล้วนเป็นนักรบอสูรกิตติมศักดิ์พวกเขามักจะเป็นคนกุมบังเหียนเสมอ ผู้หญิงคนนั้นนั่งกับพวกเขาได้ยังไง?
“นั่น…” คุณลั่วตะลึงพูดไม่ออก เขาไม่สามารถแม้แต่จะบ่น ปัญหามักเกิดขึ้นจากการพูดอย่างไม่ตั้งใจ
คุณหลินมองแต่ไม่ได้พูดอะไร
แม้แต่ห้าตระกูลใหญ่ยังทำอะไรไม่ได้ใคร ๆ ก็เข้าใจได้ว่าผู้หญิงคนนั้นมีอำนาจแค่ไหน
หากพวกเขาพูดอะไรที่ไม่น่าฟังและหญิงสาวได้ยิน พวกเขาซึ่งเป็นจะถูกฆ่าโดยไม่มีโอกาสได้ปกป้องตัวเอง
ซูผิงมองไปที่จุดที่หญิงสาวอยู่เขาเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยสองคน เป็นหัวหน้าตระกูลและผู้อาวุโสจากตระกูลโจว เนื่องจากตระกูลใหญ่เหล่านั้นยอมรับ เขาจึงไม่ควรกระโดดออกมาต่อต้าน
ไม่ว่าจะยังไงก็ตามซูหลิงเยวี่ยจะไม่แพ้ ไม่มีใครหยุดเธอจากการคว้าแชมป์ได้!
เมื่ออ่านข้อมูลของผู้เข้าร่วมคนที่6 ความคิดเห็นต่างๆก็ดังขึ้น ผู้ชมส่วนใหญ่ไม่รู้ข้อมูลภายใน ทุกคนต่างแสดงความสงสัยเพราะพวกเขาเห็นว่าการกระทำนี้ไม่ยุติธรรม
เสียงดังกล่าวทำให้หยินเฟิงเซียวและคนอื่น ๆ ไม่พอใจ
หยานปิงเยว่ยังคงไร้ความรู้สึกเหมือนเดิมแต่ความเย็นชาในดวงตาของเธอเพิ่มมากขึ้น
ตัวแทนจากตระกูลใหญ่ทำราวกับว่าพวกเขาไม่ได้ยินคำถามเหล่านั้นเป็นรัฐบาลที่ทำข้อตกลงนี้ และนี่ไม่ใช่เรื่องของพวกเขา รัฐบาลต้องจัดการกับความยุ่งเหยิงนี้เอง
”เงียบ!”
ทันใดนั้นตัวแทนจากรัฐบาลก็ลอยขึ้นมาและยืนอยู่ในอากาศเหนือเวที
นักรบอสูรกิตติมศักดิ์!
เมื่อนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ออกมาเสียงโห่ร้องก็เงียบลง ไม่มีใครสามารถรุกรานนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ได้ ผู้ชมที่แสดงความคิดเห็นต่างกลัวและไม่กล้าพูดอะไรอีก พวกเขาปล่อยให้นักรบอสูรกิตติมศักดิ์อธิบาย “ ผมเข้าใจว่าพวกคุณไม่พอใจกับเรื่องนี้ ทางเราต้องขออภัยที่ไม่เปิดเผยข้อมูลก่อนหน้านี้” นักรบอสูรกิตติมศักดิ์จากรัฐบาลมองไปรอบ ๆ สถานที่ เขายังคงไม่กลัว แม้จะเป็นการคุยกับคนนับแสน “ มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ คุณหนูหยานปิงเยว่ไม่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันก่อนหน้านี้ได้เนื่องจากเหตุผลบางประการ แต่ที่เมืองฐานหลงเจียง เราคัดเลือกผู้มีความสามารถ! และเราจะไม่พลาดโอกาสในการค้นพบคนที่มีพรสวรรค์!”
“คุณหนูหยานปิงเยว่ได้พิสูจน์ให้เราเห็นแล้วว่าเธอสามารถเป็น1 ใน 5 อันดับแรกได้! และเราจะทำการทดสอบให้ทุกคนดูว่าเธอมีคุณสมบัติ”
ผู้ชมมองหน้ากันและกันอย่างว่างเปล่า
บางคนยอมรับคำอธิบายและคิดว่าพวกเขาเข้าใจได้ว่าหยานปิงเยว่พลาดการแข่งขันก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตามยังมีคนอื่นๆ ที่ไม่พอใจ เธอยังสามารถเข้าร่วมได้ทั้งๆที่มาแข่งขันสาย? แล้วที่คนขึ้นรถเมล์สายล่ะ? หรือทำงานสาย? การไปทำงานสายสามารถทำได้หรอ?
ฉันสามารถสอบเข้าวิทยาลัยอีกครั้งได้ไหม?ถ้าฉันสาย?
ในชีวิตเมื่อคุณมาสายคุณจะพลาดโอกาส นั่นคือความจริง
แน่นอนเนื่องจากเป็นนักรบอสูรกิตคิมศักดิ์เป็นคนที่ประกาศ ผู้ชมจึงไม่กล้าทักท้วง อย่างไรก็ตามพวกเขาแสดงความไม่พอใจบนใบหน้า
นักรบอสูรกิตติมศักดิ์ยังคงดำเนินต่อไปในขณะที่เสียงแห่งความสงสัยดับลง“ การทดสอบคือคุณหนูหยานปิงเยว่จะต้านทานการโจมตีเต็มกำลังจากอสูรหุ่นยนต์ระดับแปดด้วยความแข็งแกร่งของเธอเอง!”
หลังจากคำพูดนั้นทุกคนก็เริ่มมองไปรอบ ๆ ด้วยความประหลาดใจ
ด้วยตัวเธอเอง?
การโจมตีของอสูรหุ่นยนต์กระดับแปด?
ยังไง!
อสูรหุ่นยนต์จะไม่แสดงความเมตตาพวกมันจะทำหน้าที่ตราบเท่าที่ระดับพลังงานของพวกมันมากพอ การที่จะต้านทานการโจมตีจากอสูรเหล่านั้นเป็นเรื่องยากแม้กระทั่งกับนักรบอสูรระดับแปดเองท้ายที่สุดแล้วเมื่อเทียบกับอสูรในระดับเดียวกัน นักรบอสูรนั้นอ่อนแอกว่ามาก นั่นเป็นความจริงที่ทุกคนทราบ
ไม่ต้องพูดถึงความจริงที่ว่าอสูรนั้นสูงกว่าหยานปิงเยว่ถึงสองระดับ!
นักรบอสูรกิตติมศักดิ์มีความสุขที่ได้เห็นปฏิกิริยาของผู้ชมเขาเข้าใจว่าคำพูดของเขาบรรลุผลตามที่ต้องการ
“ตอนนี้เริ่มการทดสอบกันได้” นักรบอสูรกิตติมศักดิ์โบกมือขณะที่เขาประกาศ
ด้วยความช่วยเหลือจากพลังดวงดาวเสียงของเขาดังก้องไปทั่วสถานที่ และเขาก็ดึงความสนใจของทุกคนไปที่เวที
ไม่นานทีมงานกลุ่มหนึ่งก็ออกมาจากทางเดินในขณะเดียวกันอสูรหุนยนต์ที่พันอยู่ในสายไฟก็ก้าวขึ้นไปบนเวทีซึ่งมีผู้คนมากมายรายล้อม
คนดูกลั้นหายใจ
การทดสอบเริ่มขึ้น
นักรบอสูรกิตติมศักดิ์บินไปหาหยานปิงเยว่และกระซิบว่าคุณหนูหยาน ทางเราต้องขอโทษกับเรื่องนี้จริงๆ”
หยานปิงเยว่ตอบอย่างใจเย็น“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”
จากนั้นเธอก็ยืนยกมือขึ้น และพูดว่า “ดาบของฉัน”
สาวใช้เสี่ยวจูรีบยื่นดาบให้
หยานปิงเยว่คว้าด้ามดาบและดึงดาบออก คมดาบนั้นคมมากจนสามารถสะท้อนใบหน้าที่น่าทึ่งของเธอได้
“คุณจะไม่โทษฉันใช่ไหม ถ้าฉันทำร้ายอสูรนั่นโดยไม่ได้ตั้งใจ?” หยานปิงเยว่ถาม
นักรบอสูรกิตติมศักดิ์ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับคำถามนี้“คุณหนูหยาน คุณใช้อสูรไม่ได้”
“ฉันจะไม่ใช้”
ด้วยคำพูดนั้นหยานปิงเยว่ก็กระโดดขึ้นไปบนเวที
ฉินเส้าเทียนเลิกคิ้วนักดาบอีกคน?
เขาพบว่ามันน่าสนใจเนื่องจากอิทธิพลของฉินชูไห่ มันจึงทำให้ฉินเส้าเทียนใช้ดาบเช่นกัน ฉินชูไห่บอกด้วยตัวเองว่าฉินเส้าเทียนมีความสามารถมาก และเขาได้ศึกษาทักษะลับมากมายที่เกี่ยวข้องกับดาบ
เขารักดาบ
ถ้าฉินชูไห่เป็นราชาแห่งดาบ
ฉินเส้าเทียนจะเป็นผู้คลั่งดาบ
เขาเชื่อว่าเขากำลังจะกลายเป็นเทพแห่งดาบ!
ในขณะที่เขามองไปที่ดาบของหญิงสาวฉินเส้าเทียนก็อดใจไม่ไหวที่จะได้สู้กับเธอ
บนเวที
ขณะที่เธอกระโดดขึ้นไปบนเวทีผู้คนก็แสดงความสงสัยน้อยลง
ในไม่ช้าเจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็เข้ามาหาหยานปิงเยว่
สิ่งแรกที่ต้องทดสอบไม่ใช่การต่อสู้ของเธอแต่เป็นการทดสอบระดับของเธอ
เจ้าหน้าที่ได้หยิบอุปกรณ์บางอย่างออกมาและกล้องจะถ่ายทอดสดไปทั่ว
นั่นเป็นอุปกรณ์ทดสอบเพื่อยืนยันระดับของเธอ
นักรบอสูรหลายคนจำมันได้อุปกรณ์นี้เป็นอุปกรณ์ใหม่ซึ่งช่วยกำจัดการโกง
“คุณหนูหยาน เชิญ” ชายคนหนึ่งกล่าว
หยานปิงเยว่ปล่อยพลังดวงดาวออกมา
ไม่นานอุปกรณ์ก็เริ่มสว่างไฟกะพริบ ในที่สุดก็หยุดที่ไฟดวงที่หก
เธออยู่ที่จุดสูงสุดของระดับหก!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว