ตอนที่ 387 มาถึง
ภายใต้การแนะนำของถังยู่หรานลูกค้าเข้ามาในร้านทีละคน
ซูผิงเปิดสมุดบันทึกของเขาและจดข้อมูลของลูกค้าตามปกติ
ลูกค้าที่พูดคุยกันอย่างตื่นเต้นเกี่ยวกับร้าน… กลับกลายเป็นคนใบ้ราวกับปลาด้วยความกลัวเมื่อเห็นซูผิงหลังเคาน์เตอร์
หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในรอบชิงชนะเลิศวิดีโอของซูผิงได้แพร่กระจายบนอินเทอร์เน็ต และทุกคนก็รู้จักใบหน้าของเขา ไม่มีผิดพลาด นี่คือคนที่ฆ่านักรบอสูรกิตติมศักดิ์สามคน!
ลูกค้าใหม่ต่างตกตะลึงในความเงียบและลูกค้าที่กลับมาใหม่บางคนก็กังวลเล็กน้อยเช่นกัน พวกเขาเคยเห็นซูผิงหลายครั้ง แต่ที่ผ่านมาพวกเขาไม่ได้คิดถึงเรื่องเขามากนัก สิ่งต่างๆเปลี่ยนไปแล้วหลังจากวันนั้น ซูผิงเป็นคนน่ากลัวที่สามารถฆ่านักรบอสูรกิตติมศักดิ์ได้ ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ระดับไหนความแข็งแกร่งของเขาได้พิสูจน์แล้วว่าทรงพลัง เขาควรได้รับการยกย่องให้เท่าเทียมกับนักรบอสูรกิตติมศักดิ์
ในร้านมีแต่ความเงียบ
ทุกคนยืนเข้าแถวและไม่มีใครพูดคุยหรือแม้แต่กระซิบ
ทุกข้อตกลงทางธุรกิจดำเนินไปอย่างเงียบๆ
ซูผิงสามารถบอกได้ว่าบรรยากาศค่อนข้างแปลกแต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไร เขาไม่ได้แสดงความคิดเห็นใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้และยังคงจดบันทึกข้อมูลตามปกติ
ทันใดนั้นซูผิงก็รู้สึกว่าลูกค้าคงกลัวเขามากเกินไปจากสีหน้าที่ตึงเครียดถึงกระนั้นก็ไม่มีอะไรที่เขาจะพูดได้
ไม่นานลูกค้าก็ออกจากร้านไปทีละคน
ลูกค้าบางคนต้องการให้อสูรขั้นสูงได้รับการฝึกฝนแต่ซูผิงก็ต้องปฏิเสธอย่างสุภาพ เขาจะยิ่งกระตือรือร้นมากขึ้นทุกครั้งที่มีคนขอบริการนั้น
ธุรกิจของวันนี้มีประสิทธิภาพเนื่องจากทุกคนยืนรออย่างเงียบๆ ในเวลาเพียงสองชั่วโมงโจแอนนาก็มาแจ้งซูผิงว่าคิวเต็มแล้ว
ซูผิงตรวจสอบรายรับของวันแน่นอนจำนวนระบุว่าไม่มีที่ว่างอีกแล้ว เขาบอกกับลูกค้าว่าวันนี้คิวเต็มแล้ว แต่พวกเขาสามารถกลับมาได้ในวันพรุ่งนี้
ลูกค้าที่ต่อแถวไม่พอใจที่ร้านปิดเร็วขนาดนี้แต่ไม่มีใครพูดอะไร พวกเขาจำสิ่งที่ซูผิงทำเมื่อวันก่อนได้ พวกเขาถอนหายใจและจากไป
ลูกค้าเก่าบางรายเคยชินกับรูปแบบธุรกิจนี้ในทางกลับกันลูกค้าใหม่รู้สึกประหลาดใจที่ร้านค้ายอมเสียโอกาสทำเงิน หลังจากลูกค้าออกไปซูผิงก็นำกระดานไวท์บอร์ดออกมา เขียนจำนวนอสูรที่เขาสามารถรับได้ทุกวันและเวลาทำการ แต่เขาลบเวลาทำการออกไป เขาต้องไปที่สนามบ่มเพาะเพื่อบ่มเพาะและฝึกอสูร บางครั้งเขาต้องพักนานกว่านี้ และบางครั้งเขาก็อาจกลับมาก่อนเวลา
เขาไม่สามารถบอกเวลาที่แน่นอนได้
อย่างไรก็ตามไม่ว่าเขาจะต้องอยู่ในสนามบ่มเพาะนานแค่ไหนเขาก็มักจะกลับมาในตอนบ่ายของอีกวัน
เขาวางกระดานไวท์บอร์ดไว้ข้างนอกกลับเข้าไปเพื่อเก็บสมุดบันทึกของเขา มันเป็นเวลาเที่ยง เขากำลังคิดว่าจะกินอะไรเป็นมื้อกลางวัน
มีคนเข้ามาในร้านในขณะที่เขากำลังคิดถึงเรื่องอาหารกลางวัน“ น้องซู”
นั่นคือปรมาจารย์ดาบ
ปรมาจารย์ดาบแต่งตัวอย่างแปลกประหลาดเขาใส่เสื้อเชิ้ตลายสก็อต สวมหมวกทรงวินเทจและกางเกงยีนส์ขาด ๆ นี่ควรเป็นเครื่องแต่งกายของแฟชั่นไอคอน
ซูผิงรู้สึกประหลาดใจกับชุดนี้ซึ่งดูเหมือนจะไม่ใช่สไตล์ของปรมาจารย์ดาบ
“โครงกระดูกน้อยอยู่ไหน?”
ปรมาจารย์ดาบเล้งหยิงจุนถามเกี่ยวกับอสูรต่อสู้ของซูผิงทันทีที่เขาเข้ามาเขาสนใจโครงกระดูกมากกว่าซูผิง
ซูผิงเดาได้ว่าปรมาจารย์ดาบมาเพื่อสอนโครงกระดูกน้อยอย่างไรก็ตามในหลุมศพกึ่งเทพ โครงกระดูกน้อยได้เรียนรู้ทักษะดาบที่ดีขึ้น อาจารย์ที่อ่อนแอที่สุดของโครงกระดูกน้อยในหลุมศพกึ่งเทพนั้นอยู่ในระดับตำนาน และบางคนอยู่ที่อาณาจักรเทพสวรรค์ มันไม่ต้องการปรมาจารย์ดาบอีกต่อไป
“มันกำลังพักผ่อน” ซูผิงกล่าว เขาไม่ได้พาโครงกระดูกน้อยไปสนามบ่มเพาะพร้อมกับเขา โครงกระดูกน้อยน่าจะซึมซับสายเลือดของราชาโครงกระดูกได้เกือบหมดแล้ว
เขาคิดว่าโครงกระดูกน้อยจะเสร็จสิ้นในอีกสองสามวันข้างหน้าและมันจะมีสายเลือดของราชาโครงกระดูกไหลเวียนในตัวอย่างสมบูรณ์
ดังนั้นคะแนนไหวพริบของโครงกระดูกน้อยจะลดลงอีกเล็กน้อยปรมาจารย์ดาบยิ้ม “ ผมเห็นผู้คนมากมายอยู่ข้างนอก วันนี้ร้านคุณมีลูกค้าเยอะทีเดียว”
“ใช่ ลีกนักรบเพิ่งจบลง ผมได้รับการสนับสนุน”
“น้องซู คุณมีความรู้ทางธุรกิจที่เฉียบแหลมมาก”
“เอ่อ – ฮะ. คุณทานอาหารกลางวันมาหรือยัง?”
”ยัง”
“มาทานอาหารกลางวันกับผมสิ”
“ได้เลย”
ซูผิงเชิญปรมาจารย์ดาบมาร่วมรับประทานอาหารกลางวันที่บ้าน
ซูผิงคว้าถังยู่หรานไปด้วย
ถังยู่หรานกำลังเหม่อลอย
ปรมจารย์ดาบ?
เธอรู้สึกสับสน
เธอไม่เคยคิดเลยว่าจะได้เห็นมันคนมีอำนาจเช่นนี้ในร้านของซูผิง
ปรมาจารย์ดาบเคยมาเยี่ยมหลายครั้งแต่ถังยู่หรานมักจะอยู่ในม้วนภาพ ดังนั้นเธอจึงไม่เคยเห็นเขา อย่างไรก็ตามเธอเคยเห็นเขาในอาณาจักรลับ เธอได้ยินเรื่องราวของปรมาจารย์ดาบก่อนที่เธอจะไปอาณาจักรลับ ปรมาจารย์ดาบเป็นนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ที่มีชื่อเสียงไปทั่วทั้งอนุทวีป!
ตระกูลถังเคยคิดที่จะจ้างเขาด้วยเงินจำนวนมหาศาลแต่เนื่องจากปรมาจารย์ดาบกำลังทำงานให้กับนักรบอสูรในตำนานตระกูลถังจึงต้องยอมแพ้
เมื่อกลับมามีสติถังยู่หรานก็อดไม่ได้ที่จะถาม“คุณ…คุณคือคุณเล้ง?”
ปรมาจารย์ดาบมองเธอมีไม่กี่คนที่รู้เกี่ยวกับนามสกุลของเขา ในฐานะบุคคลสำคัญ ข้อมูลของเขาถูกจัดเก็บและไม่มีให้ค้นหาบนเครือข่าย
”เธอหน้าตาคุ้นๆเธอมาจากตระกูลถังใช่ไหม?” ไม่นานปรมาจารย์ดาบก็จำเธอได้
ว่าที่ผู้นำตระกูลถังมาอยู่ในร้านของซูผิง?
มีความเกี่ยวพันระหว่างซูผิงกับตระกูลถังเปล่า?
”ใช่!”
ถังยู่หรานตื่นเต้นมากที่เขาจำเธอได้“ ปรมาจารย์ดาบคุณช่วยพาฉันไปจากที่นี่ได้ไหม?” เธอถามอย่างรีบร้อน
“พาเธอไป?” ปรมาจารย์ดาบงุนงง
ถังยู่หรานก้าวไปใกล้ปรมาจารย์ดาบเพื่อไม่ให้ซูผิงได้ยินเธอ“เขาขังฉันไว้ที่นี่ คุณช่วยพาฉันกลับไปที่ตระกูลถังได้ไหม? เราจะตอบแทนคุณ!”
ปรมาจารย์ดาบยิ่งงงขัง? เขาหันกลับไป เห็นว่าซูผิงดูไม่เป็นกังวล แต่มันกลับเพิ่มปริศนาให้กับเขาผู้ชายคนนี้กำลังจับเธอเป็นตัวประกัน? ว่าที่ผู้นำตระกูลถัง? ทำไมเธอถึงอยู่ในร้านได้อย่างเปิดเผยถ้านี่คือการกักขัง?
“ขอโทษด้วย…”
ปรมาจารย์ดาบทำให้เธอผิดหวัง
ถังยู่หรานไม่แปลกใจเธอจำตอนที่ปรมาจารย์ดาบและซูผิงกำลังคุยกันได้ ถังยู่หรานหน้าซีดเล็กน้อยเมื่อเธอตระหนักว่าทั้งสองดูเหมือนจะสนิทกันมาก “ ปรมาจารย์ดาบ ฉันสัญญาว่าตระกูลถังจะไม่มีวันลืมบุญคุณครั้งนี้ ตราบเท่าที่คุณสามารถพาฉันออกไปได้ ฉันสัญญา!”
ปรมาจารย์ดาบตอบกลับด้วยรอยยิ้มแห้งๆตระกูลถังทำอะไรได้บ้าง? แม้แต่หยวนเทียนเฉินก็เกือบเสียชีวิตที่นี่ ตระกูลถังของเธอมีแต่จะสร้างปัญหาให้ตัวเอง
นอกจากนี้แม้เขาดูเหมือนจะเป็นอิสระแต่เขาก็ถูกซูผิงบังคับอยู่เช่นกัน เขาต้องมาสอนโครงกระดูกทุกสัปดาห์
เพียงแค่เขามีความสุขกับการสอนดังนั้นเขาจึงไม่มองว่าเป็นการบังคุบ
“ฉันทำอย่างนั้นไม่ได้จริงๆ ฉันคิดว่าเธอควรจะขอร้องน้องซู” ปรมาจารย์ดาบกล่าว
ถังยู่หรานตกตะลึงนิ่ง
เธอเปิดเผยตัวตนของเธอและปรมาจารย์ดาบก็ยังคงเข้าข้างซูผิง เธอมีความสำคัญน้อยกว่าซูผิงหรือไง?!
หรือทั้งสองสนิทกันมากกว่าที่เธอคิด
ถังยู่หรานหันไปหาซูผิงด้วยความสิ้นหวัง
เขามองเธอด้วยหางตา“เธอต้องมีเรี่ยวแรงเหลือเฟือแน่ถึงพูดประโยคนั้นได้หลาย ๆ ครั้ง เธอไม่ต้องไปทานอาหารกลางวันแล้ว อยู่ที่นี่ไป”
เมื่อพูดอย่างนั้นเขาก็เก็บสมุดบันทึกของเขาและพูดกับปรมาจารย์ดาบว่า“ ไปกันเถอะ”
ถังยู่หรานพูดไม่ออก
เธอจะรู้ได้ยังไงว่าการขอความช่วยเหลือจะทำให้เธอเสียอาหารกลางวันไป…
“ไม่น่าแปลกใจที่ผู้ชายคนนี้มักไม่เกรงกลัวอะไร ”ถังยู่หรานแยกเขี้ยว ในขณะที่ทั้งสองก้าวออกไป
ซูผิงปิดประตูและล็อกขังถังยู่หรานไว้ข้างใน
ด้านนอกร้านซูผิงเห็นผู้คนมากมายยืนอยู่ไม่ไกล พวกเขาทั้งหมดมาจากสื่อต่างๆ ซูผิงขมวดคิ้ว แต่ไม่พูดอะไรกับสื่อ เขาและปรมาจารย์ดาบเดินจากไป
สื่อต้องการสัมภาษณ์ซูผิงแต่กลัวที่จะทำเช่นนั้น
ที่บ้าน
ซูผิงบอกให้แม่ของเขาทำอาหารพิเศษ
หลี่ฉิงรู่มีความสุขที่มีแขก
ซูผิงเห็นว่าอู่กวนเฉิงอยู่ที่นี่เช่นกันเขากำลังสอนซูหลิงเยวี่ยเกี่ยวกับทักษะการรักษา ปรมาจารย์ดาบก็เห็นอู่กวนเฉิงเช่นกัน แววตาแห่งความขมขื่นแวบผ่านดวงตาของพวกเขา
อู่กวงเฉิงจำข้อตกลงระหว่างปรมาจารย์ดาบและซูผิงได้เป็นอย่างดี
ทั้งสองคนพูดคุยกันเล็กน้อยอาหารกลางวันพร้อมแล้ว ซูผิงบอกให้พวกเขาล้างมือ และนั่งทานอาหารกลางวัน
ซูผิงแนะนำปรมาจารย์ดาบกับแม่ของเขาอย่างไม่เป็นทางการบอกว่านี่คือเล้งหยิงจุน
หลี่ฉิงรู่ยกย่องการแต่งกายของคุณเล้งว่าเหมือนนายแบบมาก
ความเข้าใจผิดของหลี่ฉิงรู่เกือบทำให้อู่กวนเฉิงสำลักอาหาร
เมื่อมื้อเที่ยงใกล้จะจบพวกเขาก็ได้ยินเสียงดังมาจากข้างนอก
ลมกระโชกแรงอยู่ฝั่งตรงข้ามถนน
ซูผิงหยิบอาหารและถือชามเดินออกไปข้างนอกที่ประตู เขาเห็นเงาที่ทอดลงมาบนถนนโดยมีนกตัวใหญ่บินอยู่บนท้องฟ้าตอนที่ 388 ตระกูลโจวมาถึง
อินทรีมงกุฏทองระดับเก้าขั้นสูง!
ปีกของมันยาวกว่าร้อยเมตร!
พายุพัดฝุ่นบนพื้นดินเจ้าของร้านค้าอื่น ๆ บนถนนวิ่งมาที่ประตูร้านของตัวเองด้วยความตื่นตระหนก และแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ผู้สื่อข่าวที่มารวมตัวกันที่ร้านต่างจ้องมองไปที่นกอย่างตกตะลึง และรีบใช้กล้องถ่ายภาพ
ซูผิงสามารถบอกได้ว่ามีมนุษย์อยู่บนหลังนกซึ่งหมายความว่านกเป็นอสูรที่เชื่อง เขาเอามือปิดชามเพื่อไม่ให้ฝุ่นปลิวใส่อาหารของเขา เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่มีคนกระโดดลงจากนกหรือบินลงมา
บุคคลนั้นถือภาชนะโลหะและเขากำลังบินมาที่ร้าน ทันใดนั้นซูผิงก็ตระหนักได้ว่าสิ่งนี้ต้องเป็นของที่เขาขอจากหลินจื่อฉิง เร็วจัง?
ประการแรกหลินจื่อฉิงอ้างว่าเขาสามารถจัดส่งได้ในวันรุ่งขึ้นเท่านั้นดูเหมือนว่าการจู้จี้จะได้ผล
ซูผิงรวบรวมพลังดวงดาวปิดชามและใช้สายฟ้าทะยานพุ่งไปที่ร้าน
คนที่ถือภาชนะเป็นชายวัยกลางคนดูแข็งแรงเขาสวมแว่นกันแดดและใส่สูท
เขากำลังจะเคาะประตูแต่สังเกตเห็นบางอย่างก่อนเขาหันกลับไปมอง เห็นคนใส่รองเท้าแตะและเสื้อยืดแขนกุดสีขาวเดินมาหาเขาพร้อมกับชามอาหารในมือ
วินาทีก่อนเขาอยู่ห่างออกไปนับร้อยเมตรแต่วินาทีต่อมาเขากลับปรากฏตัวที่ร้าน
สายฟ้าทะยาน?
คนที่สวมแว่นกันแดดถึงกับผงะ
“คุณเป็นคนของหลินจื่อฉิงหรือเปล่า?” ซูผิงถาม ชายวัยกลางคนรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินบุคคลนี้เรียกหลินจื่อฉิงห้วนๆ ไม่ช้าเขาก็จำได้ว่านี่คือซูผิง คนที่หลินจื่อฉิงเคยบอกเขา เขาเคยเห็นภาพของซูผิง
ก่อนที่จะเดินทางมาหลินจื่อฉิงได้บอกให้เขาปฏิบัติต่อซูผิงอย่างสุภาพเขาไม่สามารถขัดใจผู้ชายคนนี้ได้!
ชายวัยกลางคนสำรวจเขาแต่ไม่เห็นอะไรเป็นพิเศษเกี่ยวกับเขา ระดับของชายหนุ่มดูเหมือนจะอยู่ในขั้นกลาง อย่างไรก็ตามความเร็วของเขาน่าทึ่งมาก มันดูเหมือนว่าจะไม่ตรงกับระดับของเขา
”ใช่ครับ”
ชายวัยกลางคนพยักหน้า“ คุณต้องเป็นคุณซูผิง ท่านหลินบอกให้ผมมอบสิ่งนี้ให้คุณด้วยมือของผมเอง”
“ใช่ผมชื่อซูผิง”
ซูผิงดีใจที่ชายคนนี้เป็นคนของหลินจื่อฉิงในที่สุด วัตถุดิบสุดท้ายที่เขาต้องการสำหรับกายแสงอาทิตย์ก็อยู่ที่นี่แล้ว เขาสามารถผ่านระดับแรกได้อย่างเป็นทางการ!
เปิดประตู!ซูผิงคิดในใจและประตูก็เปิดออก
”เข้ามาข้างในสิ”
ซูผิงถือชามและก้าวเข้าไปเขาเห็นถังยู่หรานกำลังนั่งอยู่บนโซฟา กินไอศกรีมจากตู้เย็นที่เขาซื้อมา
”ฮะ??”
ถังยู่หรานรู้สึกตกใจเมื่อซูผิงปรากฏตัวในขณะที่เธอกำลังกินไอศกรีมของเขาในไม่ช้าความสนใจของเธอก็ถูกชายชุดสูทสีดำดึงดูดไป
ชายคนนั้นแสดงพลังของเขาโดยไม่มีการปกปิดเธอคุ้นเคยกับสิ่งนั้น นักรบอสูรกิตติมศักดิ์ในตระกูลของเธอก็เหมือนกันกับเขา นักรบอสูรกิตติมศักดิ์อีกแล้วหรอ?
“เปิดภาชนะ” ซูผิงกล่าว แม้เขาจะแน่ใจว่าหลินจื่อฉิงจะไม่หลอกเขา แต่เขาก็ต้องตรวจสอบของก่อน
ชายในชุดสูทสีดำพยักหน้าเมื่อเขาเข้ามาในร้านเขาก็เหลือบไปรอบ ๆ ด้วยความสงสัยเกี่ยวกับร้านที่แม้แต่หลินจื่อฉิงก็ยังกลัว แต่เขาไม่สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติใดๆ มันเป็นเพียงร้านค้ากว้างขวางที่มีการตกแต่งสวยงาม
สำหรับหญิงสาวที่กินไอศกรีมชายในชุดสูทสีดำมองผ่านเธอไป
“ได้ครับ”
ชายในชุดสูทสีดำวางภาชนะลงบนโต๊ะอย่างระมัดระวังและเปิดล็อครหัส
อากาศเย็นคลายตัวซูผิงมองดูและยืนยันว่านั่นคือของที่เขาขอ
“ปิด” ซูผิงกล่าว เขาจะไม่ใช้มันตอนนี้
ชายในชุดสูทสีดำกล่าวว่า“ผมคงต้องขอตัวก่อนถ้าคุณไม่ว่าอะไร”
“ตามสบาย”
ชายในชุดสูทสีดำกล่าวลาและออกจากร้านไปคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นสื่อด้านนอก เขากำลังจะบินกลับไปที่อินทรีมงกุฏทอง แต่ดันมีรถขับมาและเข้าใกล้ทางเข้าร้าน คนสองคนก้าวลงมา
ทั้งคู่คือนักรบอสูรกิตติมศักดิ์!
ชายในชุดสูทสีดำตกใจ
เขาไม่เคยเจอกับนักรบอสูรกิตติมศักดิ์สองคนแบบสุ่มสี่สุ่มห้าโดยเฉพาะบนถนนเส็งเคร็งในเมืองฐานห่างไกลนี่
ตอนที่เขามองลงมาจากท้องฟ้าเขาเห็นว่าสภาพแวดล้อมบนท้องถนนและถนนใกล้เคียงค่อนสกปรก ถนนเต็มไปด้วยรอยกระแทกและหลุม มีเพียงร้านนี้เท่านั้นที่ดูดี
ทั้งสองคนที่ลงจากรถต่างก็ประหลาดใจเมื่อเห็นชายในชุดสูทสีดำยืนอยู่ข้างประตูร้านพวกเขารู้สึกได้ว่าชายคนนี้อยู่ในระดับกิตติมศักดิ์และเขาก็ไม่ได้พยายามที่จะซ่อนมัน! เขาสวมสูท เขาคงไม่ใช่พนักงานต้อนรับของร้านหรอกใช่ไหม?
ทั้งสองคนเคลื่อนตัวผ่านฝูงชนด้วยความสับสน
ผู้สื่อข่าวในบริเวณใกล้เคียงดูจะประหลาดใจอย่างมากที่เห็นพวกเขาผู้สื่อข่าวบางคนยังกลัวด้วยซ้ำ พวกเขาจำได้ว่าสองคนนั้นมาจากตระกูลโจว!
ทั้งคู่อยู่ในระดับกิตติมศักดิ์หลายสิบปีก่อน ทั้งสองเป็นชายที่มักถูกกล่าวถึงในข่าวชั้นสูงของเมืองฐานหลงเจียง คนที่ร่ำรวยและมีอิทธิพลเกือบทั้งหมดในตอนนั้นรู้จักพวกเขาสองคน
ในงานวันเกิดของพวกเขาหลายคนยังคงไปร่วมงานและให้ของขวัญ!
นั่นคือคนใหญ่คนโต!
ผู้ที่สามารถทำอะไรก็ได้ตามใจชอบในเมือง!
ผู้สื่อข่าวบางคนให้ความสำคัญกับรถซึ่งเป็นรุ่นมาตรฐานสำหรับนักสำรวจระดับสูง!
การจะมีรถแบบนั้นได้จะต้องเป็นนักสำรวจระดับแนวหน้าและนอกจากนี้ยังต้องมีเงินและเส้นสายด้วยมีรถแบบนี้ไม่ถึงยี่สิบคันในเมืองฐานหลงเจียง!
ยี่สิบคันอาจฟังดูเป็นจำนวนมากแต่เมื่อพิจารณาว่าเมืองฐานหลงเจียงมีผู้คนหลายสิบล้านคน และด้วยจำนวนคนรวยที่แท้จริง รถยี่สิบคันก็ยังห่างไกลจากคำว่าเยอะ
ฝูงชนก้าวหลับไปด้านข้างเพื่อหลีกทางให้ทั้งสองคน
ไม่มีใครกล้ายืนขวางทางพวกเขา
ทั้งสองก้าวขึ้นบันไดเมื่อพวกเขาเห็นรูปปั้นมังกรนอกประตู ทั้งคู่ก็รู้สึกประหม่าราวกับว่ามีอสูรร้ายกำลังจ้องมองพวกเขา
พวกเขาเคยเห็นร้านค้าในวิดีโอหลายครั้งแต่นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขามาที่นี่ด้วยตัวเอง รูปปั้นมังกรทั้งสองนั้นเหมือนของจริงมาก ความรู้สึกนี้ไม่ได้ถ่ายทอดผ่านวิดีโอ
ยิ่งระดับสูงเท่าไรก็จะยิ่งรู้สึกกระวนกระวายใจมากขึ้นเมื่อมองไปที่รูปปั้นมังกรสองตัวนั่น
“คุณซูอยู่หรือเปล่าครับ?” หนึ่งในสองคนถามชายในชุดสูทสีดำ พวกเขาคิดว่าเขาเป็นพนักงานต้อนรับ
มันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่เห็นซูผิงใช้นักรบอสูรมีกิตติมศักดิ์มาเป็นพนักงานต้อนรับ
ชายในชุดสูทสีดำประหลาดใจ
เขารู้ว่าพวกเขากำลังถามหาซูผิง
นักรบอสูรกิตติมศักดิ์ทั้งสองต้องอยู่ในระดับที่สูงกว่าเขาเพราะเขารู้สึกกดดันเมื่ออยู่ต่อหน้าพวกเขา
ทั้งคู่มาหาซูผิง?
ชายในชุดสูทสีดำพยักหน้าในบรรดานักรบอสูร ผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งควรได้รับความเคารพ ชายในชุดสูทสีดำกล่าวอย่างสุภาพว่า“ คุณซูอยู่ข้างใน”
”คุณซู?”ทั้งสองจากตระกูลโจวงง พวกเขามองชายคนนั้นอย่างแปลกประหลาด
ชายคนนี้ดูเหมือนจะไม่รู้จักซูผิงมากนัก
ในระหว่างนั้นซูผิงได้วางภาชนะไว้ในห้องอสูรและปิดประตูโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเขา จะไม่มีใครสามารถเข้าไปในห้องอสูรได้ นั่นคือสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด
”มีอะไรอีก?”
ซูผิงรู้สึกได้ว่ามีใครบางคนหยุดอยู่ที่ประตูหนึ่งในสองคนนั้นดูคุ้นเคย เขาจำได้ว่านั่นคือโจวเทียนกวง ผู้อาวุโสของตระกูลโจว
เขาจำโจวเทียนกวงได้แม่นเขาเป็นคนสำคัญในตระกูลโจว
ชายอีกคนนั้นซูผิงไม่รู้จักเขา
“ทำไมโจวเทียนหลินไม่มา?”ซูผิงถาม
ผู้อาวุโสทั้งสองยิ้มพร้อมกัน
“หัวหน้าตระกูลของเราติดธุระบางอย่าง เขาจึงบอกให้เรามาแทน นี่เป็นของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับคุณเพื่อแสดงความปรารถนาดีของเรา”
จากนั้นโจวเทียนกวงก็ส่งกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าให้ซูผิงลวดลายเหล็กด้านนอกดูสวยงาม
ซูผิงเลิกคิ้วเขาเชิญหัวหน้าตระกูล แต่หัวหน้าตระกูลกลัวที่จะมาและส่งผู้อาวุโสสองคนมาแทน ตระกูลโจวพยายามหลอกเขา เขาแทบรอไม่ไหวที่จะเห็นว่าของขวัญชิ้นนี้คืออะไรและเป็นการทดแทนที่คุ้มค่าสำหรับหัวหน้าตระกูลหรือเปล่า?
”มันคืออะไร?”ซูผิงถามตรงๆ
ซูผิงไม่อ้อมค้อมแม้แต่นิดเดียวภายในโจวเทียนกวงมีรอยยิ้มที่ขมขื่นอยู่ แต่เขาไม่กล้าที่จะแสดงความไม่เคารพ เขาเปิดกล่องด้วยรอยยิ้ม เผยให้เห็นหลอดสองหลอดที่มีของเหลวสีแดง “ เลือดมังกรสองหลอด!”
โจวเทียนกวงอธิบายอย่างเคร่งขรึมดูเหมือนจะไม่เต็มใจที่จะมอบสิ่งนั้นให้“ เลือดไม่ได้มาจากมังกรทั่วไป แต่มาจากมังกรระดับตำนาน คุณซู คุณมีมังกรเพลิงนรก เลือดนี้มีประโยชน์มากที่สุดสำหรับมัน ผมหวังว่ามังกรของคุณจะเติบโตและแข็งแกร่งได้มากขึ้น!”
ซูผิงรู้สึกผิดหวัง
เลือดมังกรระดับตำนาน?
จริงอยู่สิ่งนี้มีประโยชน์และสามารถพัฒนาระดับของมังกรเพลิงนรกได้อย่างแน่นอน
แต่เขาไม่ต้องการเขาต้องหาทางหยุดระดับของมังกรเพลิงนรกไม่ให้เติบโต เพียงเมื่อมังกรเพลิงนรกมีพลังต่อสู้ถึง 10ตอนเป็นระดับหก มันจึงจะได้รับการจัดอันดับให้สูงกว่าค่าเฉลี่ย และจากนั้น เขาถึงเปิดบริการฝึกอสูรขั้นสูงได้
นอกจากนี้ถ้าเขาต้องการเลือดมังกรเขาแค่ไปที่หลุมศพกึ่งเทพเขาก็ได้แล้ว ด้วยความช่วยเหลือของโจแอนนาเขาจะได้รับเลือดมังกรที่ดีกว่านี้ด้วยซ้ำ
โจวเทียนหลินและผู้อาวุโสคนอื่นๆ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกเขาจะเห็นความผิดหวังบนใบหน้าของซูผิง
ชายในชุดสูทสีดำยังไม่จากไปเขาตกใจกับคำพูดของโจวเทียนหลิน
เลือดมังกรระดับตำนาน?
เขาให้สิ่งนั้นกับชายหนุ่มคนนั้นจริงๆหรอ?
ถังยู่หรานตกตะลึงเธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าไอศกรีมละลายเต็มมือของเธอไปหมดแล้ว
นักรบอสูรกิตติมศักดิ์ทั้งสองมาเยี่ยมเขาเพื่อมอบของขวัญให้กับซูผิง?
ผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่?!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว