ตอนที่ 637 วิญญาณต้นไม้
“ฉันต้องออกไป” ซูผิงพูดกับโจแอนนาที่กำลังรอให้เขาออกมา
โจแอนนาหรี่ตาลง เป็นอีกครั้งที่ซูผิงดูแตกต่างไปจากเดิม มีบางอย่างในตัวเขาที่แม้แต่เธอก็ยังกลัว มันเป็นความรู้สึกที่พิเศษและดั้งเดิม โบราณยิ่งกว่าเทพที่เธอเคยพบ…
โจแอนนาเคยชินกับความลึกลับของเขาแล้ว “นายจะไม่เปิดร้านหรอ?”
เมื่อร้านเปิด เธอสามารถช่วยเขาได้ และเธอจะได้เป็นพนักงานดีเด่นเร็วกว่านี้
“เธอ… ช่วยจัดการร้านให้ฉันได้” ซูผิงกล่าว เขาทุ่มเทกับสิ่งที่ต้องทำ แต่เขาไม่สามารถละทิ้งร้านได้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นเขาจะต้องพึ่งพาร้านค้าและระบบ!
เขามองรายได้ การเดินทางไปยังดาวสวรรค์ทำให้เขาใช้แต้มพลังงานไปหลายแสนแต้ม ซึ่งน้อยกว่าที่เขาคาดไว้
เขาโชคดีเพราะเขาสามารถหยิบผลหยางได้ไม่นานหลังจากที่เขาเข้าไป และสามารถต้านทานไฟได้มากขึ้น ไม่เช่นนั้นเขาจะต้องเสียชีวิตหลายร้อยครั้งในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
“ช่วยฉันปลูกต้นไม้ด้วย”
ซูผิงหยิบม้วนภาพออกมา
จู่ๆ ก็มีลมร้อนออกมา ซูผิงตกตะลึง จากนั้นเขาก็รู้สึกว่าโลกภายในม้วนภาพ… ถูกเผาไหม้จนหมด!
ทุกสิ่งได้ถูกทำลายล้าง!
ภูมิทัศน์ที่งดงามถูกแผดเผา!
ต้นไม้ผลจิตวิญญาณดวงดาว… หายไปด้วย!
ต้นไม้ผลจิตวิญญาณดวงดาวเป็นของหายากและมีค่า อาจจะน้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับต้นผลไม้หยาง แต่มันมีค่ามากสำหรับเหล่านักรบอสูรกิตติมศักดิ์!
แต่ต้นไม้หายไป!
อย่างไรก็ตามผู้หญิงคนนั้นอยู่ไหน?
ซูผิงสังเกตเห็นว่าหยานปิงเยว่ ซึ่งถูกเก็บไว้ในม้วนภาพ ไม่อยู่ในนั้น!
เธอถูกไฟไหม้จนตาย?!
III I
ซูผิงพูดไม่ออก ต้นผลไม้หยางนั้นน่ากลัวกว่าที่เขาคิด เขาเก็บมันไว้ในม้วนภาพ ทำให้โลกภายในกลายเป็นขุมนรก!
ขณะที่ซูผิงตกใจเพราะต้นผลไม้ยาง เขาได้ยินเสียงโกรธของหญิงสาว “ในที่สุดนายก็มา!”
เสียงนั้นฟังดูคุ้นหู เขาเพ่งสายตาและเห็นว่าร่างครึ่งโปร่งใสลอยออกมาจากต้นไม้ หยานปิงเยว่ใช่ไหม?
เธอยังไม่ตายเหรอ?
ไม่ …
ซูผิงเม้มปาก เขาสามารถบอกได้ว่ามันเป็นวิญญาณของหยานปิงเยว่ ร่างกายของเธอหายไป แต่อาณาจักรอันเดธนำจิตวิญญาณของเธอออกไปไม่ได้
“นายฆ่าฉัน! นายรู้หรือไหม?” หยานปิงเยว่ตะโกนด้วยความโกรธ เธอกัดฟัน ขณะที่เธออยู่ในม้วนภาพ เธอทำได้แค่อธิษฐานว่าจะมีโอกาสที่ซูผิงจะปล่อยเธอออกไป อย่างไรก็ตามอยู่ๆวันหนึ่ง ต้นไม้ที่ลุกเป็นไฟได้ตกลงมาจากฟากฟ้าตอนที่เธอกำลังบ่มเพาะ ทันใดนั้นต้นไม้นั้นก็ตกลงบนตัวของเธอ!
เธอไม่สามารถแม้แต่จะร้องออกมาก่อนที่จะละลาย!
ร่างกายของเธอกลายเป็นไอ และต้นไม้ดูดซับมันเหมือนสารอาหาร!
เธอสังเกตเห็นว่าจิตสำนึกของเธอติดอยู่ภายในลำต้นของต้นไม้ และเธอไม่สามารถหนีไปได้!
ในที่สุดเธอก็เริ่มยอมรับความจริงหลังจากเวลาผ่านไปนาน เธอ “ตาย”!
วิญญาณของเธอถูกขังอยู่ในต้นไม้!
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ…” ซูผิงต้องการอธิบาย แต่สิ่งที่เขาพูดมาเป็นข้ออ้างที่ไร้น้ำหนัก
เขาไม่ตั้งใจ แต่ความจริงคือเธอตายแล้ว
โลกภายในม้วนภาพถูกแผดเผา เธอต้องตายอย่างเจ็บปวด
บัดซบ…
“ดูหน้านายสิ?” หยานปิงเยว่ดึงหน้า “นายไม่เสียใจ ไม่รู้สึกผิดสักนิดเลยหรอ? “เธอจะพูดแบบนั้นไม่ได้ ฉันกำลังเสียใจอยู่…” ซูผิงถอนหายใจ หยานปิงเยว่กัดฟันจนฟันแทบหักเมื่อเธอเห็น “ความเศร้า” บนใบหน้าของซูผิง
เธอรู้ว่าซูผิงโกรธเธอ และนั่นเป็นเพราะเธอเกือบจะฆ่าน้องสาวของเขา นั่นเป็นเหตุผลที่เขาเก็บเธอไว้ที่นี่!
แต่น้องสาวของนายยังมีชีวิตอยู่!
ฉันถูกเก็บไว้ที่นี่นานพอแล้ว ความโกรธของนายน่าจะหายไปได้แล้ว!
“นายจะต้องตายอย่างทรมาน!” หยานปิงเยว่สาปแช่ง
ตั้งแต่เธอตาย เธอไม่ได้สวดอ้อนวอนให้ซูผิงปล่อยเธอไป “มีชีวิต” อีกต่อไป
“มีการตายแบบไหนดีบ้าง” ซูผิงกล่าว “อย่างไรก็ตาม ทำไมเธอถึงยังอยู่ที่นี่หลังจากที่ตายไปแล้ว? จิตวิญญาณของเธอ… ผสานกับต้นไม้หรอ”
“อืม!”
หยานปิงเยว่ยกแขนขึ้นที่หน้าอกของเธอ “นายสมควรถูกฉันด่า ฉันไม่สามารถไปเกิดใหม่ในร่างใหม่ได้!”
ซูผิงส่ายหัว “นั่นไม่ใช่ความผิดของฉัน ใครบอกเธอว่าเธอจะกลับชาติมาเกิดในร่างใหม่หลังจากการตาย? เธอเคยไปอาณาจักรอันเดธมาแล้วหรือไง? ที่นั่นคนที่ตายเป็นเพียงกลุ่มภูติผีเร่ร่อน เธอควรจะขอบคุณต้นไม้ที่เธอยังได้อยู่ที่นี่”
หยานปิงเยว่หัวเราะ “อย่าพูดเหมือนเคย”
“ฉันเคย…” ซูผิงกล่าว เขาไม่ได้ลงรายละเอียดเพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถจะอธิบายได้“สถานการณ์ของผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา รู้สาเหตุไหม?” เขาถามระบบ
“นายคิดว่าเหตุผลคืออะไร? เธอถูกต้นไม้ดูดกลืนและกลายเป็นวิญญาณที่เชื่อมโยงกับต้นไม้” ระบบฟังดูไม่แปลกใจ
ซูผิงเลิกคิ้วขึ้น “วิญญาณที่เชื่อมโยง?”
“ต้นไม้ยังเล็กและยังไม่มีจิตสำนึก จิตวิญญาณของเธอจึงเข้าครอบงำ พูดได้ว่าเธอเป็นวิญญาณต้นไม้แล้ว!” ระบบอธิบาย. ซูผิงตกตะลึง วิญญาณต้นไม้? หญิงสาวกลายเป็นวิญญาณต้นไม้? “เธอสามารถ… ควบคุมต้นไม้ได้ใช่ไหม?” ซูผิงถาม
”แน่นอน”
ซูผิงพูดไม่ออก ตลอดชีวิตของเขาเขาคาดไม่ถึงว่าหยานปิงเยว่จะกลายเป็นวิญญาณต้นไม้ เขาสงสัยว่านั่นดีหรือไม่ดีสำหรับเธอ
อย่างไรก็ตามหากเธอเป็นวิญญาณต้นไม้ การบ่มเพาะต้นไม้นั้นก็คือการบ่มเพาะเธอ
นั่นเป็นเรื่องที่น่าปวดหัว
“ฉันแยกเธอออกจากต้นไม้ได้ไหม?” ซูผิงถาม
“ได้ แต่พลังของนายไม่ได้ใกล้เคียงมันเลย” ระบบตอบ
ซูผิงพูดไม่ออก
ขณะที่เขาจ้องมองที่หยานปิงเยว่ซึ่งลอยอยู่เหนือยอดไม้ และกัดฟัน ซูผิงกล่าวว่า “อย่ามองฉันแบบนั้น เธอดูเหมือนผีอาฆาต”
หยานปิงเยว่กำลังจะสงบลงแต่เมื่อได้ยินคำว่า “ผีอาฆาต” ก็ปลุกความโกรธของเธออีกครั้ง “ใครทำให้ฉันต้องเป็นแบบนี้? นาย มันเป็นเพราะนาย!!”
”ใช่ ใช่ ใช่…”
ซูผิงพยักหน้า “เธอมีทางเลือกแล้วตอนนี้”
”ลืมมันซะ!”
“เธอจะเผชิญกับการทำลายล้างหรือฟังฉัน บางทีเธออาจได้รับอิสรภาพอีกครั้งในอนาคต” ซูผิงกล่าว
“ทำลายล้างฉัน? ฉันตายไปแล้ว ฉันไม่กลัวนาย” หยานปิงเยว่ประท้วง
ซูผิงถอนหายใจ “เธอยังไม่ตาย เธอแค่สูญเสียร่างกาย ความตายที่แท้จริงหมายความว่าจิตสำนึกของเธอจะหายไปตลอดกาล อย่างน้อยเราก็คุยกันได้ ใช่ไหม?”
“นายหมายความว่ายังไง ‘ฉันแค่สูญเสียร่างกาย’? นายรู้ไหมว่ามันสำคัญกับผู้หญิงขนาดไหน?!”
“ลองคิดดู อาศัยอยู่ในต้นไม้เพื่อป้องกันไม่ให้จิตสำนึกของเธอถูกทำลาย ถ้าเธอช่วยฉัน วันหนึ่งเธอจะได้รับอิสรภาพคืนมา” ซูผิงกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“ฉันเชื่อใจนายได้อีกหรอ?”
“ไม่มีใครให้เธอไว้ใจได้อีกแล้ว”
“นายมันหน้าไม่อาย!”
“เลือกเลย”
”ลืมมันซะ!”
“เธอขอเองนะ”
ซูผิงเอาต้นไม้ออกมา ความร้อนที่แผดเผาจากต้นไม้ไม่สามารถส่งผลกระทบต่อเขาได้ บวกกับร้านไม่มีวันโดนทำลาย
“นั่นต้นไม้อะไร”
โจแอนนาตกใจเมื่อซูผิงหยิบต้นไม้ออกมา เธอก้าวถอยหลังด้วยความกลัวอย่างเห็นได้ชัด ความร้อนจากต้นไม้ทำให้เหงื่อไหล
แสงสีทองปรากฏขึ้นเหนือโจแอนนา เธอคลุมตัวเองด้วยพลังเทพ
หวืด!
กิ่งไม้พยายามทุบซูผิง
ซูผิงคว้ามันทันที
”นาย!”
หยานปิงเยว่แปลกใจที่ซูผิงสามารถหยุดการโจมตีของเธอได้
หลังจากถูกขังอยู่ในต้นไม้ เธอค่อยๆ สังเกตว่าเธอเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน อย่างแรกเธอมีความอ่อนไหวต่อสิ่งรอบตัวมากขึ้น เธอเรียนรู้ว่าเธอสามารถควบคุมต้นไม้ได้ ซึ่งค่อนข้างมีผลร้ายกาจ นั่นเป็นเหตุผลที่เธอรู้สึกเกลียดชังซูผิงและไม่ใช่ทั้งหมดในเวลาเดียวกัน
เธอไม่มีร่างกายอีกต่อไป แต่เธอมีพลังมากกว่าเดิมถึงสิบเท่า!
“นี่เธอพยายามจะฆ่าฉัน” ซูผิงไม่รู้จะพูดอะไร “ฉันให้สิ่งนี้กับเธอ เธอคิดว่าจะทำร้ายฉันด้วยการใช้มันเนี่ยนะ?”
ใบหน้าของหยานปิงเยว่ขุ่นมัว
ซูผิงปล่อยกิ่งไม้และพูดอย่างเย็นชาว่า “ไม่เป็นไร ตัดสินใจเองเลย”
ครั้งนี่ซูผิงจริงจัง หยานปิงเยว่ร้อนรน ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจ “ฉันรู้ว่าควรทำยังไง?”
ซูผิงพยักหน้าและพูดกับโจแอนนาว่า “ดูแลเธอ อย่างไรก็ตาม เธอเคยเห็นต้นไม้แบบนี้ไหม?มันชื่อว่าต้นผลไม้หยาง เธอรู้วิธีปลูกต้นไม้แบบนี้ไหม?”
โจแอนนาตกตะลึง “ต้นผลไม้ยาง… หนึ่งในห้าพืชลึกลับของตระกูลไฟ?”
“ห้าพืชลึกลับของตระกูลไฟ?” ซูผิงกล่าวว่า “ฉันไม่รู้” โจแอนนาชินกับการขาดความรู้ของซูผิง เธอสงบสติอารมณ์และจ้องไปที่ต้นไม้อีกนิดหน่อย “ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายได้สิ่งนี้ในการเดินทางของนาย ฉันได้ยินมาว่าพวกมันสูญพันธุ์ไปแล้ว นี่เป็นต้นไม้ที่น่าจะพบได้ในยุคโบราณเท่านั้น!”
ซูผิงยักไหล่ เขาได้ต้นไม้มาจากยุคโบราณ “ในเมื่อเธอรู้วิธีดูแลมัน ฉันก็ฝากด้วย ผลไม้มีค่า ออกผลมาให้เร็วที่สุด ฉันจะได้ขายมันเพื่อให้ได้เงินดีๆ” ซูผิงกล่าว
พวกมันจะกลายเป็นสินค้ายอดนิยมของร้านของเขา!
นั่นเป็นผลไม้ที่สามารถทำให้ทุกคนต้านทานไฟได้!
มันเป็นสิ่งที่อสูรตระกูลไฟต้องมี! “นายสิออกผล!”หยานปิงเยว่ตะโกน
ซูผิงจ้องมองที่เธอ
”ฉันเข้าใจ” โจแอนนายังคงรู้สึกหนักใจ แม้แต่เธอก็ยังคาดไม่ถึงว่าเธอจะได้เห็นต้นไม้ต้นนี้ที่ควรจะสูญพันธุ์แล้ว!
ม้วนภาพนี้ไม่มีประโยชน์แล้ว ฉันต้องหาอย่างอื่น พื้นที่เก็บของของระบบมีขนาดเล็กเกินไป ซูผิงคิด เขาไม่สามารถใส่อะไรลงในม้วนภาพนี่ได้อีกต่อไป ขอบของม้วนภาพถูกเผา มันสามารถแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้ตลอดเวลา โลกภายในก็จะพังทลายลงเช่นกัน มันไม่คุ้มที่จะเสี่ยง
เขาส่ายหัวแล้วโยนม้วนภาพไปให้โจแอนนา เขานึกถึงผีโซ่ในถ้ำลึกซึ่งเป็นอสูรสภาวะว่างเปล่าซึ่งสามารถพัฒนาได้ในภายหลัง และสามารถเติบโตไปถึงสภาวะชะตากรรม มีโอกาสเล็กน้อยที่วิญญาณที่ถูกล่ามโซ่จะสามารถวิวัฒนาการและกลายเป็นเจ้าแห่งผีในระดับดวงดาวได้ในเวลาต่อมา
“ฉันจะเก็บไว้ที่นี่และขายให้คนที่น่าเชื่อถือ” ซูผิงย้ายผีโซ่จากแหวนจับอสูรร้ายไปยังหน้า “ขาย” ของระบบ หมอกดำพุ่งเข้ามาในร้านและผีโซ่ก็ปรากฏตัวขึ้น มันเล็กกว่าเมื่อก่อนมาก
ผีถูกล่ามโซ่นอนอยู่บนพื้น มันดูดุร้ายแต่ไม่เคลื่อนไหวใดๆโจแอนนารู้สึกประหลาดใจกับผีโซ่ แต่ก็สงบลงได้ในไม่ช้า อสูรร้ายนั้นหายาก แต่เธอเคยเห็นอสูรที่มีพลังมากกว่านี้
นอกจากผีโซ่แล้ว เขายังนำราชาอสูรร้ายตัวอื่นๆ ที่เขาจับได้จากถ้ำลึกออกมา ราชาอสูรร้ายส่วนใหญ่อยู่ในสภาวะว่างเปล่า และอยู่ในขั้นสูงสุด ซูผิงกำลังวางแผนที่จะขายราชาอสูรร้ายเหล่านั้น ทั้งหมดเป็นเพราะตอนนี้โลกกำลังโกลาหล และอสูรป่ามีอยู่ทุกหนทุกแห่ง การขายราชาอสูรร้ายเหล่านั้นให้กับนักรบอสูรในตำนานจะช่วยมนุษยชาติได้
อย่างไรก็ตามเนื่องจากราชาอสูรร้ายเหล่านั้นอยู่ในสภาวะว่างเปล่า เขาจึงไม่สามารถขายพวกมันให้กับนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ได้ มิฉะนั้นเขาจะเสนอให้ปรมาจารย์ดาบหนึ่งหรือสองตัว ท้ายที่สุดเขาไม่ได้สนิทสนมกับนักรบอสูรกิตติมศักดิ์มากมาย และเขาเชื่อมั่นในปรมาจารย์ดาบ
“เอาพวกมันไปโชว์ แล้วฉันจะขายเองเมื่อฉันกลับมา” ซูผิงพูดกับโจแอนนา พวกมันทั้งหมดเป็นอสูรสภาวะว่างเปล่า มันจะเสี่ยงที่จะขายให้คนที่เขาไม่คุ้นเคย เขาต้องเลือกลูกค้าด้วยตัวเอง
“ได้” โจแอนนาตอบ
โจแอนนาไม่แปลกใจเมื่อเห็นซูผิงนำราชาอสูรร้ายออกมา เธอรู้จักเขาดีและเขาลึกลับ เธอคงไม่แปลกใจถ้าซูผิงจะให้อสูรร้ายระดับดวงดาวแก่เธอ
ในทางกลับกันหยานปิงเยว่ตกตะลึงขณะที่เธอลอยอยู่เหนือต้นไม้
เธอถูกเก็บไว้ในม้วนภาพ และเธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับซูผิงหลังจากที่เขาทำให้ตระกูลถังยอมประนีประนอม
เธอรู้สึกว่าเธอพลาดหลายสิ่งหลายอย่างเกินไปขณะที่เธอถูกเก็บไว้ในม้วนภาพ
ผู้ชายคนนี้มีพลังมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
ความกลัวของเธอทำให้เธอตัดสินใจที่จะหยุดทำร้ายซูผิง
“ฉันต้องหาคนมาถามบางอย่าง” ซูผิงพูดและมอบหมายงานของร้านให้โจแอนนา โจแอนนาพยักหน้า
ตอนที่ 638 วิกฤตของถ้ำลึก
ซูผิงข้ามถนนไปหาฉินชูไห่เพื่อขอข้อมูลติดต่อของฉินตู้หวง
ฉินชูไห่และนักรบอสูรกิตติมศักดิ์อื่น ๆ ของตระกูลฉินรู้สึกปลาบปลื้มที่ซูผิงมา หนึ่งในนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ก้าวมาข้างหน้า และยื่นโทรศัพท์ของเขาออกมาเพื่อโทรออก
“ฉิน”
ซูผิงรับโทรศัพท์ของชายคนนั้นและเข้าประเด็น“ผมเอง ซูผิง ผมขอถามอะไรคุณหน่อย” “คุณซู?”
ฉินตู้หวงจำเสียงของซูผิงได้ก่อนที่เขาจะแนะนำตัวเอง การโทรของซูผิงทำให้เขาประหลาดใจ “ใช่ ผมเอง”
ฉินตู้หวงพูดตอบด้วยความเคารพอย่างสูงสุด
เขาอยู่ที่นั่นด้วยตอนที่ซูผิงท้าทายหอคอย และฆ่านักรบอสูรในตำนานที่ประจำการอยู่ที่นั่น ซูผิงเป็นคนขายอสูรร้ายให้กับเขา เขายังคงเชื่อว่าราชาอสูรเป็นเหมือนของขวัญมากกว่าเพราะไม่มีใครขายราชาอสูรในราคาถูกเช่นนี้
“ไม่มีอะไร ผมแค่จะถามเกี่ยวกับหอคอยและอสูรร้ายที่โจมตี” ซูผิงกล่าว
ฉินชูไห่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพียงพอแก่เขา ซูผิงหวังว่าฉินตู้หวงจะทำให้ภาพชัดเจนขึ้น
“หอคอย…”ฉินตู้หวงกล่าว “ผมไม่ได้สนใจหอคอยมากนัก แต่ผมคิดว่าพวกเขากำลังทำอะไรบางอย่าง เมื่อเร็ว ๆ นี้ พวกเขาส่งนักรบอสูรในตำนานออกไปเพื่อเป็นกำลังเสริมให้กับเมืองฐาน ผมได้ยินมาว่าพวกเขากำลังจัดระเบียบเมืองฐานบางแห่งเพื่อเตรียมแนวป้องกันจากการโจมตี เมืองฐานหลงเจียงจะเป็นส่วนหนึ่งของแนวป้องกันทางตะวันออกเฉียงใต้”
“แนวป้องกัน?”
ซูผิงขมวดคิ้ว การโจมตีของอสูรป่านั้นรุนแรงกว่าที่เขาคิดไว้ในตอนแรก
“คุณเคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับสี่ราชาสวรรค์ไหม?” ซูผิงถาม
เมื่อเทียบกับอสูรป่าอื่นแล้ว ราชาสวรรค์ทั้งสี่นั้นอันตรายกว่า!
ท้ายที่สุดแล้ว ตัวที่อ่อนแอที่สุดในสี่คน—ราชาสวรรค์ต่างโลก—อยู่ที่สภาวะชะตากรรม อีกสามตัวจะน่ากลัวมากขึ้นเท่านั้น!
“ผมได้ยินมาว่ามีคนพบร่องรอยของ ‘ราชาสวรรค์เจ็ดบาป’ ในทวีปเหนือ ราชาสวรรค์อีกสามตัวยังไม่ปรากฏตัว แต่ผมคิดว่าพวกมันจะออกมาไม่ช้าก็เร็ว ราชาสวรรค์ทั้งสี่ต้องอยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้ ผมคิดว่าพวกมันอาจจะร่วมมือกัน!”ฉินตู้หวงบอกความกังวลของเขา
ราชาสวรรค์ทั้งสี่เป็นราชาอสูรร้ายสี่ตัวที่เป็นผู้ปกครองของอสูรป่าทั้งหมดบนดาวเคราะห์สีน้ำเงิน ทั้งสี่มีสติปัญญาสูง
เนื่องจากการโจมตีครั้งนี้รุนแรงมาก ราชาสวรรค์ทั้งสี่จึงน่าจะร่วมมือกัน
“มีอะไรเกิดขึ้นในถ้ำลึกไหม?” ซูผิงถาม
”คุณรู้ได้ยังไง?”ฉินตู้หวงรู้สึกประหลาดใจกับการคาดเดาของซูผิง“ถ้ำลึกในทวีปเหนือตกอยู่ในอันตราย นักรบอสูรในตำนานที่ประจำอยู่ที่นั่น ถูกกำจัด และอสูรป่าก็ออกมาได้!”
ซูผิงรู้สึกว่าจิตใจของเขาหนักอึ้ง ถ้ำลึกเป็นต้นตอของปัญหา!
“ผมสงสัยว่าจะมีสถานการณ์ที่คล้ายกับถ้ำลึกที่นี่หรือเปล่า?…”ฉินตู้หวงแสดงความกังวลและถอนหายใจ เขาคิดว่านั่นเป็นสถานการณ์ที่เป็นไปได้มากที่สุด มันหมายความว่าอนาคตของมนุษยชาติน่าเป็นห่วง!
ซูผิงไม่ได้พูดอะไรสักพัก ในที่สุดเขาก็พูดว่า “ผมต้องไปข้างนอกสักหน่อย ผมเชื่อว่าคุณจะปกป้องหลงเจียงได้ ผมมีราชาอสูรร้ายชุดใหม่อยู่ในร้าน และพวกมันดี เข้ามาดูเมื่อคุณว่าง ผมจะจัดการให้เสร็จเมื่อผมกลับมา”
“ราชาอสูรร้ายตัวใหม่?”ฉินตู้หวงหอบ “คุณซู คุณออกไปข้างนอกเกี่ยวกับการล่าราชาอสูรร้ายหรือเปล่า?”
ฉินชูไห่และนักรบอสูรกิตติมศักดิ์อื่น ๆ จ้องมองซูผิงด้วยความประหลาดใจ
ราชาอสูรร้ายอีกแล้ว?
ทำไมซูผิงถึงได้มีราชาอสูรอยู่ตลอดเวลา! พวกเขาปรารถนาที่จะได้รับราชาอสูรร้ายมาเป็นของตัวเอง
ด้วยการเป็นนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ พวกเขาสามารถทำสัญญากับราชาอสูรร้ายสภาวะสมุทรได้!
ถ้าซูผิงขายพวกมันให้ พวกเขาจะสามารถท้าทายสิ่งมีชีวิตระดับตำนานได้!
“ผมมีเรื่องจะพูดแค่นี้”
ซูผิงวางสาย
”คุณซู…” นักรบอสูรกิตติมศักดิ์สูงอายุถามซูผิงทันทีที่เขาวางสาย “เราจะซื้อราชาอสูรด้วยได้ไหม?”
นักรบอสูรกิตติมศักดิ์คนอื่นแสดงความกระตือรือร้นทางสายตาเท่านั้น กลัวว่าจะรบกวนซูผิงหากพวกเขาถามคำถามเดียวกัน
ซูผิงไม่ต้องการปฏิเสธคนนี้ แต่เขาต้องทำ “ไม่ ผมขายราชาอสูรร้ายเหล่านั้นให้กับนักรบอสูรในตำนานเท่านั้น คุณจะไม่สามารถทำสัญญาได้ แม้ว่าผมจะสามารถขายราชาอสูรให้คุณได้ก็ตาม” “มีเพียงนักรบอสูรในตำนานเท่านั้น?” พวกเขาตกตะลึง
กล่าวคือราชาอสูรร้ายเหล่านั้นอยู่ที่สภาวะว่างเปล่า!
นับตั้งแต่ฉินตู้หวงถึงระดับตำนานมันเป็นเรื่องที่ดีสำหรับทั้งตระกูลที่จะเข้าใจระดับตำนานมากขึ้น
ราชาอสูรสภาวะว่างเปล่า… แข็งแกร่งกว่าฉินตู้หวง!
แต่ซูผิงกำลังจะขายราชาอสูรร้ายเหล่านั้น…
ซูผิงไม่เคยหยุดทำให้พวกเขาตกตะลึง
ซูผิงตัดสินใจหาวิธีปลอบพวกเขา “ผมอาจขายราชาอสูรร้ายที่มีพลังมากกว่าราชาเหล่านั้นในอนาคต
“ดังนั้น หากคุณต้องการซื้อราชาอสูร จงฝึกให้หนักและบ่มเพาะ พยายามไปถึงระดับตำนานแล้วคุณสามารถซื้อราชาอสูรร้ายได้” นักรบอสูรกิตติมศักดิ์สงสัยว่าพวกเขาควรจะตอบว่ายังไง บ่มเพาะ? ถึงระดับตำนาน?!
ซูผิงกำลังพูดราวกับว่าการไปถึงระดับตำนานนั้นง่ายเหมือนกับการดื่มน้ำ
แต่นั่นเป็นระดับตำนาน!
นักรบอสูรกิตติมศักดิ์ที่มีความสามารถมากมายติดอยู่ในระดับกิตติมศักดิ์ ไม่เคยไปถึงระดับตำนานเลย!
ซูผิงไม่เสียเวลาต่อแม้แต่วินาทีเดียว เขาออกจากตระกูลฉิน
เขาต้องไปหาโครงกระดูกน้อยให้เร็วที่สุด สิ่งที่ดีคือซูผิงสามารถบอกได้คือชีวิตของโครงกระดูกน้อยไม่ตกอยู่ในอันตราย ต้องขอบคุณสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นของสัญญา
แม้แต่ในถ้ำลึก โครงกระดูกน้อยก็ยังปลอดภัย
หวืด!
ซูผิงเรียกมังกรเพลิงนรกออกมา และนั่งบนหลังของมัน จากนั้นสั่งให้มันบินไปยังเมืองฐานที่ใจกลางเขตอนุทวีป
เขาใช้ทักษะว่องไวกับมังกรเพลิงนรก อสูรร้ายหายตัวไปในท้องฟ้าเหนือเมืองฐานหลงเจียงในทันที
ซูผิงเห็นอสูรร้ายมากมายขณะที่บินผ่าน
อสูรป่าเหล่านั้นกำลังเดินไปมา และบางตัวก็รวมเป็นฝูงเล็ก
เมื่อเทียบกับในอดีต อสูรป่ามีความกระตือรือร้นมากกว่า อสูรป่าเหล่านั้นจะไม่เคยออกจากดินแดนรกร้างมาก่อน
ท้ายที่สุดแล้วอสูรป่ามีโอกาสที่จะขยายอาณาเขตได้ แต่ในทำนองเดียวกันมนุษย์จะไม่ออกจากเมืองฐานโดยไม่มีเหตุผล
ซูผิงยังคงขมวดคิ้วขณะเดินทาง
เหล่านกต่างหวาดกลัวพลังของมังกรเพลิงนรก
แม้แต่อสูรร้ายระดับเก้าทั่วไปก็ยังสั่นสะท้านเมื่ออยู่ต่อหน้ามังกรเพลิงนรก นับประสาอะไรกับนก
การเดินทางไปยังดาวของอีกาทองคำนั้นทำให้มังกรเพลิงนรกแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน ท้ายที่สุดต้องขอบคุณการปกป้องของมังกรที่ป้องกันความร้อนให้ ซูผิงจึงสามารถมุ่งความสนใจไปที่การบ่มเพาะเพียงอย่างเดียวได้
เมืองฐานหลงหยาง
กําแพงอันตระการตาครอบคลุมอาณาเขตของเมืองฐาน มีนักรบอสูรมากมายในชุดเกราะสีทองบินอยู่บนท้องฟ้า
นักรบอสูรกิตติมศักดิ์หลายคนยืนอยู่
หวืด!
มังกรกำลังเข้าใกล้เมืองฐาน
ซูผิงยืนอยู่บนหลังมังกรเพลิงนรก เสื้อผ้าและผมของเขาปลิวไสว
เขายืนอยู่บนหลังมังกร และจ้องมองไปที่พื้น
”ตรงนั้นใคร!”
เหล่านักรบอสูรกิตติมศักดิ์บินตรงมายังมังกร แม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกกดดัน แต่ช่วงเวลาวิกฤติได้กำหนดไว้ว่าพวกเขาจะต้องเผชิญหน่กับอันตรายทั้งหมด “ซูผิงจากหลงเจียง!” ซูผิงตะโกน
นักรบอสูรกิตติมศักดิ์ดูจะประหลาดใจ “นาย?”
ซูผิงขมวดคิ้ว เขาไม่รู้จักผู้ชายคนนั้น
ในไม่ช้า เขาจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เขามาเยือนเมืองฐานหลงหยางกับโม่เฟิงผิง ชายวัยกลางคนนี้จงใจพยายามสร้างปัญหาให้กับเขา
”คุณรู้จักเขา?” นักรบอสูรกิตติมศักดิ์คนอื่นถามชายวัยกลางคน
“ไม่ แต่ฉันคิดว่าเขาเกี่ยวข้องกับสถาบันผู้กล้า”
จากนั้นชายวัยกลางคนพ่นลมใส่ซูผิง “นี่คือเมืองฐานหลงหยาง ผู้ที่ต่ำกว่าระดับตำนานจะไม่ได้รับอนุญาตให้บินโดยไม่ได้รับอนุญาต มีนักรบอสูรในตำนานหลายคนที่นี่ ดังนั้นห้ามบินโดยเด็ดขาด อย่ารบกวนพวกเขา ลงไปและเก็บอสูรของนาย และเดินจากที่นี่ไป”
“นักรบอสูรในตำนานสามารถบินได้ไม่ใช่หรอ?” ซูผิงถามอย่างเย็นชา “แน่นอน…” อีกคนตอบ
“งั้นฉันจะบิน” ซูผิงเลิกสนใจชายคนนั้น และบอกมังกรเพลิงนรกให้บินต่อไป “หยุด!”
ผู้ชายหลายคนเข้ามาหยุดเขา ชายวัยกลางคนตะโกนว่า “แกไม่ได้ยินฉันหรือไง? จะหลอกตัวเองว่าเป็นนักรบอสูรในตำนานหรือยังไง?”
“ฉันไม่ใช่ แต่ฉันฆ่าบางคนในระดับนั้นได้ นับไหม?” ซูผิงถาม
“แกฆ่าระดับตำนาน? ตลกหรือไง…?”
ชายวัยกลางคนหัวเราะเยาะ ก่อนที่เขาจะสามารถเยาะเย้ยเขาได้ต่อไป มังกรเพลิงนรกก็ก้าวเข้ามา
โฮ่กกก!!!
เสียงคำรามดังก้องไปทั่วบริเวณ
เหล่านักรบอสูรที่ขวางทางมังกรต่างงุนงง ราวกับว่าพวกเขาเผชิญกับพายุที่รุนแรง
พวกเขาสองคนตัวสั่น ตัวเปียกแม้กระทั่งกางเกง
นักรบอสูรกิตติมศักดิ์ที่เพิ่งล้อเลียนซูผิงนั้นกลัวที่สุดในบรรดาพวกเขาทั้งหมด เขาเบิกตากว้างราวกับว่าได้เห็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด
“กล้าดียังไงมาห้ามเจ้านายฉัน?” เสียงที่ลึกและดังมังกรเพลิงนรกก้องอยู่ในอากาศ
ในที่สุดเหล่านักรบอสูรกิตติมศักดิ์ก็กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง พวกเขารู้สึกว่าเลือดของตัวเองแข็ง
มังกรตัวนี้น่ากลัว!
พูดได้!
หวืด!
มังกรเพลิงนรกกระพือปีก และบินตรงเหนือคนที่ขวางทางอยู่
ถ้าไม่ใช่เพราะสัญญาและคำสั่งของซูผิงที่จะไม่ทำร้ายผู้คนโดยไม่มีเหตุผล มังกรเพลิงนรกคงจะฆ่านักรบอสูรกิตติมศักดิ์เหล่านั้นด้วยเสียงคำรามเพียงอย่างเดียว
“นั่น นั่น…”
“ซูผิงจากหลงเจียง? ฉันคิดว่ามีคนที่น่ากลัวอยู่ในเมืองฐานหลงเจียง เขาชื่ออะไรอีก…” “ฉันคิดว่าซูอะไรสักอย่างใช่ไหม?” เหล่านักรบอสูรที่มีกิตติมศักดิ์ต่างมองหน้ากันอย่างตื่นตระหนก
ชายวัยกลางคนที่ล้อเลียนซูผิงหน้าซีด และหยุดสั่นไม่ได้
ในไม่ช้าซูผิงก็มาถึงสถาบันผู้กล้า
หวืด!
มังกรเพลิงนรกกางปีกออกและสร้างเงาขนาดใหญ่เหนือสถาบัน
ซูผิงพยายามค้นหาอวิ๋นว่านหลี่ จากนั้นเขาก็พบบางสิ่งที่น่าสนใจ: มีนักรบอสูรในตำนานอีกสองคนยืนอยู่ข้างอวิ๋นว่านหลี่!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว