ตอนที่ 613 แก้แค้น
นักเรียนไม่เชื่อ แต่บันทึกบอกความจริงเสมอ
มีอะไรผิดปกติกับแผ่นจารึกหรือเปล่า?
แต่มีพยาน!
เฟยเทียนอวี่เป็นหนึ่งในพยาน และเขาไม่จำเป็นต้องโกหก
แต่…
สถิติสูงสุดจากขั้น 23 เป็นชั้น 33 ห่างกันสิบชั้น!
มันฟังดูไม่น่าเชื่อ
“ผู้ชายคนนั้นเข้าไปในป่าสุสานและยังเข้าไปในหอคอยมังกรได้… คนแบบนั้นมีอยู่จริงๆหรอ?” หญิงสาวถามตัวเอง
เธอคือกั๋วหลิงซา หนึ่งในสี่นักเรียนชื่อดัง
บันทึกของเธอที่หอคอยมังกรคือชั้นที่ 17
สิ่งมีชีวิตที่เธอพบในชั้น 17 ก็เพียงพอที่จะทำให้เธอตกใจ เธอนึกไม่ออกเลยว่าชั้น 33จะเป็นยังไง
“เป็นไปได้มากว่าหอคอยมังกรกำลังหลอกเรา” ชายหนุ่มกระซิบ
ชายหนุ่มยืนตัวตรง เขามีผมสีดำ
เขาคือจี้อู่เยว่ หนึ่งในสี่นักเรียนชื่อดัง เขาถูกนับว่าเป็นหนึ่งในอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์เช่นกัน บันทึกของเขาที่หอคอยมังกรนั้นดีกว่าของกั๋วหลิงซา และทั้งสองมักจะต่อสู้กันเอง เขาทำได้ดีกว่าเธอในทุกครั้ง
กั๋วหลิงซาไม่ตอบโต้
เธอยังสงสัยว่ามีบางอย่างผิดปกติในหอคอยมังกร แต่น่าแปลกที่อาจารย์ใหญ่และรองอาจารย์ใหญ่ไม่ได้ออกมาอธิบายด้วยตัวเอง
นอกจากนี้… เธอได้พบกับ “คุณ… ซู” คนที่เฟยเทียนอวี่พูดถึงที่ป่าสุสาน เธอไม่คิดว่า “คุณซู” จะผอมแห้งหรือแก่
นั่นคือสิ่งที่สัญชาตญาณบอกเธอ
”คุณซู” ไม่แก่แน่นอน เขาไม่ใช่นักรบอสูรในตำนานที่อายุเยอะซึ่งใช้วิธีพิเศษบางอย่างเพื่อรักษารูปลักษณ์ที่อ่อนเยาว์
“ฉันก็หวังว่าอย่างนั้น”กั๋วหลิงซาตอบในที่สุด
เธอหวังว่าหอคอยมังกรจะมีบางอย่างผิดพลาด มิฉะนั้นความมั่นใจของเธอจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
เธอรู้ว่าเธอไม่สามารถแข่งขันกับนักเรียนที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของสถาบันผู้กล้าได้ แต่เธอเชื่อว่าเธอมีพรสวรรค์ หากสถิติใหม่นั้นเป็นเรื่องจริง ก็หมายความว่าระดับสูงสุดที่คนในวัยยี่สิบอย่างเขาหรือเธอสามารถไปถึงได้คือชั้นที่ 33 ตอนนี้เธอไปได้ถึงชั้น 19 ชั้นที่ยี่สิบอยู่ไม่ไกลจากเธอ
เธอคำนวณและเชื่อว่าการไปถึงชั้น 20 เมื่ออายุได้ 22 ปีนั่นคงดีที่สุดที่เธอสามารถทำได้
แต่นั่นเป็นช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างชั้นที่ 20 กับชั้นที่ 33 !!
ยิ่งชั้นสูงขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งยากขึ้นเท่านั้น
เธอไม่เข้าใจว่าทำไมความแตกต่างระหว่างคนอายุเท่าๆกันถึงมีมากมายขนาดนี้
กั๋วหลิงซายิ่งมั่นใจมากขึ้นว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับหอคอยมังกร เธอได้ยินมาว่าหอคอยมังกรถูกปิดเพื่อซ่อมบำรุง
ดูเหมือนจะเป็นข้อพิสูจน์ที่สนับสนุนทฤษฎีของเธอ
หวืด!
หวืด!
สามคนบินผ่านมา
นักเรียนที่อยู่รอบๆ แผ่นจารึกมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เฉพาะคนที่มีความสามารถเท่านั้นที่สามารถบินไปมาแบบนั้นในสถาบัน
”นั่น…?”
กั๋วหลิงซาพบว่ามีหนึ่งในสามคนนั้นที่คุ้นเคย
เธออยากจะมองให้ชัด แต่ทั้งสามก็บินหนีไป พวกเขากำลังไปที่ภูเขาที่มีอาจารย์หลายคนอยู่
“ใครกล้ามาบินในสถาบัน” นักเรียนบางคนแสดงความไม่พอใจ
“ฉันคิดว่ามีเรื่องสำคัญบางอย่าง” ใครบางคนตอบ
สถาบันผู้กล้าเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ไม่น่าเป็นไปได้ที่ชายหนุ่มหัวร้อนบางคนจะบุกเข้ามาและบินไปรอบๆ แบบนั้น แม้แต่นักรบอสูรบนยอดเขาก็ต้องประพฤติตามกฎ!
สถาบันผู้กล้าผลิตนักรบอสูรกิตติมศักดิ์จำนวนมาก!
อาจารย์ใหญ่อยู่ในระดับตำนาน สถาบันผู้กล้าถือได้ว่าเป็นอาณาเขตของนักรบอสูรในตำนาน ใครก็ตามที่กล้าแหกกฎมักจะต้องอยู่ในระดับตำนาน ไม่มีนักรบอสูรกิตติมศักดิ์คนใดกล้าที่จะลอง!
…
“ฉันเชื่อว่าแขกบางคนจะมาถึงในไม่ช้า!”
อวิ๋นว่านหลี่เลิกคิ้ว เขากำลังเขียนบางอย่างอยู่ เขายืนขึ้นและมองไปในระยะไกล
หวืด!
เขาหายตัวไปในจุดนั้น แต่เขาไม่ได้เคลื่อนย้าย เขาเพิ่งบินในสถาบันด้วยความเร็วที่รวดเร็วมาก
“เพื่อนจากแดนไกล…”
อวิ๋นว่านหลี่พูดไม่ออกเมื่อเห็นทั้งสามคนและเขาก็ตกตะลึง “ผู้ท้าทายโชคชะตาซู…”
สามคนคือซูผิง หลี่หยวนเฟิง และซูหลิงเยวี่ย
“ทำไมคุณถึงยังอยู่ที่นี่? ผมคิดว่าคุณไปที่หอคอยแล้ว” ซูผิงประหลาดใจที่เห็นอวิ๋นว่านหลี่
อวิ๋นว่านหลี่ยิ้มขมขื่น “ผมเพิ่งกลับมา ผมกำลังเขียนจดหมายรายงานเรื่องถ้ำลึกให้หอคอย”
หลี่หยวนเฟิงเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ “กำลังเขียนจดหมาย? ทำไมนายไม่ไปบอกพวกเขา อะไร? นายต้องเขียนจดหมายรายงานแม้แต่เรื่องเร่งด่วนหรือยังไง?”
อวิ๋นว่านหลี่สามารถบอกได้ว่าหลี่หยวนเฟิงไม่ค่อยพอใจกับเรื่องนี้ เขาอธิบายว่า “คุณไม่รู้เรื่องนี้ แต่เจ้าหอคอยอยู่ในระหว่างการปิดประตูบ่มเพาะเป็นเวลาหลายปีแล้ว และไม่ค่อยออกมา ผมไม่คิดว่าจะเจอเขาถ้าผมเข้าไป ทุกคนต้องนัดหมาย ผมกำลังเขียนถึงเขาเรื่องเกี่ยวกับถ้ำลึก เขาจะมาหาผมทันทีเมื่อเขาเห็นจดหมาย”
หลี่หยวนเฟิงเย้ยหยัน “อืม ทุกอย่างคงพังไปหมดแล้วก่อนเจ้าหอคอยคนนั้นจะออกมา!”
หลี่หยวนเฟิงไม่มีความคิดเห็นดี ๆเกี่ยวกับหอคอยอีกต่อไป หลังจากทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับตระกูลของเขา เขาต้องการไปที่หอคอยเพียงเพราะเขาเป็นคนจิตใจดี และเขาต้องการแก้ปัญหาที่ถ้ำลึก
อวิ๋นว่านหลี่รู้ว่าเขาไม่มีคำตอบที่น่าพอใจกับหลี่หยวนเฟิง ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนเรื่อง “คุณไปที่ทางเดินใช่ไหม? เธอคือน้องสาวของคุณใช่ไหม?”
ซูผิงพยักหน้า “เราล่าช้าในทางเดิน ผมคิดว่าคุณออกมาตั้งแต่วันที่เราไปที่ทางเดิน คุณกลับมาได้ยังไง?”
“นั่นมันยาวมาก ทางออกของผมลำบาก เราพบอสูรร้ายบางตัวและต้องใช้ทางอ้อม ท้ายที่สุดก็เลยเสียเวลา”อวิ๋นว่านหลี่อธิบาย
ซูผิงไม่ได้ตอบอะไร
ซูหลิงเยวี่ยมองอาจารย์ใหญ่ด้วยความอยากรู้
เธอเคยพบเขาครั้งหนึ่งเมื่อเธอเข้ามาเรียนที่นี่ หลังจากนั้นเธอจะเห็นแต่รูปของอาจารย์ใหญ่บนรูปปั้นและภาพเหมือนของเขาในสถาบันเท่านั้น
เธออยู่ที่นี่และเจออาจารย์ใหญ่อีกครั้ง และอีกครั้งที่เธอรู้สึกถึงอำนาจของซูผิง
“ไม่ต้องเขียนจดหมาย ผมจะไปที่หอคอยกับคุณ ผมอยากรู้จักคนที่เรียกว่าเจ้าหอคอย ดูซิว่าเขาจะหยิ่งแค่ไหน!” หลี่หยวนเฟิงสูดลมหายใจ
อวิ๋นว่านหลี่ฝืนยิ้มอย่างขมขื่น “ท่านครับ เจ้าหอคอยคนปัจจุบันอยู่ที่สภาวะชะตากรรมและเขาพยายามที่จะไปให้ไกลเกินกว่าระดับตำนาน ปัญหาทั้งหมดบนดาวเคราะห์สีน้ำเงินสามารถแก้ไขได้เมื่อเขาทำสำเร็จ เราเข้าใจว่าทำไมเขาจึงใช้เวลามากในการบ่มเพาะ…”
หลี่หยวนเฟิงเลิกคิ้วขึ้น สภาวะชะตากรรม
ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่กลัว “อืม การก้าวข้ามระดับตำนานไม่ใช่เรื่องง่าย เขาไม่ควรจะเป็นสุนัขในรางหญ้าหากเขาต้องการบรรลุเป้าหมายนั้น ถ้าคิดมุ่งเน้นการบ่มเพาะอย่างเต็มที่ เขาควรสละตำแหน่งและปล่อยให้คนอื่นมาบริหารหอคอย การคุมหอคอยจะมีประโยชน์อะไรหากเขาเพียงแค่มุ่งความสนใจไปที่การบ่มเพาะของตัวเอง และไม่ทำอย่างอื่นน”
อวิ๋นว่านหลี่อยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ยอมแพ้ หลี่หยวนเฟิงเป็นผู้อาวุโสของเขา เขาไม่สามารถโต้เถียงกับเขาได้
“อาจารย์ใหญ่ นักเรียนคนนั้นที่คุณเรียกว่าหนานอยู่ที่ไหน?” ซูผิงตัดเข้าเข้าประเด็น เขาต้องการที่จะจัดการกับปัญหาที่ค้างอยู่ทั้งหมดเพื่อที่เขาจะได้กลับไปที่ร้าน และคิดว่าจะช่วยเหลือโครงกระดูกน้อยได้ยังไง
อวิ๋นว่านหลี่สังเกตเห็นความเย็นชาในดวงตาของซูผิง และตระหนักว่าเขาต้องการอะไร หลังจากลังเลเล็กน้อยอวิ๋นว่านหลี่ก็ให้คำตอบของเขาว่า “นักเรียนทุกคนมักจะอยู่ในสถาบัน คุณสามารถถามที่อาจารย์ปรึกษาของเขา ผมจะเรียกเขามาและให้เขาพาคุณไป”
“ได้”
อวิ๋นว่านหลี่รีบโทรหาชายวัยกลางคน
ชายคนนั้นบินมาหาพวกเขา โดยไม่คำนึงถึงกฎห้ามบินเพราะอวิ๋นว่านหลี่เร่งให้เขารีบมา
“อาจารย์ใหญ่ มีอะไรเหรอครับ?” ชายวัยกลางคนถาม
อวิ๋นว่านหลี่แนะนำ “นี่คือคุณหลี่ นักรบอสูรในตำนาน”
ชายวัยกลางคนตกใจ “ยินดีที่ได้รู้จักครับท่าน” เขาโค้งคำนับ
หลี่หยวนเฟิงโบกมือ เขาไม่ใช่คนที่ใส่ใจเรื่องพิธีการนัก
“ผู้ท้าทายโชคชะตาซูกำลังตามหาคุณหนาน พาผู้ท้าทายโชคชะตาซูไปพบเขา”อวิ๋นว่านหลี่กล่าว
“ผู้ท้าทายโชคชะตา?” ชายวัยกลางคนแอบมองซูผิง จากการที่เป็นนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ ชายผู้นี้เข้าใจถึงพลังของผู้ท้าทายโชคชะตาว่าคือผู้ที่สามารถเอาชนะนักรบอสูรในตำนานได้ ในขณะที่ยังอยู่ในระดับกิตติมศักดิ์!
นั่นยากยิ่งกว่าการไปถึงระดับตำนาน
“เป็นเกียรติที่ได้พบครับผู้ท้าทายโชคชะตาซู” ชายวัยกลางคนกล่าว
ซูผิงโบกมือ “ไม่ต้องหรอกคุณกง พาผมไปหานักเรียนคนนั้นตอนนี้เลยเถอะ”
”ครับ”
ชายวัยกลางคนกล่าวลาอวิ๋นว่านหลี่และหลี่หยวนเฟิง
ซูผิงไปกับซูหลิงเยวี่ย และชายวัยกลางคนคนนั้น
…
“นี่คือหอพักของหนาน”
พวกเขามาถึงหอพัก
ชายวัยกลางคนบินลงที่หน้าประตู เขาไม่ได้ผลักเปิดประตู แต่ในไม่ช้าก็เดินกลับไปยังที่ที่ซูผิงอยู่ “เขาไม่อยู่ที่นี่ ในห้องไม่มีคน”
ซูผิงขมวดคิ้ว
“ผมคิดว่าหนานบาดเจ็บกลับมา ดังนั้นเขาน่าจะอยู่ในศูนย์บำบัด” ชายวัยกลางคนอธิบาย
ซูผิงบอกให้เขานำทาง และในไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงศูนย์บำบัด ชายวัยกลางคนไปถามรอบๆ และกลับมารายงานว่าหนานไปที่หอคอยมังกรแล้ว
ทั้งสามเดินทางไปยังหอคอยมังกร
…
ตรงหน้าหอคอยมังกร—
ฝูงชนหนาแน่นรวมตัวกัน
กั๋วหลิงซาและจี้อู่เยว่ยืนใกล้กับหอคอยมังกรแต่รอบตัวพวกเขาโล่ง นักเรียนคนอื่นๆ กลัวที่จะยืนใกล้พวกเขาเกินไป เผื่อว่าจะไปทำให้ทั้งคู่ไม่พอใจ
”ไม่เป็นไร. กลับกันเถอะ. ฉันจะกลับมาอีกครั้งหลังหอคอยมังกรเปิด”กั๋วหลิงซาไม่ชอบเสียงอึกทึกแถวนี้
จี้อู่เยว่เห็นด้วย เขาจะไม่มาที่นี่ถ้าเขาไม่ได้ยินถึงสถิติที่น่าทึ่งนั่น เขาคงจะบ่มเพาะหรือไม่ก็ทำอย่างอื่นอยู่
เขาไม่ใช่คนที่ชอบเสียงดัง เขาชอบที่จะบ่มเพาะคนเดียวมากกว่า
เมื่อพวกเขากำลังจะกลับ ฝูงชนก็ก้าวออกไปด้านข้างเพื่อเปิดทางให้ผู้มาใหม่
“หนานเทียน!”
กั๋วหลิงซาหรี่ตาลง
จี้อู่เยว่เห็นผู้ชายคนนั้นเช่นกัน
นักเรียนสี่คนที่มีชื่อเสียง เฟย หนาน จี้ กั๋ว เฟยเทียนอวี่เก่งที่สุดในสี่คน และเขามีพลังต่อสู้มากที่สุด หนานเทียนเป็นอันดับสอง เขาอ่อนแอกว่าในด้านพลังต่อสู้แต่แข็งแกร่งกว่าในด้านจิตวิญญาณ ซึ่งได้รับการพิสูจน์โดยสถิติที่เขาทำไว้ที่ป่าสุสาน
“น่าสนใจ พวกนายอยู่ที่นี่”หนานเทียนยิ้มปลอมๆ เมื่อเห็นจี้อู่เยว่และกั๋วหลิงซา
“นายมาที่นี่เพราะสถิติเหรอ?” กั๋วหลิงซาถาม
แม้ว่าเธอจะไม่เก่งเท่าหนานเทียน แต่เธอก็ไม่กลัวเขา เธออายุน้อยกว่าเขาและเธอก็ใช้สิ่งนั้นเป็นข้อได้เปรียบ
เธอเด็กที่สุดในสี่คน เธอสามารถยอมรับการอยู่ในอันดับที่สี่ได้
หนานเทียนมองผ่านเธอไปที่แผ่นจารึก
เขาหรี่ตาเมื่อเห็นชื่อและตัวเลขในแถวแรก “ชั้นที่ 33 ข่าวลือเป็นเรื่องจริง!”
นั่นสูงกว่าสถิติที่เคยมีมาถึง 10 ชั้น!
นักเรียนคงล้อกันเล่นถึงการไปถึงชั้นสูงสุด แต่แล้วกลับมีคนทำได้จริง!
กั๋วหลิงซายิ้มเมื่อเห็นปฏิกิริยาของหนานเทียน และนั่นเป็นรอยยิ้มที่เย้ยหยัน เธอรู้ว่าคนที่สร้างสถิติคือคนที่ตบหนานเทียนในป่าสุสาน!
คนๆนั้นทำลายสถิติทั้งสองแห่ง!
“พี่หนาน ใช้เวลาของพี่ชื่นชมกับสิ่งนี้เถอะ ฉันจะไปตามทางของฉัน” จี้อู่เยว่กล่าว
หนานเทียนพยักหน้า
จี้อู่เยว่เดินผ่านหนานเทียน ทันใดนั้นหลายคนก็บินลงมา
พวกเขาทิ้งตัวลงอย่างรวดเร็วจนฝุ่นฟุ้งกระจาย
”อะไร?”
จี้อู่เยว่กางม่านพลังัขึ้นด้วยสัญชาตญาณ
หนึ่งในนั้นคือที่ปรึกษาของหนานเทียน
อีกสองคนยังหนุ่มสาวและเขารู้จักผู้หญิงคนนั้น
นักเรียนที่หายไป
ซูผิง ซูหลิงเยวี่ย และที่ปรึกษาหยุดกลางอากาศ จี้อู่เยว่หรี่ตาลง การบินเป็นเอกลักษณ์ของระดับกิตติมศักดิ์!
“หนานเทียน!”
ชายวัยกลางคนสังเกตเห็นหนานเทียนในทันที
หนานเทียนหันกลับไปมอง อย่างแรกเขาเห็นที่ปรึกษาของเขา แล้วเขาก็เห็นอีกสองคน เขาตัวแข็งทันทีที่เห็น
“มานี่” ซูผิงกล่าว
หวืด!
หนานเทียนถูกดึงเข้าหาเขาด้วยพลังที่มองไม่เห็น ซึ่งดึงเขาออกจากฝูงชนโดยตรง จากนั้นซูผิงก็โยนเขาลงไปที่พื้น
ตอนที่ 614 มังกรจันทราสมุทร
”มันเป็นเขา!”
กั๋วหลิงซาจำซูผิงได้ในทันที นั่นคือ “คุณซู” ที่สร้างสถิติใหม่ และเป็นคนที่ฆ่าน้องชายของหนานเทียนที่ป่าสุสาน
จี้อู่เยว่รู้สึกประหลาดใจท่าทีของกั๋วหลิงซา เขาไม่ได้ไปที่ป่าสุสานเพราะเขาไปบ่มเพาะที่อื่น แต่เขาสามารถบอกได้จากสถานการณ์ว่าชายหนุ่มที่มากับที่ปรึกษาของหนานเทียนจะต้องเป็นคนพิเศษ และดูเหมือนว่าเขาจะมีความขุ่นเคืองกับหนานเทียน!
”อาจารย์”
หนานเทียนมองไปที่ที่ปรึกษาของเขาด้วยความงุนงง
ชายวัยกลางคนประหลาดใจกับเจตนาฆ่าของซูผิง
เขาไม่รู้ว่าทำไมซูผิงถึงอยู่ที่นี่ แต่สัญชาตญาณของเขาบอกเขาว่านี่ไม่ใช่เรื่องดีๆ
“เขาเป็นหนึ่งในคนที่บอกให้เธอไปที่ถ้ำลึกหรือเปล่า?” ซูผิงถามซูหลิงเยวี่ย
ซูหลิงเยวี่ยมองหนานเทียนด้วยท่าทางลำบากใจ “เขาเป็นหนึ่งในนั้น คนอื่น ๆ เป็นคนในกลุ่มของเขา…”
”ดี”
ซูผิงพยักหน้า
หนานเทียนถูกบดขยี้จนเป็นชิ้นเนื้อ
ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ทุกคนตะลึงงัน
เขา… ฆ่าหนานเทียน?!
พี่น้องสกุลหนานทั้งสองเสียชีวิตภายในไม่กี่วัน!
ความจริงแล้ว มีนักเรียนห้าคนที่โดดเด่นในสถาบันผู้กล้า เพราะหนานหมายถึงพี่น้องทั้งสองคน และทั้งสองคนก็เสียชีวิตแล้ว
”คุณซู…”
ชายวัยกลางคนตกใจ และโกรธ
หนานเทียนเป็นนักเรียนของเขา พวกเขาก็มีความผูกพันต่อกัน ซูผิงจะฆ่าหนานเทียนโดยไม่มีเหตุผลได้ยังไง?
นอกจากนี้ หนานเทียนยังเป็นนักรบอสูรระดับปรมาจารย์ที่มีศักยภาพสูง เขาสามารถต่อสู้แบบตัวต่อตัวกับคนที่อยู่ในระดับกิตติมศักดิ์ขั้นสูงได้ถ้าเขาใช้พลังเต็มที่ อย่างไรก็ตามเขาไม่มีโอกาสได้โต้กลับเลยในวันนี้
แม้แต่ที่ปรึกษาก็ยังไม่เห็นว่าซูผิงทำยังไง
”มีใครอีกไหม?” ซูผิงถามซูหลิงเยวี่ย
ซูหลิงเยวี่ยไม่รู้ว่าซูผิงจะฆ่า
เธอกัดริมฝีปาก นึกถึงวันที่เธออยู่ในถ้ำลึก และที่ซูผิงเสี่ยงชีวิตเพื่อพาเธอออกมา
“และจี้เฟิง…” ซูหลิงเยวี่ยบอกชื่ออื่น
ซูผิงพยักหน้าและพูดกับชายวัยกลางคนว่า “ให้พวกเขามาที่นี่”
ชายวัยกลางคนแย้งว่า “คุณซู นี่ไม่…”
เขาอยากจะบอกว่ามันมากเกินไป แต่แววตาเย็นชาของซูผิงทำให้เขาต้องเงียบ แม้แต่หนานเทียนก็ยังถูกฆ่า เขาไม่ต้องการรุกรานซูผิงเพื่อนักเรียนคนอื่น
นี่ไม่ใช่ผู้ชายที่จะไปทำให้ขุ่นเคืองได้!
ชายวัยกลางคนหันหลังกลับ และออกไปหานักเรียนที่ซูผิงต้องการตัว
ผู้ชมจ้องมองไปยังชิ้นส่วนที่เหลือและคราบเลือดบนพื้น กลัวจนไม่กล้าหายใจ
บรรดาผู้ที่ไม่เคยเห็นซูผิงในป่าสุสานต่างตกตะลึงกับความชั่วร้ายของเขา
“ตระกูลหนานถึงวาระแล้ว…” กั๋วหลิงซาพึมพำ
สมาชิกที่มีความสามารถมากที่สุดสองคนในตระกูลถูกฆ่าในสถาบันผู้กล้า ตระกูลหนานไม่มีอัจฉริยะคนอื่น ๆ และเธอยังสงสัยว่าซูผิงจะไปกวาดล้างตระกูลหนานเสียด้วยซ้ำ
จี้อู่เยว่หน้านิ่ง ตระกูลหนานเคยมีนักรบอสูรในตำนาน เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มไม่กลัวความจริงข้อนั้น จี้อู่เยว่รู้สึกดีใจที่เขาไม่ได้สร้างปัญหา ไม่เช่นนั้นวันนี้เขาจะเป็นคนที่ถูกฆ่าตาย
ไม่นานหลังจากนั้น ชายวัยกลางคนก็กลับมาพร้อมกับนักเรียนอีกหลายคน
ซูผิงถามซูหลิงเยวี่ย “ใช่พวกเขาไหม?”
ซูหลิงเยวี่ยพยักหน้า
ซูผิงยกมือขึ้น
ท่ามกลางเสียงดังปังหลายเสียง เขาฆ่านักเรียนจากระยะไกล!
ชายวัยกลางคนกำลังบินมาหาซูผิง พอได้ยินเสียง เขาก็สะดุ้งและหันไปเพื่อมองเลือดพวกนั้น
ชายคนนั้นหน้าซีด
“ไปบอกอาจารย์ใหญ่ของคุณว่าผมกำลังจะกลับบ้าน และผมจะเชื่อใจให้พวกเขาไปหอคอย” ซูผิงพูดกับชายวัยกลางคน และบินจากไปโดยไม่ชักช้า
ซูหลิงเยวี่ยมองไปที่กองเลือดและตามซูผิงไป
ชายวัยกลางคนพูดไม่ออก
“เขาไม่ใช่นักรบอสูรในตำนาน แต่เขาน่ากลัวกว่านั้น…”
กั๋วหลิงซายืนตะลึง
พฤติกรรมของซูผิงและผลที่บันทึกไว้ในหอคอยมังกรทำให้เธอเชื่อว่าแม้ซูผิงไม่ได้อยู่ในระดับตำนาน แต่เขาก็มีพลังเทียบเท่ากับระดับตำนาน!
แต่ซูผิงยังอายุไม่ถึง 22
เธอไม่เคยได้ยินเรื่องราวของใครที่เป็นเหมือนเขา แน่นอนคำอธิบายที่พอจะฟังได้ก็คือซูผิงแก่กว่านั้น และหอคอยมังกรผิดปกติ
จี้อู่เยว่เฝ้ามองซูผิงบินออกไปและกำหมัด ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักว่าเขาต้องพยายามให้หนักขึ้นกว่าเดิม!
“นั่นคือคุณซู…”
”เขาคือ?”
”เขาชื่ออะไรนะ?”
”ฉันไม่อยากจะเชื่อ ฉันไม่เห็นว่าเขาทำอะไรเลย แต่เขาฆ่าหนานเทียน!”
“ถ้าหอคอยมังกรไม่มีปัญหา คนๆ นั้นน่าจะใกล้เคียงกับระดับตำนาน!”
ผู้ชมต่างอุทานออกมา
ทุกคนรู้ว่าชายคนนี้ชื่อคุณซู แต่ไม่มีใครรู้ชื่อเต็มของเขา
โดยหลักการแล้วตั้งแต่วันนั้น ไม่มีใครทำลายสถิติของเขาได้
แผ่นจารึกไม่ได้บันทึกชื่อเต็มหรืออายุของเขา ข้อมูลเดียวเกี่ยวกับเขาคือ ซู” เขากลายเป็นตำนาน
…
…
หวืด!
ซูผิงออกจากสถาบันผู้กล้า
เขาเรียกมังกรเพลิงนรก มันเรียนรู้ที่จะบินหลังจากได้รับสายเลือดของมังกรเลือดม่วง และมันสามารถบินได้รวดเร็วมาก
ซูผิงยืนอยู่บนไหล่ข้างหนึ่งของมัน
ซูหลิงเยวี่ยยืนอยู่ข้างเขา
“เราจะกลับกันเลยไหม?” ซูหลิงเยวี่ยก้มหน้า เธอกลัวที่จะมองเข้าไปในดวงตาของซูผิง
ซูผิงพยักหน้า “ฉันไม่มีเวลาถาม บอกฉันมาสิ เกิดอะไรขึ้นกับเธอ? ฉันไม่คิดว่าเธออยู่ในระดับกิตติมศักดิ์หรอกนะ”
ซูหลิงเยวี่ยพยักหน้าและตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า “ความจริงที่ฉันสามารถบินได้ก็เพราะจันทรา หลังจากที่ฉันมาที่สถาบันผู้กล้า ฉันมีโอกาสเข้าไปในอาณาจักรลับ ฉันไม่รู้ว่าจันทรากินอะไรตอนที่เราอยู่ที่นั่น แต่สิ่งต่างๆ เปลี่ยนไปเมื่อเรากลับมา การเปลี่ยนแปลงนั้นทำให้จันทรามีความสามารถพิเศษบางอย่าง มันสามารถรวมเข้ากับฉัน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงบินได้”
“เปลี่ยนแปลง?”
ซูผิงสนใจ “ให้ฉันดูหน่อย”
ซูหลิงเยวี่ยพยักหน้า เกล็ดเงินหลุดออกจากตัวเธอ ผิวของเธอกลับเป็นปกติและเกล็ดสีเงินก็รวมตัวกันบนกระดูกสันหลังของเธอ ในที่สุดก็กลายเป็นรังสีแสงสีเงิน
แสงสีเงินขยายออก และมังกรก็กางปีกของมัน
มังกรจันทราเหมันต์!
แต่มันดูแตกต่างไปจากตอนที่ซูผิงให้มันกับเธอ มังกรจันทราเหมันต์มีขนาดใหญ่กว่าเดิม และมีเขาสามเขาแทนที่จะเป็นเพียงเขาเดียว!
ปีกและโครงสร้างลำตัวก็ดูแตกต่างออกไปเช่นกัน โดยรวมมันดูงดงามยิ่งขึ้น
ซูผิงตกตะลึง
นั่นคือ… มังกรจันทราสมุทร!
มังกรได้วิวัฒนาการ!
มังกรจันทราสมุทรคือมังกรจันทราเหมันต์ที่พัฒนาแล้ว ซึ่งเป็นมังกรในระดับตำนานขั้นสูงสุด มันจะไปถึงสภาวะชะตากรรมทันทีเมื่อถึงวัยผู้ใหญ่!
แน่นอน มังกรมีศัตรูตัวฉกาจมากมาย และมันก็ยากสำหรับพวกมันที่จะเติบโตโดยไม่มีปัญหาใดๆ พวกมันยังไม่สามารถเข้าวัยผู้ใหญ่ได้หากไม่มีพลังงานเพียงพอ มังกรสามารถใช้เวลาทั้งชีวิตเป็นมังกรตัวเล็กที่อ่อนแอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว