ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว นิยาย บท 381

ตอนที่ 381 ผนึก
  งานเลี้ยง!
  นั่นคือสิ่งแรกที่ผุดในหัวทุกคนนั่นเป็นความคิดที่พวกเขากลัว
  เขาเชิญพวกเขาไปร้านในช่วงเวลานี้เขากำลังพยายามลากพวกเขาลงไปกับเขา?!
  เจ้าเล่ห์มาก!
  แต่ทว่าพวกเขาไม่สามารถบอกปฏิเสธกับเขาได้เนื่องจากพวกเขายังตกใจหลังซูผิงฆ่านักรบอสูรกิตติมศักดิ์สามคน พวกเขาไม่พูดอะไร ทั้งตอบรับหรือปฏิเสธ
  ไม่มีใครอยากเป็นตัวอย่างให้คนอื่นคนแรกมันโดนโจมตี จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคนเลวคนนี้ลงโทษคนอื่นเพื่อเป็นการเตือน?
  นักรบอสูรกิตติมศักดิ์สองคนจากรัฐบาลเข้าใจเจตนาของซูผิงพวกเขารู้สึกเสียใจกับตระกูลใหญ่
  ฉินเส้าเทียนกับเย่หลงเทียนต่างมีสีหน้าเหลือเชื่อทั้งคู่กำลังจะเป็นผู้นำตระกูลในอนาคต ตอนนี้ ซูผิงได้พูดคำไม่กี่คำและตระกูลพวกเขาก็สั่นกลัว ความจริงที่ซูผิงกำลังพยายามลากห้าตระกูลใหญ่เข้าปัญหาทำให้พวกเขาโกรธและซับซ้อน
  เนื่องจากซูผิงเป็นพี่ชายของซูหลิงเยวี่ยและเขาก็ไม่ได้แก่กว่าเธอมากเขาคงไม่ใช่สัตว์ประหลาดเฒ่าที่ใช้ทักษะบางอย่างเพื่อรักษารูปลักษณ์อ่อนเยาว์
  ฉินเส้าเทียนกับเย่หลงเทียนตระหนักดีว่าซูผิงน่าจะอายุเท่าพวกเขา
  ความคิดนั้นยิ่งทำให้พวกเขาผิดหวังยิ่งขึ้น
  ซูผิงยิ้มให้กับเหล่าผู้นำที่ยังเงียบเขาเองก็ไม่พูดอะไรเช่นกัน เขาแสดงเจตนาแล้วและจะรอดูการตอบสนองของพวกเขาในวันถัดไป
  เขาไม่ได้พยายามทำให้พวกเขาลำบากไปด้วยคิดให้พวกเขาสู้กับองค์กรดวงดาว
  เขาไม่กังวลเกี่ยวกับองค์กรดวงดาวเลยนั่นก็แค่องค์กรไร้นักรบในตำนาน ถ้าเขาไม่รู้ฐานอีกฝ่าย เขาคงตรงไปที่นั่นแล้ว เขาได้เชิญห้าตระกูลใหญ่ไปร้านเขาเพราะเขาไม่อยากเสียลูกค้าชั้นดีไป
  เนื่องจากการแสดงพลังของเขาได้ครอบงำพวกเขาเขาก็คิดว่าเขาอาจใช้ประโยชน์จากมันได้ เพื่อเตือนห้าตระกูลใหญ่ไม่ให้ลอบโจมตีธุรกิจเขาลับๆ ในเวลาเดียวกัน เขาสามารถดึงบางอย่างออกมาได้…แน่นอน อย่างหลังสำคัญสุด เขาเชื่อว่าหลังจากวันนี้ ตราบเท่าที่ผู้นำห้าตระกูลยังจิตปกติดี วพกเขาคงไม่ทำอะไรบ้าๆ ตระกูลโจวได้รับการสั่งสอนไปแล้ว แต่ถ้าตระกูลหลิวยังปฏิเสธที่จะดำเนินการอย่างฉลาดเขาก็ไม่ว่าอะไรที่จะสอนบทเรียนให้อีกตระกูล
  ฉันกังวลมากเกี่ยวกับธุรกิจของร้าน
  เขาตั้งใจให้ระบบเข้าใจว่า’ดูสิฉันกำลังใช้สมองอย่างหนักเพราะเห็นแก่ร้าน แล้วนายพอมีสิทธิพิเศษให้การเยี่ยมชมสนามบ่มเพาะฟรีไหม?’
  ระบบไม่ตอบราวกับมันตายไปแล้ว
  นั่นเป็นไปตามคาดซูผิงไม่เคยเชื่อว่าระบบจะตอบเขา เขามองอสูรเพลิงมายาที่ได้รับการรักษษแล้ว เขาบอกซูหลิงเยวี่ยให้เก็บมันไปเนื่องจากมันได้เวลากลับบ้านแล้ว ซูหลิงเยวี่ยได้สติ
  ศพของนักรบอสูรกิตติมศักดิ์สามคนยังนอนบนเวทีเลือดไหลหยด นั่นเป็นภาพที่รุนแรง
  ในความคิดเธอนักรบอสูรกิตติมศักดิ์คือคนที่เธอไม่สามารถเทียบได้ แต่ทว่า พวกเขากลับตายง่ายๆในมือซูผิง พวกเขาไม่มีโอกาสหนีเลย
  เธอจ้องซูผิงเธอคิดว่าเขาเพิ่งไปถึงระดับกิตติมศักดิ์ มันกลายเป็นว่าเขายังไม่ใช่นักรบอสูรกิตติมศักดิ์ แต่อสูรของเขากลับสามารถฆ่าคนระดับนั้นได้
  เขาปิดซ่อนพลังไว้นานแค่ไหนแล้ว?ซูหลิงเยวี่ยถามตัวเธอเองเธอเดินไปตรวจสอบอสูรเพลิงมายาซึ่งดีขึ้นมาก เธอลูบหัวมันและส่งมันกลับไป
  จากนั้นเธอก็เดินไปหามังกรจันทราเหมันต์สุนัขมังกรได้ช่วยเหลือมันแล้ว เธอลูบเกล็ดเปื้อนเลือดของมันและส่งมันกลับไปพื้นที่สัญญาเช่นกัน
  “ได้เวลาแล้ว”ซูผิงบอกกับนักรบจากรัฐบาลหลังซูหลิงเยวี่ยพร้อมเขายังเรียกสุนัขมังกรให้ไปหาสวี่คังนายคนปัจจุบันมันเนื่องจากสัญญาเช่ายังมีผล
  สุนัขมังกรได้ทำตามคำสั่งและกลับไปหาสวี่คังเมื่อสวี่คังลูบขนมัน สุนัขมังกรมืดก็ส่งเสียงราวกับมันไม่ชอบการกระทำที่ใกล้ชิดนี้ แต่ดวงตามันกลับบอกว่ามันกำลังมีความสุข
  นักรบอสูรกิตติมศักดิ์สองคนจากรัฐบาลบอกลาซูผิงและมองดูเขาจากไปพร้อมซูหลิงเยวี่ย
  คนอื่นมองตามทั้งสองไปพูดตามตรง มันควรเป็นสี่เพราะโครงกระดูกน้อยกับหยานปิงเยว่ได้เดินตามทั้งคู่ไปด้วย เมื่อเด็กสาวมาถึง เธอเต็มไปด้วยความอวดดี แต่ตอนกลับ เธอโดนลากเหมือนหมาตาย ผมของเธอยุ่งเหยิง เสื้อผ้าเต็มไปด้วยเลือด สายตาของเธอซับซ้อน
  เมื่อการต่อสู้จบทุกคนต่างหยุดนิ่งกับที่
  ไม่มีใครสามารถคิดได้ว่าการต่อสู้ระหว่างนักรบอสูรกิตติมศักดิ์จะจบเร็วขนาดนี้
  ทุกคนมองซูผิงหายไปในทางเดิน
  หยานปิงเยว่ผู้เก่งกาจกลับโดนลากตัวออกไปด้วย
  ชายหนุ่มคนนั้นเป็นใคร?
  เฟยหยานป๋ออาจารย์อีกสองและนักเรียนของพวกเขามีสีหน้ามึนงง
  ซูผิงเพิ่งนั่งข้างพวกเขาจากนั้นเขาก็ลุกขึ้นไปบนเวที สังหารนักรบอสูรกิตติมศักดิ์สามคนในชั่วพริบตาทั้งหมดเกิดขึ้นเร็วมากจนสมองพวกเขาปรับไม่ทัน
  “นั่น..”
  ยู่เว่ยหานตกตะลึงจนพูดไม่ออกเธอไม่คิดเลยว่าคนที่นั่งข้างเธอจะน่ากลัวขนาดนี้
  ทั้งคู่..เธอคิดว่าน้องสาวของเขาน่ากลัวแล้วแต่คนพี่กลับคือสัตว์ประหลาดตัวจริง!
  ลั่วเฟิงเทียนและคนที่เคยยั่วโมโหซูผิงที่หน้าประตูสถาบันฟีนิกส์หน้าซีดตัวสั่น
  ด้านนอกสนาม
  ซูผิงเห็นคนทีี่วิ่งหนีออกมา
  บางคนหนีไปไม่ไกลหลังพวกเขารู้สึกว่าปลอดภัย พวกเขาก็หยุดและหันไปดู บางคนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมถ่ายรูป
  ซูผิงใช้พลังดวงดาวเพื่อทำให้สายตาพวกเขาพร่ามัวและเดินออกไปเงียบๆ
  เขาบอกโครงกระดูกน้อยให้โยนหยานปิงเยว่ไปเบาะหลังและจับตาดูเธอไว้ขณะที่เขาขับกลับบ้าน
  ชั่วโมงต่อมารถขับเข้าถนนเถาฮั่วเซีย บ้านของพวกเขา
  ระหว่างทางแม่พวกเขาเรียกพวกเขาหลายครั้ง พวกเขาเพิ่งจอดรถตอนซูผิงเห็นแม่วิ่งออกมา
  ซูผิงรู้จากเสียงเรียกว่าเธอคงดูถ่ายทอดสดและเห็นความวุ่นวาย
  ซูผิงรู้สึกผิด
  “แม่”
  “แม่ดีใจที่พวกลูกกลับบ้านมาอย่างปลอดภัยเข้ามาก่อนเร็ว”หลี่ฉิงรู่พูด ในเวลาเดียวกัน เธอก็มองรอบๆราวกับกลัวว่าจะมีคนตามมา
  ซูผิงยิ้ม
  หลี่ฉิงรู่แปลกใจที่เห็นรอยยิ้มสงบของเขาเธอลากเขาเข้าข้างในและในไม่ช้า เธอก็เห็นโครงกระดูกน้อยออกจากรถ รวมถึงหยานปิงเยว่ที่ยังโดนควบคุมด้วยมือพลังงาน
  ขณะที่เธอจ้องหยานปิงเยว่หลี่ฉิงรู่ก็หน้าซีดด้วยความกลัว”ทำไม ทำไมลูกถึงพาเธอมาที่นี่?”เธอพูดด้วยความตื่นตระหนก เธออยากพูดว่ามันคือการลักพาตัว!แน่นอน เธอไม่ใช้คำพูดตรงๆและซูผิงก็ยังเข้าใจความหมายได้ เขาตอบด้วยรอยยิ้ม เนื่องจากเขาฆ่านักรบอสูรกิตติมศักดิ์ไป การลักพาตัวคนคงไม่ใ่ชเรื่องใหญ่ อย่างที่พูด เขารู้ว่าแม่เขากลัวเพราะเธอยังเป็นคนธรรมดาที่ปฏิบัติตามกฏหมาย
  ซูผิงไม่อธิบายมากหลังสิ่งที่เกิดขึ้นกับซูหลิงเยวี่ย เขาตระหนักว่าการเป็นคนธรรมดาอาจมีความสุขกว่าเขาสามารถแบกรับภาระและเป็นโล่ให้พวกเธอได้”เธอมาอย่างสมัครใจ”เขาพูด จากนั้นก็ผลักแม่กลับเขาบ้าน
  สมัครใจ?
  หลี่ฉิงรู่พูดไม่ออก
  หยานปิงเยว่กลอกตาใส่เขาตรงไหนที่เต็มใจ?
  หลังพวกเขาเข้าข้างในซูผิงก็บอกซูหลิงเยวี่ยให้ประกบแม่ทุกครั้งที่เขาต้อบกลับไปร้าน
  ซูหลิงเยวี่ยเข้าใจว่าเขาต้องดูแลหยานปิงเยว่เธอมองหยานปิงเยว่ แม้หยานปิงเยว่จะพยายามดูถูกเธอบนเวที แต่ตอนนี้ เธอรู้สึกเสียใจ
  แน่นอนเธอไม่ได้พยายามหยุดซูผิง ควาามสำนึกผิดเล็กน้อยนั้นไม่พอจะรบกวนจิตใจเธอ เธอรู้ว่าการตัดสินโดยสถานการณ์ปัจจุบัน หยานปิงเยว่ได้กลายเป็นศัตรู และเธอก็ไม่ควรเมตตาศัตรู
  นั่นคือสิ่งที่ซูผิงสอนเธอและสิ่งที่เธอได้เรียนรู้สั้นๆในฐานะนักสำรวจ
  ขณะที่ซูหลิงเยวี่ยดูแลแม่ซูผิงก็พาหยานปิงเยว่ไปร้านข้า
  ทันทีที่เขาเข้าข้างในซูผิงก็นำม้วนภาพออกมาเปิด เด็กสาวกลิ้งออกมา มันคือถังยู่หราน”เปิดร้านแล้วเหรอ?”ถังยู่หรานปัดฝุ่นบนเสื้อผ้าและยืนขึ้น เสียงของเธอเบาลงเมื่อเห็นหยานปิงเยว่ ถังยู่หรานแปลกใจที่เห็นเด็กสาวในสภาพน่าสมเพชแบบนี้
  เขา..
  ลักพาตัวมาอีกคน?!
  ถังยู่หรานหันไปจ้องซูผิง
  หยานปิงเยว่รู้สึกประหลาดใจพอๆกับเธอที่เห็นคนกลิ้งออกจากม้วนภาพ
  นี่มัน…สมบัติมิติ?!
  หยานปิงเยว่ผงะที่เห็นซูผิงมีของแบบนี้มันเป็นของหายากมาก เธอแทบไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับมัน
  ซูผิงไม่ตอบถังยู่หรานเขาตรงไปห้องอสูรเพื่อให้โจแอนนาที่กำลังบ่มเพาะกลับมา
  โจแอนนาก้าวออกจากคอกเลี้ยงดูเปลี่ยนขนาดเธอเป็นมนุษย์ปกติ
  ร่างเดิมเธอใหญ่เธอต้องใช้ทักษะพิเศษเพื่อปรับส่วนสูงเธอตลอดเวลา
  “เธอรู้ทักษะใดที่สามารถผนึกพลังดวงดาวของคนได้ไหม?”ซูผิงถาม
  โจแอนนาตามซูผิงไปหน้าร้านเห็นหยานปิงเยว่และคราบเลือดก็ได้บอกโจแอนนาว่าซูผิงจะทำอะไร
  “ผนึกพลังดวงดาวของเธอ?”โจแอนนาถาม
  ซูผิงพยักหน้า
  “ของง่ายๆ”
  โจแอนนายกมือลำแสงสีทองพลันปรากฏในมือเธอ เปลี่ยนเป็นรูนพิเศษ เธอตบรูนบนหน้าผากของหยานปิงเยว่ แสงสีทองหายไป ทิ้งไว้แค่สัญลักษณ์ซับซ้อน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว