ตอนที่ 593 หอคอยที่แท้จริง
“เราจะอยู่ที่นี่ พวกนายกลับไปเถอะ ถามน้องซูให้ฉันหน่อย ตระกูลหลินเป็นยังไงบ้าง? พวกเขามีนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ที่โดดเด่นบ้างไหมตอนนี้?”
บางคนต้องอยู่ข้างหลังเพื่อป้องกันทางผ่าน
เพื่อนของชายคนนั้นสัญญากับเขา และกลับไปที่ฐานกับซูผิง
ซูผิงรู้สึกว่าคำถามเหล่านั้นค่อนข้างแปลก “หอคอยไม่ติดต่อพวกคุณเลยหรอตอนพวกคุณอยู่ที่นี่?”
นักรบอสูรในตำนานไม่สามารถมองเห็นโลกภายนอกได้ แต่หอคอยเป็นสะพาน พวกเขาไม่ควรแยกข้อมูลภายนอกออกจากพวกเขา
“สภาพแวดล้อมของถ้ำลึกนั้นรุนแรงและหอคอยก็ไม่สามารถสื่อสารกับเราได้ตลอดเวลา หอคอยจะติดต่อเราเมื่อมีข้อความสำคัญที่ต้องส่งมาเท่านั้น เราไม่อยากรบกวนหอคอยด้วยเรื่องเล็กน้อย”ชายวัยกลางคนอธิบาย เขามีแขนเพียงข้างเดียว เขาต้องเจอการโจมตีที่ไม่สามารถรักษาได้มาแน่ๆ
ชายอีกคนหนึ่งกล่าวเสริมว่า “ฉันอยู่ที่นี่มานานกว่าสามร้อยปีแล้ว และยังถูกมองว่าเป็นเด็กใหม่อยู่ น้องเถียยี่มาที่นี่เมื่อร้อยปีก่อน เขาบอกฉันว่าตระกูลโม่ของฉันสบายดี มีนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ใหม่ในตระกูล ฉันอยากรู้ว่าตอนนี้พวกเขากำลังทำอะไรอยู่”
“เมืองฐานยังคงเหมือนเดิมไหม?” มีคนขัดจังหวะ
ซูผิงถามชายชราที่อยู่ที่นี้มาสามร้อยปี “สามร้อยปี? ผมคิดว่าคุณอยู่ที่นี่แค่ห้าสิบปีซะอีก”
อวิ๋นว่านหลี่ดูเหมือนจะเครียดหลังจากได้ยิน
ชายชราคนนั้นส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม “ใช่ คำสั่งบอกว่าห้าสิบปี ฉันวางแผนที่จะกลับไปหลังจากอยู่ที่นี่ได้ห้าสิบปี อย่างไรก็ตาม สิ่งต่างๆ ไม่เป็นไปตามนั้น ปีแรกเป็นเรื่องยากสำหรับฉัน แต่แล้วฉันก็อยู่มาเป็นเวลา 10 ปีและ 20 ปี … เพื่อนเก่าของฉันเสียชีวิตที่นี่ขณะพยายามช่วยฉัน นายก็เห็นมันด้วยตัวเองนิ… ที่นี่มีอสูรร้ายมากมาย!
“เรามีนักรบอสูรในตำนานไม่เพียงพอ และมันก็ยากสำหรับนักรบอสูรที่จะไปถึงระดับในตำนาน ใครจะเป็นผู้พิทักษ์ที่นี่ถ้าเราไป?
“ถ้าเราไป โลกทั้งโลกจะต้องทนทุกข์ และตระกูลของเราจะต้องทนทรมาน!”
ชายหนุ่มพยักหน้า แต่น้ำเสียงของเขาดูแก่ “โม่น้อยพูดถูก ที่นี่มีอสูรร้ายมากเกินไป หอคอยส่งนักรบอสูรในตำนานมาน้อยลงเรื่อยๆ คงมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นถ้าเราตัดสินใจออกไป ฉันอยู่และต่อสู้ที่นี่มาห้าร้อยปีแล้ว นักรบรุ่นพี่หลายคนตายก่อนฉัน เป็นเพราะพวกเขา ฉันจึงมีชีวิตอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้
“ดังนั้นฉันจึงไม่ออกไป การอยู่ที่นี่หมายความว่าฉันสามารถปกป้องตระกูลของนักรบผู้ล่วงลับได้!”
”ใช่ เรามาที่นี่และเราจะไม่จากไป!” ชายหัวล้านพูดด้วยความมุ่งมั่น
นักรบอสูรในตำนานคนอื่นๆ ยังคงนิ่งเงียบ แต่ความมุ่งมั่นบนใบหน้าของพวกเขาชัดเจนเพียงพอแล้วสำหรับซูผิง
ซูผิงไม่อยากจะเชื่อ
นักรบอสูรในตำนานเหล่านี้ไม่เหมือนที่เขาเจอในหอคอย
พวกเขาปฏิบัติตามเงื่อนไขแล้ว แต่พวกเขายังเลือกที่จะอยู่กับความเสี่ยง
ซูผิงเชื่อว่าพวกเขาเหล่านี้ไม่ได้โกหก
พวกเขาต้องการที่จะรับผิดชอบอย่างจริงใจ และมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ!
เพื่อปกป้องความปลอดภัยและความมั่นคงของโลกเหนือพื้นดิน
คนเหล่านั้นเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นไม่มากก็น้อย ซูผิงตกใจจนพูดไม่ออก
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดออกมาได้ “งั้นมีนักรบอสูรในตำนานออกไปก่อนจะครบกำหนดหรือไม่?”
ชายชราชื่อโม่น้อยพยักหน้า “แน่นอน บางคนออกไปก่อน แต่ฉันเข้าใจ พวกเขามีสิ่งที่พวกเขาต้องดูแล การอยู่ที่นี่หมายถึงการเสี่ยงชีวิตในทุกวัน ไม่มีใครสามารถพูดได้เต็มปากว่าพวกเขาสามารถมีชีวิตอยู่ได้จนถึงวันพรุ่งนี้ วันนี้ถ้าไม่ใช่เพราะน้องซู อาจมีพวกเราบางคนที่บอกลาโลกนี้ไปแล้ว”พวกเขาพูดว่า “ใช่แล้ว มันเป็นสิทธิ์ของพวกเขาที่จะออกไปถ้าพวกเขาต้องการ”
“มันเป็นทางเลือกของเราที่จะอยู่ต่อเอง”
“เราไม่ได้บังคับใคร และไม่โทษคนที่ออกไป”
ซูผิงมองพวกเขา “คุณมาที่นี่หลังจากเข้าร่วมหอคอยแล้วใช่ไหม?”
“แน่นอน นั่นคือกฎ”
“คนที่มาที่นี่ทำจะต้องเข้าร่วมหอคอย และสมาชิกอาวุโสของหอคอยบางคนจะมาเยี่ยมเราเป็นระยะๆ มีชายคนหนึ่งชื่ออวิ๋นซึ่งอยู่ในสภาวะว่างเปล่า เขาเข้าร่วมหอคอยเมื่อนานมาแล้ว เขากลับออกไปหลังจากอยู่ในถ้ำลึกครบกำหนด แต่ภายหลังเขาก็กลับมา น่าเสียดายที่เขาเสียชีวิตอย่างกล้าหาญเมื่อสี่ร้อยปีก่อน” ทันใดนั้น ชายชราคนหนึ่งที่มีหูข้างเดียวพูดอะไรบางอย่างที่มีความหมายกับซูผิงว่า “น้องซู ระวังคำถามของนายด้วย” ซูผิงรู้สึกประหลาดใจ นี่เป็นครั้งแรกที่ชายชราคนนี้พูดตั้งแต่พวกเขามาถึง เขาเห็นสายตาของชายชราและซูผิงเข้าใจสิ่งที่เขาจะสื่อ
เขานึกถึงหลายสิ่งหลายอย่างในทันใด และเข้าใจอะไรต่างๆมากขึ้น
กฎของหอคอยระบุว่านักรบอสูรในตำนานทั้งหมดต้องมารับใช้ถ้ำลึก
นักรบอสูรในตำนานบางคนซ่อนความจริงที่ว่าพวกเขาได้มาถึงระดับตำนานแล้วเพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าร่วมหอคอย และความรับผิดชอบที่มาพร้อมกับมัน พวกเขายอมใช้ชีวิตในเงามืดเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงดังกล่าว
อย่างเช่นชายชราตระกูลฉินที่ถูกซูผิงฆ่าระหว่างลีกสูงสุด
นักรบอสูรในตำนานบางคนได้เข้าร่วมหอคอย แต่พวกเขามุ่งเป้าไปที่ทรัพยากรของหอคอยเท่านั้น ส่วนใหญ่จะทำหน้าที่ตามที่หอคอยสั่ง แต่พวกเขาจะออกมาทันทีหลังจากเสร็จงาน
ถึงกระนั้นก็มีคนที่จะเลือกอยู่อย่างคนเหล่านี้
พวกเขาทำตามเงื่อนไขแล้ว แต่พวกเขาก็อยู่
บางที… พวกเขาคงอยู่ที่นี่ไปจนตาย!
คนเราต่างกัน ความจริงข้อนี้ใช้กับนักรบอสูรในตำนานด้วย
นี่คือความจริงของโลก
แต่…
ซูผิงคิดถึงคนที่เอาแต่ดื่ม สังสรรค์ และเฝ้าดูอสูรของพวกเขาเล่นเกม มันทุเรศ
“ผู้ท้าทายโชคชะตาซู…” อวิ๋นว่านหลี่อยากจะพูดแต่หยุดคิด เขากังวล
ซูผิงเข้าใจทันทีว่าอวิ๋นว่านหลี่ต้องการจะบอกให้เขาคิดให้รอบคอบ
ซูผิงยิ้ม “หอคอยไม่ต้องการนักรบอสูรในตำนาน คนเหล่านั้นอยู่แต่ในหอคอย เล่นกันอย่างสนุกสนานในขณะที่มีคนกำลังเสี่ยงชีวิตอยู่ที่นี่ อะไรทำให้คุณคิดว่าผมจะต้องโกหกเพื่อหอคอย?”
อวิ๋นว่านหลี่มองไปรอบ ๆ ไม่กล้าที่จะพูดต่อ
ชายชราที่มีหูข้างเดียวหน้าตึง เขาจ้องซูผิง แต่ในที่สุดก็มองออกไป และส่ายหัวพร้อมถอนหายใจ
นักรบอสูรในตำนานหยุดพูด
พวกเขาสังเกตเห็นความอับอายบนใบหน้าของอวิ๋นว่านหลี่ ไม่นานหลังจากนั้นนักรบอสูรในตำนานก็ตระหนักว่าซูผิงหมายถึงอะไร
แม้ว่านักรบเหล่านี้จะไม่ได้มีจิตใจเจ้าเล่ห์… แต่พวกเขาก็ไม่ใช่คนโง่เช่นกัน
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ชายที่ชื่อโม่ก็พูดว่า “น้องซู ฉันเข้าใจ เรารู้เรื่องนี้”
”คุณรู้?” ซูผิงมองเขาและคนอื่นๆ พวกเขาไม่พูดอะไร แต่ดูเหมือนไม่ตกตะลึงหรือโกรธ
“เราอยู่ที่นี่มานานแสนนาน เรามีนักรบอสูรในตำนานใหม่ๆเข้ามาเมื่อเวลาผ่านไป แต่เราทุกคนรู้ว่ามันคืออะไร พวกเขาไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้ ทุกคนออกไปทันทีหลังจากทำงานเสร็จ โดยไม่หันกลับมามองด้วยซ้ำ”
โม่หัวเราะทันที “แต่อย่างที่ฉันพูด เราไม่โทษพวกเขาที่จากไป เราอยู่เพราะเราเลือกกันเอง”
“ใช่” ชายหนุ่มผมดำกล่าว “ฉันยินดีที่จะอยู่และทั้งหมดเป็นเพราะรุ่นพี่หลี่ เขาอยู่ที่นี่มาแปดร้อยปีแล้ว เขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเริ่ม นับตั้งแต่เขาไปถึงระดับตำนาน และตอนนี้เขามาถึงสภาวะว่างเปล่าแล้ว รุ่นพี่หลี่แสดงให้ฉันเห็นว่าหลักการถูกผิดคืออะไร และระดับตำนานหมายถึงอะไร!”
”ใช่แล้ว”
ชายวัยกลางคนอีกคนกล่าวเสริมว่า “ระดับตำนานไม่ได้เป็นเพียงระดับ แต่เป็นภาพลักษณ์ของเกียรติยศและความรับผิดชอบ! เรายินดีที่จะอยู่ที่นี่ ฉันรู้ว่าบางคนไม่ต้องการมาและฉันก็ไม่สนใจ แต่ถ้าทุกคนทำอย่างนั้น ความเป็นมนุษย์ในสังคมคงหมดไปนานแล้ว”
”ใช่ บางคนต้องเสียสละ เรายินดีที่จะอยู่ต่อ”
“ฉัยอยู่ได้เพราะพวกนายตามตรง พูดตามตรง ฉันอยากจะออกไปจากที่นี่เมื่อกำหนดการของฉันสิ้นสุดลง แต่ทุกคนก็อยู่ เฒ่าโม่อยู่ที่นี่มาสามร้อยปี โจวอยู่ที่นี่มาห้าร้อยปี และพี่หลี่ก็อยู่ที่นี่มาแปดร้อยปีแล้ว…
“แต่ฉันอยู่ที่นี่มาแค่ห้าสิบปี ฉันจะไม่ยอมแพ้พวกเขา!”
ชายหนุ่มหน้าตาธรรมดาคนหนึ่งเอานิ้วก้อยเกี่ยวหูของเขาและเปล่งเสียงไม่เห็นด้วย “อ่า พวกนายนี่ ฉันพูดไปแล้วไง ฉันตัดสินใจอยู่ที่นี่เป็นเวลาแปดร้อยปีเพราะเบื่อกับชีวิตบนพื้นดิน ชีวิตที่นี่น่าตื่นเต้นกว่ามาก เลิกพูดเรื่องของฉันทีเถอะหน่า…” เขาคือรุ่นพี่หลี่ที่ทุกคนพูดถึง เขาเป็นคนที่อยู่ที่นี่มาแปดร้อยปี
ตอนที่ 594 ข่าว
ซูผิงพูดไม่ออก
ทุกคนต่างมีเหตุผลที่จะอยู่
แต่สุดท้ายก็มีแค่เหตุผลเดียว
พวกเขายินดีที่จะอยู่! พวกเขารู้ว่านักรบอสูรในตำนานคนอื่นๆ ต่างใช้ชีวิตแสนสบาย แต่พวกเขาก็ยังเลือกที่จะอยู่ต่อ มันฟังดูโง่ แต่มันเกิดขึ้นเพียงว่าเป็นคนโง่กลุ่มนี้ยึดมั่นในหลักการสำคัญของคุณธรรม
บางคนต้องก้าวขึ้นมา
บางคนเลือกที่จะยอมให้คนอื่น หรือแม้แต่ผลักคนอื่นออกไป และบางคนก็มีความสุขที่จะลงมือด้วยตัวเอง!
ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาจะตายที่นี่หรือไม่ ถึงกระนั้นพวกเขาก็เต็มใจต่อสู้เพื่ออนาคตที่สดใสสำหรับโลกข้างบน!
เหล่านักรบอสูรในตำนานได้เปลี่ยนมุมมองของซูผิงที่มีต่อหอคอย
เขาผิดหวังอย่างมากกับสิ่งที่เขาเห็นในหอคอย เป็นเรื่องน่าอับอายที่เห็นกลุ่มคนที่มีอำนาจมากที่สุดบนดาวเคราะห์สีน้ำเงินประพฤติตัวเช่นนั้น เขาพบว่ามันไร้สาระและน่าขยะแขยงที่เห็นพวกเขาเล่นตลกกัน!
ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าคนเหล่านั้นเป็นเพียงเม็ดทรายบางส่วนเท่านั้น
ทองคำถูกฝังลึกอยู่ใต้ดิน
คนเหล่านี้เป็นสมาชิกที่คู่ควรของหอคอย!
ดาวเคราะห์สีน้ำเงินจะถูกอสูรร้ายบุก ถ้าทุกคนเป็นเหมือนคนบนหอคอยเหล่านั้น
อวิ๋นว่านหลี่ถูกแช่แข็งทันที
เขาคิดว่านักรบอสูรในตำนานจะคลั่งหลังจากที่ซูผิงเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับหอคอย แต่พวกเขารู้ และพวกเขายอมรับมัน
พวกเขายังพูดถึงมันอย่างไม่เป็นทางการ อวิ๋นว่านหลี่พูดไม่ออก เขาเคยอยู่ในหอคอย เขารู้ว่ามันเป็นยังไง
ชายชราตบไหล่ซูผิงและปลอบเขา “น้องซูยังอายุน้อย อย่าสนใจเรื่องเหล่านั้นเลย คนเราต่างกัน เราแค่ต้องเป็นตัวของตัวเอง” ซูผิงจำได้ว่าชายคนนี้ถามเขาเกี่ยวกับตระกูลหลิน
“อาจเป็นแบบนั้น” ซูผิงกล่าว
เขาไม่ได้พูดอะไรอีก เขาตัดสินใจแล้ว
คนนี้กำลังปกป้องถ้ำลึกและเขายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ช่วยเหลือพวกเขา แน่นอนสิ่งแรกคือเขาต้องหาซูหลิงเยวี่ยไม่ว่าเธอจะเป็นหรือตาย
“นั่นคือบ้านของเรา”
ชายวัยกลางคนชี้ไปข้างหน้า
ซูผิงเงยหน้าขึ้น มองขึ้นไปเห็นเนินเขาเล็ก ๆ ซึ่งดูคล้ายกับที่อื่นที่เขาเคยเห็นขณะเดินทางมา
คลื่นกระเพื่อมและข้างในมีชายชราคนหนึ่งอยู่ เขามองไปรอบๆ สายตาของเขา เหลือบมาที่ซูผิงและอวิ๋นว่านหลี่ “หัวหน้าของเราอยู่ไหน?” เขาดูกังวล
“อย่ากังวล เขากำลังไปติดต่อกับใครบางคนอยู่ เขาจะกลับมาเร็ว ๆ นี้”
“วันนี้มีอสูรร้ายก่อการจราจล แต่เราหยุดพวกมัน นี่น้องซู และนั่นคือน้องอวิ๋น”
“เอาล่ะ เข้ามากันเถอะ”
ชายชรารู้สึกโล่งใจที่ได้ยินว่าเย่อู่ซิวสบายดี เขามองซูผิงและอวิ๋นว่านหลี่ขึ้นลง เขารู้สึกสับสนหลังจากรู้สึกว่าซูผิงอยู่แค่ระดับกิตติมศักดิ์ แต่เขาไม่ได้สอบสวนเรื่องนี้
อวิ๋นว่านหลี่และซูผิงติดตามพวกเขาไปในฐานของพวกเขา
เนินเขาเล็กๆ เป็นเพียงจุดสังเกต ฐานถูกซ่อนอยู่ภายในม่านพลัง
โม่บอกพวกเขาว่าม่านพลังนั้นถูกสร้างขึ้นด้วยสมบัติที่ทรงพลัง และม่านพลังสามารถซ่อนพวกเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ พวกเขาสามารถสร้างฐานและเอาชีวิตรอดในถ้ำลึกได้นานหลายร้อยปี ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณม่านพลังนี้
ปรมาจารย์คนแรกของหอคอยคือผู้ที่ทิ้งสมบัติไว้เบื้องหลัง
เขาลงไปสำรวจถ้ำลึกแต่ไม่เคยกลับมาจากการเดินทางครั้งนั้น เขาตายไปนานแล้ว
ภายในม่านพลังเป็นดินแดนงดงามที่มีลำธาร และพืชพันธุ์เขียวขจีอยู่ทุกหนทุกแห่ง ซึ่งแตกต่างไปจากโลกสีขาวภายนอกอย่างชัดเจน
ซูผิงรู้สึกประหลาดใจ จากนั้นเขาก็นึกถึงม้วนหนังสือของเขา หยานปิงเยว่ยังคงถูกเก็บไว้ข้างใน ม้วนภาพเป็นสมบัติที่คนสามารถมีชีวิตอยู่ข้างในได้
แต่โลกภายในม้วนภาพไม่ได้กว้างใหญ่เท่ากับที่แห่งนี้
ภาระอันหนักอึ้งถูกยกออกจากหัวใจ เมื่อพวกเขาก้าวเข้าไปข้างในอาณาเขตของม่านพลัง บางคนไปหาของกินและน้ำดื่ม ในขณะที่คนอื่นๆ จัดเรียงและจัดเก็บวัตถุดิบที่พวกเขาเก็บเกี่ยวมาจากอสูรร้าย คนอื่นๆ ยังคงอยู่กับซูผิงและอวิ๋นว่านหลี่และถามพวกเขาเกี่ยวกับโลกภายนอก
“ผมไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับตระกูลหลินมาพักหนึ่งแล้ว ผมเป็นคนใน”
“คนในคืออะไร”
“มันหมายความว่าผมมักจะอยู่บ้าน แทนที่จะออกไปข้างนอก คุณสามารถถามอวิ๋นได้ที่นี่ ดูผมขาวของเขาสิ เขารู้มากขึ้น”
“นายไม่ได้วิ่งหนีมาเหรอ? นายวิ่งเข้าถ้ำลึกมานี่เพื่อน” “น้องอวิ๋นบอกเราที”
พวกเขาเปลี่ยนโฟกัสไปที่อวิ๋นว่านหลี่เนื่องจากไม่พบคำตอบที่ต้องการจากซูผิง อวิ๋นว่านหลี่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตอบคำถามทีละข้อ
อวิ๋นว่านหลี่รู้สึกขอบคุณและให้ความเคารพต่อนักรบอสูรในตำนาน เขาบอกพวกเขาทุกอย่างที่เขารู้
“น้องซู นายอยู่ในระดับกิตติมศักดิ์จริงหรอ? นายจะกลายเป็นหัวหน้าในไม่ช้าถ้าคุณเต็มใจมาที่นี่ เมื่อนายไปถึงระดับตำนานแล้ว”
ชายชราคนหนึ่งนั่งข้างซูผิง ชื่อรุ่นพี่หลี่
ชื่อเต็มของเขาคือหลี่หยวนเฟิง ซึ่งปัจจุบันอยู่ในสภาวะว่างเปล่าเหมือนกับเย่อู่ซิว ถึงกระนั้นเย่อู่ซิวมีพลังมากกว่าเขาเพราะอสูรของเขาดุร้ายกว่า และสนามพลังของเขาน่ากลัวกว่ามาก!
มีนักรบอสูรในตำนานสิบเอ็ดคนประจำการอยู่ในทุ่งน้ำแข็งนั้น
สามคนอยู่ในสภาวะว่างเปล่า
แต่ทั้งสามคนสามารถเรียกสนามพลังออกมาได้ ปกติจะเป็นเฉพาะคนที่อยู่ในสภาวะชะตากรรมเท่านั้น!
สนามพลังก็แตกต่างกันเช่นกัน
บนดาวเคราะห์สีน้ำเงินมีเพียงไม่กี่คนที่อยู่ในสภาวะชะตากรรมด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครสนใจที่จะแยกแยะความแตกต่างระหว่างจุดแข็งของสนามพลังให้ชัดเจน อย่างที่กล่าวไปแล้ว เหล่านักรบอสูรในตำนานต่อสู้กับอสูรร้ายมาเป็นเวลานาน พวกเขาสามารถรู้จุดแข็งของสนามพลังตามประสบการณ์
“ผมจะมาที่นี่เพื่อตามหาน้องสาวของผม ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้อยู่ในระดับตำนานก็ตาม” ซูผิงกล่าว เขาไม่สามารถนั่งเล่นในร้านของเขาได้หลังจากที่ได้รู้ว่านักรบอสูรในตำนานกำลังต่อสู้ด้วยชีวิตอยู่ใต้ดิน
เขาไม่สนใจถ้ำลึกเลยเพราะเขาคิดว่าทุกคนเป็นเหมือนคนที่อยู่ในหอคอย ถ้าเป็นเช่นนั้นเขาจะมุ่งไปที่การรักษาเมืองฐานหลงเจียงให้ปลอดภัยเท่านั้น แม้ว่าโลกจะหมุนวนไปสู่ความหายนะ แต่วันนี้เขาพบว่ามีหลายคนเสียสละชีวิตอยู่จริงๆ เขาไม่สามารถนั่งเฉยๆ และไม่ทำอะไรได้อีกต่อไป
“น้องซู ฉันไม่เคยเห็นใครเหมือนนาย แต่ฉันยังคงแนะนำให้นายกลับมาหลังจากที่นายถึงระดับตำนานแล้ว ไม่ว่านายจะรวมเข้ากับอสูรได้หรือไม่ นั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง นายจะมีบทบาทมากขึ้นเมื่อนายไปถึงระดับตำนาน ฉันไม่อยากเห็นนายตายตั้งแต่ยังเด็ก… น่าเสียดาย” หลี่หยวนเฟิงหัวเราะ
ซูผิงพยักหน้า
ทันใดนั้น นักรบอสูรในตำนานถือจานซี่โครงอสูรย่างเข้ามา กลิ่นเครื่องเทศที่หอมกรุ่นกลบกลิ่นฉุนของมัน
“เอาล่ะ ไปเถอะ ไปหาอะไรอร่อยๆ ต้อนรับเพื่อนใหม่ของเรากัน” ชายคนนั้นหัวเราะ
ซี่โครงย่างลอยจากพื้นไม่กี่ฟุต ซูผิงได้กลิ่นอันหอมหวาน มันน่าสนใจ “คุณได้เครื่องเทศนี่มาได้ยังไง?”
“พวกเราขอให้พี่น้องที่ทางเข้าเอามาให้ การฝืนคืนพลังดวงดาวก็เพียงพอแล้วที่จะช่วยชีวิตเรา แต่เราก็ยังมีความอยากที่จะกินด้วยปากของเราเองเป็นครั้งคราว”หลี่หยวนเฟิงกล่าว เขาแล่เนื้อชิ้นใหญ่แล้วมอบให้ซูผิง
ซูผิงกัด มันอร่อยมาก
เขาได้ยินว่ามีคนมาถึงเย่อู่ซิวและนักรบอสูรในตำนานชื่อเฉินกลับมาแล้ว พวกเขายิ้มเมื่อเห็นงานเลี้ยงเย่อู่ซิวเข้าหาซูผิงและกล่าวว่า “น้องซูผมถามไปรอบ ๆ แล้วเพื่อนของเราจากทุ่งไฟอาจเจอกับน้องสาวของนาย”
“จริงเหรอ?”
ซูผิงยืนขึ้น
”ใจเย็น ๆ พวกเขาแค่พูดว่าอาจจะ”เย่อู่ซิวกล่าว “ทุ่งไฟ อยู่ใกล้ทางเข้าหมายเลข 7 มากที่สุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผู้คุมเห็นรอยเท้ามังกรที่ผิดปกติขณะลาดตระเวน พวกเขาคิดว่าอสูรใหม่บางชนิดกำลังวิ่งหนี แต่ฉันบอกพวกเขาเกี่ยวกับนายแล้ว น้องสาวของนายมีมังกรไหม?” ซูผิงตัวสั่น รอยเท้ามังกร? อาจเป็นของมังกรจันทราเหมันต์
“ใช่ เธอมีมังกรจันทราเหมันต์!” ซูผิงกล่าวทันที “ผมจะไปที่ทุ่งไฟได้ยังไง”
เย่อู่ซิวไม่แปลกใจ นักรบอสูรไม่สามารถได้มังกรมาง่ายๆ แต่ก็ไม่น่าแปลกใจที่น้องสาวของเขาจะมีมังกรเมื่อเทียบกับความแข็งแกร่งของเขา
“ดังนั้น ฉันก็คิดว่ามันเป็นเบาะแสเกี่ยวกับน้องสาวของนาย แต่ฉันต้องบอกว่ามันอาจเป็นเพราะมังกรกำลังพยายามจะออกไป” เย่อู่ซิวเตือนซูผิง “เราจะต้องผ่านทางเดินเพื่อไปที่ทุ่งไฟ มันเป็นสถานที่ที่อสูรร้ายจำนวนมากซุ่มซ่อนอยู่ ทุ่งทั้งห้าเป็นเหมือนวงรอบนอกของวงกลม และทางเดินเป็นสิ่งที่เชื่อมระหว่างวงแหวนทั้งห้า อสูรร้ายที่นายเห็นเราต่อสู้มาจากทางเดิน
“มีทางผ่านไปสู่ชั้นที่ลึกของถ้ำลึกในทางเดิน
“อสูรร้ายทั้งหมดอาศัยอยู่ชั้นที่ลึกที่สุด นั่นคือที่ซ่อนของพวกมัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว