ตอนที่ 464 การต่อสู้ที่ดีที่สุด
จากแปดผู้ฝึกสอนชั้นนำมีเพียงสามคนที่ไม่แย่งชิงยู่อวิ๋นตาน นั่นก็คือเฒ่าเฉาที่เลือกมู่หลิวทูซู่เป็นลูกศิษย์ไปแล้ว ผู้ฝึกสอนชั้นนำอีกคน และซูผิง
ยู่อวิ๋นตานไม่ใช่ศิษย์ที่เหมาะสำหรับซูผิงเขาชอบจงหลิงถงที่อยู่อันดับสามมากกว่า เมื่อพูดถึงทักษะของพวกเธอ จงหลิงถงและยู่อวิ๋นตานมีพอๆกัน เพียงแค่ว่าจงหลิงถงนั้นโชคดีน้อยกว่ายู่อวิ๋นตานเล็กน้อย เหตุผลที่ซูผิงชอบจงหลิงถงนั้นเรียบง่าย: เธอแสดงความสงสารต่ออสูรร้ายที่อยู่บนเวที
จากแววตาเธอซูผิงสามารถบอกได้ว่าเธอไม่ได้มองว่าอสูรร้ายเป็นเครื่องมือ แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีเลือดเนื้อจริงๆ
เนื่องจากเธอสามารถแสดงความเมตตาต่ออสูรผิงจึงเชื่อว่าเธอจะห่วงใยอสูรดวงดาวมากกว่าใคร
ความจริงที่ว่าผู้ฝึกสอนชั้นนำ5 คนกำลังเสนอคำเชิญให้ยู่อวิ๋นตานต่างๆนาๆทำให้ผู้เข้าร่วมบนเวที และผู้ชมตกตะลึง
ไม่มีใครคาดคิดว่ายู่อวิ๋นตานจะได้รับความนิยมมากกว่าแชมป์
มู่หลิวทูซู่พูดไม่ออกเขาเข้าใจว่าน่าจะเป็นเพราะข้อตกลงที่ตระกูลของเขาทำไว้ ดังนั้นจึงมีผู้ฝึกสอนชั้นนำเพียงไม่กี่คนที่แย่งชิงเขา
ผู้แข่งขันคนอื่นๆ มองไปที่ยู่อวิ๋นตานด้วยความอิจฉา พวกเขาสงสัยว่าผู้ฝึกสอนชั้นนำคนใดจะเลือกพวกเขาเป็นศิษย์บ้าง
ยู่อวิ๋นตานก็ไม่ได้คาดหวังสิ่งนี้เช่นกันทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าการแพ้ให้กับมู่หลิวทูซู่นั้นไม่มีอะไรเลวร้าย เธอเป็นเหมือนราชินี
ความหงุดหงิดที่มาจากการพ่ายแพ้ให้กับมู่หลิวทูซู่ได้หายไปเมื่อความมั่นใจของเธอเพิ่มขึ้น รอยยิ้มก็ผลิบานบนใบหน้าที่เย็นชาของเธอ ไม่ว่าใครจะมาเป็นอาจารย์ของเธอก็ไม่สำคัญ ความจริงที่ว่าผู้ฝึกสอนชั้นนำหลายคนต้องการเธอในฐานะศิษย์ ทั้งหมดนี้จะทำให้เธอมีความกล้าพอที่จะพยายามฝึกต่อไป ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับเกียรตินี้
คนที่ยืนอยู่ข้างๆเธอคือจงหลิงถงผู้หญิงตัวเตี้ยที่มีใบหน้ากลมแสนน่ารัก เธอเงยหน้าแสดงความอิจฉาด้วยสายตาของเธอ
“ทุกคน ฉันต้องการเธอ มาสู้กันเถอะ ถ้าพวกนายไม่ยอม”
“ไม่ยอมแน่!”
“เฮ้ ฟังฉันเป็นรองประธานนะ…”
“วันนี้เราไม่มีรองประธาน!”
ใช่รองประธานหรือไม่ศิษย์ที่ดีควรค่าแก่การแย่งชิง
ซูผิงคิดว่าผู้ฝึกสอนชั้นนำจะพูดเพียงไม่กี่คำเพื่อเชิญชวนศิษย์อย่างสุภาพการโต้เถียงที่รุนแรงพิสูจน์ว่าเขาคิดผิด
หลังจากนั้นไม่นานก็มีคนยอมถอย ไม่สามารถทนต่อความรุนแรงในการต่อสู้ด้วยวาจาที่ดุเดือดได้ ในที่สุดก็เหลือสามคนรวมถึงรองประธาน
“มาดวลกัน!”
“ใช่แล้วมาดูกันว่าใครจะอยู่จนถึงวินาทีสุดท้าย!”
ทั้งสามคนไม่มีใครเต็มใจที่จะยอมในทางทฤษฎี ยู่อวิ๋นตานสามารถมีสิทธิ์ตัดสินใจว่าเธอต้องการเป็นศิษย์ของใคร อย่างไรก็ตาม เธอไม่มีความกล้าที่จะขัดผู้ฝึกสอนชั้นนำจำนวนมากในคราวเดียว เธอตัดสินใจที่จะไม่พูดอะไร
ทั้งสามไม่ได้พยายามทำเรื่องให้หญิงสาวอึดอัดใจพวกเขาตัดสินใจที่สู้กันเองเอง
ผู้แพ้ต้องถอยและผู้ชนะอาจเป็นอาจารย์ของเธอ! ในไม่ช้ารองประธานก็ให้คนเอาอสูรมาให้พวกเขา พวกเขากำลังจะสู้กันด้วยอสูรร้าย!
ความจริงที่ว่าผู้ฝึกสอนชั้นนำยินดีที่จะแสดงทักษะของพวกเขาในที่สาธารณะเพียงเพื่อต่อสู้กับศิษย์คนหนึ่งได้จุดชนวนบรรยากาศของสนามให้คึกคักผู้ชมส่งเสียงโห่ร้องดังพอที่จะโค่นภูเขาและพลิกทะเล อย่างที่เป็นมาตลอด ช่วงที่ดีที่สุดของการแข่งขันของผู้ฝึกสอนคือการได้เห็นผู้ฝึกสอนชั้นนำต่อสู้เพื่อแย่งชิงศิษย์
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นทุกๆ ปี แต่ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้น
“น้องซูคุณจะไม่มาร่วมกับเราเหรอ?” หูจิ่วตงถามซูผิง หู่จิวถงได้ศิษย์แล้ว เขาไม่ต้องการมีส่วนร่วมในการโต้เถียงที่รุนแรงนั่น เขาประหลาดใจที่ซูผิงยังไม่ต่อสู้เพื่อใคร ซูผิงตอบด้วยรอยยิ้ม “ ผมกำลังรอคนต่อไป”
“คนต่อไป?”หู่จิวถงมองไปที่จงหลิงถง เขาไม่เคยคิดว่าซูผิงจะพอใจกับผู้หญิงคนนั้น
จงหลิงถงไม่ได้มาจากตระกูลทั่วไปตระกูลของเธอมีอิทธิพลบ้างในเมืองฐานแสงศักดิ์สิทธิ์ การแสดงของเธอดี แต่ไม่โดดเด่นที่สุด หูจิ่วถงไม่ละสายตาจากหญิงสาว เขาสงสัยว่าซูผิงเห็นอะไรในตัวเธอ
ในเวลาเดียวกันทั้งสามที่ต่อสู้เพื่อยู่อวิ๋นตานได้เลือกอสูรสามตัวพวกมันทั้งหมดเป็นอสูรร้ายระดับเจ็ด! เวลาฝึกคือครึ่งชั่วโมง!
เนื่องจากเป็นเพียงการต่อสู้เล็กๆครึ่งชั่วโมงก็เพียงพอแล้ว การแพ้ไม่ใช่เรื่องน่าอายด้วยซ้ำ อสูรร้ายระดับเจ็ดทั้งสามถูกนำตัวมาที่เวที ภายในเวลาไม่ถึง 10 วินาทีผู้ฝึกสอนชั้นนำทั้งสามได้ฝึกอสูรร้ายที่พวกเขาแต่ละคนเลือก ซึ่งทำให้ผู้ชมโห่ร้องด้วยความดีใจ
ทั้งสามใช้ทักษะการฝึกฝนที่พวกเขาถนัดในการกลั่นพลังงานความแข็งแกร่งทางกายภาพ ทักษะและลักษณะของอสูรร้าย
สำหรับผู้ฝึกสอนคนอื่นๆ ครึ่งชั่วโมงไม่เพียงพอที่จะพัฒนาด้านเดียวด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงทุกด้าน
ทักษะการฝึกฝนมากมายเป็นที่ตื่นตา
ไม่นานครึ่งชั่วโมงก็ผ่านไปทั้งสามคนก็หยุด
ในครึ่งชั่วโมงนั้นทุกคนรวมถึงผู้แข่งขันที่ยืนอยู่ข้างขอบเวทีต่างกลั้นหายใจขณะที่ดูพวกเขาไม่อยากจะกระพริบตาด้วยซ้ำ
เมื่อเวลาสิ้นสุดลงพวกเขาทั้งสามก็ส่งอสูรร้ายของพวกเขาไปยังเวทีภายในม่านพลัง
โฮก!
โฮก!!
เกิดการต่อสู้ขึ้นภายในพื้นที่จำกัดอสูรร้ายทั้งสามต่อสู้กันในระยะประชิด และแสดงจุดแข็งที่น่าทึ่ง
“นั่นคือตัวมิงค์หางสายฟ้าระดับ 7 และมันก็วิ่งไปมาด้วยสายฟ้าทะยาน!”
“โอ้พระเจ้ามีอะไรแปลกๆเกี่ยวกับอสูรร้ายหรือเปล่า? มันจะพัฒนาทักษะขั้นสูงอย่างรวดเร็วได้ยังไง?”.
“ดูซากศพเงานั่นสิ สามารถป้องกัน คมมีดสายฟ้าได้ ฉันคิดว่าฉันเห็นชั้นหินบนตัวมัน”
ผู้ชมตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นเมื่ออสูรร้ายระดับเจ็ดทั้งสามยังคงต่อสู้กัน
อสูรร้ายระดับเจ็ดทั่วไปสามตัวกำลังแสดงให้เห็นถึงจุดแข็งที่พวกมันไม่ควรจะมีหากอสูรร้ายเหล่านั้นต่อสู้กับอสูรร่วมตระกูลของมัน อสูรทั้งสามจะต้องชนะอย่างแน่นอน!
ในครึ่งชั่วโมงผู้ฝึกสอนชั้นนำทั้งสามได้สร้างอสูรระดับเจ็ดทั่วไปสามตัวให้กลายเป็นอสูรร้ายชั้นสูง!
มันเกินกว่าจะเชื่อได้!
หากผู้ฝึกสอนชั้นนำทั้งสามมีเวลามากกว่านี้พวกเขาอาจทำให้อสูรร้ายมีพลังมากขึ้นกว่านี้!
นั่นคือสิ่งที่ผู้ฝึกสอนชั้นนำทำได้…
มู่หลิวทูซู่ยู่อวิ๋นตาน จงหลิงถง และผู้แข่งขันคนอื่น ๆ มองด้วยตาเป็นประกาย
พวกเขาใช้เวลาสองชั่วโมงในการฝึกฝนอสูรร้ายแต่วิธีที่เหล่านั้นแตกต่างจากผู้ฝึกสอนชั้นนำ
ช่างเป็นโลกที่แตกต่างกัน!
ในไม่ช้าอสูรตัวหนึ่งได้รับบาดเจ็บอสูรร้ายตัวอื่นถูกกลิ่นเลือดกระตุ้น มันกลายเป็นเป้าหมายของอีกสองตัว
อสูรร้ายพ่ายแพ้ไม่นานหลังจากนั้นลู่เหรินเว่ยผู้ฝึกฝนอสูรร้ายออกจากเวทีอย่างบ้าคลั่ง อสูรร้ายอีกสองตัวยังคงต่อสู้กันต่อไป ห้านาทีต่อมาเกมก็ถูกตัดสิน รองประธานเป็นผู้ชนะ ด้วยสภาพของมิ้งค์หางสายฟ้าที่ได้รับบาดเจ็บเและแทบไม่หายใจ
“อืม ขอบคุณที่ช่วยรั้งมือให้”
รองประธานอารมณ์ดีเขาขอบคุณลู่เหรินเว่ยและผู้ฝึกสอนชั้นนำคนอื่น ๆ ที่มีใบหน้าขุ่นมัว จากนั้นเขาโบกมือให้ยู่อวิ๋นตาน”มานี่สิ เธอเป็นศิษย์ของฉันแล้วจากนี้ไป เธอยินดีที่จะรับฉันเป็นอาจารย์ของเธอหรือไม่? ”
”ท่านโปรดรับการคำนับของฉันด้วย”
แน่นอนว่ายู่อวิ๋นตานมีความสุขมากเธอกำลังจะคุกเข่าลง
แต่รองประธานหยุดเธอ“ ไม่ต้องรีบร้อน ที่นี่ มีคนมากเกินไป ไว้จบพิธีก่อนจะดีกว่า”
“ขอบคุณค่ะ!”
รองประธานเป็นคนใจดีกว่าที่เธอคิดความเฉยเมยทั้งหมดหายไปจากใบหน้าของเธอ เธอเดินเข้าไปหารองประธานอย่างมีความสุข และยืนอยู่หลังที่นั่งของเขา
ผู้ฝึกสอนชั้นนำที่ไม่ได้ต่อสู้เพื่อเธอแสดงความยินดีกับรองประธาน
ไม่มีทางเลือกอื่นลู่เหรินเว่ยและผู้ฝึกสอนชั้นนำคนอื่นๆ ก็กล่าวแสดงความยินดี พวกเขาไม่เจ็บปวดที่เป็นผู้แพ้ เฒ่าเฉาบอกมู่หลิวทูซู่ให้มาหาเขาเช่นกัน และบอกให้เขายืนอยู่ด้านหลังที่นั่ง หลังจากนั้นพวกเขาจะกลับไปที่สำนักงานใหญ่ด้วยกันได้
“ฉันจะเรียกเธอว่าอวิ๋นตาน ถ้าเธอไม่ว่าอะไร ฉันรู้จักตระกูลยู่ หลายปีก่อนฉันฝึกอสูรของหัวหน้าตระกูลเธอ” รองประธานกล่าวกับยู่อวิ๋นตานด้วยรอยยิ้มและ แนะนำเธอให้รู้จักกับผู้ฝึกสอนชั้นนำคนอื่น ๆ “ นี่คือคุณลู่ และนี่คุณหู่ เธอต้องรู้จักคุณหู่อยู่แล้วสิ เขาเป็นอาจารย์กิตติมศักดิ์ในสถาบันของเธอนิ…”
ยู่อวิ๋นตานรู้สึกว่าเธอกำลังบินอยู่นี่เป็นครั้งแรกที่เธออยู่กับผู้ฝึกสอนชั้นนำเยอะๆ หัวใจของเธอก็เต้นแรงมาก เธอทักทายผู้ฝึกสอนชั้นนำแต่ละคนอย่างสุภาพตอนที่รองประธานแนะนำ
“นี่คือคุณซู เขามาจากเมืองฐานอื่น แต่วิธีการฝึกฝนของเขาไม่เหมือนใคร ในอนาคตถ้าคุณซูเปิดชั้นเรียน อย่าลืมเข้าไปเรียนล่ะ” นั่นเป็นวิธีที่รองประธานแนะนำซูผิง
ยู่อวิ๋นตานและมู่หลิวทูซู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังเฒ่าเฉาจ้องผิงด้วยความอยากรู้อยากเห็น
พวกเขาสังเกตเห็นซูผิงตอนพวกเขายืนอยู่บนเวทีเนื่องจากพวกเขาเกิดในเมืองฐานแสงศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาคุ้นเคยกับชื่อของผู้ฝึกสอนชั้นนำทุกคน แต่ซูผิงเป็นคนที่พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน พวกเขาคิดว่าเขาเป็นผู้ฝึกสอนที่เพิ่งจะกลายเป็นผู้ฝึกสอนชั้นนำ
การแนะนำของรองประธานช่วยขจัดความสับสนของพวกเขาซูผิงเป็นผู้ฝึกสอนจากเมืองฐานอื่น
ทั้งสองคนสงสัยเกี่ยวกับซูผิงมากพวกเขาสงสัยว่าทำไมผู้ฝึกสอนชั้นนำถึงเป็นห่วงรูปร่างหน้าตาของเขามากถึงขนาดใช้ยาเพื่อให้ดูอ่อนเยาว์
”คุณซู”ยู่อวิ๋นตานทักทายซูผิงด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
ซูผิงพยักหน้า
จากนั้นผู้เฒ่าเฉาก็แนะนำมู่หลิวทูซู่ใช้ประโยชน์จากโอกาสอันหายากนี้เพื่อให้ผู้ฝึกสอนชั้นนำคนอื่น ๆ จดจำใบหน้าของศิษย์
ท้ายที่สุดมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผู้ฝึกสอนชั้นนำทุกคนจะมารวมตัวกันพวกเขาทุกคนค่อนข้างยุ่งในทุกวัน พิธีกรคนเก่งบนเวทีค่อนข้างมีสติ เขาดำเนินการต่อหลังจากที่รองประธาน และเฒ่าเฉาเสร็จสิ้นการแนะนำของพวกเขาแล้ว
จากนั้นก็ถึงตาของจงหลิงถง
ซูผิงกล่าวโดยไม่ลังเลว่า“ผมต้องการเธอมาเป็นศิษย์ของผม”
รองประธานและลู่เหรินเว่ยประหลาดใจพวกเขาคิดว่าไม่มีผู้เข้าร่วมคนใดที่ดีพอสำหรับซูผิง เนื่องจากเขายังไม่เลือกใครมาก่อน พวกเขาไม่รู้ว่าเขาชื่นชอบจงหลิงถง
“เอ่อ น้องซูบังเอิญมากเลยที่ผมก็ต้องการเธอเช่นกัน” ผู้ฝึกสอนชั้นนำอีกคนยิ้ม
คนๆนี้เคยเจอซูผิงเมื่อวันก่อนเขาไม่ได้แย่งชิงกับผู้เข้าร่วมสองคนแรกเพราะเขาชื่นชอบจงหลิงถงเป็นอย่างมาก คนอื่นมองหน้ากัน พวกเขาต่อสู้แย่งชิงมู่หลิวทูซู่และยู่อวิ๋นตานเพราะทั้งสองคนมีศักยภาพที่ดี สำหรับคนอื่น ๆ พวกเขาคิดว่ามีบางอย่างขาดหายในตัวของพวกเขา พวกเขาสามารถกลายเป็นผู้ฝึกสอนระดับปรมาจารย์ได้หลังจากการสอนบางอย่าง แต่นั่นก็คงสุดทางแล้ว
สำหรับผู้ฝึกสอนชั้นนำการมีศิษย์เป็นผู้ฝึกสอนระดับปรมาจารย์อีกหนึ่งคนนั้นไม่มีความพวกเขาเต็มใจที่จะออกแรงและใช้ เพราะพวกเขาต้องการ แม้ว่ามันจะเป็นโอกาสเพียงเล็กน้อยก็ตาม – เพื่อเป็นแนวทางให้ศิษย์ได้เป็นผู้ฝึกสอนชั้นนำ
เมื่อทั้งศิษย์และอาจารย์เป็นผู้ฝึกสอนชั้นนำตำแหน่งของพวกเขาอาจจะสูงขึ้นไปอีก
ซูผิงและผู้ฝึกสอนชั้นนำอีกคนชื่อสวี่หยางเป็นเพียงสองคนที่ต้องการจงหลิงถงเป็นลูกศิษย์
บนเวทีจงหลิงถงหายใจด้วยความโล่งใจที่ยังมีคนต้องการเธอ… มันคงเป็นเรื่องน่าอายถ้าไม่มีใครอยากได้เธอเป็นศิษย์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว