ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว นิยาย บท 643

ตอนที่ 643 ค่ายกลในถ้ำลึก
  “นี่เรา…”
  ตรงหน้าซูผิงเป็นประตูสีทองเรียบง่ายแต่โบราณ ประตูถูกสลักเป็นรูปสัตว์ประหลาดรูปร่างแปลกประหลาด แต่เหมือนจริงซึ่งดูเหมือนจะมองลงมาที่โลกที่อยู่ข้างหน้าพวกเขา
  บรรยากาศป่าเถื่อนในสมัยโบราณไหลออกมาจากประตู ซึ่งดูเหมือนอยู่ที่นี่มาเป็นเวลาหลายหมื่นปี
  ประตูสีทองแง้มเล็กน้อย ซูผิงปล่อยให้ความรู้สึกซึมเข้ารอยร้าว ไม่มีราชาอสูรร้าย
  ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามีประตูในสถานที่ที่อสูรร้ายอาศัยอยู่…
  ซูผิงรู้สึกงุนงง ประตูนี้ดูเหมือนจะไม่ได้ทำโดยอสูรป่า
  เป็นไปได้ไหมว่าในตอนแรกเหล่านักรบอสูรขับไล่อสูรร้ายเหล่านั้นและสร้างประตูนั้นเพื่อกักกันพวกมัน?
  ดูเหมือนนี่จะเป็นคำอธิบายเดียว
  ซูผิงเคลื่อนไหวอย่างไม่ลังเล
  หวืด!
  เขาเคลื่อนย้ายตัวเองผ่านช่องเปิดเล็กๆ และปรากฏขึ้นที่อีกด้านหนึ่งของประตู
  ส่วนที่ล้อมรอบประตูทองขนาดใหญ่นั้นเต็มไปด้วยพลังประหลาด เขาไม่สามารถเคลื่อนย้ายผ่านจุดอื่นได้ ผ่านได้ทางรอยแตกเท่านั้น
  เขาจะต้องผลักประตูเปิดถ้าประตูถูกปิดอย่างแน่นหนา
  ในขณะที่อีกฝั่งของประตู ซูผิงเห็นทางเดินที่เต็มไปด้วยเมือก ใยแมงมุม โครงกระดูกของอสูรร้าย และเลือดแห้งอยู่ข้างหน้าเขา ทางมีความลาดเอียง มันส่งกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ และไม่มีแสง
  ซูผิงเคยชินกับสภาพแวดล้อมที่มืดสนิท ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกอึดอัดใดๆ เขาเดินตามโครงกระดูกน้อยไปตามทางเดินอย่างระมัดระวัง ทางเดินนั้นกว้างมาก มีเส้นผ่านศูนย์กลางสี่ถึงห้าร้อยเมตร ราชาอสูรร้ายขนาดใหญ่เกือบห้าตัวเดินเคียงกันได้
  เมื่อเทียบกับทางเดินขนาดใหญ่นั้น ซูผิงเป็นเหมือนมด
  ลมกระโชกแรงบางครั้งไหลออกมาจากส่วนลึกของทางเดิน ราวกับว่ามันเป็นปากของอสูรร้ายที่มีชีวิต
  ซูผิงขยายจิตสำนึกของเขาอย่างระมัดระวังจนถึงขอบเขตสูงสุด ขณะที่เขาเดินเข้าไปในทางเดินลึกขึ้น ไม่นานเขาก็มาถึงจุดสิ้นสุด ซึ่งเขาพบเปลวไฟลุกไหม้ที่ปากทางเข้าถ้ำ
  ที่ปลายทางเดินเป็นทุ่งลาวา
  ไม่มีทางแยกอีกต่อไป มันเป็นที่ราบที่มีหินแปลก ๆ ตั้งอยู่ ดินแดนนั้นกว้างใหญ่มากหลายร้อยกิโลเมตร ซูผิงมองไม่เห็นแม้แต่ขอบของดินแดนอันกว้างใหญ่เช่นนี้!
  หินและผนังเป็นสีแดง และอุณหภูมิสูงต้องมีอย่างน้อยแปดสิบหรือเก้าสิบองศา
  โครงกระดูกขนาดใหญ่บางชิ้นกระจัดกระจายอยู่ทั่ว เห็นได้ชัดว่าการแข่งขันระหว่างอสูรนั้นดุเดือดมาก
  ฉันไม่คิดว่าจะมีราชาอสูรอยู่ที่นี่…
  ซูผิงไม่พบราชาอสูรร้ายใดๆ
  แม้แต่ราชาอสูรร้ายก็ออกไป
  ซูผิงขมวดคิ้ว เขายังคงซ่อนพลังงานไว้
  ขณะที่เขาเดินลึกเข้าไป ซูผิงสังเกตเห็นว่าอุณหภูมิในบริเวณโดยรอบเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ พื้นดินใต้เท้าปกคลุมไปด้วยหินสีแดงเข้ม หินบางก้อนอุณหภูมิสูงมานานจนกลายเป็นผลึกสีแดงเข้ม มีดาบคมบางด้ามก่อตัวขึ้นจากผลึกบนผนังบริเวณใกล้ๆ
  แม้ว่าผลึกจะไม่มีผลกระทบพิเศษใด ๆ แต่ก็ยังสามารถขายได้ในราคาสูง เนื่องจากรูปลักษณ์ที่สวยงามของพวกมัน
  เมื่อไปเยี่ยมดาวของอีกาทองคำแล้ว ซูผิงก็ไม่ได้รับผลกระทบจากความร้อน โครงกระดูกน้อยก็สบายเช่นกันเพราะมันผ่านการฝึกฝนอย่างหนักในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายมา
  สถานที่นี้เย็นไปเลยเมื่อเทียบกับดินแดนของอีกาทองคำ
  ทันใดนั้นซูผิงก็หยุด เขาเห็นอสูรร้ายตัวสีแดงเข้มเกาะอยู่บนกำแพงหินตรงหน้าเขา สิ่งมีชีวิตยาวร้อยเมตรคล้ายกับกิ้งก่าที่มีเกล็ดสีแดงสด อสูรร้ายนั้นนอนอยู่บนผลึกก้อนหนึ่ง เมื่อมองแวบแรก เขาเข้าใจผิดว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของหิน
  ดูเหมือนว่าอสูรร้ายจะหลับอยู่
  สภาวะว่างเปล่า…
  ซูผิงขมวดคิ้ว เขาไม่เคยเห็นอสูรร้ายแบบนี้มาก่อน แต่เขาสามารถบอกได้ว่าไม่สามารถประเมินมันต่ำเกินไปได้
  ราชาอสูรร้ายที่เขาพบด้านนอกถ้ำนั้นโดยพื้นฐานแล้วอยู่ที่สภาวะสมุทร แต่ราชาอสูรร้ายตัวแรกที่เขาพบอยู่ที่นี่คือสภาวะว่างเปล่า!
  แม้ว่าเขาจะต้านทานไฟได้ดี แต่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่อยู่ยงคงกระพันของอสูรป่าตระกูลไฟ เขาจึงตัดสินใจไม่โจมตี ผืนดินกว้างใหญ่ เขาไม่สามารถประเมินสถานการณ์ได้อย่างชัดเจน เขาไม่รู้ว่าจะมีอะไรรออยู่รอบตัวเขาอีก
  อ้อม!
  ซูผิงเดินอ้อมแล้วสำรวจต่อ
  หลังจากเจอกับกิ้งก่าแดงนั้น ในไม่ช้าซูผิงก็พบราชาอสูรร้ายตัวอื่น ราชาอสูรร้ายตัวหนึ่งกำลังเล่นอยู่ในแอ่งลาวา และราชาอสูรร้ายตัวเล็กๆ สองตัวกำลังติดตามตัวที่ใหญ่กว่าซึ่งอยู่ที่สภาวะชะตากรรม! ซูผิงอึ้ง ราชาอสูรร้ายสภาวะชะตากรรมนั้นแข็งแกร่งพอๆ กับราชาสวรรค์ต่างโลก!
  เขาเห็นตัวหนึ่งต่อหน้าต่อตา! อสูรพันตาที่ฉันเห็นในทางเดินก็อยู่ในสภาวะชะตากรรมเช่นกัน ดังนั้นมีสองตัวแล้ว …
  จิตใจของซูผิงหน่วงมาก
  หอคอยมีนักรบอสูรในตำนานสภาวะว่างเปล่าเพียงสิบสองคนเท่านั้น!
  ราชาอสูรร้ายตัวหนึ่งที่สภาวะชะตากรรม… เท่ากับนักรบอสูรในตำนานสภาวะว่างเปล่าเจ็ดหรือแปดคน!
  เขายังนำอสูรของนักรบในตำนานมาพิจารณาร่วมด้วย หากนักรบอสูรสภาวะว่างเปล่าแต่ละคนมีอสูรสภาวะว่างเปล่าสามตัว นักรบอสูรในตำนานเจ็ดหรือแปดคนรวมกันอาจเท่ากับอสูรสภาวะว่างเปล่ายี่สิบตัว!
  อย่างไรก็ตาม นั่นจะเทียบเท่ากับอสูรสภาวะชะตากรรมแค่ตัวเดียว!
  นักรบอสูรจะต้องใช้ค่ายกลพิเศษบางอย่างเพื่อแข่งขันกับสิ่งมีชีวิตสภาวะชะตากรรม!
  ช่องว่างระหว่างสภาวะว่างเปล่าและสภาวะชะตากรรมนั้นกว้างพอ ๆ กับสวรรค์และโลก ราชาอสูรร้ายทั้งสองที่เขาเคยเห็นมานั้นเพียงพอที่จะทำให้หอคอยไม่เหลืออะไร ไม่ต้องพูดถึงราชาสวรรค์ทั้งสี่ภายนอก!
  อสูรพันตาไม่ได้ฆ่าโครงกระดูกน้อย มันออกจากทางเดินเมื่อสามวันก่อน…
  ซูผิงได้รู้ว่าอสูรพันตารอดชีวิตหลังจากสื่อสารกับโครงกระดูกน้อย โครงกระดูกของเขาไม่สามารถฆ่ามันได้เพราะมันอยู่ระดับเก้า วิเศษมากแล้วที่มันสามารถต้านและแม้กระทั่งต่อสู้กับราชาอสูรที่สภาวะชะตากรรม!
  ในทำนองเดียวกันราชาอสูรก็ไม่สามารถกำจัดโครงกระดูกน้อยได้ และในที่สุดมันก็ได้โอกาสหนี อสูรพันตายอมแพ้ในการไล่ตามโครงกระดูกน้อย โครงกระดูกน้อยจึงยังมีชีวิตอยู่
  ซูผิงเดินอ้อมราชาอสูรร้ายเหล่านั้นและเดินทางต่อไป
  ครึ่งชั่วโมงผ่านไป เขาได้พบกับราชาอสูรอีกสามตัว ทั้งหมดอยู่ในสภาวะว่างเปล่า!
  ดูเหมือนว่าอสูรร้ายในสภาวะสมุทรจะเป็นกลุ่มน้อย
  อะไร?
  ทันใดนั้น เขาสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ทรงพลังซึ่งอยู่ข้างหน้าเขาประมาณห้าหมื่นเมตร อสูรร้ายสภาวะชะตากรรม!
  ซูผิงหรี่ตาลง
  ราชาอสูรร้ายสภาวะชะตากรรมสี่ตัว?
  เมื่อนับรวมกับที่เขาได้เห็นระหว่างทาง เขาพบกับราชาอสูรสภาวะชะตากรรมทั้งหมดห้าตัว!
  จำนวนนี้เพียงพอที่จะโค่นล้มทั้งโลกได้!
  ทำไมพวกมันถึงมารวมตัวกันที่นี่…?
  ซูผิงพบว่ามันแปลก เขาบอกให้โครงกระดูกน้อยรวมเข้ากับเขา
  โครงกระดูกน้อยพุ่งเข้าหาซูผิง
  พลังงานมหาศาลอัดแน่นในแขนขาของซูผิงในทันที เมื่อเขาถูกปกคลุมไปด้วยกระดูกสีขาวเขาก็เป็นเหมือนเทพเจ้าแห่งความตาย
  หลังจากที่รวมเข้าด้วยกัน เขาก็พุ่งไปข้างหน้า
  ซูผิงปกปิดตัวเองได้อย่างสมบูรณ์จากความช่วยเหลือของโครงกระดูกน้อย
  ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็อยู่ใกล้พอที่จะมองเห็นได้ดีขึ้น ข้างหน้า เปลวเพลิงกำลังโหมกระหน่ำ จริงๆแล้วมีค่ายกลสี่เหลี่ยม นอกม่านพลังมีอสูรยักษ์สี่ตัว แต่ละตัวมีลำตัวยาวหลายร้อยเมตรอยู่กันสี่ทิศทาง ดูเหมือนว่าอสูรร้ายจะปกป้องค่ายกลอยู่
  ปกป้องโดยอสูรร้ายสภาวะชะตากรรมสี่ตัว?
  ซูผิงรู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะ
  มีค่ายกลอยู่ตรงนั้น!
  ค่ายกลมีโครงสร้างที่ซับซ้อน มีอักษรรูนไหลอยู่รอบค่ายกล
  ค่ายกลผนึก?
  ”ใช่” เสียงของระบบดังขึ้น
  ซูผิงตกใจ เขาโมโหระบบหลังจากกลับมารู้สึกตัว แต่ใช่ว่าเขาจะสามารถสั่งสอนระบบได้ นอกจากนี้ระบบได้ยืนยันสมมติฐานของเขาแล้ว มันเป็นค่ายกลผนึก!
  ซูผิงใช้เวลาร่วมกับลูกน้องของโจแอนนาในหลุมศพกึ่งเทพเป็นเวลานาน เขาได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างจากพวกเขา นั่นคือเหตุผลที่เขาสามารถบอกประเภทของค่ายกลได้จากอักษรรูนที่ใช้
  ลึกสุดของถ้ำลึกมีค่ายกลผนึก!
  นั่นคือค่ายกลที่หลี่หยวนเฟิงพูดถึงหรือเปล่า?
  ซูผิงปฏิเสธความคิดนั้น
  ไม่ นั่นไม่ใช่
  ถ้าค่ายกลนั้นเป็นสิ่งเดียวที่รักษาระเบียบในถ้ำลึก ตอนนี้ค่ายกลนั่นควรจะถูกทำลายไปแล้ว!
  นอกจากนี้มีอสูรร้ายสี่ตัวคอยปกป้องค่ายกลนั้น ค่ายกลนั่นอันตราย!
  แต่…
  อะไรถูกผนึกไว้ข้างในค่ายกล?
  อสูรร้ายที่น่ากลัวยิ่งกว่านี้? หรืออย่างอื่น?
  ฉันสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าค่ายกลนี้ถูกทำลาย… ซูผิงรู้สึกอยากจะลอง
  ราชาอสูรร้ายสภาวะชะตากรรมอยู่ที่นั่น แต่เขาไม่ใช่มนุษย์อ่อนแออย่างที่ทุกคนรู้จักอีกต่อไป
  แม้จะไม่ได้รวมเข้ากับโครงกระดูกน้อย ซูผิงก็เกือบจะเทียบเท่ากับสภาวะชะตากรรม เขายังรู้สึกว่าสิ่งมีชีวิตนั่นไม่สามารถต้านทานดาบแห่งความว่างเปล่าของเขาได้!
  เมื่อเขารวมเข้ากับโครงกระดูกน้อยเขาก็ไม่ต้องกังวลอะไรกับอสูรร้ายสภาวะชะตากรรมเหล่านั้นอีกต่อไป
  แต่เขายั้งไว้
  อสูรร้ายทั้งสี่ปกป้องค่ายกลอยู่… ไม่มีตัวไหนที่เป็นผู้ปกครองแท้จริงของถ้ำลึกได้ ถ้าผู้ชายสองคนขี่ม้าตัวเดียวกัน คนหนึ่งจะต้องอยู่ข้างหลัง นั่นคือความจริงสำหรับทุกเผ่าพันธุ์ ทั้งมนุษย์และอสูร!
  ผู้ปกครองของถ้ำลึกต้องมีพลังมากกว่านี้มาก เพราะมันสามารถสั่งอสูรร้ายสภาวะชะตากรรมได้ ผู้ปกครองต้องอยู่ที่ของสภาวะชะตากรรมขั้นสูงสุด… หรือระดับดวงดาว! มันถึงสามารถสั่งการอสูรเหล่านี้ได้ แต่มันจะเป็นปัญหามากเกินไปถ้ามันอยู่ในระดับดวงดาว!
  ฉันจะดูๆไปก่อน ว่าผู้ปกครองอยู่ที่นี่หรือเปล่า ซูผิงออกจากตรงนั้นอย่างเงียบ ๆ และไปที่อื่น
  เขาได้เรียนรู้ทักษะการพรางตัวจากโจแอนนา เขายังค้นพบทักษะการปลอมตัวบางอย่างเมื่อฝึกฝนอยู่ในสนามบ่มเพาะ แม้แต่อสูรร้ายสภาวะชะตากรรมก็มองไม่เห็นเขา
  แน่นอนอสูรร้ายสภาวะชะตากรรมที่มีความสามารถในการรับรู้พิเศษสามารถสังเกตเห็นเขาได้เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก
  หกชั่วโมงต่อมา
  ซูผิงตรวจสอบพื้นที่เกือบทั้งหมด
  เขาหลีกเลี่ยงสถานที่ที่อสูรร้ายพักอยู่ ซึ่งมันไม่เหมือนกับทางเดินซึ่งทางเดินมีความซับซ้อน และหากมีการต่อสู้ในทางเดินหนึ่ง อสูรร้ายที่ทางเดินอื่นอาจมองไม่เห็น
  แต่ที่นี่ทุกซอกทุกมุมจะรู้สึกได้เมื่อมีการต่อสู้เกิดขึ้น
  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพื้นที่ทั้งหมดค่อนข้างว่างเปล่า
  มี… อสูรร้ายสภาวะชะตากรรมแปดตัว!
  จิตใจของซูผิงขุ่นมัว
  เขาเห็นพวกมันแปดตัว!
  พวกนั้นคือพวกที่ยังอยู่ เขาไม่รู้ว่าอสูรสภาวะชะตากรรมออกไปกี่ตัวแล้ว
  เขาแน่ใจว่าจำนวนอสูรสภาวะชะตากรรมที่อยู่ข้างนอกต้องมากกว่านั้น!
  ยกตัวอย่างเช่น เขาไม่เห็นอสูรพันตาแล้ว
  แต่ไม่มีอสูรร้ายตัวไหนที่ฉันเห็นระหว่างทางที่จะแข็งแกร่งพอเป็นผู้ปกครองของถ้ำลึกได้ จนถึงตอนนี้ราชาอสูรร้ายทั้งแปดที่เจอนั้นทรงพลัง แต่ฉันสามารถเอาชนะพวกมันได้หากต่อสู้กับพวกมันทีละตัว ซูผิงคิด
  เขาไม่คิดว่าทั้งแปดจะมีอำนาจสั่งการทั้งสี่ที่ปกป้องค่ายกลได้
  ผู้ปกครองต้องออกไปแล้ว!
  ฉันสามารถพยายามทำลายค่ายกลได้
  เมื่อเขายืนยันว่าไม่มีผู้ปกครองอยู่ที่นี่ ซูผิงก็คันมืออยากจะลองอีกครั้ง
  เขาซ่อนพลังงาน และกลับไปที่ค่ายกล
  ราชาอสูรร้ายทั้งสี่ยังคงอยู่ใกล้ค่ายกล ตัวหนึ่งกำลังหลับ และอีกตัวก็นั่งเล่นหางตัวเองอย่างเบื่อหน่าย
  เดี๋ยวนะไม่ใช่ว่าผู้ปกครองถูกผนึกอยู่ในค่ายกลนั้นหรอกใช่ไหม ซูผิงคิดอะไรบางอย่าง นั่นเป็นไปได้
  ถ้าเขาทำลายค่ายกล เขาจะปล่อยผู้ปกครอง!
  อย่างไรก็ตาม ไม่นานเขาก็ปฏิเสธความคิดนั้น
  หากผู้ปกครองถูกผนึกอยู่ในค่าลกล มันจะสั่งการอสูรร้ายทั้งสี่ได้ยังไง?
  หรือเป็นเพราะค่ายกลคลายตัว ผู้ปกครองจึงสามารถสั่งราชาอสูรร้ายทั้งสี่ด้วยจิตสำนึกได้?
  หรืออาจจะนานมาแล้วที่ผู้ปกครองถูกขังอยู่ในม่านพลัง และอสูรสภาวะชะตากรรมอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องผู้ปกครองของพวกมัน?
  ซูผิงกำลังฟุ้งซ่าน
  แม้ว่าโอกาสจะต่ำ แต่ความเสี่ยงยังคงมีอยู่
  ทันใดนั้นซูผิงก็หยุดฟุ้งซ่าน
  เขาบอกได้ว่าผู้ปกครองต้องถูกผนึกอยู่ในค่ายกล ความจริงที่ว่าราชาอสูรร้ายสภาวะชะตากรรมต้องอยู่ที่นี่และปกป้องค่ายกลนั้นหมายความว่าพวกมันต้องทำให้มั่นใจว่าค่ายกลจะต้องไม่ถูกทำลาย! กล่าวคือการทำลายค่ายกลนั้นไม่เป็นผลดีต่ออสูรร้าย!
  ดวงตาของซูผิงเป็นประกาย เขาระดมพลังดวงดาว เขากำลังจะทำลายมัน!
  แต่ในขณะนั้น ซูผิงก็สังเกตเห็นว่ามีแอ่งลาวาอยู่ข้างๆ เมื่อลาวาพุ่งเข้าไปข้างใน เกล็ดสีแดงสดยาวหลายสิบเมตรก็ถูกเปิดเผย
  ซูผิงมองอย่างตกใจ เขาหน้าซีด
  เกล็ดมีพลังพลุ่งพล่าน!
  เกล็ดมาจากสิ่งมีชีวิตที่ตายไปแล้ว!
  เกล็ดเพิ่งหลุดออกมา หรือไม่เกล็ดยังติดอยู่กับสิ่งมีชีวิต!
  เป็นไปได้ไหมว่า… ซูผิงสงสัย ครั้งหนึ่งเขาเคยเห็นอสูรร้ายวางขนนกไว้ในรังของมัน เขาคิดว่าอสูรร้ายนั้นไม่อยู่ และเขาสามารถขโมยมันได้ อย่างไรก็ตามขนนกได้กลายเป็นอสูรร้ายซึ่งฆ่าเขาทันที
  นั่นคือสิ่งที่ผู้ที่อยู่ในระดับดวงดาวสามารถทำได้: เคลื่อนย้ายทางไกล!
  ตราบใดที่มีสื่อกลาง ราชาอสูรร้ายสามารถเคลื่อนย้ายไปยังที่ใดก็ได้ แม้แต่จากขั้วโลกเหนือไปยังขั้วโลกใต้!
  เกล็ดนั่นน่าจะเป็นสื่อกลาง!
  เมื่อมีบางอย่างผิดพลาดในรัง สิ่งมีชีวิตนั้นก็สามารถกลับผ่านเกล็ดนั่นได้!
  มีราชาอสูรร้ายสภาวะชะตากรรมสี่ตัว เจ้าของเกล็ดนั้นให้ความสำคัญอย่างมากกับค่ายกลนี้ อะไรถูกบรรจุอยู่ภายในค่ายกล?
  เป็นไปได้ยังไงที่แม้แต่อสูรร้ายในถ้ำลึกก็ยังกลัว?
  ถ้าฉันไม่สามารถทำลายค่ายกลและอสูรเหล่านั้นได้ ฉันจะไม่สามารถกลับมาได้อีก ซูผิงครุ่นคิด หลังจากครุ่นคิดอยู่พอสมควร เขาก็ตัดสินใจที่จะไม่เคลื่อนไหวในตอนนี้
  ลำดับความสำคัญในปัจจุบันคือการจัดการกับอสูรร้ายภายนอก
  ในส่วนของค่ายกล อาจจะมีเวลาที่เหมาะสมกว่าในอนาคตที่จะกลับมาและทำลายค่ายกลเพื่อเบี่ยงความสนใจของอสูรร้าย มันไม่ใช่สิ่งที่เหมาะสมที่จะทำในตอนนี้ ท้ายที่สุดเมื่อเขาล้มเหลว พวกมันจะคุ้มกันอย่างแน่นหนามากขึ้น ความพยายามครั้งที่สองจะยากกว่านี้มาก
ตอนที่ 644 ตัวกลืนมิติ
  ซูผิงเลือกที่จะออกไปโดยไม่ลังเล
  ถ้าเกล็ดนั่นคือสื่อกลาง สิ่งมีชีวิตนั้นน่าจะอยู่ในระดับดวงดาว ผู้ปกครองของอสูรป่าในถ้ำลึก
  การทำลายค่ายกลตอนมีราชาอสูรร้ายระดับดวงดาวเข้ามาเกี่ยวข้องจะเป็นเรื่องที่ยากมาก เขาจะกลับมาอีกครั้งเมื่อเขามั่นใจมากกว่านี้ บางทีค่ายกลนั่นอาจเป็นตัวแทนของโอกาสที่จะขย้ำอสูรร้ายในถ้ำลึก เขาไม่สามารถตัดสินใจโดยพลการได้
  หวืด!
  ซูผิงซ่อนตัว และจากไป
  เขาเดินกลับไปจนสุดทางจนถึงประตูทอง
  เขาเคลื่อนย้ายไปยังอีกด้านหนึ่งของประตู และวิ่งสุดตัว
  ฉันต้องบอกคนข้างนอกเกี่ยวกับถ้ำลึก หอคอยมีพยาธิมากมาย แต่ก็ยังเป็นองค์กรที่ทรงพลังที่สุดในดาวเคราะห์สีน้ำเงิน พวกเขารู้มากกว่าฉัน พวกเขาอาจมีทางออก
  ซูผิงรีบออกไป เขาสามารถเคลื่อนย้ายได้ไกลกว่าเมื่อรวมกับโครงกระดูกน้อยและการเคลื่อนย้ายทางไกล เขาสามารถเดินทางได้หลายหมื่นเมตร และนั่นก็ยังไม่ใช่ระยะทางสูงสุดที่เขาสามารถทำได้!
  หลังจากนั้นไม่นาน ซูผิงก็อยู่ห่างจากประตูทองมาหลายแสนเมตร
  หลังประตูใหญ่กว่าที่ฉันคาดไว้มาก เหมือนครึ่งทวีป! ซูผิงครุ่นคิด
  ที่เขารู้ก่อนหน้านี้คือถ้ำลึกถูกแบ่งออกเป็นส่วน ๆ และมีอยู่ทุกที่ในโลก
  แต่เมื่อพิจารณาจากพื้นที่ด้านหลังประตูนั้นแล้ว ถ้ำลึกเป็นแค่ส่วนหนึ่งของมัน!
  บางทีมันอาจจะเกี่ยวข้องกับทุ่งภายนอกที่เชื่อมระหว่างถ้ำลึก ถ้ำลึกที่แท้จริงคือดินแดนที่สมบูรณ์หนึ่งเดียว
  ความเข้าใจเกี่ยวกับมิติของฉันไม่มากพอที่จะค้นหาตำแหน่งทุ่งต่างๆ
  ซูผิงยืนอยู่ที่ทางเดิน ขมวดคิ้ว
  เขาต้องการหาทุ่งลม ตัดมิติและกลับไปเพื่อบอกหลี่หยวนเฟิงและคนอื่นๆ เกี่ยวกับสิ่งที่เขาเห็น ทว่าการกลับไปยังทุ่งลมดูเหมือนจะไกลเกินเอื้อม
  อวิ๋นว่านหลี่น่าจะมีข้อมูลติดต่อหลี่หยวนเฟิง แค่ขอให้อวิ๋นว่านหลี่บอกหลี่หยวนเฟิงก็น่าจะเพียงพอแล้ว ซูผิงตัดสินใจออกไปข้างนอกชั่วคราว
  ทุ่งกำลังเปลี่ยนไปและเขาไม่สามารถหาทางเข้าไปในถ้ำลึกได้ง่ายๆ แต่เขาสามารถสร้างเส้นทางเพื่อกลับไปข้างบนได้ ดาบแห่งความว่างเปล่า!
  ปัง!
  เขาตัดมิติ แสง ฝุ่น และองค์ประกอบพื้นฐานรอบๆ คลื่นดาบนั้นแตกเป็นเสี่ยงๆ และหายไป มิติก็พังทลายเป็นวังวน
  เขาเดินเข้าไปในวังวนนั่นทันที
  มิติปั่นป่วนตกลงบนกระดูกสีขาว แต่ไม่สามารถสร้างความเสียหายได้!
  ด้วยกระดูกสีขาว แม้จะไม่มีชั้นป้องกันของสุนัขมังกรดำ ซูผิงก็สามารถเดินไปรอบๆ ในมิติปั่นป่วนได้อย่างง่ายดาย!
  ในดินแดนรกร้าง
  เสือเนินเขาหินจุดสีน้ำตาลกำลังแทะมิ้งค์หางพิษระดับห้า เสือกำลังฉีกท้องของมิ้งค์กินอวัยวะของมันอย่างเอร็ดอร่อย
  ทันใดนั้นมีบางอย่างแจ้งเตือนเสือ มันหันกลับมามองที่จุดหนึ่งในอากาศ
  ช่องว่างยุบขยาย ชายหนุ่มผมดำเดินออกมา
ตอนที่ 644 ตัวกลืนมิติ
  ซูผิงเลือกที่จะออกไปโดยไม่ลังเล
  ถ้าเกล็ดนั่นคือสื่อกลาง สิ่งมีชีวิตนั้นน่าจะอยู่ในระดับดวงดาว ผู้ปกครองของอสูรป่าในถ้ำลึก
  การทำลายค่ายกลตอนมีราชาอสูรร้ายระดับดวงดาวเข้ามาเกี่ยวข้องจะเป็นเรื่องที่ยากมาก เขาจะกลับมาอีกครั้งเมื่อเขามั่นใจมากกว่านี้ บางทีค่ายกลนั่นอาจเป็นตัวแทนของโอกาสที่จะขย้ำอสูรร้ายในถ้ำลึก เขาไม่สามารถตัดสินใจโดยพลการได้
  หวืด!
  ซูผิงซ่อนตัว และจากไป
  เขาเดินกลับไปจนสุดทางจนถึงประตูทอง
  เขาเคลื่อนย้ายไปยังอีกด้านหนึ่งของประตู และวิ่งสุดตัว
  ฉันต้องบอกคนข้างนอกเกี่ยวกับถ้ำลึก หอคอยมีพยาธิมากมาย แต่ก็ยังเป็นองค์กรที่ทรงพลังที่สุดในดาวเคราะห์สีน้ำเงิน พวกเขารู้มากกว่าฉัน พวกเขาอาจมีทางออก
  ซูผิงรีบออกไป เขาสามารถเคลื่อนย้ายได้ไกลกว่าเมื่อรวมกับโครงกระดูกน้อยและการเคลื่อนย้ายทางไกล เขาสามารถเดินทางได้หลายหมื่นเมตร และนั่นก็ยังไม่ใช่ระยะทางสูงสุดที่เขาสามารถทำได้!
  หลังจากนั้นไม่นาน ซูผิงก็อยู่ห่างจากประตูทองมาหลายแสนเมตร
  หลังประตูใหญ่กว่าที่ฉันคาดไว้มาก เหมือนครึ่งทวีป! ซูผิงครุ่นคิด
  ที่เขารู้ก่อนหน้านี้คือถ้ำลึกถูกแบ่งออกเป็นส่วน ๆ และมีอยู่ทุกที่ในโลก
  แต่เมื่อพิจารณาจากพื้นที่ด้านหลังประตูนั้นแล้ว ถ้ำลึกเป็นแค่ส่วนหนึ่งของมัน!
  บางทีมันอาจจะเกี่ยวข้องกับทุ่งภายนอกที่เชื่อมระหว่างถ้ำลึก ถ้ำลึกที่แท้จริงคือดินแดนที่สมบูรณ์หนึ่งเดียว
  ความเข้าใจเกี่ยวกับมิติของฉันไม่มากพอที่จะค้นหาตำแหน่งทุ่งต่างๆ
  ซูผิงยืนอยู่ที่ทางเดิน ขมวดคิ้ว
  เขาต้องการหาทุ่งลม ตัดมิติและกลับไปเพื่อบอกหลี่หยวนเฟิงและคนอื่นๆ เกี่ยวกับสิ่งที่เขาเห็น ทว่าการกลับไปยังทุ่งลมดูเหมือนจะไกลเกินเอื้อม
  อวิ๋นว่านหลี่น่าจะมีข้อมูลติดต่อหลี่หยวนเฟิง แค่ขอให้อวิ๋นว่านหลี่บอกหลี่หยวนเฟิงก็น่าจะเพียงพอแล้ว ซูผิงตัดสินใจออกไปข้างนอกชั่วคราว
  ทุ่งกำลังเปลี่ยนไปและเขาไม่สามารถหาทางเข้าไปในถ้ำลึกได้ง่ายๆ แต่เขาสามารถสร้างเส้นทางเพื่อกลับไปข้างบนได้ ดาบแห่งความว่างเปล่า!
  ปัง!
  เขาตัดมิติ แสง ฝุ่น และองค์ประกอบพื้นฐานรอบๆ คลื่นดาบนั้นแตกเป็นเสี่ยงๆ และหายไป มิติก็พังทลายเป็นวังวน
  เขาเดินเข้าไปในวังวนนั่นทันที
  มิติปั่นป่วนตกลงบนกระดูกสีขาว แต่ไม่สามารถสร้างความเสียหายได้!
  ด้วยกระดูกสีขาว แม้จะไม่มีชั้นป้องกันของสุนัขมังกรดำ ซูผิงก็สามารถเดินไปรอบๆ ในมิติปั่นป่วนได้อย่างง่ายดาย!
  ในดินแดนรกร้าง
  เสือเนินเขาหินจุดสีน้ำตาลกำลังแทะมิ้งค์หางพิษระดับห้า เสือกำลังฉีกท้องของมิ้งค์กินอวัยวะของมันอย่างเอร็ดอร่อย
  ทันใดนั้นมีบางอย่างแจ้งเตือนเสือ มันหันกลับมามองที่จุดหนึ่งในอากาศ
  ช่องว่างยุบขยาย ชายหนุ่มผมดำเดินออกมา
ตอนที่ 644 ตัวกลืนมิติ
  ซูผิงเลือกที่จะออกไปโดยไม่ลังเล
  ถ้าเกล็ดนั่นคือสื่อกลาง สิ่งมีชีวิตนั้นน่าจะอยู่ในระดับดวงดาว ผู้ปกครองของอสูรป่าในถ้ำลึก
  การทำลายค่ายกลตอนมีราชาอสูรร้ายระดับดวงดาวเข้ามาเกี่ยวข้องจะเป็นเรื่องที่ยากมาก เขาจะกลับมาอีกครั้งเมื่อเขามั่นใจมากกว่านี้ บางทีค่ายกลนั่นอาจเป็นตัวแทนของโอกาสที่จะขย้ำอสูรร้ายในถ้ำลึก เขาไม่สามารถตัดสินใจโดยพลการได้
  หวืด!
  ซูผิงซ่อนตัว และจากไป
  เขาเดินกลับไปจนสุดทางจนถึงประตูทอง
  เขาเคลื่อนย้ายไปยังอีกด้านหนึ่งของประตู และวิ่งสุดตัว
  ฉันต้องบอกคนข้างนอกเกี่ยวกับถ้ำลึก หอคอยมีพยาธิมากมาย แต่ก็ยังเป็นองค์กรที่ทรงพลังที่สุดในดาวเคราะห์สีน้ำเงิน พวกเขารู้มากกว่าฉัน พวกเขาอาจมีทางออก
  ซูผิงรีบออกไป เขาสามารถเคลื่อนย้ายได้ไกลกว่าเมื่อรวมกับโครงกระดูกน้อยและการเคลื่อนย้ายทางไกล เขาสามารถเดินทางได้หลายหมื่นเมตร และนั่นก็ยังไม่ใช่ระยะทางสูงสุดที่เขาสามารถทำได้!
  หลังจากนั้นไม่นาน ซูผิงก็อยู่ห่างจากประตูทองมาหลายแสนเมตร
  หลังประตูใหญ่กว่าที่ฉันคาดไว้มาก เหมือนครึ่งทวีป! ซูผิงครุ่นคิด
  ที่เขารู้ก่อนหน้านี้คือถ้ำลึกถูกแบ่งออกเป็นส่วน ๆ และมีอยู่ทุกที่ในโลก
  แต่เมื่อพิจารณาจากพื้นที่ด้านหลังประตูนั้นแล้ว ถ้ำลึกเป็นแค่ส่วนหนึ่งของมัน!
  บางทีมันอาจจะเกี่ยวข้องกับทุ่งภายนอกที่เชื่อมระหว่างถ้ำลึก ถ้ำลึกที่แท้จริงคือดินแดนที่สมบูรณ์หนึ่งเดียว
  ความเข้าใจเกี่ยวกับมิติของฉันไม่มากพอที่จะค้นหาตำแหน่งทุ่งต่างๆ
  ซูผิงยืนอยู่ที่ทางเดิน ขมวดคิ้ว
  เขาต้องการหาทุ่งลม ตัดมิติและกลับไปเพื่อบอกหลี่หยวนเฟิงและคนอื่นๆ เกี่ยวกับสิ่งที่เขาเห็น ทว่าการกลับไปยังทุ่งลมดูเหมือนจะไกลเกินเอื้อม
  อวิ๋นว่านหลี่น่าจะมีข้อมูลติดต่อหลี่หยวนเฟิง แค่ขอให้อวิ๋นว่านหลี่บอกหลี่หยวนเฟิงก็น่าจะเพียงพอแล้ว ซูผิงตัดสินใจออกไปข้างนอกชั่วคราว
  ทุ่งกำลังเปลี่ยนไปและเขาไม่สามารถหาทางเข้าไปในถ้ำลึกได้ง่ายๆ แต่เขาสามารถสร้างเส้นทางเพื่อกลับไปข้างบนได้ ดาบแห่งความว่างเปล่า!
  ปัง!
  เขาตัดมิติ แสง ฝุ่น และองค์ประกอบพื้นฐานรอบๆ คลื่นดาบนั้นแตกเป็นเสี่ยงๆ และหายไป มิติก็พังทลายเป็นวังวน
  เขาเดินเข้าไปในวังวนนั่นทันที
  มิติปั่นป่วนตกลงบนกระดูกสีขาว แต่ไม่สามารถสร้างความเสียหายได้!
  ด้วยกระดูกสีขาว แม้จะไม่มีชั้นป้องกันของสุนัขมังกรดำ ซูผิงก็สามารถเดินไปรอบๆ ในมิติปั่นป่วนได้อย่างง่ายดาย!
  ในดินแดนรกร้าง
  เสือเนินเขาหินจุดสีน้ำตาลกำลังแทะมิ้งค์หางพิษระดับห้า เสือกำลังฉีกท้องของมิ้งค์กินอวัยวะของมันอย่างเอร็ดอร่อย
  ทันใดนั้นมีบางอย่างแจ้งเตือนเสือ มันหันกลับมามองที่จุดหนึ่งในอากาศ
  ช่องว่างยุบขยาย ชายหนุ่มผมดำเดินออกมา
  ทันทีที่เสือเห็นชายหนุ่มผมดำ ขนของมันก็ตั้งขึ้น มันสั่นสะท้าน ความกลัวปรากฏขึ้นในดวงตา แขนขาของมันก็อ่อนแรง ไม่นานก็ล้มลงกับพื้น ดินด้านหลังเสือโคร่งเปียกชุ่มไปด้วยบางอย่าง… “วุ้ย!”
  ซูผิงถอนหายใจอย่างโล่งอก เขามองไปรอบๆ เขากลับมาอยู่ข้างบนแล้ว
  เขาเห็นเสือแล้วก็เลิกรวมกับโครงกระดูกน้อย
  การรวมร่างทำให้เขาเหนื่อยมาก เขารู้สึกเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ ทันทีที่เขาเอาทักษะนี้ออกไป
  ฉันคิดว่าฉันอยู่ใกล้กับเมืองฐานหลงหยาง
  ซูผิงจ้องมองไปในระยะไกลและเห็นโครงร่างของเมืองฐาน เขาลุกขึ้นจากพื้นดิน ปัดฝุ่น ต่อจากนั้นก็บินและหายตัวไป
  หลังจากที่เขาจากไป เสือก็ค่อยๆ ฟื้นตัว มันส่ายหัว ลุกขึ้นยืน เมื่อเบื่ออาหาร เจ้าแมวก็เก็บซากของเหยื่อแล้ววิ่งหนีไป
  เมืองฐานหลงหยาง
  ในไม่ช้าซูผิงก็มาถึงเมืองฐาน และมาถึงสถาบันผู้กล้า
  การบุกรุกและพลังงานที่ท่วมท้นจากมังกรเพลิงนรกแจ้งเตือนผู้คนมากมายในสถาบัน นักรบอสูรกิตติมศักดิ์จำนวนมากออกมาจากทั่วทุกมุมของสถาบัน “น้องซู?”
  หลายคนบินมาพร้อมกับอวิ๋นว่านหลี่ที่นำหน้า เขาสัมผัสได้ถึงพลังของมังกรเพลิงนรก ดังนั้นเขาจึงรีบออกมาพบเขา เขารู้สึกประหลาดใจที่เห็นซูผิง
  อวิ๋นว่านหลี่อยู่ใกล้ทางเข้าถ้ำลึก แต่ซูผิงไม่ได้ออกมาจากที่นั่น
  ”เขากลับมาแล้ว”
  นักรบอสูรในตำนานอีกสองคนหรี่ตา
  พวกเขาได้รู้จากอวิ๋นว่านหลี่ว่าเขาเห็นซูผิงเข้าไปในถ้ำลึก แต่เขากลับมาแล้ว อย่างปลอดภัย ข้อเท็จจริงนี้เพียงอย่างเดียวทำให้พวกเขาสงสัยในตัวซูผิง
  “คุณรู้ไหมว่าที่นั่นเหลือเพียงทุ่งลมเท่านั้น?” ซูผิงถามพร้อมกับทำหน้านิ่ง
  อวิ๋นว่านหลี่เชื่อว่าซูผิงเข้าไปในถ้ำลึกแล้ว เขาคงไม่รู้เกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่เป็นความลับนี้ถ้าเขาไม่ได้เข้าไป
  ”พวกเรารู้”อวิ๋นว่านหลี่ตอบเสียงต่ำ “ค่ายกลล้มเหลว อสูรป่าก่อวินาศกรรม และทุ่งลมเป็นแนวป้องกันสุดท้ายของเรา คุณไปที่นั่นมาหรือยับ?”
  ซูผิงถามว่า “คุณมีวิธีติดต่อกับคนในทุ่งลมไหม”
  ”ครับ เรามีตัวกลืนมิติ” อวิ๋นว่านหลี่ตอบ
  “ตัวกลืนมิติ?”
  ”ครับ มันเป็นแมลงชนิดพิเศษ พวกมันอาศัยอยู่ในมิติ แต่โดยเนื้อแท้อ่อนแอ แม้แต่อสูรร้ายระดับสามหรือสี่ก็สามารถฆ่าพวกมันได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตาม ตัวกลืนมิติมีความสามารถพิเศษ พวกมันสามารถแยกออกเป็นสองส่วน และทั้งสองส่วนสามารถสัมผัสถึงกันได้แม้จะอยู่ห่างไกลกัน”
  อวิ๋นว่านหลี่อธิบายเพิ่มเติมว่า “เราศึกษาความสามารถนั้นแล้วเริ่มใช้มันเป็นอุปกรณ์สื่อสารทางมิติ”
  ซูผิงเลิกคิ้วขึ้น นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเกี่ยวกับแมลงชนิดพิเศษนั่น
  “ผมต้องคุยกับคนที่ทุ่งลม ผมต้องการความช่วยเหลือจากคุณ” ซูผิงกล่าวทันที
  “คุณไม่ได้ไปที่นั่นหรอ?”อวิ๋นว่านหลี่รู้สึกสับสน
  ”เรื่องมันยาว ตอนนี้ช่วยผมก่อน ผมกำลังพูดถึงเรื่องที่สำคัญมาก” ซูผิงเร่งเร้าอวิ๋นว่านหลี่
  “ผมไม่คิดว่ามันเป็นทางเลือกที่ดี”
  นักรบอสูรในตำนานชราขมวดคิ้ว “ตัวกลืนมิติเป็นสิ่งล้ำค่าและจับยาก การใช้พวกมันจะทำให้อายุการใช้งานสั้นลง และเรามีชิ้นส่วนเล็กๆ ที่แยกออกเป็นสองส่วนเท่านั้น สามารถใช้ได้เพียงสองครั้งเท่านั้น หากเราใช้ตอนนี้ เราจะมีโอกาสเหลือเพียงโอกาสเดียวเท่านั้น หากมีอะไรเกิดขึ้นและเรามีไม่พอ…”
  นักรบอสูรในตำนานหนุ่มกล่าวว่า “ถูกต้อง เมืองฐานหลงหยางสามารถถูกโจมตีได้อยู่ตลอดเวลา และอสูรป่าสามารถออกมาจากถ้ำลึกได้ เราไม่สามารถใช้ ตัวกลืนมิติโดยสูญเปล่าได้ น้องซู ทำไมคุณไม่บอกเราเกี่ยวกับเรื่องสำคัญนั้นล่ะ”
  ซูผิงจ้องพวกเขา “อสูรป่าหายออกไปจากถ้ำลึก สำคัญพอหรือยัง?”
  ”หายไป?”
  ”เชื่อได้หรอ!”
  ”มันเป็นไปไม่ได้!”
  นักรบอสูรในตำนานทั้งสามตกใจ อวิ๋นว่านหลี่กลับมารู้สึกตัวก่อน “น้องซู คุณล้อเล่นเรื่องนี้ไม่ได้”
  ซูผิงเยาะ “คิดว่าผมมีอารมณ์จะเล่นตลกหรือไง?”
  อวิ๋นว่านหลี่ยังคงไม่เชื่อ “แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง? อสูรป่าเหล่านั้นอยู่ข้างบนแล้วนะหรอ? แต่เราไม่ได้ยินอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย อสูรร้ายบางตัวออกมาแต่ยังไม่ทั้งหมด ค่ายกลยังได้ผลอยู่…”
  “ผมเชื่อสิ่งที่เห็นเท่านั้น อสูรป่าส่วนใหญ่ในส่วนที่ลึกที่สุดของถ้ำหายไป ในถ้ำของพวกมันเหลือเพียงไม่กี่ตัว” ซูผิงกล่าวอย่างเย็นชา
  ตอนที่เขาสำรวจเขาเห็นรังของอสูรร้ายมากมาย น่าจะมีอสูรร้ายจำนวนมากอยู่ที่นั่น
  “คุณกำลังบอกว่าคุณไปที่ทางเดินมานะหรอ?” นักรบอสูรในตำนานชราเชื่อไม่ลง
  ทางเดินเป็นสถานที่ที่แม้แต่นักรบอสูรในตำนานก็ยังกลัว สถานที่ที่ราชาอสูรร้ายอาศัยอยู่ นักรบอสูรในตำนานที่ไปที่นั่นโดยไม่ได้เตรียมตัวจะถูกราชาอสูรร้ายฉีกเป็นชิ้น ๆ!
  ซูผิงรู้สึกว่าสถานการณ์ตรงหน้านั้นน่าขัน เขาเย้ยหยัน แต่ไม่มีอารมณ์จะโต้เถียงกับพวกเขาอีกต่อไป
  “ส่งตัวกลืนมิติมาให้ผม” ซูผิงพูดกับอวิ๋นว่านหลี่
  อวิ๋นว่านหลี่รู้จากความเย็นชาในสายตาของซูผิงว่าเขาจะใช้ความรุนแรงหากพวกเขายังไม่ส่งให้!
  ชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่คนที่เป็นมิตร หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งอวิ๋นว่านหลี่ก็ตกลง “ตกลง”
  ซูผิงไปที่ทางเดินกับหลี่หยวนเฟิงซึ่งเป็นสาเหตุที่อวิ๋นว่านหลี่รู้ว่าหลี่หยวนเฟิงยังมีชีวิตอยู่ หลี่หยวนเฟิงยกย่องซูผิง
  นอกจากนี้ซูผิงยังท้าทายหอคอยอีกด้วย เขาเชื่อได้ว่าซูผิงมีความสามารถในการไปที่ทางเดิน
  “เฒ่าอวิ๋น”
  นักรบอสูรในตำนานหนุ่มกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง จู่ ๆ เขาก็รู้สึกราวกับว่ามีมีดจ่อคอเขา
  เขามองไปและเห็นความเย็นชาในดวงตาของซูผิง แววตานั้นคมราวกับดาบที่จับต้องได้!
  นักรบอสูรในตำนานหนุ่มหน้าซีด ในที่สุดเขาก็ไม่พูดอะไรอีกเพื่อหยุดซูผิง
  ไม่นานหลังจากนั้นอวิ๋นว่านหลี่ก็กลับมาพร้อมกับแมลงในมือ
  อสูรมีขนาดเท่าฝ่ามือ มันขดตัวเหมือนไส้เดือน แมลงมีปากแปลก ๆ เต็มไปด้วยฟันที่เล็กแต่แหลมคม
  มันคงเป็นภาพที่น่ากลัวถ้าแมลงมีขนาดใหญ่กว่านี้ร้อยเท่า…
  แต่เนื่องจากแมลงตัวเล็กๆ จึงไม่ดูน่าขยะแขยง
  “นี่คือ ตัวกลืนมิติ” อวิ๋นว่านหลี่กล่าว
  ซูผิงพยักหน้า เขาสงสัยว่าเมื่อไหร่ที่เขาจะมี ตัวกลืนมิติเป็นของตัวเอง พวกมันทำงานได้ดีกว่าโทรศัพท์ สามารถเชื่อมต่อในมิติที่ต่างกันได้
  “ติดต่อทุ่งลม” ซูผิงกล่าว
  อวิ๋นว่านหลี่พยักหน้า “เจ้าตัวเล็กนี่คืออสูรของผม ผมทำสัญญากับมัน น้องซู บอกผมว่าคุณต้องการจะพูดอะไร แล้วผมจะบอกเจ้าตัวเล็กให้ส่งข้อความไป”
  ซูผิงเข้าใจมากขึ้น
  วิธีเดียวที่มนุษย์จะควบคุมอสูรร้ายได้คือเปลี่ยนให้มาเป็นอสูรของตัวเอง
  แน่นอนว่าบางคนพยายามทำให้อสูรเชื่องโดยไม่ต้องใช้สัญญา แต่ไม่มีใครจบลงด้วยดี
  การฝึกฝนโดยไม่มีสัญญาทำได้เฉพาะกับอสูรร้ายที่มีบุคลิกอ่อนโยนและใจดี อสูรร้ายที่เกิดมาเพื่อมีทักษะในการต่อสู้นั้นมีลักษณะรุนแรง พวกเขาทำได้เพียงทำให้เชื่องชั่วคราว ในที่สุดพวกมันก็หันมาโจมตีเจ้านายตัวเอง
  “อืม คุณแบ่งที่ไว้ให้เจ้าตัวน้อยนี่เอง”
  ”ใช่ จำนวนอสูรไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด อสูรกับนักรบต้องทำงานร่วมกันเป็นอย่างดี แน่นอนผมคงต้องยอมแพ้ถ้าผมเจออสูรหายาก แต่ไม่มีที่ว่าง ผมไม่ต้องการยกเลิกสัญญาใดๆ เพราะนั่นจะทำให้ผมอ่อนแอและเป็นเป้าได้ง่าย”อวิ๋นว่านหลี่กล่าว ซูผิงพยักหน้าแล้วบอกอวิ๋นว่านหลี่เกี่ยวกับสถานการณ์ในถ้ำลึก
  ความเงียบครอบงำขณะที่เขาเล่าเรื่อง
  อวิ๋นว่านหลี่และนักรบอสูรในตำนานอีกสองคนจ้องมองที่ซูผิงด้วยความตกใจ
  พวกเขาไม่อยากเชื่อเลยว่าไม่เพียงแต่ซูผิงเข้าไปในทางเดินแล้ว เขายังไปถึงระดับที่ลึกที่สุดอีกด้วย!
  พวกเขาได้ยินมาว่าทางเดินไม่ได้อยู่ลึกสุดของถ้ำลึก ระดับที่ลึกที่สุดภายใต้ทางเดินคือสถานที่ที่น่ากลัวที่สุดในถ้ำลึก!
  ซูผิงพูดถึงเพียงว่าเห็นอสูรร้ายสภาวะชะตากรรมห้าตัวขณะที่เขาสำรวจ!
  เขาไม่รู้ว่ามีกี่ตัวที่ออกจากถ้ำลึกไปแล้ว…
  ทั้งสามมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ และหวาดกลัวจนพูดไม่ออก
  ซูผิงไม่ได้กังวลเกี่ยวกับผลกระทบอันน่าสะพรึงกลัวของสิ่งที่เขาบอก ทั้งสามเป็นนักรบอสูรในตำนาน หากพวกเขาไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้ในสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาจะไม่มีค่าในการร่วมต่อสู้
  “น้องซู คุณพูดจริงใช่ไหม?”อวิ๋นว่านหลี่กลืนน้ำลาย
  ซูผิงจ้องเขาอย่างไม่พอใจ
  ฉันดูเหมือนคนที่จะล้อเล่นจริงๆเหรอ?
  “บอกพวกเขา และบอกเรื่องนี้กับทุกคนที่กำลังทำอะไรบางอย่างในหอคอย” ซูผิงกล่าว
  อวิ๋นว่านหลี่กลับมารู้สึกตัวและพยักหน้า หัวใจของเขายังคงเต้นแรง “นี่เป็นข่าวที่น่ากลัว น้องซู เราโชคดีที่คุณสังเกตเห็นทั้งหมดนี้ อสูรร้ายเหล่านั้นต้องซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่ง วางแผนอะไรบางอย่าง บางทีพวกมันอาจต้องการย่องเข้ามาหาเราและสร้างหายนะ!”
  ซูผิงไม่ตอบ อสูรร้ายเหล่านั้นมีพฤติกรรมเช่นนั้นอย่างแน่นอนเพราะเหตุผลบางอย่าง
  เหตุผลนั้นอาจเกี่ยวข้องกับค่ายกลผนึก ที่เขาเห็นในระดับที่ลึกที่สุด
  “ผมมีอย่างอื่นที่ต้องทำ ผมต้องไปแล้ว” ซูผิงกล่าว
  สงครามกำลังจะเริ่ม เขาไม่สามารถเสียเวลาได้อีกต่อไป เขาต้องกลับไปที่ร้านเพื่อที่เขาจะได้ฝึกอสูร พิจารณาจากสิ่งที่เขาเห็นในถ้ำลึก มนุษย์ขาดพละกำลังอย่างมาก เขาหวังว่าเขาจะสามารถสร้างความแตกต่างได้ “ไม่มีปัญหา”
  อวิ๋นว่านหลี่พยักหน้า ทันใดนั้น โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
  เขารับสายทันที ในไม่ช้าข้อมูลที่ได้รับก็ทำให้ทุกคนหน้าซีด
  “เกิดการโจมตีขนาดใหญ่ที่เมืองฐานแสงศักดิ์สิทธิ์?”
  อวิ๋นว่านหลี่ตัวแข็งทื่อ จะต้องมีราชาอสูรร้ายสองตัวหรือมากกว่านั้นถึงเรียกได้ว่าเป็นการโจมตีขนาดใหญ่!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว