ตอนที่ 595 แผนร้าย
“การเดินผ่านทางผ่านเพื่อไปถึงทุ่งไฟนั้นอันตรายเกินไป ฉันบอกเพื่อนของฉันในทุ่งไฟให้หาเธอแล้ว” เย่อู่ซิวปลอบซูผิง
“นานแค่ไหนกว่าผมจะได้ข่าวจากพวกเขา”
“คิดว่าน่าจะสองหรือสามวัน”เย่อู่ซิวเดา
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ซูผิงก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ และพูดว่า “ผมต้องไปหาเอง ผมไม่สามารถรอได้แม้แต่วันเดียว ไม่ต้องพูดถึงสองถึงสามวัน!”
ซูหลิงเยวี่ยหายตัวไปหนึ่งสัปดาห์ โอกาสรอดของเธอมีน้อยอยู่แล้วที่จะบอกว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ แต่สองถึงสามวันสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งนั้นได้!
ซูผิงรู้ว่าเขาไม่สามารถกระตุ้นให้คนอื่นรีบได้ พวกเขาทำดีที่สุดแล้ว
เขาสามารถเห็นได้จากทุ่งแห่งน้ำแข็งว่านักรบอสูรในตำนานต้องคอยป้องกันการโจมตี พวกเขาสามารถช่วยเขาตามหาซูหลิงเยวี่ยได้ แต่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถทำแบบนั้นได้ การค้นหาจะดำเนินไปอย่างช้าๆ
“น้องซู ใจเย็นไว้ก่อน จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเขาพบเธอ?” เย่อู่ซิวพูดอย่างเร่งรีบ “ผมรู้ว่าคุณเก่ง แต่นี่คือถ้ำลึก ขนาดผมแทบจะเอาตัวไม่รอดจากทางเดิน! ราชาอสูรร้ายอยู่รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ และมีราชาอสูรร้ายนับไม่ถ้วน พื้นที่ก็ซับซ้อนเช่นกัน จะเกิดอะไรขึ้นถ้าผู้คนในทุ่งไฟพบน้องสาวของคุณ แต่มีบางอย่างเกิดขึ้นกับคุณ? มัน…”
หลี่หยวนเฟิงพยักหน้าเห็นด้วย “หัวหน้าเย่พูดถูก น้องซู ผมรู้ว่าคุณเป็นห่วงน้องสาวของคุณ แต่ความกังวลของคุณอาจรบกวนจิตใจ ผมว่าเราควรจะคุยกัน”
”ใช่ น้องซูอย่ายอมแพ้ต่อแรงกระตุ้นเลย”
คนอื่นๆ หยุดกินซี่โครงของพวกเขา และพยายามพูดกับซูผิง
ชายหนุ่มช่วยพวกเขา พวกเขาไม่ต้องการเห็นเขาเสี่ยงชีวิต!
ในบรรดาทุกคนที่นี่รู้ว่าทางเดินนั้นอันตรายแค่ไหน พวกเขาจะไม่ไปที่นั่นหากไม่จำเป็น ใครไปที่นั่นคงไม่มีวันได้กลับมา!
พวกเขายังเก็บสิ่งที่ยังไม่ได้พูดไว้
น้องสาวของซูผิงบุกเข้ามาในถ้ำลึกด้วยตัวเอง และเธอก็หายตัวไปเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ โอกาสรอดของเธอมีน้อยมาก… เธออาจจะตายไปแล้วก็ได้!
พวกเขาไม่คิดว่ามันสมควรที่อัจฉริยะอย่างซูผิงต้องตายเพราะคนที่น่าจะตายไปแล้ว!
ซูผิงเหลือบมองพวกเขา เขาส่ายหัว “ผมจะไปไม่ว่ามันจะอันตรายแค่ไหน ผมจะกลับมาถ้าผมไม่สามารถรับไหว ผมส่งน้องสาวมาเรียน ผมต้องรับผิดชอบ ผมจะไม่มีหน้ากลับไปเจอพ่อแม่ของผมได้ ”
นักรบอสูรในตำนานมองหน้ากันแต่ไม่พูดอะไร
พวกเขาสูญเสียพ่อแม่ไปนานแล้ว
แม้ว่าพ่อแม่ของพวกเขาจะยังมีชีวิตอยู่ พ่อแม่ของพวกเขาคงจะภูมิใจ พวกเขาจะไม่ห้ามหรือขวาง พวกเขาประหลาดใจที่เห็นว่าซูผิงสนใจเรื่องนี้
หลี่หยวนเฟิงถอนหายใจ “ให้ตาย ผมไม่รู้ว่าใครจะกตัญญูได้เท่าคุณ ไม่เป็นไร หัวหน้า ผมจะไปกับน้องซูด้วย คิดซะว่าเรากำลังเดิมพันเพื่ออนาคตที่ดีกว่าอยู่ ว่าไง?”
เย่อู่ซิวมองเขา เขาเข้าใจความหมายของหลี่หยวนเฟิง
ซูผิงเป็นเพียงนักรบอสูรกิตติมศักดิ์
มันน่าเสียดายที่จะเห็นเขาตายในถ้ำลึกในวัยแค่นี้!
หากซูผิงสามารถอยู่รอด พลังต่อสู้ของเขาจะดีขึ้นมากเมื่อเขาไปถึงระดับตำนาน และเขาจะสามารถมีส่วนร่วมมากขึ้นในถ้ำลึก!
นี่คือการพนัน! ไม่มีใครพูดอะไรอีก
คนส่วนใหญ่อยู่ที่สภาวะสมุทร มันจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่จะมาเข้าร่วม ใครก็ตามที่อยู่ในสภาวะนั้นที่คิดจะเข้าสู่ ทางเดินเท่ากับเดินเข้าไปหาความตาย “ได้อยู่แล้ว” เย่อู่ซิวเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตกลง
ซูผิงประทับใจมาก หลี่หยวนเฟิงยิ้มให้เขา เขามองไปที่เย่อู่ซิวและคนอื่นๆ การโจมตีที่อันตรายเพิ่งจบลง
เห็นได้ชัดว่าทีมต้องการคนมากกว่านี้ และก็เป็นอย่างนี้เสมอมา!
หลี่หยวนเฟิงนักรบในสภาวะว่างเปล่าเป็นกระดูกสันหลังของทีม!
เขาจะยอมให้กระดูกสันหลังของทีมเสี่ยงไปกับเขาได้ยังไง?
”คุณ…”
ซูผิงส่ายหัว “ขอบคุณมากสำหรับความกรุณา ผมจะไปที่นั่นด้วยตัวเอง”
“น้องซู คุณไม่คุ้นเคยกับสถานที่และผู้คน คุณไม่รู้ทางด้วยซ้ำ คุณจะไปถูกได้ไง? คุณจะต้องตายแม้ว่าคุณจะอยู่ในสภาวะชะตากรรมหากคุณไม่ไปให้ถูกทาง”
หลี่หยวนเฟิงตบไหล่ของซูผิง“ผมเป็นคนที่โชคดี เพราะผมไปที่ทางเดินและรอดชีวิตมาได้หลายปีแล้ว ผมคุ้นเคยกับสถานที่นั้น อย่างน้อยผมก็สามารถนำทางคุณได้”
ซูผิงอยากจะปฏิเสธ แต่เขารู้ว่าเขาทำไม่ได้เมื่อเห็นรอยยิ้มและความมุ่งมั่นในดวงตาของหลี่หยวนเฟิง
หลี่หยวนเฟิงบอกชัดเจนว่าทางเดินนั้นอันตรายแค่ไหน
แท้จริงแล้วซูผิงต้องการคนนำทางจริง
หวืด!
ทันใดนั้นชายอีกคนก็มาถึง คือเถียยี่ที่กลับมาจากการไปตรวจสอบทางเข้า
เขาวิ่งมาหาฝูงชนดูซีดเซียว “หัวหน้า ผมไม่เห็นใครที่นั่น!”
”ฮะ?”
เย่อู่ซิวตกใจ “ไม่มีใคร? นายแน่ใจไหม?”
คนอื่นๆ ต่างก็ตกใจ พวกเขาวางอาหารลง และจ้องไปที่เทียยี่ด้วยสายตาเศร้าโศกในดวงตาของพวกเขา
“ใช่ ผมแน่ใจ ผมเห็นร่องรอยการต่อสู้ใหม่ ผมคิดว่าน่าจะเป็นร่องรอยของน้องซูและน้องอวิ๋นตอนที่พวกเขาต่อสู้กับอสูรร้ายที่นั่น”เถียยี่มองไปที่ซูผิงและอวิ๋นว่านหลี่
อวิ๋นว่านหลี่พยักหน้า “ใช่ เราได้พบกับราชาอสูรร้ายระหว่างทางเข้ามา และผู้ท้าทายโชคชะตาซูจัดการกับพวกมันทั้งหมด”
นักรบอสูรในตำนานหันมามองซูผิงด้วยความประหลาดใจ พวกเขาเห็นสิ่งที่อสูรของซูผิงทำได้ มันวิเศษมากที่ได้เห็นนักรบกิตติมศักดิ์มีความสามารถในการฆ่าราชาอสูรหลายตัว
“ผมไม่พบนักรบอสูรในตำนานที่ควรจะปกป้องตรงนั้น ผมหาดูทั่วแล้ว” ใบหน้าของเถียยี่ขุ่นมัว
“ฉันไม่เชื่อ!” มีคนอุทาน
เย่อู่ซิวถามซูผิง“มีราชาอสูรร้ายอยู่นอกทางเข้าเหนือพื้นดินหรือเปล่า?” “ไม่” อวิ๋นว่านหลี่ตอบแทน“ผมมีหน้าที่ดูแลทางเข้าซึ่งเป็นศูนย์กลางของเมืองฐาน หอคอยจะรู้ว่ามีการระบาดของราชาอสูรร้ายหรือไหม?”
บางสิ่งในคำตอบนั้นเตือนเย่อู่ซิว
“ดังนั้น เราสามารถสรุปได้ว่าเพื่อนๆ ของเราที่ดูแลสถานที่นี้เจอกับเรื่องไม่ดีบางอย่าง”เย่อู่ซิวหน้าเครียด “อสูรร้ายโจมตีแต่ไม่ออกไป พวกมันกลัวว่าหอคอยจะรู้และส่งคนมากำจัดพวกมันหรือเปล่า?อสูรร้ายคงกำลังวางแผนอะไรบางอย่าง…”
อวิ๋นว่านหลี่ตะลึง “นั่นเป็นเรื่องบังเอิญเหรอ? คุณกำลังพูดว่าอสูรร้ายโจมตีนักรบอสูรในตำนาน แต่ไม่ได้ออกไปโดยมีเจตนา? พวกมันต้องการรักษาภาพลวงตาว่าถ้ำลึกยังมั่นคงอยู่? นั่น…”
”ใช่ ผมคิดว่าพวกมันกำลังรอโอกาสบางอย่างอยู่ บางทีพวกมันกำลังรอเวลาที่จะทำลายถ้ำลึกและหลบหนี!”หลี่หยวนเฟิงกัดฟัน
อวิ๋นว่านหลี่หรี่ตาลงและหน้าซีด
หากเป็นอย่างนั้นแสดงว่าอสูรร้ายเจ้าเล่ห์มาก!
นอกจากนี้หากเรื่องนั้นเป็นเรื่องจริง อสูรร้ายจะดำเนินการไปได้ไกลแค่ไหน?
แผนการของพวกมันใกล้จะสำเร็จหรือยัง?
หรือพวกมันเพิ่งจะเริ่ม?
หากเป็นอย่างแรก… เมื่อพวกมันทำสำเร็จ และอสูรร้ายทั้งหมดออกจากถ้ำลึก ผลที่ตามมาคงไม่น่าดูมากๆ! โลกทั้งใบข้างบนจะถล่ม!
มีราชาอสูรร้ายอยู่ในถ้ำมากกว่าร้อยตัว!
หอคอยจะส่งนักรบอสูรในตำนานออกมา แต่นั่นก็ไม่ช่วยอะไรเลย!
มนุษย์จะถูกกำจัดออกจาดาวเคราะห์สีน้ำเงิน; มันจะกลายเป็นดาวเคราะห์ของอสูรร้าย!
ไม่มีใครสามารถแบกรับอนาคตแบบนั้นได้!
“เราอาจจะคิดมากเกินไป นี่อาจเป็นแค่เรื่องบังเอิญ” โม่พยายามให้กำลังใจผู้คน “ผมคิดว่าเราควรไปรายงานที่หอคอย… ผมสงสัยว่าทางเข้าอื่นๆ เป็นแบบนี้อีกหรือเปล่า?”
“ผมหวังว่านี่จะเป็นเพียงอุบัติเหตุ แต่อย่าประมาทความฉลาดของพวกมัน บางตัวมีอายุยืนยาวกว่าพวกเราอีก…” เย่อู่ซิวพูดกับอวิ๋นว่านหลี่ “คุณมาจากหอคอยใช่ไหม? ผมจะมอบหมายให้คุณส่งข้อความนี้!”อวิ๋นว่านหลี่กลับมาได้สติอีกครั้ง “ไว้ใจผมได้เลย!”
”ดี”เย่อู่ซิวตบไหล่ของเขา “เราจะมอบหมายให้ใครบางคนพาคุณออกไป จำไว้ว่าต้องส่งข้อความนี้ นี่คือการอยู่รอดของมนุษยชาติ!”
“อย่ากังวล ผมจะส่งข้อความให้สำเร็จแม้จะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม!”อวิ๋นว่านหลี่สัญญาอย่างจริงจัง ความจริงที่ว่าเหล่านักรบอสูรในตำนานเต็มใจที่จะเสี่ยงชีวิตอยู่ที่นี่ทำให้เขารู้สึกทราบซึ้ง เขามีความมุ่งมั่นมากกว่าเดิม
เย่อู่ซิวรู้สึกสบายใจ “โม่ เถียยี่พาน้องอวิ๋นออกไป” “ตกลง”
”ไม่มีปัญหา”
ซูผิงกล่าวกับอวิ๋นว่านหลี่ว่า “ขอบคุณที่ส่งข้อความ” “นั่นคืองานของผม” อวิ๋นว่านหลี่อุทาน “ผมรู้สึกโชคดีที่ได้เดินทางร่วมกับคุณ ไม่งั้นเราคงไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องร้ายแรงนี้”
ซูผิงไม่ตอบ เขากำลังคิดเรื่องอื่น
หอคอยจะไม่เพิกเฉยต่อภัยคุกคามที่กำลังจะเกิดขึ้นหากพวกเขาจับตาดูถ้ำลึก และสื่อสารกับผู้คนที่ปกป้องด้านล่างแทนที่จะจมอยู่กับความสุข
หอคอยอาจเคยระมัดระวังและมีสติสัมปชัญญะมาก่อน แต่ภายหลังไม่เป็นแบบนั้นแล้ว
“งั้นก็แยกย้ายกันไป ผมจะไปหาน้องสาว ผมจะไปหอคอยและบอกพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยตัวเองถ้าผมสามารถออกจากที่นี่ได้แบบมีชีวิต” ซูผิงกล่าว
เย่อู่ซิวพยักหน้า
“น้องซู รอผมด้วย ผมจะไปเอาอาวุธ” หลี่หยวนเฟิงกล่าว “ตกลง”
ไม่นานหลังจากนั้นเย่อู่ซิวก็ออกไปกับซูผิง และอวิ๋นว่านหลี่และออกจากม่านพลัง
เถียยี่และเฒ่าโม่ไปกับอวิ๋นว่านหลี่และมุ่งหน้าไปยังเหนือพื้นบน ในขณะที่คนอื่นไปกับซูผิงและหลี่หยวนเฟิง ไปที่ทางเข้าทางเดินในทุ่งแห่งน้ำแข็ง
นั่นเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญอย่างมาก นักรบอสูรในตำนานต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ
ตอนที่ 596 ทางเดิน
พื้นที่อยู่นั่นในส่วนที่ลึกที่สุดของหุบเขา
เทือกเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะทอดยาวไปถึงขอบฟ้า ร่องรอยที่หลงเหลือจากการต่อสู้ครั้งมองเห็นได้ทุกที่ หิมะปกคลุมศพบางส่วน เหลือบางส่วนที่ถูกเปิดเผย
กลิ่นเลือดยังคงอยู่
ซูผิงสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างดับลงทันทีที่พวกเขามาถึง
ทุกอย่างดูปกติ แต่มีรอยแตกที่ซ่อนอยู่ในความว่างเปล่าที่สามารถดูดวิญญาณที่ประมาทเข้าไปได้
“น้องซู ระมัดระวังด้วย ให้ถือว่าสถานที่แห่งนี้เป็นหนองน้ำที่มองไม่เห็นซึ่งสามารถดูดกลืนนายได้ตลอดเวลา” หลี่หยวนเฟิงเตือนซูผิง
ซูผิงพยักหน้า “หนองน้ำ” เป็นการเปรียบเทียบที่เหมาะสมสำหรับบริเวณนี้ แท้จริงมันเป็นบึงที่ว่างเปล่า
เขามองไม่เห็นกับดัก แต่เขาสามารถตกลงไปในกับดักได้ถ้าเขาประมาท เขาจะจบลงในอากาศและมิติที่แตกต่างจากความเป็นจริงอย่างสิ้นเชิง และพายุอากาศในมิตินั้นอาจฆ่าผู้ที่อยู่ในสภาวะว่างเปล่าได้
จะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อพยายามที่จะเคลื่อนย้าย
เกิดความปั่นป่วนบ่อยครั้งเมื่อพื้นที่ถูกรบกวน
“นั่นคือทางไปทางเดิน”
หลี่หยวนเฟิงชี้ไปข้างหน้า
มีวังวนอยู่ เป็นรูที่ดูดทุกอย่างเข้าไปได้
แค่มองดูเกลียวคลื่นก็ทำให้ซูผิงกดดัน
เบื้องหลังวังวนคือทางเดินที่อสูรต่างๆ รวมตัวกัน ไม่มีใครพูดได้อย่างแน่นอนว่าพวกเขาจะเจออะไรเมื่อผ่านวังวนนั่นไป
“ระวังตัวด้วย”เย่อู่ซิวพูดกับหลี่หยวนเฟิงและซูผิง
หลี่หยวนเฟิงพยักหน้า เขาเลิกยิ้มเยาะเย้ย เขาเรียกราชาอสูรร้ายในสภาวะว่างเปล่าออกมา สายเลือดของอสูรมีเลือดของมังกรผสมอยู่ อสูรนั้นรวมเข้ากับหลี่หยวนเฟิงทันทีที่มันออกมา
หลี่หยวนเฟิงกลายเป็นชายร่างมังกรที่แข็งแรงอย่างรวดเร็ว
เขาขยายเกล็ดมังกรและนิ้วมือของเขากลายเป็นกรงเล็บ เขายังมีหาง เขารู้สึกเหมือนภูเขาไฟที่สามารถระเบิดได้ตลอดเวลา
ความตื่นตัวของเขาเป็นคำเตือนสำหรับซูผิง เขาเรียกโครงกระดูกน้อยและสุนัขมังกรดำเช่นกัน
สุนัขมังกรดำได้เพิ่มเกราะในตำนานหกชั้นให้กับซูผิงทันที ทำให้เขาดูเหมือนป้อมปราการที่กำลังเคลื่อนที่
คนอื่นๆ ที่นี่ตะลึงกับสุนัขมังกรดำ พวกเขาไม่สามารถบอกได้ชัดเจนว่าอสูรตัวนี้คืออะไร แต่ทักษะการป้องกันนั้นน่าทึ่งมาก “น้องซู คุณมีคู่หูที่ดีจริงๆ” หลี่หยวนเฟิงอุทาน
โครงกระดูกน้อยได้สร้างความประทับใจให้กับพวกเขาแล้ว สุนัขมังกรตัวนี้กลับทำให้ประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม
ซูผิงบอกให้สุนัขมังกรดำเพิ่มชุดเกราะเหล่านั้นให้กับหลี่หยวนเฟิงเช่นกัน เขาจะไม่ยอมให้มีอะไรเกิดขึ้นกับหลี่หยวนเฟิง คนดีที่ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อนำทางเขา พวกเขาเตรียมพร้อมที่จะก้าวเข้าสู่กระแสวังวน
”ระวังตัว”
“แล้วเจอกัน!”
คนอื่นๆ กล่าวคำอำลา หลี่หยวนเฟิงโบกมือให้พวกเขา และเดินเข้าไปในวังวนพร้อมกับซูผิง
ซูผิงอยู่ด้านหลังหลี่หยวนเฟิง เขาบอกให้โครงกระดูกน้อยและสุนัขมังกรดำอยู่ใกล้ๆ
การผ่านวังวนทำให้เขานึกถึงการเดินทางไปยังสนามบ่มเพาะ เขารู้สึกถึงอากาศที่บิดเบี้ยว เขาลืมตาขึ้นและต้องผงะ ดวงตาเปื้อนเลือดและดุร้ายนับไม่ถ้วนจับจ้องมาที่เขา
ฝูงอสูรกำลังซุ่มซ่อนอยู่อีกฟากหนึ่งของวังวน
การมาถึงของพวกเขาแจ้งเตือนพวกมันทั้งหมด
หลี่หยวนเฟิงไม่แปลกใจเลย “ผมรู้ว่าไอพวกนั้นจะอยู่ที่นี่”
“อยากให้จบเร็วๆ ไหม?” ซูผิงถาม
”ใช่ ผมอยาก” หลี่หยวนเฟิงพยักหน้า
ซูผิงเปิดการโจมตีทันที เขาบอกให้โครงกระดูกน้อยพยายามจัดการกับอสูรร้ายเหล่านั้นให้ดีที่สุด
อาจฟังดูยากที่จะเชื่อ แต่ทั้งหมดเป็นราชาอสูรร้าย พวกมันอยู่ล้วนอยู่สภาวะสมุทรเท่านั้น แต่จำนวนนั้นสูงถึงหลายสิบตัว!
ราชาอสูรร้ายเหล่านี้จะทำให้คนทั้งโลกตกใจหากพบว่าพวกมันอยู่เหนือพื้นดิน!
เมืองฐานทั้งหมดจะสั่นสะท้าน มันจะหมายถึงหายนะอย่างสมบูรณ์สำหรับเมืองฐานไม่ว่าเมืองฐานใด!
หวืด!
โครงกระดูกน้อยดึงดาบกระดูกออกทันทีที่ได้รับคำสั่ง ล้อมรอบด้วยความมืด มันพุ่งไปรอบๆ ท่ามกลางราชาอสูรร้าย
โฮ่กกก!
หนึ่งในราชาอสูรร้ายใช้ทักษะพิเศษเพื่อแช่แข็งพื้นที่รอบ ๆ โครงกระดูกน้อย น้ำแข็งปรากฏขึ้นในอากาศบางๆ โครงกระดูกน้อยถูกแช่แข็งทันที และราชาอสูรร้ายอีกตัวคำราม ทำลายโครงกระดูกน้อยที่ถูกแช่แข็ง
หลี่หยวนเฟิงไม่อยากจะเชื่อเลยว่าโครงกระดูกน้อยจะถูกทำลาย โครงกระดูกน้อยเพิ่งจะจัดการกับอสูรร้ายหลายสิบตัวที่อยู่ภายในถ้ำลึกมาตลอดชีวิต พวกมันมีประสบการณ์หลังจากต่อสู้มาหลายครั้ง แต่ไม่ว่าโครงกระดูกจะเก่งแค่ไหน มันก็ไม่สามารถฆ่าราชาอสูรเหล่านั้นทั้งหมดได้
เมื่อหลี่หยวนเฟิงคิดว่าเขาจะต้องกำจัดราชาอสูรร้ายด้วยตัวเอง ทันใดนั้นโครงกระดูกน้อยที่แตกเป็นเสี่ยงก็หลุดออกจากน้ำแข็งแล้วประกอบกลับเข้าไปใหม่ มันฟื้นคืนชีพและแวบไปที่ราชาอสูร แทงเข้าระหว่างตาของมัน!
ราชาอสูรร้ายตัวหนึ่งถูกฆ่า!
จากนั้นโครงกระดูกน้อยไปโจมตีราชาอสูรร้ายอีกตัวหนึ่ง ราชาอสูรร้ายนั้นตื่นตระหนกและตั้งเกราะขึ้นมากมาย มีราชาอสูรร้ายตัวอื่นคอยช่วยเหลือ การเคลื่อนไหวของโครงกระดูกน้อยถูกขัดขวางและทำให้ช้าลง อย่างไรก็ตามโครงกระดูกน้อยสามารถจัดการได้ด้วยสนามพลังแห่งความมืด
นอกเหนือจากสิ่งมีชีวิตจะสึกกร่อนเมื่อสัมผัสกับสนามพิเศษนั้นแล้ว มันยังยกเลิกผลกระทบของการโจมตีด้วยพลังงาน น้ำแข็ง หรือไฟได้อีกด้วย
ไม่มีอะไรหยุดโครงกระดูกน้อยได้ มันฆ่าเป็นครั้งที่สอง!
การฆ่าสองครั้งติดต่อกันทำให้โครงกระดูกน้อยแข็งแกร่งขึ้น
ครั้งแล้วครั้งเล่า โครงกระดูกน้อยจะกลายเป็นเหยื่อและแตกเป็นเสี่ยงๆ หลายครั้ง แต่จะใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีในการประกอบใหม่ ในที่สุดไม่มีอะไรสามารถฆ่าโครงกระดูกน้อยได้ หลี่หยวนเฟิงตะลึงจนพูดไม่ออก
แม้ว่าเขาจะรู้ว่าอสูรของตระกูลอันเดธมีทักษะในการคืนชีพ แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นโครงกระดูกที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาหลังจากกลายเป็นเศษซาก
แถมยังเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง!
ซูผิงยืนอยู่ข้างวังวงแทนที่จะเข้าร่วมการต่อสู้ เขาเรียกมังกรเพลิงนรกให้ไปช่วยโครงกระดูกน้อย และจบการต่อสู้ให้เร็วที่สุด
เขาเลือกให้สุนัขมังกรดำอยู่กับเขา
ความจริงเขารู้สึกกังวลที่สุนัขมังกรดำไม่ได้พัฒนาอะไรเลยนอกจากทักษะป้องกัน แต่กลับกลายเป็นว่ามันสามารถทำหน้าที่เป็นผู้คุ้มกันที่ดีได้
“การโจมตีของโครงกระดูกน้อยไม่มีจุดอ่อน แต่ฉันคิดว่าปัญหาอาจเกิดขึ้นหากต้องเผชิญกับทักษะมิติกักขัง” ซูผิงมองโครงกระดูกน้อยต่อสู้กับราชาอสูรร้ายด้วยความกล้าหาญ การจู่โจมอันน่ากลัวของอสูรสามารถทำร้ายราชาอสูรร้ายได้ และแม้แต่ราชาอสูรร้ายมังกรก็ยังได้รับบาดเจ็บจากดาบกระดูก
อย่างไรก็ตามโครงกระดูกน้อยสามารถชะลอความเร็วได้ด้วยทักษะป้องกัน
โครงกระดูกน้อยสามารถคืนชีพได้ตราบใดที่ยังมีพลังงานอยู่
แต่ข้อเสียของโครงกระดูกน้อยคือมันจะโดนจำกัดหลังคืนชีพ ด้วยวิธีนี้แม้ว่าโครงกระดูกน้อยจะยังมีชีวิตอยู่ แต่มันก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระอีกต่อไป
ซูผิงตระหนักว่าเขาต้องฝึกโครงกระดูกน้อยในเรื่องนั้น
เขาต้องทำให้แน่ใจว่าโครงกระดูกน้อยไม่มีจุดอ่อน
“น้องซู อสูรของคุณน่าทึ่งมาก!”หลี่หยวนเฟิงมองไปที่โครงกระดูกน้อยและมังกรเพลิงนรกซึ่งน่ากลัวยิ่งกว่าราชาอสูรร้าย เขาฝืนยิ้มและสงสัยว่าซูผิงได้อสูรมาจากไหน ไม่มีตัวไหนอยู่สูงกว่าสภาวะสมุทร แต่พวกมันกำลังฆ่าราชาอสูรร้ายในมหาสมุทรเหล่านั้นราวกับว่ากำลังหั่นผัก มันน่าเหลือเชื่อมาก!
แทนที่จะเพลิดเพลินกับความสามารถ หลี่หยวนเฟิงก็รีบเข้าร่วมการต่อสู้ด้วย
โฮ่กกกกก!
หลี่หยวนเฟิงที่รวมกับมังกรเดินเข้าไป เขาไปถึงราชาอสูรร้ายและฉีกหัวของมันออกด้วยกรงเล็บ
หางของเขาก็แหลมเช่นกัน หางทะลุกระโหลกของอสูรร้ายในขณะที่เขาจับหัวมันเพื่อให้ฆ่าได้ง่ายขึ้น
ซูผิงต้องการต่อสู้ด้วยเช่นกัน หลังจากที่ถูกกระตุ้นโดยวิธีการต่อสู้ดั้งเดิมของหลี่หยวนเฟิง แต่เขาต้องคอยระวังอันตรายที่ซ่อนอยู่
โฮ่กก! โฮกก!
การต่อสู้ดำเนินไปเป็นเวลาสองถึงสามนาที เสียงคำรามต่างๆ ค่อยๆ ลดลง โครงกระดูกน้อยกลับมาหาซูผิง และหลี่หยวนเฟิงก็เช่นกัน เขาถูกปกคลุมไปด้วยเลือดและเหนื่อยหอบ “น้องซูไปกันเถอะ เราไม่มีเวลาเก็บเกี่ยววัตถุดิบจากไอ้พวกนั้น”
ซูผิงพยักหน้า เขาไม่สนใจเกี่ยวกับวัตถุดิบเหล่านั้นตั้งแต่แรก
เขาสามารถไล่ล่าราชาอสูรร้ายในสนามบ่มเพาะได้ถ้าเขาต้องการ
วัตถุดิบเหล่านั้นจะใช้สำหรับอาวุธ หรือเป็นส่วนหนึ่งของอาหารพิเศษบางอย่างเท่านั้น แต่ซูผิงมีอาหารพิเศษเหล่านั้นเพียงพอแล้ว
ดังนั้น การเก็บเกี่ยวจากราชาอสูรร้ายจึงไม่มีความหมายสำหรับเขา
นอกจากนี้เขายังไม่คิดว่าจะมีใครบนดาวเคราะห์สีน้ำเงินที่สามารถใช้ส่วนต่างๆ ของร่างกายราชาอสูรมาทำอาวุธได้ อาวุธอันทรงพลังของนักรบอสูรในตำนานนั้นมักพบในอาณาจักรลับหรือภายในรอยแยกมิติ
หวืด!
ซูผิงนำมังกรเพลิงนรกที่ปกคลุมไปด้วยเลือดกลับไปยังพื้นที่สัญญาของเขา กระโดดขึ้นไปบนสุนัขมังกรดำและทิ้งหลี่หยวนเฟิงไว้
สุนัขมังกรดำหายใจเพื่อซ่อนกลิ่นและพลังงานของทั้งสองคนเพื่อไม่ให้สิ่งมีชีวิตใดสามารถสัมผัสได้
ซูผิงและหลี่หยวนเฟิงเข้าไปในส่วนลึกของทางเดิน
มันเป็นอุโมงค์กว้างที่คดเคี้ยวและรู้สึกถึงอันตราย ซูผิงมั่นใจว่าเขาจะถูกดูดเข้าไปในความโกลาหลถ้าเขาสัมผัสจุดแปลก ๆ เหล่านั้น แม้แต่โครงกระดูกน้อยก็จะตาย โชคดีที่มีข้อมูลเพียงพอซูผิงสามารถหลีกเลี่ยงจุดอันตรายเหล่านั้นได้ และหลี่หยวนเฟิงก็เช่นกัน เขามีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับกฎและกลไกเชิงมิติตั้งแต่เขาอยู่ในสภาวะว่างเปล่า
ทางเดินเป็นเหมือนเขาวงกตที่มีทางแยกมากมาย
ซูผิงและหลี่หยวนเฟิงเดินทางด้วยความระมัดระวัง พวกเขาเดินทางเงียบมาก ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังวิ่งชนอสูรร้ายบางตัวที่หยุดพักระหว่างทาง
พวกเขาจะจัดการอสูรร้ายอย่างรวดเร็วและมุ่งหน้าไปต่อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว