ซูผิงใช้เวลาสักครู่เพื่อทำความเข้าใจสิ่งที่ชายวัยกลางคนถาม
เขาหน้าตึงทันทีที่ได้สติ
หวืด!
เขารีบพุ่งเข้าไปใกล้ชายวัยกลางคน
“ นายพูดว่าอะไรนะ?” ซูผิงจ้องมองชายคนนั้นอย่างเย็นชา
ชายวัยกลางคนรู้สึกหนาวสั่นที่กระดูกสันหลัง และรู้สึกว่าหายใจลำบาก ดวงตาของซูผิงทำให้จิตใจของเขาว่างเปล่า
“ ผม ผม…”
เขาตะกุกตะกักและไม่รู้ว่าจะทำยังไง
เขาประหลาดใจกับปฏิกิริยาของตัวเองเมื่อเขารวบรวมสติได้ เขาซึ่งเป็นนักรบอสูรระดับแปดถูกชายหนุ่มทำให้ตัวสั่น
“ อาจารย์ของผมบอกให้ผมมาหาซูหลิงเยวี่ยน้องสาวของคุณ…” ชายวัยกลางคนพูดออกมาได้ในที่สุด แม้ว่าเขาจะพยายามอย่างเต็มที่ให้ไม่ดูน่าอายต่อหน้าชายหนุ่มมากเกินไป แต่น้ำเสียงของชายวัยกลางคนก็ยังคงสั่นเทา
“ เธอไม่ได้อยู่ที่สถาบันผู้กล้าเหรอ? ทำไมแกถึงไม่เจอเธอ?” ซูผิงตะโกน
เขาไม่ได้พยายามที่จะระงับความโกรธ
ซูหลิงเยวี่ยหายไป?
เขาเชื่อมั่นว่าสถาบันผู้กล้าจะต้องมีระบบเฝ้าระวังอย่างแน่นอน
แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีกล้องรักษาความปลอดภัย แต่เขาก็เชื่อมั่นว่าพวกเขาจะมีกำลังและอำนาจในการค้นหาเธอ
“ ผมไม่รู้ อาจารย์ของผมคิดว่าเธอกลับบ้านมาแล้ว เราได้ยินเกี่ยวกับการโจมตีของอสูรร้ายในเมืองฐานหลงเจียง เราคิดว่าเธอคงต้องเดินทางมาเมื่อได้ยินข่าว ดังนั้นอาจารย์ของผมจึงบอกให้ผมมาที่นี่ และ…” ในที่สุดชายวัยกลางคนก็พูดออกมาได้ เขารู้สึกว่าเขาจะเป็นลมภายใต้การจ้องมองของซูผิง
ซูผิงกำลังอารมณ์เสีย
เขาไม่รู้ว่าซูหลิงเยวี่ยกลับมาแล้วหรือยัง
เขาบอกให้หานยู่เซียงดูแลเธอให้ดี แต่แล้วเธอก็หายไป
หานยู่เซียงสมควรตาย!
ซูผิงต้องสงบสติอารมณ์ ชายวัยกลางคนรู้สึกเครียด เขาเป็นเพียงผู้ส่งสาร การระบายความโกรธกับเขาจะไม่เกิดผลอะไร
ซูผิงโทรหานายกเทศมนตรีเซี่ยจินชุ่ยทันที “คุณซู?”
เซี่ยจินชุ่ยรู้สึกประหลาดใจกับสายของซูผิง “ มีอะไรให้ผมช่วยครับ?”
“ ท่านช่วยค้นหาบันทึกการเข้าออก ดูว่าน้องสาวของผมกลับมาหรือยังให้ผมได้ไหม?” ซูผิงถาม “ แน่นอนครับ”
เซี่ยจินชุ่ยรับคำ นั่นเป็นคำขอที่แปลกประหลาด แต่เซี่ยจินชุ่ยไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติมเพราะเขาฟังออกจากน้ำเสียงว่าซูผิงอารมณ์ไม่ดี
ในไม่ช้าเซี่ยจินชุ่ยก็โทรกลับมาบอกผลให้ซูผิงฟัง
ไม่
ไม่มีวี่แววว่าซูหลิงเยวี่ยกลับมา
เธอไม่ได้อยู่ที่นี่…
ใจของซูผิงหนักอึ้ง
เขาโทรโดยที่รู้อยู่แล้วว่าคำตอบจะเป็นแบบนี้ ถ้าเธอกลับมา เธอก็คงจะกลับบ้านไปแล้ว เธอไม่สามารถซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งได้นานจนลูกศิษย์ของหานยู่เซียงจะต้องเดินทางมาตามหาเธอ
ใบหน้าของซูผิงขุ่นมัวยิ่งกว่าเดิมเมื่อเขาจำได้ว่าเมืองฐานหลายแห่งต้องเผชิญหน้าจากการโจมตีของอสูรร้าย หากซูหลิงเยวี่ยบังเอิญผ่านเมืองฐานเหล่านั้นในช่วงปิดเมือง เธอจะต้องอยู่ในเมืองฐานเหล่านั้น และเธออาจตกอยู่ในอันตราย
ซูหลิงเยวี่ยมีมังกรจันทราเหมันต์ แต่ถ้าเธอเจอกับราชาอสูรร้ายล่ะ?
ซูผิงโทรหาตระกูลฉิน
ในไม่ช้าฉินตู้หวงก็บอกเกี่ยวกับเมืองฐานที่ถูกโจมตี ซูผิงค้นหาทางออนไลน์และติดตามเส้นทางระหว่างสถาบันผู้กล้าและเมืองฐานหลงเจียง
เมื่อเปรียบเทียบแล้วซูผิงสังเกตเห็นว่าเมืองฐานเหล่านั้นไม่ได้อยู่ระหว่างทาง กล่าวได้ว่าถ้าซูหลิงเยวี่ยพยายามจะกลับบ้านเธอก็จะไม่ต้องเจอกับอสูรร้ายใด ๆ !
“ เธอหายไปได้ยังไงและตั้งแต่เมื่อไหร่?” ซูผิงหันไปจ้องชายวัยกลางคนเหมือนดาบที่ฟันเขาได้
ชายวัยกลางคนรู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นรัว เมื่อสักครู่นี้ เขาไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับชายหนุ่มคนนี้มากนัก อย่างไรก็ตามเขาเริ่มกลัวเมื่อเห็นชายหนุ่มเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมอาจารย์ของเขาถึงย้ำให้เขาเป็นประพฤติตัวดีๆกับซูผิง
“เรื่องเกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อน ไม่นานหลังจากที่ราชาสวรรค์ต่างโลกมาถึงเมืองฐานหลงเจียง คุณหานบอกว่าเขาเห็นเธอครั้งสุดท้ายตอนน้องสาวของคุณอยู่ในหอคอยมังกรของมหาวิทยาลัย” ชายวัยกลางคนกล่าวด้วยเสียงต่ำ
“หนึ่งอาทิตย์?!”
ซูผิงไม่อยากจะเชื่อ
สนามพลังปรากฏอยู่ข้างหลังเขา อุณหภูมิลดลงเมื่อปีศาจปรากฏตัว
พวกเขามาบอกฉันหลังจากที่เธอหายไปเป็นอาทิตย์? หานยู่เซียงเพิ่งจะมาบอกฉันตอนนี้?! ซูผิงหายใจเข้าลึก ๆ และกำหมัดแน่น เขาสังเกตเห็นถังยู่หรานและจงหลิงถงยืนอยู่ด้านข้าง และหญิงสาวทั้งสองกำลังกลัว ทันใดนั้นความโกรธก็จางหายไป
“ ดูแลร้านด้วย” ซูผิงพูดกับพวกเธอ“ ฉันต้องไป อย่าบอกพ่อแม่ของฉัน ฉันไม่อยากให้พวกเขากังวล”
“นายจะไปไหน? ฉันไปกับนายได้นะ” ถังยู่หรานเสนอ
“ไม่เป็นไร จะเร็วกว่าถ้าฉันไปคนเดียว” ซูผิงหันมามองเธอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว