ตอนที่ 439 อับอาย
ผู้ที่อยู่ใกล้เคียงต่างพากันตกตะลึง
ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าซูผิงจะลงมือจริงๆ!นอกจากนี้ซูผิงยังเร็วมากจนไม่มีใครเห็นทัน!
ใบหน้าของเซียวเฟิงสวี่ขุ่นมัวเขาจ้องมองซูผิงด้วยความโกรธอย่างเห็นได้ชัด
“นายคิดว่ากำลังทำอะไรอยู่?!” กงหลิงหลิงอดไม่ได้ที่จะกรีดร้อง
“ฉันทำได้มากกว่านี้อีก” ซูผิงพูดอย่างไม่แยแส
เซียวเฟิงสวี่จ้องซูผิงและถาม”นายเป็นนักรบอสูรขั้นสูงหรอ? นายรู้ผลของการโจมตีผู้ฝึกสอนจากสถาบันมังกรสวรรค์ในเมืองฐานแสงศักดิ์สิทธิ์หรือเปล่า?”
นักรบอสูรขั้นสูง!
กงหลิงหลิงและหู่หรงหรงมองซูผิงด้วยความประหลาดใจ
ซูผิงดูเหมือนจะยังเด็กเขาเป็นนักรบอสูรระดับเจ็ดได้จริงๆหรอ!
หู่หรงหรงสับสนตอนนั้นซูผิงเร็วมากจนเธอไม่เห็นด้วยซ้ำว่าเขาตบเฟิงยี่เหลียงได้ยังไง ด้วยความที่เธอเป็นผู้ฝึกสอนเธอก็ต้องมีพลังดวงดาวเช่นกัน และเธออยู่ในระดับห้า เธอรู้ว่าเซียวเฟิงสวี่อยู่ในระดับหกซึ่งเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดในบรรดานักเรียนชั้นปีสามทั้งหมดในสถาบันมังกรสวรรค์
“ตาดี”
ซูผิงไม่ปฏิเสธ
”ไร้สาระ!”
ชายหนุ่มสกินเฮดรู้สึกโกรธเพราะความนิ่งเฉยของซูผิง“สมมติว่าแกเป็นนักรบอสูรขั้นสูงแล้วยังไงล่ะ? นักรบอสูรขั้นสูงจะต้องยืนเรียงแถวต่อหน้าเราเมื่อพวกเขาต้องการความช่วยเหลือจากเรา! ตอนนี้คุกเข่าขอโทษแล้วเราจะปล่อยเรื่องนี้ไป มิฉะนั้นแกจะไม่ได้เห็นโลกภายนอกอีกเลย!”
“แล้วไง”
ซูผิงหรี่ตา“ ผู้ฝึกสอนเป็นเพียงคนรับใช้ของนักรบอสูรเท่านั้น หากไม่มีนักรบอสูรแกจะฝึกอะไร? ผู้คนต้องพึ่งพาผู้ฝึกสอน เมื่ออสูรร้ายบุกเมืองของเราหรือไง? ถ้าฉันต้องการเอาชีวิตแกตอนนี้ แกยังคิดว่าจะมีชีวิตอยู่ได้ไหม?”
ชายหนุ่มสกินเฮดตะโกน“แกกล้าดียังไง!”
“ฉันกล้า!”
แววตาของความเยือกเย็นเพิ่มขึ้นในดวงตาของซูผิงเขาก้าวไปข้างหน้า
เซียวเฟิงสวี่ตกใจชายหนุ่มคนนี้บ้าบิ่นแค่ไหน!
ผู้ฝึกสอนกับนักรบอสูรก็เหมือนกับไข่ที่กระทบกับก้อนหินไม่ต้องพูดถึงการต่อสู้กับนักรบอสูรขั้นสูง แม้แต่เซียวเฟิงสวี่ก็ไม่สามารถเอาชนะชายหนุ่มได้
“น้องชายใจเย็น ๆ ก่อน”
คนฉลาดรู้ว่าเมื่อใดควรถอยเซียวเฟิงสวี่ใช้น้ำเสียงที่นุ่มนวลขึ้นทันที ในขณะเดียวกันเขาก็ก้าวไปข้างหน้า และปลดปล่อยพลังดวงดาวของเขาเพื่อสร้างโล่มากมาย
ปังปัง ปัง! ซูผิงยกมือข้างหนึ่งเพื่อตบชายหนุ่มสกินเฮด มือของเขาวางลงบนโล่รูปเพชร เสียงแตกดังขึ้นอย่างอ้อยอิ่ง โล่เหล่านั้นแข็งแกร่ง แต่ยังไม่มีชั้นไหนสามารถทำให้ซูผิงช้าลงได้เลยแม้แต่นิดเดียว!
เซียวเฟิงสวี่รู้สึกว่าตัวเองโง่เขาสามารถสร้างโล่ดวงดาวที่สามารถต้านทานการโจมตีจากอสูรร้ายระดับเจ็ดทั่วไปได้ด้วยทักษะลับของเขา แต่ซูผิงทำมันแตกได้ภายในพริบตา!
หวีด!
จี้หยกหลุดออกมาจากคอเสื้อของเซียวเฟิงสวี่เมื่อมันเปล่งประกายสีเขียวอ่อนโยน จี้หยกกลายเป็นโล่กลม
ปัง!
ทันทีที่โล่กลมเป็นรูปเป็นร่างมือของซูผิงก็เข้ามากระทบมัน โล่แตก เมื่อเป็นเช่นนี้จี้หยกจึงร่วงลงพื้น
แม้ว่าโล่สีเขียวจะแตกแต่ซูผิงก็รู้สึกว่ามือของเขาเด้งกลับเล็กน้อย เขาเลิกคิ้ว น่าสนใจ.เซียวเฟิงสวี่มีสมบัติเช่นนี้ซึ่งสามารถทนต่อการตบของเขาได้
นี้…”
เซียวเฟิงสวี่หน้าซีดด้วยความตกใจเขาไม่สามารถพูดคำอื่นได้ขณะที่จ้องจี้หยกที่แตกอยู่บนพื้น
สมบัตินั่นแข็งแกร่งพอที่จะปกป้องเขาจากการโจมตีจากนักรบอสูรระดับปรมาจารย์ระดับแปดโดยเฉลี่ยอย่างไรก็ตามซูผิงทำลายมัน! เขาทำลายมันได้ง่ายๆ! ชายหนุ่มคนนี้เป็นนักรบอสูรระดับปรมาจารย์อย่างงั้นหรอ! ชายหนุ่มสกินเฮดที่ยืนอยู่ข้างหลังเซียวเฟิงสวี่รู้สึกหวาดกลัวมาก เป็นครั้งแรกที่เขาเข้าใจถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของนักรบอสูรขั้นสูง ตลอดชีวิตของเขานักรบอสูรขั้นสูงคอยหล่อเลี้ยงเขา เขาไม่เคยต่อสู้กับนักรบอสูรอย่างจริงจัง กระนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ทำให้เขาตกตะลึง ถ้าซูผิงตั้งใจจะฆ่าเขาจริงๆเขาจะไม่มีทางรอด!
เขาได้รับการสั่งสอนมาเสมอว่าผู้ฝึกสอนมีค่าแต่ในช่วงเวลาวิกฤตนี้เขารู้แล้วว่านักรบอสูรมีอำนาจเหนือกว่า!
ไอ้บ้านี่!
ชายหนุ่มสกินเฮดรู้สึกหงุดหงิดแต่เขาก็กลัวเกินกว่าจะอวดความเหนือกว่านี่
“เฮ้ฟังนะทั้งหมดนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิด” เซียวเฟิงสวี่พูดกับซูผิงอย่างรีบร้อน
แม้ว่าเซียวเฟิงสวี่จะเป็นคนหยิ่งแต่เขาก็กลัวที่จะจัดการกับคนที่โหดเหี้ยมเช่นนี้ ไม่มีใครออกจากบ้านมาพร้อมกับผู้คุ้มกัน ถ้าซูผิงฆ่าพวกเขาที่นี่เขาจะถูกลงโทษ แต่นั่นจะไม่ทำให้ชีวิตของพวกเขากลับคืนมา!
ไม่มีใครอยากมีส่วนร่วมกับความบ้าของคนๆนี้
หญิงสาวทั้งสองคนงุนงงพวกเธอคิดว่าซูผิงเป็นคนอ่อนโยน ทั้งคู่ไม่คาดคิดว่าซูผิงจะดุร้าย และน่ากลัวแบบนี้
”เข้าใจผิด?ยังไง?” ซูผิงมองเซียวเฟิงสวี่ด้วยรอยยิ้มน่ากลัว
เซียวเฟิงสวี่ดูแย่มาก“ ฉันชื่อเซียวเฟิงสวี่ ฉันจะขอโทษแทนเพื่อนของฉัน”
“ทำไมถึงขอโทษ”
“…เพื่อนของฉันทำผิด เขาทำให้นายขุ่นเคือง”เซียวเฟิงสวี่สามารถบอกได้ว่าซูผิงตั้งใจที่จะทำให้เขาอับอาย แต่เขาก็ยังต้องเดินหน้าต่อไป
“โอ้เขาผิดนี่เอง ฉันคิดว่าฉันผิดซะอีก”ซูผิงทำราวกับว่าเขาเข้าใจคำพูดของเซียวเฟิงสวี่ แต่คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความประชดประชัน
ทั้งเซียวเฟิงสวี่และชายหนุ่มสกินเฮดต่างก็ดึงหน้าตึงจากคำพูดเหน็บแนมของซูผิงแต่ทั้งคู่ก็รู้ดีว่านั่นคือเฟิงยี่เหลียงที่เป็นคนเริ่มทั้งหมด โดยปกติพวกเขาสามารถตะโกนใส่ใครก็ได้ที่พวกเขาต้องการ และผู้ที่ทำให้พวกเขาขุ่นเคืองจะต้องยอมรับความพ่ายแพ้เพื่อปกป้องตัวเอง อย่างไรก็ตามวันนี้พวกเขาได้พบกับคนที่แข็งแกร่งกว่า
“ตอนนี้ก็รู้แล้วว่าผิด คุกเข่าลงแล้วบอกว่าขอโทษซะสิ” ซูผิงพูดยิ้ม ๆ
คำพูดของเขาทำให้ทุกคนตกใจ
ชายหนุ่มสกินเฮดเงยหน้าขึ้นมองซูผิง
เขาเป็นคนที่พูดคำเหล่านั้นกับซูผิงแต่หลังจากนั้นก็โยนคำพูดเหล่านั้นกลับมาที่เขา
เซียวเฟิงสวี่หน้าซีด“ เพื่อนฉันพูดไปแล้วว่าขอโทษ เราไม่ต้องทำขนาดนั้นหรอกมั้ง?”
“นายต้องมีทัศนคติที่จริงใจตอนที่ขอโทษ ฉันจะแน่ใจได้อย่างไรว่านายจริงจัง ” ซูผิงหุบยิ้ม “ นอกจากนี้นายไม่ใช่คนที่ทำให้ฉันไม่พอใจ ดังนั้นนายไม่ต้องขอโทษ คนที่พูดควรยืนขึ้นมา สิ่งพื้นฐานที่สุดของความเป็นผู้ชายคือการเป็นผู้ชายตามคำพูดให้ได้ ก่อนที่จะเรียกร้องสิ่งเดียวกันจากคนอื่น นายไม่คิดอย่างนั้นหรอ?”เซียวเฟิงสวี่รู้สึกอาย “ ทำไมนายต้องทำแบบนี้? เราคือคนที่พานายเข้ามา!” กงหลิงหลิง อดไม่ได้ที่จะตะโกน เธอไม่สามารถยอมรับได้ที่เห็นเซียวเฟิงสวี่โดนดูถูกเช่นนี้ ในใจของเธอรุ่นพี่เซียวมักจะสง่างามและสงบ เขาไม่เคยอยู่ในจุดที่น่าอึดอัดเช่นนี้มาก่อน
“เธอทำไม่ใช่เขา หุบปากซะ” ซูผิงเหลือบมองไปที่ กงหลิงหลิง
กงหลิงหลิงเขย่าแขนหู่หรงหรงอย่างโกรธเกรี้ยว “ หรงหรงดูเขาสิ”
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งหู่หรงหรงจึงพูดกับซูผิงว่า“ซูนี่เป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด รุ่นพี่เซียวขอโทษแล้ว เราปล่อยๆมันไปไม่ได้หรอ?”
ซูผิงจ้องเธอ“ ฉันเป็นหนี้เธอหนึ่งครั้ง เธอแน่ใจแน่ใจใช่ไหมว่าจะใช้มันมาแลกกับประโยชน์ของพวกเขา?”
หู่หรงหรงรู้สึกโล่งใจที่เห็นว่าซูผิงมีท่าทีอ่อนลง“ พวกเขาทั้งหมดเป็นเพื่อนร่วมสถาบันของฉัน ฉันหวังว่านายจะไม่ทำให้เรื่องมันยากเกินไป”
ซูผิงมองไปที่เธอสักพักก่อนที่เขาจะพยักหน้า“ ได้”
ทุกคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เซียวเฟิงสวี่รู้สึกว่าในที่สุดเขาก็หายใจได้ทันใดนั้นเจตนาฆ่าก็พุ่งสูงขึ้นภายในใจของเขา เขาไม่เคยได้รับความอับอายต่อหน้าสาธารณชนมาก่อน ไม่ต้องพูดถึงว่ามาจากนักรบอสูร เขากลัวที่จะแสดงความโกรธซึ่งเขาไม่เคยสัมผัสมาก่อนในชีวิตของเขา
น่าอัปยศมาก!
แต่เขาไม่ได้แสดงความโกรธบนใบหน้าเพราะเขาไม่อยากขายหน้าอีก
ซูผิงจ้องมองไปที่เซียวเฟิงสวี่และอีกสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆเขา อยากจะหาทางแก้แค้นงั้นหรอหรอ? นั่นเป็นสิ่งที่ดีที่จะคาดหวัง อย่างไรก็ตามเนื่องจากเขาได้สัญญากับหู่หรงหรงว่าจะปล่อยไป ซูผิงจึงตัดสินใจที่จะไม่ทำอะไรกับพวกเขา นั่นเป็นเพียงแค่ผู้ฝึกสอน ไม่ว่าความเป็นปรปักษ์ของพวกเขาจะแข็งแกร่งเพียงใด แต่พวกเขาไม่สามารถทำอะไรเขาได้
ในเขตอนุทวีปซูผิงไม่กลัวใครเว้นแต่นักรบอสูรในตำนานจะปรากฏตัว
อย่างไรก็ตามเขาสามารถป้องกันตัวเองได้หากมันเกิดขึ้นนักรบอสูรในตำนานในสถานะสมุทรโดยเฉลี่ยจะไม่สามารถจบชีวิตของเขาได้
ในเวลาเดียวกันเฟิงยี่เหลียงที่ล้มลงก็สามารถลุกขึ้นยืนได้ในที่สุดเขาส่ายหัวพยายามทำใจให้ปลอดโปร่ง
เขามองไปรอบๆ ก่อนที่เขาจะเห็นชายที่ตบเขาในที่สุด ตาของเขาแดง ขณะที่เขาตะโกนว่า“ ไอระยำ…!” ก่อนที่เขาจะพูดจาหยาบคายไปมากกว่านี้ เซียวเฟิงซูผู้หวาดกลัวมีดวงตาที่เฉียบคมและมือที่ว่องไวพุ่งเข้าไปปิดปากของเฟิงยี่เหลียง และลากเขากลับไป ไม่ให้เขาทำให้ซูผิงโกรธอีกครั้ง
ชายหนุ่มสกินเฮดและชายหนุ่มตัวเล็กรีบควบคุมเฟิงยี่เหลียง
ก่อนหน้านี้ทั้งสองคนพยายามที่จะพูดให้กับซูผิงออกไปแต่ตอนนี้พวกเขาแค่ต้องการลากเฟิงยี่เหลียงออกไป เผื่อเขาจะไปทำให้ซูผิงโกรธอีกครั้ง
ซูผิงรีบมองไปที่เวทีเขาสงสัยว่ามันเป็นการหยุดพักชั่วคราวหรือการแข่งขันสิ้นสุดลงแล้ว ไม่มีใครก้าวขึ้นไปบนเวทีอีกเลย เขาหมดความสนใจ เขาหันหลังกลับ และออกจากสนามโดยไม่พูดอะไรอีก
ในที่สุดเซียวเฟิงสวี่ก็ปล่อยเพื่อนของเขา
“บัดซบ มันเป็นบ้าอะไรของมัน!”
ชายหนุ่มสกินเฮดเตะเก้าอี้ข้างๆ
เซียวเฟิงสวี่ดูสงบแต่ความโกรธในดวงตาของเขาชัดเจนมาก
เฟิงยี่เหลียงรู้สึกประหลาดใจกับชายหนุ่มสกินเฮดและความโกรธที่ระเบิดออกมาอย่างกะทันหัน“ เกิดอะไรขึ้น?”
หลังจากเตะเก้าอี้แล้วชายหนุ่มสกินเฮดก็ตะโกนว่า“ไอ้นั่นเป็นนักรบอสูรขั้นสูง บัดซบ! แล้วไงล่ะ? นักรบอสูรขั้นสูงทุกคนอยู่แทบเท้าฉันราวกับพวกเขาเป็นสุนัข แต่มันกลับขู่ฉัน . ฉันจะฆ่ามัน!”
“นักรบอสูรขั้นสูง?”
เฟิงยี่เหลียงไม่อยากจะเชื่อเรื่องนี้เขามองไปรอบ ๆ และเห็นสีหน้าของคนอื่น ๆ จริงอยู่พวกเขาไม่ได้สนใจนักรบอสูร แต่พวกเขาทุกคนต้องยอมรับว่านักรบอสูรสามารถเอาชนะพวกเขาได้อย่างง่ายดาย ถึงกระนั้นก็เป็นเรื่องผิดปกติที่ผู้ชายคนนั้นจะมาทำให้เขาขุ่นเคืองเช่นนี้ ราวกับว่าเศรษฐีกลัวที่จะตอบโต้อันธพาลที่ทุบตีเขา ช่างน่าอับอายเสียจริง!
“โทรหาใครก็ได้ เราปล่อยมันไปแบบนี้ไม่ได้!”เฟิงยี่เหลียงร้องเสียงหลง การตบนั้นค่อนข้างแรง แก้มของเขายังคงแดงอยู่เลย
กงหลิงหลิงและหู่หรงหรงมองหน้ากัน ทั้งคู่ต่างตกใจกับปฏิกิริยาของผู้ชาย กงหลิงหลิง ไม่ได้พูดอะไร เธอเองก็ไม่พอใจซูผิงเช่นกัน เขาแสดงออกชัดเจนว่าเขาไม่สนใจเธอเลย
แต่หู่หรงหรงรู้สึกกังวลนี่เป็นวันที่ดี และมันก็ยุ่งเหยิงเพียงเพราะเฟิงยี่เหลียงไม่สามารถควบคุมปากของเขาได้
เธอคงจะรู้สึกเสียใจถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับซูผิงเธอจะไม่พาซูผิงเข้ามาหากเธอรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ด้วยความคิดนี้หู่หรงหรงจึงมองเฟิงยี่เหลียงอีกครั้งเสียงร้องของเขาทำให้เขาดูน่ารังเกียจยิ่งขึ้น
“รุ่นพี่เซียวเรามีสิ่งอื่นที่ต้องทำ ไว้พบกันใหม่” หู่หรงหรงไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะดูการแข่งขันที่เหลือ
เซียวเฟิงสวี่พยักหน้าให้เธอ
กงหลิงหลิงต้องการที่จะอยู่ต่อไปอีกสักหน่อย แต่เนื่องจากหู่หรงหรงยืนกรานว่าจะไป หลังจากนั้นเธอก็เริ่มระบายความโกรธของเธอ “ หรงหรง…”
เฟิงยี่เหลียงต้องการคุยกับหู่หรงหรงแต่เธอหันหลังให้เขา
ชายหนุ่มสกินเฮดกล่าวกับเฟิงยี่เหลียงอย่างหยาบคายว่า“เลิกใช้น้ำเสียงน่ารำคาญนั่นเถอะ เธอไม่อยากคุยกับนาย ไม่เข้าใจหรือไง” ถ้าไม่ใช่เพราะเฟิงยี่เหลียงคงไม่มีใครที่จะต้องอับอาย นั่นทำให้ชายหนุ่มสกินเฮดโกรธเฟิงยี่เหลียง
เฟิงยี่เหลียงจ้องมองชายหนุ่ม”มันไม่ใช่เรื่องของนาย เธอไม่อยากคุยกับฉันเหรอ? เธอจะเป็นของฉันไม่ช้าก็เร็ว!”
เซียวเฟิงสวี่ขมวดคิ้ว“ คุณปู่ของหู่หรงหรงอยู่ในสมาคมผู้ฝึกสอน นายควรระมัดระวัง แม้แต่ตระกูลเฟิงของนายก็ไม่สามารถทำให้เขาขุ่นเคืองได้”
เฟิงยี่เหลียงไม่พอใจที่ได้ยินเรื่องนั้นแต่เขาไม่ได้เถียงกลับ “ ฉันเข้าใจ” เขาพยักหน้า
”ไปกันเถอะฉันจะไปที่สำนักงานขนส่งเพื่อหาว่าไอ้บ้านั่นมาจากที่ไหน”เซียวเฟิงสวี่เดินออกไป และโทรหาใครบางคน
…
ซูผิงเดินไปตามถนนเล็กน้อย
อาคารที่มีเอกลักษณ์เป็นเครื่องเตือนใจตลอดเวลาว่าเขาไม่ได้อยู่บ้าน
ไม่นานซูผิงก็เรียกรถแท็กซี่และบอกให้คนขับไปที่สำนักงานใหญ่ของสมาคมผู้ฝึกสอน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว