ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว นิยาย บท 370

ตอนที่ 370 ความรู้สึกผิดของมังกร
  ”เธอพูดถูกฉันอ่อนแอ”
  ความเศร้าซ่อนอยู่ในรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอเธอกำลังพูดกับหยานปิงเยว่ และในเวลาเดียวกันก็พูดกับตัวเอง
  หยานปิงเยว่ประหลาดใจกับปฏิกิริยาของซูหลิงเยวี่ย
  เธอบอกได้ว่าเสียงคำรามเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นเธอไม่สามารถปล่อยให้ซูหลิงเยวี่ยทำต่อไปได้ หยานปิงเยว่เดินวนไปข้างหลังซูหลิงเยวี่ย ใช้ดาบพาดคอเธอ ขยับดาบเล็กน้อยเป็นการเตือน!
  “ยอมแพ้ซะ ไม่งั้นเธอตาย!”
  เมื่อได้ยินเสียงเย็นชาดังมาจากด้านหลังของเธอซูหลิงเยวี่ยก็ยิ้มกว้างขึ้น แต่ความเศร้าโศกยังตราตรึงอยู่ในดวงตาของเธอรวมถึงร่องรอยแห่งความภาคภูมิใจ!
  “แม้แต่ก้อนน้ำแข็งก็ไม่สามารถปกป้องฉันได้”
  “ฉันเป็นตัวถ่วง ไม่มีใครช่วยฉันได้ในเมื่อฉันอ่อนแอขนาดนี้”
  ”แต่…”
  ซูหลิงเยวี่ยค่อยๆหันหัวของเธอแม้ว่าดาบจะยังจ่ออยู่ที่คอเธอหันหน้า จ้องไปที่ใบหน้าเย็นชาและดวงตาสีแดงเลือดคู่นั้นซึ่งเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า
  ในแววตาของซูหลิงเยวี่ยความกลัวได้หายไป เธอยังคงสวมรอยยิ้มที่แสดงให้เห็นว่าเธอมุ่งมั่นที่จะเผชิญหน้ากับความตายอย่างไม่ท้อถอย
  หยานปิงเยว่จ้องมองไปที่หญิงสาวอย่างว่างเปล่า“ ถึงฉันจะอ่อนแอ แต่ก็ยังมีใครบางคนที่ฉันต้องการปกป้อง…”
  เธอพูดยิ้มๆ
  จากนั้นเธอก็คว้าดาบด้วยมือเปล่า
  หยานปิงเยว่เหล่ตามอง
  ทันใดนั้นเธอก็นึกขึ้นได้ว่าหญิงสาวกำลังจะทำอะไร
  “ตามกฎถ้าเธอฆ่าฉัน เธอจะถูกตัดสิทธิ์…”ซูหลิงเยวี่ยดูเหมือนจะโล่งใจ และในขณะเดียวกันก็ไม่เต็มใจที่จะลาจากโลกนี้ไป เมื่อเห็นคู่ต่อสู้ที่มีท่าทีตกใจ ซูหลิงเยวี่ยกระซิบ“ ฉันขอโทษ แต่เราต้องได้แชมป์…” ในขณะนั้นสิ่งที่ซูหลิงเยวี่ยคิดในหัวคือคำสัญญาว่าจะคว้าแชมป์มาให้ได้
  เกี่ยวกับคำพูดที่ซูผิงพูดกับเธอที่สถานที่จัดงานสาขาในระหว่างการคัดเลือก
  เธอต้องไม่ใจอ่อน!
  เธอต้องคว้าแชมป์มาให้ได้!
  มิฉะนั้นชื่อเสียงของร้านจะเสียหาย!
  เมื่อเป็นเช่นนั้นคู่แข่งของพวกเขาจะตีเหล็กตอนที่มันยังร้อนและทั้งครอบครัวของเธออาจตกอยู่ในอันตราย!
  เธอจำคำพูดของซูผิงได้โดยไม่รู้ตัว
  โดยไม่รู้ตัวเธอเริ่มเคารพและไว้วางใจพี่ชายของเธอที่ครั้งหนึ่งเธอเคยดูแคลน!
  เป็นเพราะคำแนะนำของเขาที่ทำให้เธอมาถึงตรงนี้
  แต่ครั้งนี้เธอคงแพ้อย่างแน่นอน
  สวี่คังยังอยู่
  เขาเป็นอีกคนหนึ่งที่ซื้อบริการของร้าน
  ซูหลิงเยวี่ยคิดว่าถ้าเธอสามารถทำให้หยานปิงเยว่ถูกตัดสิทธิ์ได้ก็มีโอกาสดีที่สวี่คังจะได้ที่หนึ่ง
  จริงอยู่ที่เธออาจไม่ได้เป็นแชมป์แต่สวี่คังยังสามารถช่วยกอบกู้ชื่อเสียงให้กับร้านได้ …
  สิ่งเดียวที่เธอทำได้คือลากหยานปิงเยว่ลงไปกับเธอเพื่อที่สวี่คังจะได้ไม่ต้องต่อสู้กับหยานปิงเยว่!
  หยานปิงเยว่รู้สึกประหลาดใจที่เห็นความมุ่งมั่นที่จะตายในสายตาของหญิงสาว
  เธอบ้าหรือเปล่า?
  มันคุ้มค่ากับการได้รับรางวัล?
  อะไรคือความแตกต่างระหว่างอันดับสองและหนึ่ง?
  หยานปิงเยว่กำลังต่อสู้เพื่อที่หนึ่งเพราะนั่นเป็นเป้าหมายเดียวของเธอมาเสมอ
  แต่ทำไมหญิงสาวที่จับจ้องที่หนึ่งมาตั้งแต่แรกถึงทำอย่างนี้?
  อะไรคือจุดสำคัญของการคว้าแชมปหากเเธอไม่มีชีวิตอยู่เพื่อมัน?
  เพื่อทิฐิหรอ?!
  นั่นมันบ้ามาก!
  หยานปิงเยว่พบว่ามันยากที่จะเข้าใจเมื่อหายตกใจ เธอก็เริ่มโกรธ
  “นี่เป็นทางเลือกสุดท้ายของเธอหรือไง?”หยานปิงเยว่กัดฟัน ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความดูถูกและความโกรธ “ เธอเป็นคนแพ้ที่น่าผิดหวังจริงๆ การตายของเธอ ฉันจะไม่เสียใจ!”
  ซูหลิงเยวี่ยยังคงสงบไม่มีอะไรที่หยานปิงเยว่พูดแล้วจะสามารถเปลี่ยนหัวใจของเธอได้ในขณะนี้ ไม่มีคำเยาะเย้ยใดที่จะทำให้เธอรู้สึกด้อยค่าได้อีกต่อไป!
  เธอตัดสินใจแล้ว
  สิ่งสุดท้ายที่เธออยากทำคือหันไปมองกลุ่มผู้ชม
  เธออยากมองแม่ของเธออีกครั้ง
  แม่ต้องนั่งอยู่หน้าทีวีและมองลูกสาวที่ไร้ประโยชน์คนนี้อยู่แน่ซูหลิงเยวี่ยคิดกับตัวเอง เธอกัดริมฝีปากจนเลือดซึม และรู้สึกได้ถึงความขมขื่น
  เธอไม่ได้หันไปมองผู้ชมเป็นครั้งสุดท้ายเพราะเธอไม่มีเวลาอีกต่อไป
  ปัง!
  เธอเรียกพลังดวงดาวออกมาในทันใดและเหวี่ยงตัวเองไปที่ดาบของหยานปิงเยว่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
  “อืมฉันบอกว่าการตายของเธอฉันจะไม่เสียใจ แต่อย่าคิดว่าเธอจะสามารถฆ่าตัวตายต่อหน้าฉันได้ง่ายๆ!”
  หยานปิงเยว่แสยะยิ้มร้ายกาจเธอบิดดาบ สะบัดนิ้วของซูหลิงเยวี่ยที่ใช้จับดาบออก จากนั้นหยานปิงเยว่ก็ดึงดาบของเธอกลับ และสะบัดมือ
  เธอตบแก้มซูหลิงเยวี่ยจนเป็นสีแดงบวมฟันหลุดออกมาหลายซี่และมีรอยเลือดติดอยู่
  หยานปิงเยว่ใช้พลังมหาศาลจนซูหลิงเยวี่ยรู้สึกว่าสมองของเธอได้ยินเสียงวิ้งดวงตาของเธอสูญเสียโฟกัสไปชั่ววินาที เธออยู่แค่ระดับห้าเอง ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเริ่มใช้กายเคลือบเงาซึ่งช่วยเพิ่มคุณภาพทางกายภาพของเธอ การตบครั้งนี้จะทำให้เธอหมดสติ
  หยานปิงเยว่ยกมือขึ้นและกระชากผมของซูหลิงเยวี่ย
  หวีด!
  หยานปิงเยว่พุ่งทะยานใช้ดาบเธอตัดผ่านอีกด้านของเทพธิดาน้ำแข็ง!
  ปัง!เกือบจะในเวลาเดียวกัน มังกรจันทราเหมันต์ได้ทุบลงบนที่ที่ผู้หญิงทั้งสองอยู่ เทพธิดาน้ำแข็งพลันแตก
  โฮก!!
  มังกรคำรามด้วยความโกรธอย่างไรก็ตาม มังกรมองเห็นคนที่หญิงสาวกำลังยกอยู่ในมือของเธอ เมื่อเห็นภาพนั้น มังกรก็ระงับความต้องการที่จะพุ่งไปข้างหน้าและหยุดลง
  หยานปิงเยว่อยู่ห่างออกไปกว่าสิบสองเมตรและเธอก็ลากซูหลิงเยวี่ยด้วยมือของเธอ เธอเก็บดาบ ดึงผมของซูหลิงเยวี่ยไว้ในมือข้างหนึ่ง ยืนอยู่บนพื้นน้ำแข็งอย่างภาคภูมิใจ
  โดยปราศจากการปกป้องของเทพธิดาแห่งน้ำแข็งทุกคนจึงเห็นสิ่งนี้
  ความเงียบเข้าปกคลุมสถานที่จัดงาน
  ทุกคนตกตะลึงไม่มีใครเชื่อเรื่องนี้
  ไม่มีใครสามารถเชื่อได้ว่าหยานปิงเยว่จะสามารถทำลายทักษะการป้องกันระดับเก้าได้และปราบซูหลิงเยวี่ยได้ภายในพริบตา
  นับตั้งแต่การต่อสู้ครั้งแรกซูหลิงเยวี่ยอาศัยมังกรของเธอตลอดเธอไม่เคยเปิดเผยความแข็งแกร่งของเธอ
  อย่างไรก็ตามเนื่องจากเย่หลงเทียนและฉินเส้าเทียนได้แสดงให้เห็นถึงทักษะการต่อสู้ที่น่ากลัว บางคนจึงเชื่อว่าซูหลิงเยวี่ยต้องไม่ธรรมดาเช่นกัน
  แต่เนื่องจากมังกรของเธอสามารถจัดการทุกอย่างได้เธอจึงไม่จำเป็นต้องใช้ความสามารถของเธอเอง แต่ความจริงก็คือ …
  เธอถูกลากออกมาเหมือนหมาที่ตายแล้วฉากนี้น่าสับสนมากมาย
  หยานปิงเยว่ทรงพลังแต่ทำไมซูหลิงเยวี่ยไม่มีความสามารถที่จะต่อสู้กลับได้เลย!
  แฟนๆ ของซูหลิงเยวี่ยไม่พอใจที่จะเชื่อเรื่องนี้ พวกเขาเสียใจและประหลาดใจไม่แพ้กัน
  “เธออยากตาย…”
  หยานปิงเยว่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเธอเห็นมังกรหยุดอยู่ตรงนั้นเธอยิ้มกว้าง บินขึ้นและดึงผมของซูหลิงเยวี่ยลากเธอขึ้นจากพื้นเช่นกัน
  เธอกำลังบิน!
  ทุกคนเป็นใบ้!
  ผู้คนนับไม่ถ้วนยืนขึ้นด้วยสัญชาตญาณ!
  เธอคือ…นักรบอสูรกิตติมศักดิ์?!!
  แม้แต่ผู้เข้าร่วมบางคนรวมถึงสวี่คัง,ฉินเส้าเทียนและอาจารย์จากสถาบันที่มีชื่อเสียงก็ยืนขึ้นเพื่อดูฉากที่ไม่สามารถจินตนาการได้นี้
  การบินเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของนักรบอสูรกิตติมศักดิ์แต่พวกเขากำลังมองผู้หญิงคนหนึ่งบิน หยานปิงเยว่กำลังใช้ทักษะนั้น!
  เธอเป็นนักรบอสูรกิตติมศักดิ์หรอ?
  หัวหน้าตระกูลขมวดคิ้วแน่นดูเหมือนพวกเขาจะตกใจไม่น้อย พวกเขาทั้งหมดสังเกตเห็นรูปแบบพลังงานที่แปลกประหลาดบนผิวหนังของหยานปิงเยว่ พวกเขาคิดถึงทฤษฎี สามารถบอกได้ว่าเธอบินได้เพราะวิธีพิเศษ ในความเป็นจริงการบินไม่ได้เป็นเอกสิทธิ์ของนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ มีทักษะลับมากมายที่คน ๆ หนึ่งสามารถใช้บินได้ แต่มันหายาก นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมคนทั่วไปถึงคิดว่าการบินเป็นวิชาเฉพาะตัวของนักรบอสูรกิตติมศักดิ์
  ผู้ตัดสินทั้งสองคนมองหน้ากันและเห็นความกลัวในสายตาของอีกฝ่าย ผู้หญิงคนนี้น่ากลัว!
  หยานปิงเยว่บินขึ้นไปบนฟ้า
  เธอค่อยๆหยุดมองไปรอบ ๆ และเห็นว่าทุกคนตกตะลึงแค่ไหน เธอแสยะยิ้มอย่างเหยียดหยาม คนอ่อนแอจากสถานที่เล็ก ๆ แห่งนี้ขาดประสบการณ์และความรู้ “ เธอยอมตายเพื่อให้ฉันถูกตัดสิทธิ์ เธอมันบ้า สมองของเธอต้องผิดปกติแน่ ๆ งั้นฉันก็จะทำให้มันชัดเจนเอง!’
  รอยยิ้มของหยานปิงเยว่ดูโหดร้ายมาก“ มีบางสิ่งที่เจ็บปวดยิ่งกว่าความตาย เธอจะคิดยังไงถ้าฉันถอดเสื้อผ้าของเธอออกแล้วเฉือนร่างกายเธอด้วยดาบทีละส่วน”
  แก้มของซูหลิงเยวี่ยในมือของเธอบวมดวงตาของเธอมีสีขาวขุ่น เมื่อได้ยินคำขู่นี้ แววตาของเธอก็เริ่มชัดเจนขึ้นอีกครั้ง เธอหน้าซีด นี่มันอัปยศเกินไป
  เธอจ้องมังกรบนเวทีทันใดนั้นเธอก็มีความคิด
  เธอสั่ง
  โจมตี!
  มังกรจันทราเหมันต์ไม่เชื่อว่านี่เป็นคำสั่งเจตนาฆ่าลดลงในดวงตาของมัน และในตาของมันคือความเศร้าโศก และความขุ่นเคือง
  จิตใจของมังกรจันทราเหมันต์ไม่ซับซ้อนพอที่จะเข้าใจว่านี่คือการแข่งขันมังกรรู้แค่ว่านี่คือการต่อสู้
  จะต้องมีคนตาย
  ในขณะนี้มังกรสามารถรู้สึกได้ว่าเจ้านายของมันสามารถตายได้ทุกเมื่อ
  ความเศร้าความโกรธ และความขุ่นมัวเข้ายึดครองหัวใจของมังกรจันทราเหมันต์ มันไม่ใช่ความโกรธเกรี้ยวอีกต่อไป มันเป็นความเจ็บปวดไร้สิ้นสุด มังกรจันทราเหมันต์ไม่เคลื่อนไหว ซูหลิงเยวี่ยรู้สึกประหลาดใจ ครู่หนึ่งเธอไม่แน่ใจว่าควรโกรธหรือดีใจดี แต่ในไม่ช้าเธอก็ดึงหน้าและตะโกนในใจว่า“ โจมตี!”
  มังกรจันทราเหมันต์กำลังสั่นสะท้านคำสั่งมีผลทางสัญญา มังกรรู้สึกได้ว่าร่างกายของมันกำลังจะทำตามคำสั่งอย่างไม่สามารถควบคุมได้
  แต่มันทำไม่ได้!!
  เธอเป็นนายคนเดียวของฉันฉันจะทำร้ายเธอได้ยังไง !!
  เป็นความผิดของฉันเองที่ปกป้องเธอไม่ได้ฉันจะทำลายเธอได้ยังไง?
  ยกโทษให้ฉันด้วยแต่ฉันทำไม่ได้ !!
  โฮก!!!
  ทันใดนั้นมังกรจันทราเหมันต์ก็ส่งเสียงร้องคำรามลั่นมันต่อสู้กับพลังของสัญญา มังกรตัวสั่นและเกล็ดของมันก็พลันร่วงหล่น
  มีสองผลลัพธ์เมื่ออสูรขัดคำสั่งอย่างแรกคือเจ้านายจะได้รับบาดเจ็บทั้งทางร่างกายและจิตใจ หรืออสูรจะต้องแบกรับผลที่ตามมาและเสียชีวิต!
  มังกรจันทราเหมันต์กำลังเลือกอย่างหลัง
  มันไม่สามารถปล่อยให้เกิดอันตรายใดๆ กับซูหลิงเยวี่ยได้อีกต่อไป ในเมื่อมันล้มเหลวในการปกป้องเธอ!
  ซูหลิงเยวี่ยตัวแข็งเมื่อเห็นเลือดไหลออกมาจากมังกรจันทราเหมันต์!
  นั่นเป็นฉากที่สร้างความตะลึงให้กับคนอื่นๆ นับไม่ถ้วน
  มังกร…
  เลือกทางที่สองมันเลือกที่จะตายดีกว่าที่จะทำตามคำสั่งของเจ้านาย !!
  หยานปิงเยว่ประหลาดใจเหมือนกับคนอื่นๆ เธอไม่เคยคาดคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างมังกรกับซูหลิงเยวี่ยจะลึกซึ้งขนาดนี้! “ ไม่ !!”
  น้ำตาไหลอาบแก้มซูหลิงเยวี่ยสูญเสียการควบคุมและร้องไห้ออกมาเสียงดัง
  เธอทำอะไร?
  เธอทำบ้าไปแล้ว!!
  เธอยกเลิกคำสั่งทันทีแต่ผลของการไม่เชื่อฟังคำสั่งของเธอยังคงมีผลกับมังกรจันทราเหมันต์!
  ร่างสูงตระหง่านของมันสั่นคลอนและในที่สุดมังกรก็คุกเข่าลง
  นับตั้งแต่การปรากฏตัวครั้งแรกของมังกรจันทราเหมันต์บนเวทีมังกรก็แสดงให้ผู้ชมเห็นถึงความแข็งแกร่งที่ไม่มีใครเทียบได้ แต่ต่อหน้าเจ้านาย ต่อหน้าทุกคนมังกรกลับคุกเข่าลง
  เช่นเดียวกับอัศวินเกราะหนักมังกรคุกเข่าต่อหน้าเจ้านายของมันเพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีสุดท้าย!
  “ได้โปรด ไม่ !!!”
  ซูหลิงเยวี่ยตะโกนทั้งน้ำตา
  หยานปิงเยว่ละสายตาจากมังกรจ้องมองที่ซูหลิงเยวี่ยอย่างเย็นชา “ นั่นเป็นผลจากการกระทำของเธอ ฉันเสียใจจริงๆที่มังกรนั่นมีเธอเป็นเจ้านาย เธอมีทิฐิ? เธอต้องการที่หนึ่ง? ให้ทุกคนได้เห็นว่าเธอรักษาศักดิ์ศรีของตัวเองยังไง!”
  หยานปิงเยว่วางมือของเธอบนเสื้อผ้าของซูหลิงเยวี่ยเธอกำลังจะฉีกเสื้อผ้าของซูหลิงเยวี่ย
  ตอนนั้นเองหยานปิงเยว่กลับรู้สึกแปลกๆ
  มันเป็นความรู้สึกแปลกๆ ที่ทำให้เธอตัวสั่นด้วยความกลัว ราวกับว่ามีงูพิษกำลังจับจ้องเธอ เธอจำใจต้องหยุด
  ในขณะเดียวกันก็มีใครบางคนตะโกนทีละคำด้วยน้ำเสียงทุ้มแต่รุนแรง
  “ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้!”
  มันเหมือนกับว่าปีศาจกำลังร้องไห้อยู่ในนรก
  ความรู้สึกป่าเถื่อนนั่นทำให้ทุกคนละสายตาจากมังกรไปหาเสียงนั้น
  มีคนบินขึ้นไปบนฟ้า
  นักรบอสูรกิตติมศักดิ์?
  เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ผู้คนจะให้ความสนใจนักรบอสูรกิตติมศักดิ์
  โจวเทียนหลินและโจวเทียนกวงรู้สึกกลัวเมื่อเห็นว่าคนที่พูดคำเหล่านั้นคือใคร
  “เอ๊ะ?”หยินเฟิงเซียวขมวดคิ้ว เขารู้สึกได้ถึงพลังงานในตัวคนที่กำลังบิน พลังงานนั้นไม่ได้มาจากนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ หรือต่อให้เขาจะเป็นนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ แต่การที่เขาพูดจาหยาบคายกับคุณหนูหยานก็ทำให้หยินเฟิงเซียวอารมณ์เสีย
  ”อาจารย์!”
  สวี่คังลุกขึ้นยืนทันทีจ้องไปที่ซูผิงด้วยความมึนงง เขารู้ว่าซูผิงแข็งแกร่ง แต่ไม่รู้ว่าเขาอยู่ในระดับกิตติมศักดิ์
  ฉินเส้าเทียนเย่หลงเทียน และมู่หยวนโส้วต่างก็ตกตะลึง
  ภายในโล่พลังงานหยานปิงเยว่ยืนอยู่ในอากาศเธอเห็นคน ๆ นี้บินเข้าหาม่านพลัง ความจริงที่ว่าคนๆนี้เป็นชายหนุ่มทำให้เธอประหลาดใจ แต่แล้วเธอก็จำได้ว่ามีวิธีลับในการรักษารูปลักษณ์ที่อ่อนเยาว์
  หยานปิงเยว่หัวเราะเยาะเขามีความสัมพันธ์กับซูหลิงเยวี่ยนี่เอง
  หยานปิงเยว่พบว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ซูหลิงเยวี่ยจะได้รับความช่วยเหลือจากนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ในเมื่อเธอเป็นผู้หญิงที่อ่อนแอแต่กลับมีมังกรที่ทรงพลัง
  แต่นักรบอสูรกิตติมศักดิ์ไม่ได้มีความหมายอะไรสำหรับเธอ
  “เขาคือครอบครัวของเธอใช่ไหม?”
  หยานปิงเยว่จ้องไปที่ซูหลิงเยวี่ย“เธอมีโอกาสยอมแพ้ แต่ตอนนี้ข้อเสนอนั้นไม่มีอีกต่อไป”
  เธอไม่ใส่ใจกับบุคคลนอกโล่พลังงานเธอยกมือขึ้นพร้อมที่จะตบแก้มอีกข้างของซูหลิงเยวี่ย เธอกำลังจะทำลายศักดิ์ศรีของซูหลิงเยวี่ย
  นั่นคือราคาที่ซูหลิงเยวี่ยต้องจ่าย
  แต่มือของเธอหยุดกลางอากาศเธอรู้สึกได้ถึงอันตรายที่คุกคามถึงชีวิต ราวกับว่าเธอกลายเป็นเป้าหมายของอสูรร้าย
  เมื่อเธอได้รับการฝึกฝนในสถานที่นั้นนี่เป็นความรู้สึกที่เธอมักจะได้รับ แต่มันเป็นเวลานานแล้วที่เธอรู้สึกเพราะเธอเข้มแข็งพอ
  เธอเงยหน้ามองคนๆ นั้น สิ่งแรกที่เข้ามาในดวงตาของเธอคือดวงตาสีแดงเลือดที่บ่งบอกถึงความโกรธของเขา
  โล่พลังเหมือนคุก
  เธออยู่ในนี้แต่เธอรู้สึกว่าเธออยู่นอกคุกที่กักขังอสูรร้ายไว้
  ทันใดนั้นเธอเกือบจะดีใจที่มีโล่พลังนี่
  แต่ความดีใจนั้นหายไปในวินาทีถัดมา
  “ฉันบอกแล้วว่า…ให้ปล่อยเธอ !!”
  เสียงตะโกนคล้ายอสูรร้ายดังมาถึงหูของเธอจากด้านนอกโล่ทันใดนั้นซูผิงก็ต่อยโล่อย่างแรง!
  หมัดของเขาเปล่งประกายขณะที่เขาเหวี่ยงหมัด!
  ปัง!!!
  โล่ทั้งหมดเริ่มสั่นและยุบพลังงานที่ออกมาส่งผลให้มีรูขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนโล่พลังงาน!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว