ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว นิยาย บท 369

ตอนที่ 369 ความภาคภูมิใจของผู้อ่อนแอ
  สถานที่จัดงานขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับผู้คนได้หลายแสนคนเงียบจนเหมือนป่าช้า
  ไม่มีเสียงเชียร์หรือเสียงปรบมือ
  ในขณะนี้ผู้ชมทุกคนรู้สึกถึงความกดดันที่เพิ่มขึ้นอย่างลึกลับราวกับว่าพวกเขามั่นใจว่าการต่อสู้ครั้งต่อไปจะต้องเป็นการต่อสู้ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน!ผู้ชมเฝ้าดูซูหลิงเยวี่ยเดินขึ้นบันไดไปบนเวทีทีละขั้น
  เวทีใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และดูใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ในสายตาของเธอ โลกใหม่กำลังเปิดกว้างสำหรับเธอ โล่พลังสีฟ้าแวววาวเปิดเป็นทางเดิน
  เจ้าหน้าที่นำทางซูหลิงเยวี่ยขึ้นไปบนเวที
  เธอมาถึงตำแหน่งของเธอและเงยหน้าขึ้นในขณะนั้นโลกกำลังหมุนรอบตัวเธอ สายตา สื่อ กล้องและแสงทั้งหมดอยู่ที่เธอ
  ทุกสายตามองมาที่เธอ!
  เมื่อสายตาของเธอดีขึ้นเธอก็สามารถเห็นทุกอย่างบนใบหน้าของคนที่นั่งแถวหน้าได้อย่างชัดเจน
  เหล่านักรบอสูรกิตติมศักดิ์เหล่านั้นซึ่งเธอไม่เคยเข้าถึงพวกเขาแต่ในตอนนี้ พวกเขาทุกคนต่างก็มีสีหน้าหนักใจ
  สวี่คัง,ฉินเส้าเทียน และอีกสองคนจาก 5 อันดับแรกกำลังจ้องมองมาที่เธอ ดูเหมือนจะรออะไรบางอย่าง
  ผู้ชมต่างตื่นเต้นหรือประหม่าไม่มีใครทนรอชมการต่อสู้ที่กำลังจะมาถึงได้
  ซูหลิงเยวี่ยมองไปรอบๆ และในที่สุดเธอก็เหลือบไปเห็นที่ที่สมาชิกในครอบครัวนั่งอยู่ ไม่นานเธอก็พบเขา จิตใจของเธอสงบลงทันทีที่เห็นเขา
  ชัยชนะอีกแค่ครั้งเดียวและทุกอย่างก็จะจบลง เธอพูดกับตัวเองและอธิษฐาน
  “เธอมีเพื่อนนั่งอยู่ตรงนั้นหรอ?”
  ทันใดนั้นซูหลิงเยวี่ยก็ได้ยินเสียงที่ไม่สนโลกคนที่พูดคำเหล่านั้นไม่ได้มีเจตนาทำให้มันเย็นชา แต่เธอเป็นแบบนั้นมาตั้งแต่เกิด
  เสียงนั้นดึงความสนใจของซูหลิงเยวี่ยให้กลับมาที่เวทีเธอมองและเห็นว่าคู่ต่อสู้ของเธอหยานปิงเยว่อยู่ในตำแหน่งที่ถูกกำหนดไว้บนเวทีแล้ว
  เมื่อมองไปที่หยานปิงเยว่ซูหลิงเยวี่ยต้องยอมรับว่าเธอรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย
  บอกความจริงเธออิจฉาคนอย่างเธอที่สามารถขึ้นเวทีได้โดยอาศัยความแข็งแกร่งของตัวเอง
  นั่นคืออัจฉริยะที่แท้จริง!
  พวกเขาแต่ละคนมีทักษะที่พวกเขาเชี่ยวชาญ!
  แต่นั่นไม่ใช่สำหรับเธอ
  เธอฝึกหนักหนักกว่าเพื่อนร่วมชั้นมากและเธอเป็นนักเรียนหัวกะทิในชั้นปีของเธอ แต่นั่นคือทั้งหมดที่เธอทำได้
  ถ้าไม่ใช่เพราะอสูรที่ซูผิงมอบให้เธอเธอคงไม่มีทางมาถึงขั้นนี้ได้ เธอไม่เคยลืมเรื่องนั้น
  “เขาไม่ใช่เพื่อน”ซูหลิงเยวี่ยตอบคำถามของหยานปิงเยว่“ เขาคือครอบครัว”หยานปิงเยว่เลิกคิ้ว “ครอบครัว?” นั่นเป็นคำพูดดูที่ห่างเหิน
  เธอแทบไม่เข้าใจคำพูดนั้นเลย
  ดังนั้นเธอแทบจะไม่เห็นอกเห็นใจซูหลิงเยวี่ย
  “นั่นไม่ค่อยดี”หยานปิงเยว่ตอบอย่างเย็นชา“ เขาต้องรอคอยที่จะได้เห็นเธอชนะ น่าเสียดาย อสูรของเธอแข็งแกร่ง แต่ดูเหมือนว่าเธอจะอ่อนแอมาก!” เธอฟังดูสงบราวกับว่าเป็นเพียงการระบุความจริง
  แต่ถึงกระนั้นคำพูดนี้ก็ทำให้หัวใจของซูหลิงเยวี่ยบีบแน่น
  เธอตอบกลับด้วยความเงียบ
  “สามสิบวินาที เตรียมตัวให้พร้อม” ผู้ตัดสินกล่าว นั่นเป็นเวลาที่ทั้งสองจะต้องเตรียมอสูรให้พร้อมก่อนการต่อสู้จะเริ่มขึ้น
  พวกเธอสามารถเรียกอสูรของมาพื้นที่รอเพื่อที่พวกเธอจะได้ไม่พลาดเมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
  ความไม่พอใจหายไปจากสายตาของซูหลิงเยวี่ยอย่างรวดเร็วเธอเงยหน้าขึ้น จ้องหญิงสาวที่น่าทึ่งคนนี้อีกครั้ง
  สิ่งที่เธอเห็นบนใบหน้าที่สวยงามนั้นคือความเย็นชาและการดูถูก
  ซูหลิงเยวี่ยกัดปากตัวเองและยกมือขึ้นเพื่อเรียกอสูร
  มังกรจันทราเหมันต์หายใจหนักและก้าวออกจากวังวนยืนอยู่ข้างๆซูหลิงเยวี่ย
  ซูหลิงเยวี่ยเรียกอสูรเพลิงมายาออกมาเพื่อมาอยู่กับเธอ“ ก้อนน้ำแข็ง…”
  ซูหลิงเยวี่ยมองขึ้นไปที่มังกรจันทราเหมันต์
  ทันใดนั้นรอยยิ้มก็ผลิบานบนใบหน้าของเธอ
  ”ต้องพึ่งเธอแล้วล่ะ”
  รอยยิ้มของเธอกว้างขึ้น
  โฮก!
  มังกรจันทราเหมันต์ร้องตอบ
  ซูหลิงเยวี่ยยิ้มให้มังกรจากนั้นก็หันไปมองคู่ต่อสู้ของเธออีกครั้ง
  หยานปิงเยว่ขมวดคิ้วขณะที่เธอจ้องมองไปที่มังกรจันทราเหมันต์ที่มีเกล็ดแปลกๆ เธอรู้ว่านี่คือมังกรกลายพันธุ์ แน่นอนว่ามังกรต้องเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ไม่ปกติตั้งแต่ยังเด็ก หรือต้องผ่านการฝึกฝนพิเศษเพื่อให้เป็นเช่นนี้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด มังกรก็น่าเกรงขาม
  หยานปิงเยว่ไม่ได้ทำอะไรเลยแต่มีวังวนมืดสามวังวนปรากฏขึ้นข้างหลังเธอ
  จากนั้นกรงเล็บและแขนขาทั้งสามก็ยื่นออกมา
  ร่างสูงใหญ่ที่ดุร้ายสามร่างออกมาอสูรทั้งสามเป็นอสูรที่เธอเรียกมาระหว่างการต่อสู้กับฉินเส้าเทียน
  อสูรสองตัวเป็นอสูรตระกูลปีศาจและอีกหนึ่งตัวคือมังกรสมุทรผลึก
  ทั้งสองได้เรียกอสูรของพวกเขาผู้ตัดสินมองไปที่นาฬิกา และเมื่อการนับถอยหลัง 30 วินาทีสิ้นสุดลง เขาก็ประกาศว่าการแข่งขันได้เริ่มขึ้นแล้ว
  ในเวลาเดียวกันผู้ตัดสินทั้งสองก็บินขึ้นเว้นที่ว่างไว้ให้ผู้เข้าร่วมทั้งสองคน
  ถึงเวลาแล้ว!
  คนดูกลั้นหายใจหยานปิงเยว่สวมสีหน้าจริงจังและแสดงความเยาะเย้ย ในขณะที่ผู้ตัดสินประกาศเริ่มการแข่งขันมังกรสมุทรผลึกก็ก้าวไปข้างหน้า พื้นดินที่มังกรสัมผัสแข็งขึ้นอย่างรวดเร็ว และน้ำแข็งก็ขยายตัว
  สำหรับตระกูลมังกรมังกรสมุทรผลึกอยู่ในระดับสูงกว่ามังกรจันทราเหมันต์ มังกรทั้งสองเกิดมาเพื่อให้สามารถใช้ทักษะเกี่ยวกับน้ำได้! ด้วยเหตุนี้มังกรสมุทรผลึกจึงเหนือกว่า มันสามารถบดขยี้มังกรจันทราเหมันต์ได้ง่ายๆ! ในเวลาเดียวกันภายในพริบตามังกรจันทราเหมันต์ก็ได้ใช้เทพธิดาน้ำแข็งมาปกคลุมซูหลิงเยวี่ย และอสูรเพลิงมายาเรียบร้อยแล้ว
  มังกรจันทราเหมันต์ยืนอยู่ตรงหน้าเทพธิดาน้ำแข็งใครก็ตามที่ต้องการทำร้ายซูหลิงเยวี่ยจะต้องจัดการกับมังกรก่อน!
  อุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็วความเย็นยะเยือกแผ่ออกมาจากมังกรจันทราเหมันต์ พื้นใต้เท้าของมันเป็นน้ำแข็งและโล่พลังงานรอบ ๆ เวทีก็เช่นกัน ชั้นน้ำแข็งหนาทำให้ผนึกกลายเป็นกำแพงน้ำแข็ง
  หอกขนาดใหญ่โผล่ออกมาจากกำแพงน้ำแข็ง
  นั่นเป็นสัญญาณว่าคุกน้ำแข็งกำลังจะก่อขึ้น!เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้มังกรจันทราเหมันต์ใช้ทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดตั้งแต่เริ่ม!
  หยานปิงเยว่เหล่เธอคาดการณ์ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น มังกรสมุทรผลึกเหยียบลงบนพื้นและเศษน้ำแข็งก็ลอยขึ้นกลายเป็นโล่ผลึกรูปไข่อยู่รอบ ๆ หยานปิงเยว่รวมถึงมังกรเองและอสูรตระกูลปีศาจทั้งสองตัว
  หอกน้ำแข็งยิง!
  หอกน้ำแข็งถูกปลดปล่อยทันทีที่พวกก่อตัวเหมือนมิซไซล์และจากนั้นทั้งหมดก็พุ่งลงบนโล่ผลึก
  ทั้งเวทีสั่นสะเทือนนี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่ผู้ชมได้เห็นทักษะนี้ แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็พบว่ามันน่าประหลาดใจ หอกน้ำแข็งทั้งหมดยาวกว่าสิบเมตรซึ่งมีพลังทำลายล้างสูง
  ผู้ชมตกใจบางคนกลัวเกินกว่าที่จะสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับโล่ผลึก
  “เอ๊ะ?”
  ซูหลิงเยวี่ยยืนอยู่หลังโล่ผลึกรู้สึกได้ถึงเวทีที่สั่นสะเทือน นอกจากนี้เธอยังสามารถได้ยินเสียงดังมาจากโล่ผลึก เธอจ้องไปที่โล่ผลึกและด้วยความตกใจเธอสังเกตเห็นว่าเริ่มมีรอยแตก
  พลังนี่มัน…
  มังกรจันทราเหมันต์รู้สึกได้ว่าไวเปอร์นรกกำลังเคลื่อนที่เข้ามาโจมตีอย่างรวดเร็วแสงสีทองปรากฏขึ้นในดวงตาของมังกรจันทราเหมันต์ รวมถึงเจตนาในการฆ่า
  ทันใดนั้นลมก็พัดแรงขึ้นรอบๆมังกรจันทราเหมันต์ มีร่างใหญ่ปรากฏอยู่ข้างหลัง มันคือศรแห่งลม!
  ร่างลวงตากำลังถือคันธนูและลูกศรสีฟ้าก็พุ่งออกมา
  พายุหยุดลงทันทีที่ลูกศรเป็นรูปเป็นร่างจากนั้นก็ได้ยินเสียงดังขึ้นเมื่อลูกศรถูกปล่อยออกมา
  โฮก!!
  มังกรสมุทรผลึกร้องเสียงหลงขณะที่มันสร้างกำแพงผลึกขนาดใหญ่ที่ด้านหน้าไวเปอร์นรก
  ปัง!!
  ลูกศรพุ่งเข้าชนกำแพงผลึกพื้นสั่นสะเทือนและเสียงดังพอที่จะปลุกคนตายได้ ไม่มีร่องรอยใด ๆ ไม่มีควันหรือฝุ่น ศรแห่งลมพลันหายไป!
  ในทางกลับกันโล่ผลึกยังคงอยู่!
  มันทำให้ทุกคนตกใจ
  ศรแห่งลมของมังกรจันทราเหมันต์ใช้ไม่ได้ผล?!
  ทั้งหยินเฟิงเซียวและจ้าวอู่จื่อหายใจด้วยความโล่งอกจากนั้นพวกเขาก็ยิ้มอย่างมีเสศนัย และหันไปมองหัวหน้าตระกูลเย่อย่างมีความหมาย
  ความหมายก็คือ‘ทักษะนี้ทำให้นายน้อยของนายกลัวและก็ยอมแพ้ในทันที’ แต่นี่ไม่ใช่อะไรสำหรับคุณหนูหยานของเรา!
  หัวหน้าตระกูลเย่ไม่สนใจท่าทางของพวกเขาและยังคงจ้องมองไปที่เวทีด้วยคิ้วที่ขมวดแน่น
  เห็นได้ชัดว่ามังกรจันทราเหมันต์เองก็ไม่คาดคิดว่าลูกศรจะไม่เกิดผลมังกรจ้องมองไปที่ไวเปอร์นรกด้านหลังกำแพงผลึก ทันใดนั้นมังกรจันทราเหมันต์ก็รู้สึกได้ถึงอันตรายที่กำลังใกล้เข้ามา ไม่ใช่ว่ามังกรจันทราเหมันต์จะตกอยู่ในอันตราย มังกรรู้สึกว่าไวเปอร์จะทำร้ายซูหลิงเยวี่ย! สิ่งนั้นได้จุดประกายเจตนาฆ่าในหัวใจของมังกรจันทราเหมันต์
  โฮก!!
  ความโกรธครอบงำจิตใจของมังกรจันทราเหมันต์ดวงตาของมันเปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับเลือด
  ภาพลวงตาที่อยู่เบื้องหลังมังกรจันทราเหมันต์ไม่ได้หายไปมันกลายเป็นสิ่งที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น คราวนี้ผู้คนได้เห็นสีทองจาง ๆ รอบ ๆ ร่าง!
  มันยกมือขึ้นแล้วรั้งคันศร!
  ครั้งนี้ศรแห่งลมเป็นสีทองหมดจด!
  พายุพัดออกมาและลมทั้งหมดก็พัดไปรวมกันที่ลูกศรนี้ซึ่งดูเหมือนว่าจะสามารถดูดอากาศจากภายนอกผนึกได้!
  ลูกศรสีทองขนาดใหญ่นั้นส่องแสงเป็นประกาย
  ทั้งหยินเฟิงเซียวและจ้าวอู่จื่อตกตะลึงจากนั้นพวกเขาก็หน้าซีด
  หัวหน้าตระกูลทุกคนเฝ้าดูอย่างประหม่า
  นี่คือสิ่งนั้น!
  พวกเขาได้เห็นสิ่งนี้จากวิดีโอพวกเขาเข้าใจชัดเจนว่าลูกศรนั้นน่ากลัวเพียงใด! พวกเขามองด้วยสายตาสยดสยอง แม้จะอยู่นอกโล่พลังงานพวกเขาก็สัมผัสได้ถึงพลังทำลายล้างจากลูกศร นอกเหนือจากเจตนาฆ่าและความแข็งแกร่งแล้วยังมีบางอย่างบนลูกศรที่ทำให้พวกเขากลัวโดยสัญชาตญาณ!
  ราวกับว่าลูกศรถูกปล่อยโดยเทพแห่งลม!
  ลูกศรก่อขึ้นและถูกดึง!
  กลิ่นอายที่ไม่อาจบรรยายได้มาบรรจบกันที่ปลายลูกศรไวเปอร์นรกที่เข้ามาใกล้อย่างรวดเร็วพลันปิดปากขนาดใหญ่ และความกลัวก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของมัน
  ตาย!
  นั่นคือความรู้สึกของความตาย!
  กรี้สสส!!
  เมื่อได้รับการกระตุ้นจากความกลัวนี้ไวเปอร์นรกก็กรีดร้องดังลั่น มันหยุดเลื้อยและขดตัวอย่างรวดเร็ว ฝังหัวไว้ในตัวเอง
  มังกรสมุทรผลึกดูเหมือนจะเครียดเช่นกันมังกรพุ่งออกมา และในเวลาเดียวกันก็สร้างกำแพงผลึกจำนวนมากด้านหน้าของไวเปอร์นรก
  ปัง!!มีเสียงดังขึ้นที่ด้านหน้าของลูกศร วินาทีถัดมาลูกศรสีทองถูกปล่อยออยจากคันธนู
  ช่วงเวลาที่ปล่อยนั้นมีเสียงร้องโหยหวนดังออกมา แต่ในไม่ช้าก็เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นในอากาศ
  ปังปังปัง!ลูกศรสัมผัสกำแพงผลึกอันแรกซึ่งแตกเป็นชิ้น ๆ ทันที แต่กำแพงไม่สามารถทำให้ลูกศรช้าลงได้ มันยังคงเจาะทะลุกำแพงผลึกจำนวนมากจนกระทั่งมันกระทบบนตัวไวเปอร์นรกที่ขดอยู่ ไวเปอร์นรกที่มีความยาวกว่าหนึ่งร้อยเมตรถูกระเบิดออกเป็นชิ้น ๆ และระเบิดกระเด็นออกไป
  ผู้สร้างฝันร้ายจับชิ้นส่วนหนึ่งไว้ได้
  ชิ้นส่วนอื่นๆ ตกลงที่พื้น และยังคงกระดิกอยู่!
  ลูกศรได้เจาะเข้าไปในตัวไวเปอร์นรกและฉีกมันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
  บางทีกำแพงอาจทำให้ลูกศรช้าลงเล็กน้อยหรือบางทีลูกศรอาจพลาดเป้าส่วนหัวของไวเปอร์นรกยังคงอยู่ดีแค่มีเลือดไหลออกมาจากบาดแผล
  โฮก!!
  เจตนาฆ่ายังคงพลุ่งพล่านในแววตาของมังกรจันทราเหมันต์ลูกศรสีทองที่สองกำลังพุ่งออกไป
  อย่างไรก็ตามเมื่อผ่านไปครึ่งทางมังกรจันทราเหมันต์ก็สั่นสะท้าน จากนั้นมันก็หันหลังกลับอย่างรวดเร็ว เหลือบไปมองเทพธิดาแห่งน้ำแข็ง
  มีรูข้างใน!!
  มังกรจันทราเหมันต์ไม่อยากจะเชื่อ
  มังกรจันทราเหมันต์หรี่ตาลง!
  ในขณะเดียวกันชายคนหนึ่งก็ลุกขึ้นจากที่นั่ง!
  โฮก!
  ทันใดนั้นมังกรจันทราเหมันต์ก็ส่งเสียงร้องโหยหวนและเหวี่ยงตัวไปข้างหลัง
  ภายในเทพธิดาน้ำแข็งซูหลิงเยวี่ยจ้องมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธออย่างว่างเปล่า มันคือหยานปิงเยว่!
  หยานปิงเยว่ทำลายเทพธิดาน้ำแข็งและเข้ามาถึงตัวเธอ!
  เกิดอะไรขึ้น?
  ซูหลิงเยวี่ยไม่เข้าใจ
  แต่จากดวงตาสีแดงที่แปลกประหลาดของหยานปิงเยว่ซูหลิงเยวี่ยสามารถสัมผัสได้ว่าเธอกำลังตกอยู่ในอันตราย
  เธอจะตายไหม?
  นั่นเป็นความคิดแรกที่พุ่งเข้ามาในจิตใจของซูหลิงเยวี่ยแต่เธอจำได้ว่าในกฎระบุว่าไม่อนุญาตให้ฆ่า
  ทันทีที่ความคิดนั้นเข้ามาในความคิดของเธอเธอก็นึกถึงความเป็นไปได้อีกอย่างที่ทำให้เธอยิ่งกลัว
  เธอคงไม่ตายแต่เธอกำลังจะแพ้? เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างกำลังบีบหัวใจของเธอราวกับว่าต้องการทำให้มันหยุดเต้น ในขณะนั้นเธออยากจะร้องไห้ “ ฉันบอกแล้วว่าเธออ่อนแอเกินไป เธอจะไม่มีอะไรเลยถ้าไม่มีมังกรตัวนั้น”หยานปิงเยว่จ้องเธออย่างเย็นชา และใช้โล่ของเธออย่างรวดเร็ว
  ความตั้งใจที่จะเอาชีวิตของซูหลิงเยวี่ยนั้นชัดเจนในสายตาของหยานปิงเยว่
  ซูหลิงเยวี่ยรู้สึกว่าความหวังทั้งหมดของเธอกลายเป็นเถ้าถ่านอย่างไรก็ตามในวินาทีถัดมาจู่ๆเธอก็กัดปาก และออกคำสั่ง ในเวลาเดียวกันเธอก็ระดมพลังดวงดาวของเธอ ทักษะเสริมพลังทั้งหมดที่นักเรียนต้องเรียนรู้ถูกนำมาใช้
  จนตรอก!
  นั่นคือคำเดียวที่มีในใจของเธอเธอสามารถบอกได้ว่ามังกรจันทราเหมันต์ยังคงปกติดี ขอแค่มันยังอยู่…
  พรึ่บ!
  เลือดสาดกระเซ็นตรงหน้าเธอ
  ความคิดของซูหลิงเยวี่ยหยุดทำงาน
  เธอเบิกตากว้างเลือดไหลตกลงมาบนใบหน้าของเธอ
  อสูรเพลิงมายาทรุดลงกับพื้นมีรอยกรีดลึกที่หน้าท้องปุกปุยของมัน อวัยวะภายในทะลักออกมา
  อสูรเพลิงมายาที่มีความแข็งแกร่งระดับแปดไม่สามารถยืนหยัดได้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว?
  “อืม”
  หยานปิงเยว่ยืนอยู่ตรงหน้าซูหลิงเยวี่ยพร้อมกับดาบในมือของเธอเธอมีพลังมากพอ ๆ กับอสูรร้ายระดับเก้า เธอยังสามารถสู้กับทาสโลหิตได้!
  “เธอก็แค่คนขี้แพ้ ทำได้แค่ขอให้อสูรช่วย เธอกล้าเรียกตัวเองว่านักรบอสูรได้ยังไง?”หยานปิงเยว่ยกดาบขึ้น ในขณะที่เสียงดังมาถึงหูของเธอ เธอก็วางดาบลงบนคอของซูหลิงเยวี่ย”เธอแพ้แล้ว!”
  เธอบอกคำตัดสินของเธอ
  ซูหลิงเยวี่ยไม่อยากจะเชื่อสิ่งนี้
  จากนั้นเธอเงยหน้าขึ้นและรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าซีดเซียวของเธอ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว