ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว นิยาย บท 641

ตอนที่ 641 ทุ่งสุดท้าย
  “ทำไมนายไม่กลับไปกับพวกเราล่ะ ในเมื่อนายเป็นหนึ่งในเพื่อนของเรา” นักรบอสูรในตำนานวัยกลางคนเสนอ
  เขาไม่ได้เหยียดซูผิงแม้ว่าซูผิงจะอยู่ในระดับกิตติมศักดิ์เท่านั้น ซูผิงไม่ได้ปฏิเสธข้อเสนอ เนื่องจากหลี่หยวนเฟิงอยู่ที่นี่ เขาจึงอยากที่จะพบเขา
  นักรบอสูรในตำนานนำ และพวกเขาบินไปยังเมฆหมอกนั้น
  “เรามาที่นี่เพราะ… เห้อ เรื่องมันยาว”
  ชายคนนั้นถอนหายใจ “ทุ่งน้ำแข็งถล่ม หัวหน้าเย่พาพวกเราออกมา เราใช้ความพยายามอย่างมากก่อนที่เราจะสามารถหลบหนีได้ โชคดีที่ทุ่งลมยังคงไม่บุบสลาย… นี่คือทุ่งสุดท้าย… ที่เดียวเท่านั้นที่ยังคงสภาพเดิม!”
  ซูผิงไม่อยากจะเชื่อ
  ทุ่งน้ำแข็งถล่ม?
  “ทุ่งอื่นๆ ถล่มด้วยหรือเปล่า? ดังนั้น… อสูรป่าสามารถออกจากถ้ำลึกได้ตามต้องการ…”
  ”ใช่…”
  มันเป็นคำที่หนักอึ้งมาก
  จิตใจของซูผิงเหมือนโดนกดทับ
  ข้อมูลที่เขาได้รับตอนอยู่ข้างบนคืออสูรร้ายกำลังบุกเข้าไปในทวีปเหนือ
  แต่ความจริง… น่ากลัวกว่านั้นหลายร้อยเท่า!
  จากห้าทุ่ง สี่ทุ่งถล่ม ไม่นานอสูรป่าจะออกไปและครอบครองโลกเหนือพื้นดิน!
  ไม่น่าแปลกใจเลยที่อสูรร้ายจะโจมตีอยู่ทั่วทุกที่!
  “ถ้าอสูรป่าสามารถออกจากถ้ำลึกได้ตามต้องการ… อีกไม่นาน ทั้งโลกจะเริ่มประสบกับหายนะ…”
  ซูผิงหน้าตึง เขาสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ ถ้าสถานการณ์ในถ้ำลึกแย่มาก ราชาอสูรร้ายจากทางเดินน่าจะรวมตัวกันข้างบนแล้ว แต่ความจริงก็คือในขณะที่สถานการณ์กำลังเสี่ยง เขายังไม่เห็นราชาอสูรร้ายกลุ่มใหญ่… “ข้างบนต้องโกลาหลมากใช่ไหม?” นักรบอสูรในตำนานถามซูผิง
  ซูผิงพยักหน้าด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง “ใช่ แต่เรายังไม่เห็นราชาอสูรร้ายมากนัก”
  “ราชาอสูรร้ายเหล่านั้น พวกมันต้องวางแผนอะไรบางอย่าง ผมคิดว่าพวกมันกำลังพยายามพลิกโลกทั้งใบในครั้งเดียว พวกมันเรียนรู้จากความล้มเหลวในอดีต พวกมันระมัดระวังและชั่วร้ายยิ่งกว่าเดิม!” นักรบอสูรในตำนานอีกคนกล่าวและกัดฟัน
  ซูผิงรู้สึกสับสน “เรียนรู้จากความล้มเหลวในอดีตของพวกมัน?”
  “เคยมีการโจมตีเมื่อหลายปีก่อน อสูรร้ายในถ้ำลึกใช้เวลานานในการวางแผน จากนั้นพวกมันก็ไปโจมตีทุ่งทั้งหมดเพื่อออกจากถ้ำลึกจากทางหลักนั้น อย่างไรก็ตามเนื่องจากพวกมันเพิ่งโจมตีทุ่งแห่งหนึ่ง อสูรร้ายจึงมีทางเดียวเท่านั้นที่จะออกไป ก่อนที่อสูรอสูรจะออกไปได้ เจ้าแห่งหอคอยในขณะนั้นก็ได้นำนักรบอสูรในตำนานคนอื่นๆ มาและผลักอสูรร้ายกลับเข้าไป!” นักรบอสูรในตำนานวัยกลางคนกล่าว
  “ถึงกระนั้นในครั้งนี้ พวกมันโจมตีสี่ทุ่ง และค่ายกลก็ใช้ไม่ได้ผล เราไม่สามารถอยู่เฉยและไม่ทำอะไรเพื่อซ่อมแซมค่ายกลได้ ช่วงเวลาที่อสูรร้ายสังเกตเห็นจุดอ่อนของเรา นั่นคือช่วงเวลาที่วิกฤตแท้จริงจะเกิดขึ้น”
  ซูผิงรู้สึกว่าเลือดของเขาแข็งตัว
  ในที่สุดเขาก็เข้าใจ
  ราชาอสูรร้ายออกจากถ้ำลึกแล้ว
  พวกมันแค่ซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่ง
  เมื่อถึงเวลา พวกมันจะโจมตีเต็มพิกัด!
  และเวลาที่เหมาะสมจะมาถึงในไม่ช้า!
  ในขณะนี้โลกด้านบนพร้อมจะโดนพลิกคว่ำอยู่ตลอดเวลา!
  “หอคอยรู้เรื่องนี้แล้วใช่ไหม?” ซูผิงถามทันที
  หากหอคอยไม่รู้เรื่องนี้ เรื่องราวจะยิ่งเลวร้าย
  “ใช่ หอคอยรู้” นักรบอสูรในตำนานส่ายหัว “แต่มันมีประโยชน์อะไร? เรากำลังเจอปัญหาใหญ่ ผมไม่รู้ว่าเจ้าแห่งหอคอยสามารถขอนักรบอสูรจากรัฐบาลสหพันธ์เพื่อมาช่วยเราได้หรือเปล่า หากพวกเขาเต็มใจส่งกำลังเสริม แม้แต่นักรบอสูรระดับดวงดาวเพียงคนเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะช่วยเรา!”
  “ระดับดวงดาว…” ซูผิงย้ำกับตัวเอง
  เขาเคยเห็นสิ่งมีชีวิตมากมายที่ระดับดวงดาวในสนามบ่มเพาะ
  ตี้ฉง—อีกาทองคำที่เขาเคยโต้ตอบด้วย—อยู่ที่ระดับดวงดาว!
  ดูเหมือนว่าระดับดังกล่าวจะไม่มีอะไรจะพิเศษสำหรับใครที่อยู่อาศัยบนดาวสวรรค์นั้น แต่บนดาวเคราะห์สีน้ำเงิน… เช่นเดียวกับที่นักรบในตำนานพูด นักรบอสูรระดับดวงดาวคนเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะช่วยพวกเขา!
  ซูผิงสูดหายใจเข้าลึกๆ เขาอยากจะรีบตามหาโครงกระดูกน้อย และกลับไป
  พวกเขากำลังเข้าใกล้เมฆหมอกนั้น
  ซูผิงสังเกตเห็นทันทีว่าหลายคนอยู่ในสภาวะว่างเปล่า! หวืด!
  จู่ๆก็มีคนออกมา เขายืนอยู่ห่างๆ แล้วรีบวิ่งไปทันทีเมื่อเขายืนยันตัวตนของซูผิงได้
  “คุณนั่นเอง!”
  มันคือหลี่หยวนเฟิง
  ซูผิงเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน เขามักจะมีความสุขมากที่ได้พบเพื่อนเก่า ถ้าพวกเขาไม่ได้อยู่ในวิกฤตการณ์เช่นนี้ เขาคงแสดงความยินดีไปแล้ว
  “คุณมาที่นี่อีกแล้ว อะไร? คุณทิ้งตระกูลมาอีกแล้วหรือไง?” ซูผิงฝืนยิ้ม
  “ผู้หญิงคนนั้นคุณส่งไปช่วยผมใช่ไหม? เธอทำงานได้ดีมาก นอกจากนี้ผมรู้สึกสนิทกับเพื่อนร่วมต่อสู้ของผมมากเกินไปหน่อย” หลี่หยวนเฟิงหัวเราะ
  เขาอยู่ห่างจากบ้านมานานเกินไป
  ความผูกพันระหว่างเขาและตระกูลมีเพียงอย่างเดียวคือเลือด
  แต่ผู้ที่ต่อสู้เคียงข้างเขาในถ้ำลึกกลายเป็นเพื่อนสนิทของเขา พวกเขาอยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืนและสนิทสนมกันมากกว่าสมาชิกในครอบครัว!
  “คุณมาที่นี่เพื่อค้นหาอสูรของคุณหรอ?” หลี่หยวนเฟิงถาม ครั้งล่าสุดเป็นเพราะอสูรของซูผิงเสียสละตัวเอง ดังนั้นเขากับซูผิงจึงสามารถหลบหนีไปได้
  ซูผิงพยักหน้า
  “ผมมาพามันกลับบ้าน”
  ”ผมจะไปกับคุณ.”
  ”ไม่เป็นไร ผมไม่สามารถยอมให้คุณเสี่ยงเป็นเพื่อนผมได้อีก” ซูผิงส่ายหัว
  หลี่หยวนเฟิงไม่ยอม “อย่าพูดอย่างนั้น ผมอยู่ที่ถ้ำลึกและไม่มีใครสนใจว่าเสี่ยงหรือไม่เสี่ยง นอกจากนี้ที่นี่ยังปลอดภัยกว่าเมื่อก่อน เนื่องจากอสูรร้ายจำนวนมากในทางเดินออกไปข้างนอก…”
  ซูผิงมองเขา ผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เข้าไปในก้อนเมฆ รวมถึงชายที่ดูจริงจัง เขาคือเย่อู่ซิว
  “คุณคิดจะออกไปข้างนอกเหรอ?” ซูผิงถาม
  หลี่หยวนเฟิงส่ายหัว “นี่คือทุ่งสุดท้ายที่เราสามารถป้องกันได้ ผมเข้าใจดีว่าค่ายกลมีข้อบกพร่องพอสมควรและไม่มีวิธีแก้ไข ถึงกระนั้นค่ายกลยังไม่ล้มเหลวอย่างสมบูรณ์ในตอนนี้ เมื่อค่ายกลล้มเหลวอย่างสมบูรณ์ จะไม่มีอะไรหยุดยั้งอสูรร้ายได้ ดังนั้นเราต้องปกป้องทุ่งสุดท้าย!”
  ซูผิงยังคงนิ่งเงียบ
  “น้องซู!”
  “น้องซู!”
  เย่อู่ซิวและนักรบอสูรในตำนานคนอื่นมาถึงแล้ว เย่อู่ซิวตะโกนชื่อซูผิงทันทีที่เขาเห็น คนอื่นๆ เรียกซูผิงด้วยความตื่นเต้นเช่นกัน
  ซูผิงอยู่ในระดับกิตติมศักดิ์ พวกเขาพบกันชั่วครู่ แต่พวกเขาอยู่ที่นี่ด้วยตอนที่ซูผิงเข้าไปในทางเดิน!
  ความจริงที่ว่าซูผิงสามารถเข้าไปในทางเดิน และออกมาได้นั้นน่ายกย่อง!
  พวกเขาได้ยินจากหลี่หยวนเฟิงเกี่ยวกับประสบการณ์ของพวกเขาในทางเดิน พวกเขาให้ความเคารพซูผิงมากขึ้น แต่พวกเขารู้สึกว่าหลี่หยวนเฟิงอาจจะพูดเกินจริงไปหน่อย!
  ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด ความจริงที่ว่าชายหนุ่มออกจากทางเดินได้ก็สุดยอด!
  “หัวหน้าเย่ สวัสดีทุกคน” ซูผิงกล่าว
  “เอาล่ะ เข้าไปข้างในกันเถอะ” หลี่หยวนเฟิงยิ้ม
  ซูผิงส่ายหัว “ผมจะไม่เข้า ผมแค่บังเอิญมาเจอคุณ ผมต้องกลับไปที่ทางเดิน”
  “น้องซู คุณมาคนเดียวเหรอ? มันยากที่จะไปโดยไม่มีใครบอกทาง เส้นทางกำลังเปลี่ยน”เย่อู่ซิวกล่าว
  ซูผิงพยักหน้า
  อันที่จริงความอดทนของเขากำลังจะหมด เขาโมโหกับทางตันที่เขาเจอ เขาโกรธมากจนทำลายกำแพงด้วยกำลัง ไม่นานก็มีคนเข้ามามากขึ้น “คนนี้คือใคร?”
  เหล่านักรบอสูรในตำนานได้ยินบทสนทนาของซูผิงและหลี่หยวนเฟิง พวกเขาสงสัยว่าบุคคลนี้เป็นใคร หลี่หยวนเฟิงจึง
  บอกผู้คนเกี่ยวกับการสำรวจของพวกเขาในทางเดิน หลายคนเคยได้ยินเรื่องนี้
  หลี่หยวนเฟิงแนะนำซูผิงให้กับผู้ที่เพิ่งมาถึงด้วยความภาคภูมิใจ “นี่คือน้องซูเพื่อนที่ผมสามารถฝากชีวิตไว้ได้!”
  “น้องซู พวกเขาคือคนที่ประจำการในทุ่งอื่น เราทำได้เพียงล่าถอยไปทุ่งลม เนื่องจากทุ่งอื่นๆ ถล่ม”เย่อู่ซิวกล่าว นอกจากนี้เขายังแนะนำนักรบอสูรในตำนานสภาวะว่างเปล่าให้กับซูผิงทีละคน
  ซูผิงชื่นชมการกระทำที่กล้าหาญของพวกเขา เขาแสดงความชื่นชม
  “น้องซู การไปที่ทางเดินนั้นค่อนข้างยาก!” นักรบอสูรในตำนานผมหงอกกล่าว เขายืนอยู่กับเย่อู่ซิว ชายชราอยู่ที่สภาวะสมุทรขั้นสูงสุด และเคยอยู่ที่ทุ่งน้ำแข็งมาก่อน
  ซูผิงรู้สึกงุนงง “ยาก?”
  เย่อู่ซิวนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ “ใช่ ทุ่งลมเป็นทุ่งสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ ดังนั้น… เราจึงปิดทางเข้าทางเดินแล้ว!
  “เราจะต้องปิดค่ายกลนั้นถ้าคุณต้องการเข้าไปในทางเดิน อย่างไรก็ตามการสร้างค่ายกลอื่นจะเป็นเรื่องยาก วัตถุดิบบางอย่างหายากมาก และไม่สามารถใช้ซ้ำได้หากเราปิดการใช้งานค่ายกล”
  ซูผิงหน้าซีด
  ไม่มีทางเข้าไปในทางเดิน?
  ฉันไม่สามารถกลับเข้าไปในทางเดินได้อย่างงั้นหรอ?
  หลี่หยวนเฟิงยื่นข้อเสนอ เขาพูดกับเย่อู่ซิวว่า “หัวหน้าเย่ต้องมีทางเข้าไปที่ทางเดินอื่นไหม?”
  เย่อู่ซิวมองไปที่เขาและซูผิง“มี แต่มันยาก!”
  “ผมสามารถไปกับน้องซูได้” หลี่หยวนเฟิงกล่าว
  เย่อู่ซิวลำบากใจ นักรบอสูรในตำนานหลายคนเข้ามาใกล้พวกเขา หนึ่งในนั้นที่มีผมสีทองกล่าวว่า “พี่หลี่ การปกป้องทุ่งลมเป็นงานที่สำคัญที่สุด!”
  เขาไม่ได้พูดออกมาเป็นคำพูดมากมาย แต่เขาเตือนหลี่หยวนเฟิงว่าเขาต้องจัดลำดับความสำคัญ!
  หลี่หยวนเฟิงดึงหน้า
  “พี่หลี่ คุณอยู่ที่สภาวะว่างเปล่า มันจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับทีมของเราถ้าคุณไป!” นักรบอสูรในตำนานอีกคนหนึ่งเข้ามา
  บุคคลนั้นก็อยู่ในสภาวะว่างเปล่าเช่นกัน
  ”เขาพูดถูก!”
  “นี่เป็นแนวป้องกันสุดท้าย เราไม่สามารถปล่อยมันไปได้!”
  นักรบอสูรในตำนานคนอื่นๆ ก็ไม่สนับสนุนทางเลือกของหลี่หยวนเฟิงเช่นกัน
  จากการสนทนาครั้งก่อน พวกเขาได้เรียนรู้ว่าซูผิงมาเพื่อตามหาอสูร เขาอยู่ในระดับกิตติมศักดิ์ ดังนั้นพวกเขาจึงมีพลังเหนือเขา อย่างไรก็ตามหลี่หยวนเฟิงมีความสำคัญต่อพวกเขา หลี่หยวนเฟิงคนเดียวมีค่าเท่ากับนักรบอสูรในตำนานสภาวะสมุทรมากกว่าสิบคน “ฉันบอกว่าฉันจะมอบชีวิตของฉันให้ซูผิง ฉันเป็นหนี้ชีวิตเขา ฉันจะไปและจะไม่มีใครหยุดฉันได้!” หลี่หยวนเฟิงกล่าวอย่างเย็นชา
  คนอื่นๆ ประหลาดใจที่เห็นว่าเขาให้คุณค่ากับซูผิงมากแค่ไหน พวกเขายังคงคิดว่าหลี่หยวนเฟิงพูดเกินจริง แต่… ความจริงที่ว่าเขาตั้งใจแน่วแน่ทำให้พวกเขารู้ว่าเขาพูดความจริงมาตลอด หลี่หยวนเฟิงนักรบอสูรในตำนานที่ทรงพลัง แต่กลับชื่นชอบซูผิง ชายหนุ่มที่อยู่ในระดับกิตติมศักดิ์… เขาต้องโดดเด่นมาก!
  “หลี่!”
  เย่อู่ซิวดึงแขนเสื้อของหลี่หยวนเฟิงเมื่อเขาต่อต้าน นักรบอสูรในตำนานที่พยายามเกลี้ยกล่อมเขามาจากทุ่งอื่น แต่เนื่องจากตอนนี้พวกเขาอยู่ด้วยกัน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการรักษาความสงบ เย่อู่ซิวไม่ต้องการทำลายสิ่งนั้น
  หลี่หยวนเฟิงรู้ว่าเขาอาจจะล้ำเส้นไป แต่เขายังคงทำหน้าเย็นชาเพื่อให้คนอื่นๆ รู้ว่าเขาจริงจัง
  “พี่หลี่ คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ ผมไปเองได้” ซูผิงพูดกับหลี่หยวนเฟิง “คุณอยู่ที่นี่ก็ช่วยผมได้เหมือนกัน หากคุณสามารถรักษาถ้ำลึกให้ปลอดภัย ที่อื่นๆด้านบนก็จะปลอดภัย ครอบครัวของผมก็อยู่ข้างบนเช่นกัน ผมหวังว่าคุณจะอยู่ที่นี่” หลี่หยวนเฟิงขมวดคิ้ว “แต่มีทางเดียวถ้าคุณต้องการจะไปทางเดิน คุณจะต้องกลับไปทางที่คุณเข้ามาและมุ่งหน้าไปยังทุ่งอื่นที่ถล่ม และเส้นทางทั้งหมดถูกทำลาย มีมิติปั่นป่วน คุณจะถูกลากออกไปโดยไม่ได้รับการคุ้มครองจากนักรบอสูรในตำนานสภาวะว่างเปล่า…”
  “พี่หลี่ ลืมไปแล้วหรอ? ผมรู้กฎมิติ” ซูผิงยิ้ม
  หลี่หยวนเฟิงฝืนยิ้ม “ผมรู้ว่าคุณสามารถเคลื่อนย้ายได้ แต่นั่นเป็นเพียงความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับมิติ แม้แต่ผมก็ต้องระวังเป็นพิเศษขณะที่เคลื่อนย้ายผ่านมิติปั่นป่วน น่าเสียดายที่ไม่มีพวกเราที่อยู่ในสภาวะชะตากรรม มิฉะนั้นเราอาจเปิดเส้นทางให้คุณโดยตรงได้” นักรบสภาวะสมุทรรู้สึกอึดอัด
  หลี่หยวนเฟิงอ้างถึง การ”เคลื่อนย้าย” ว่าเป็นพื้นฐาน แต่ถึงกระนั้นบางคนก็ยังต้องเรียนรู้ทักษะ มันทำลายความมั่นใจของพวกเขา
  ”ไม่เป็นไร ผมทำได้” ซูผิงกล่าว
  ความเข้าใจในมิติของเขาไม่ลึกซึ้งเท่ากับของหลี่หยวนเฟิง ชายคนนี้อยู่ที่สภาวะว่างเปล่าขั้นสูงสุด และเขาได้ต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วน ซูผิงเพิ่งเรียนรู้การเคลื่อนย้ายพื้นฐานที่ทุกคนในสภาวะว่างเปล่ารู้เท่านั้น
  “น้องซู…”
  หลี่หยวนเฟิงกำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่ซูผิงหยุดเขา “ขอบคุณมากสำหรับความเมตตาของคุณ ผมจะต่อสู้เคียงข้างคุณเมื่อผมกลับมา”
  หลี่หยวนเฟิงเห็นความมุ่งมั่นในสายตาของซูผิง”ได้ ผมจะรอการกลับมาของคุณ เราจะได้สู้ไปด้วยกัน!”
  เสียงของเขาดังก้องและมีพลัง
  นักรบอสูรคนอื่นๆ รู้สึกโล่งใจเมื่อหลี่หยวนเฟิงตัดสินใจที่จะไม่ไป
  มีคนเริ่มเกลี้ยกล่อมให้ซูผิงไม่ไป
  ไม่ว่าซูผิงจะแข็งแกร่งเพียงใด เขาก็ยังอยู่ในระดับกิตติมศักดิ์ มิติปั่นป่วนนั้นไม่ใช่การทดสอบพลังต่อสู้ แต่เป็นความเข้าใจกฎมิติ!
  ไม่ว่าจะทรงพลังแค่ไหน คนคนนั้นก็สามารถโดนมิติปั่นป่วนฉีกออกเป็นชิ้น ๆ ได้!
  ซูผิงไม่ได้พูดอะไร เขาแค่ขอให้หลี่หยวนเฟิงบอกทาง คนอื่นๆ ถอนหายใจด้วยความผิดหวัง
  พวกเขาชอบอัจฉริยะที่หายากแบบนี้ ถ้าเขาสามารถเติบโตและพัฒนาได้โดยไม่มีข้อจำกัด เขาจะกลายเป็นหนึ่งในนักรบที่เก่งที่สุดของดาวเคราะห์สีน้ำเงิน
  คงจะน่าเสียดายหากคนแบบเขาต้องตายก่อนวัยอันควร
  หลี่หยวนเฟิงและเย่อู่ซิวเป็นผู้นำทาง และนักรบอสูรในตำนานคนอื่น ๆ ก็ตามกันมาเพื่อดูซูผิง พวกเขามาถึงวังวนมืดมิดซึ่งดูดเข้าไปในมิติอื่น แม้แต่ลมก็หยุดในบริเวณนั้น
  “นี่คือทางที่เราเข้ามา” หลี่หยวนเฟิงกล่าวอย่างกังวล “น้องซู คุณคิดเรื่องนี้ดีแล้วใช่ไหม?” เย่อู่ซิวถาม เขายังคงหวังว่าชายหนุ่มจะยอมแพ้ ซูผิงยิ้ม “อสูรของผมคือเพื่อนและครอบครัวของผม ผมจะไม่มีวันยอมแพ้”
  เย่อู่ซิวตัดสินใจที่จะไม่พูดอะไรอีก เขารู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างนักรบอสูรกับอสูรนั้นใกล้ชิดกันแค่ไหน!
  โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับพวกเขาซึ่งอยู่ในถ้ำลึกตลอดทั้งปี พวกเขาต้องพึ่งพาอสูร อสูรของพวกเขาเป็นพวกเดียวที่จะให้และเสียสละโดยไม่เสียใจ “นี่เป็นสมบัติป้องกัน มันสามารถช่วยให้คุณป้องกันการโจมตีมิติได้”เย่อู่ซิวกล่าวขณะที่เขาเอาชุดเกราะออกมาให้ซูผิง หลี่หยวนเฟิงกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง เขาถอดเกราะและจี้ฟันอสูร “น้องซู สองชิ้นนี้ช่วยได้…” ซูผิงปฏิเสธของจากพวกเขา
  “ไม่ต้องห่วง อสูรของผมจะปกป้องผมเอง” ซูผิงยิ้ม
  ขณะที่เขาพูดอย่างนั้น สุนัขมังกรดำก็เห่า ทันใดนั้น ชั้นป้องกันระดับตำนานกว่าร้อยชั้นก็ซ้อนทับบนตัวซูผิงและมังกรเพลิงนรก ชั้นป้องกันหลายประเภทเปล่งแสงเจิดจ้า
  ”นั่นอะไร…?”
  นักรบอสูรในตำนานคนอื่นๆ เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
  ชั้นป้องกันมากมายขนาดนั้น?
  นั่นคืออสูรอะไร?
  แม้แต่เย่อู่ซิวก็ยังตกตะลึง
  ชั้นป้องกันเหล่านั้นมีพลังมากกว่าเกราะของเขาถึงสิบเท่า! “ได้เวลาไปแล้ว” ซูผิงกล่าวและโบกมือลาหลี่หยวนเฟิง มังกรเพลิงนรกคำราม และพาเขาเข้าไปในวังวน
ตอนที่ 642 รวมตัวใหม่
  “เขาจะโอเคไหม?”
  “นั่นคืออสูรอะไร? ฉันไม่คิดว่าเคยเห็นแบบนี้มาก่อน…”
  ”ฉันไม่อยากจะเชื่อ อสูรใช้ทักษะการป้องกันระดับตำนานมากกว่าร้อยประเภทในคราวเดียว พลังงานที่เก็บไว้ใกล้กับสภาวะว่างเปล่า…”
  นักรบอสูรในตำนานยังคงตกตะลึงหลังจากที่ซูผิงก้าวเข้าไปในวังวนแล้ว
  อสูรตัวนั้นทำให้พวกเขาสงสัยว่าซูผิงเป็นเพียงนักรบกิตติมศักดิ์จริงหรือเปล่า
  หลี่หยวนเฟิงได้เห็นสิ่งที่ซูผิงสามารถทำได้ในทางเดิน เขารู้ว่าสุนัขมังกรดำไม่ใช่อสูรที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา เขาจึงไม่แปลกใจ เขาแค่รู้สึกเป็นห่วง
  หวืด!
  ทันทีที่เขาก้าวเข้าไปในวังวน ซูผิงรู้สึกได้ทันทีถึงกระแสปั่นป่วนในมิติ ซึ่งฉีกทึ้งร่างเขา ฉีกชั้นป้องกันออก
  ชั้นป้องสุดท้ายถูกฉีกออกในเวลาไม่ถึงสิบวินาที!
  ”ตรงนั้น…”
  สัญญาทำให้ซูผิงรู้ว่าโครงกระดูกน้อยอยู่ตรงไหน เขายืมพลังงานจากมังกรเพลิงนรกอย่างไม่ลังเล
  ดาบแห่งความว่างเปล่า!
  ปัง!
  ทันใดนั้นคลื่นดาบมืดมิดก็แผ่ออกไป กวาดล้างความโกลาหลในมิติที่อยู่ตรงหน้าเขาออกไป ในขณะเดียวกันรอยร้าวก็ฉีกขาดต่อหน้าเขา จากนั้นแสงจาง ๆ ก็โผล่ออกมาจากรอยร้าว
  ซูผิงก้าวออกจากวังวน
  วังวนนั้นไม่ยาวหรือสั้น การค่อยๆ หาตำแหน่งและค้นหาพิกัดอาจทำให้เขาหลงทางและอาจเป็นอันตรายได้ ถึงกระนั้นเขาก็ยังได้รับการช่วยเหลือจากสัญญา ดาบแห่งความว่างเปล่าทำให้เขาสามารถหลุดพ้นจากมิติได้โดยตรง นี่คือ… ทางเดิน?
  ซูผิงรู้สึกประหลาดใจที่เขามาถึงสถานที่ที่คุ้นเคย
  ฟันหนึ่งครั้ง และเขามาอยู่ที่นี่แล้ว?
  ทางเดินกว้างใหญ่อยู่ตรงหน้าเขา แสงสลัว กลิ่นเหม็นของอุจจาระและเลือดในอากาศ ล้วนบอกซูผิงว่านี่เป็นรังของราชาอสูรร้ายจริงๆ
  “ฉันคิดว่าระบบหยุดงาน…”
  ซูผิงไม่มีความสุขที่มาที่นี่ มีอะไรทำให้เขากังวล การฟันดาบของเขาควรมีความแข็งแกร่งเท่ากับสภาวะชะตากรรม
  ผู้ที่อยู่ในสภาวะชะตากรรมสามารถใช้พับมิติและมิติกักขังได้ พวกเขามีความสามารถในการฟันและเดินทางผ่านมิติ หากราชาอสูรร้ายเหล่านี้อยู่ในสภาวะนั้น พวกมันสามารถออกจากถ้ำลึกได้อย่างง่ายดายโดยที่ไม่มีใครรู้ เพียงแค่ใช้ทักษะเชิงมิติ! ที่นี่… จะต้องมีราชาอสูรที่สภาวะชะตากรรม… และแม้แต่ระดับดวงดาว!
  ใบหน้าของซูผิงขุ่นมัว
  ราชาอสูรร้ายต้องสังเกตเห็นว่าค่ายกลมีปัญหา พวกมันจึงพยายามหลบหนี
  และเมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้น…
  ซูผิงคิดถึงบางสิ่งที่น่ากลัว เขามองไปรอบๆ เขาเรียกมังกรเพลิงนรกและสุนัขมังกรดำกลับไปในพื้นที่สัญญา
  สายสัมพันธุ์ทางสัญญาส่งสัญญาณมากขึ้นหลังจากที่เขามาถึง ซูผิงสามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่าโครงกระดูกน้อยอยู่ที่ไหน และอยู่ห่างกันแค่ไหน หวืด! หวืด!
  ซูผิงเคลื่อนย้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า
  เขาเห็นโครงกระดูกขนาดใหญ่มากมายตลอดทาง กระดูกบางส่วนกระจัดกระจายไปทั่ว
  ซูผิงวิ่งอย่างบ้าคลั่ง ตามที่เขาคาดไว้ เขาไม่ได้วิ่งเข้าไปใกล้อสูรที่มีชีวิต!
  ความกังวลของเขาเพิ่มขึ้น
  ครึ่งชั่วโมงต่อมา
  เขาใกล้เข้าไปเรื่อยๆ
  เขากำลังสื่อสารกับโครงกระดูกน้อยผ่านสัญญา
  เขาสามารถบอกได้ว่าโครงกระดูกน้อยกำลังเคลื่อนเข้ามาหาเขาเช่นกัน อีกไม่นานพวกเขาจะได้พบกันที่ทางเดิน! ในช่วง 30 นาทีที่ผ่านมา ซูผิงได้พบกับราชาอสูรสามตัวที่สภาวะสมุทร พวกมันได้รับบาดเจ็บ กำลังพักฟื้นอยู่ในรัง
  ซูผิงฆ่าพวกมันทันที เขาเริ่มกังวลมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
  ดูเหมือนว่าราชาอสูรร้ายหายตัวไปจากทางเดินแล้ว
  ราชาอสูรร้าย… ออกไปแล้ว
  ราชาอสูรร้ายเหล่านั้นซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งข้างบนอย่างแน่นอน!
  อย่างไรก็ตามเขาได้ข้อมูลจากฉินตู้หวงและอวิ๋นว่านหลี่ว่าแม้จำนวนอสูรป่าทั่วโลกจะมีจำนวนมาก แต่ก็ยังมีความหวังเพราะไม่มีราชาอสูรร้าย
  หากผู้คนรู้ว่าราชาอสูรจำนวนมากกำลังเดินเตร่อยู่ข้างบน พวกเขาจะพากันตื่นตระหนก
  หอคอยปิดบังข้อมูลเพื่อให้ประชาชนสงบสติอารมณ์หรือยังไง?
  ซูผิงปฏิเสธความคิดนั้นในทันที
  หากราชาอสูรร้ายเหล่านั้นปรากฏตัวในที่สาธารณะ หอคอยก็ไม่สามารถปกปิดข้อมูลนั้นได้ แม้ว่าพวกเขาจะต้องการ นอกจากนี้การซ่อนข้อมูลดังกล่าวจะไม่มีความหมายเพราะมนุษยชาติใกล้ล่มสลายแล้ว ราชาอสูรร้ายกำลังซ่อนตัวอยู่ พวกเขากลัวอะไร? ซูผิงขมวดคิ้ว
  เขารู้สึกว่าดาวเคราะห์สีน้ำเงินของพวกเขามีความลับบางอย่าง
  ตัวอย่างเช่นทำไมราชาสวรรค์ต่างโลกถึงไปที่เมืองฐานหลงเจียง?
  เขาสงสัยเรื่องนี้มานานแล้ว การล่าหาอาหารไม่สมเหตุสมผล เนื่องจากมีราชาอสูรจำนวนมาก ราชาสวรรค์มีเจตนาอะไรบางอย่าง!
  อะไรที่ดึงดูดความสนใจของมันได้? อสูรร้ายเหล่านั้นกำลังออกจากถ้ำลึก แต่หลี่และคนอื่นๆ ยังคงอยู่ในทุ่งลม พวกเขายังไม่รู้… ใบหน้าของซูผิงเริ่มขุ่นมัวเมื่อคิดถึงตรงนี้ ไม่มีใครในทุ่งลมที่อยู่ในสภาวะชะตากรรม!
  ไม่มีใครในหอคอย… ที่อยู่สภาวะชะตากรรมเช่นกัน! ดูเหมือนว่า… มีเพียงเจ้าแห่งหอคอยเท่านั้นอยู่ระดับนั้น!
  บรรดาผู้ที่อยู่ในสภาวะว่างเปล่ามีความเข้าใจเกี่ยวกับมิติอยู่บ้าง พวกเขาไม่สามารถตรวจพบการสลายตัวของค่ายกลและสถานะของทางเดินได้
  เป็นการสิ้นเปลืองกำลังคนอย่างสมบูรณ์หากพวกเขาอยู่ที่นั่น แต่ฉันไม่คิดว่าพวกเขาโง่ ฉันไม่คิดว่าพวกเขาจะอยู่ที่นั่นนานหากพวกเขารู้ว่าไม่มีอสูรร้ายในนั้น เป็นไปได้ไหมว่า… มีอสูรร้ายบางตัวซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่ง และพวกมันแสร้งทำเป็นโจมตีหลี่ และคนอื่น ๆ เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่ออกจากถ้ำลึก?
  ซูผิงกระพริบตา มันน่ากลัวเกินไปแต่ฟังดูแล้วมันอาจจะเป็นจริง
  เขาไม่สามารถดูถูกสติปัญญาของอสูรร้ายเหล่านั้นได้!
  ซูผิงได้พบกับอสูรร้ายมากมายในสนามบ่มเพาะ อสูรร้ายระดับแปดหรือเก้าบางตัวกลายเป็นนักล่าที่มีทักษะ และพวกมันอาจจะฉลาดกว่ามนุษย์!
  อสูรร้ายเหล่านั้นในถ้ำลึกถูกบงการ!
  เขาสามารถยืนยันได้จากการที่เห็นอสูรร้ายทั้งหมดที่รออยู่ด้านบนตอนเขาออกจากถ้ำลึกในครั้งแรก
  ผู้ปกครองอสูรป่าในถ้ำลึกกำลังเล่นเกม!
  เกมดังกล่าวคือการพิชิตดาวเคราะห์สีน้ำเงิน!
  มนุษย์จะเป็นฝ่ายแพ้และจะสูญพันธุ์!
  “ฉันไม่คิดว่าหอคอยรู้เรื่องนี้เลย ฉันต้องรีบกลับไปบอกพวกเขา” ซูผิงพูดกับตัวเอง
  ผู้ปกครอง ของถ้ำลึกอาจไม่คิดว่ามนุษย์จะมีความกล้าเข้ามาในทางเดินนี้
  หวืด!
  ทันใดนั้นความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นบอกเขาว่าโครงกระดูกน้อยอยู่ใกล้มาก!
  อัญเชิญ! เขาใช้การอัญเชิญซึ่งเป็นหน้าที่ของสัญญาเพื่อนำโครงกระดูกน้อยเข้ามาใกล้!
  ตราบใดที่อสูรไม่ได้ขัดขืนและอยู่ในระยะที่กำหนด เขาก็สามารถเอาโครงกระดูกน้อยกลับมาได้ นั่นคือพลังสัญญาของเขา
  หวืด!
  ลำแสงสีขาวปรากฏขึ้นต่อหน้าซูผิง วินาทีถัดมาโครงกระดูกสีขาวปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา มันหลุดออกจากวังวน โครงกระดูกน้อยเพิ่งเคลื่อนย้ายเสร็จ
  พวกเขาสบตากัน ซูผิงตื่นเต้นมาก เขามาทันเวลา เขาเจอโครงกระดูกน้อย!
  “นี่มันเยี่ยมมาก!”
  ”ฉันเจอนายแล้ว มันอัศจรรย์มาก!!”
  ซูผิงดึงโครงกระดูกน้อยเข้ามาในอ้อมแขนของเขา เขาไม่พบคำใดที่จะบรรยายว่าเขามีความสุขเพียงใด เขาต้องพึ่งโครงกระดูกน้อยเพื่อออกจากถ้ำลึก ถูกบังคับให้ทิ้งมันไว้เบื้องหลัง ซูผิงยังคงกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยคิดว่าอาจมีบางอย่างเกิดขึ้นกับโครงกระดูกน้อยถ้าเขากลับมาไม่ทันเวลา ในที่สุดเขาก็ทำได้
  โครงกระดูกน้อยอยู่นิ่งในในอ้อมกอดของซูผิง หลังจากเวลาผ่านไป โครงกระดูกน้อยก็ยกมือขึ้นและตบหลังของเขา
  วังวนสองอันปรากฏขึ้นด้านหลังซูผิงมังกรเพลิงนรกและสุนัขมังกรดำออกมา ทั้งสองส่งเสียงอย่างมีความสุขเมื่อเห็นโครงกระดูกน้อย
  “ไหน ขอฉันดูนายหน่อย”
  ซูผิงปล่อยโครงกระดูกน้อยและมองขึ้นลง โครงกระดูกน้อยดูไม่แตกต่างไปมากนัก มันดูมีพลังมากกว่าเมื่อก่อนด้วยซ้ำ มีแนวโน้มว่าจะระดับเก้าขั้นสูงสุดแล้ว
  “นายคงลำบากมาก” ซูผิงพูดและลูบหัวกะโหลกของโครงกระดูกน้อย หัวใจของเขากำลังเจ็บปวด
  แม้ว่าโครงกระดูกน้อยจะไม่มีบาดแผล แต่ซูผิงรู้ว่าโครงกระดูกน้อยต้องผ่านการต่อสู้ที่ดุเดือดและโหดร้ายมา เพียงแต่ว่าโครงกระดูกน้อยมีความสามารถในการรักษาที่แข็งแกร่ง ดังนั้นเขาจึงมองไม่เห็นบาดแผล
  แต่โครงกระดูกน้อยต้องได้รับบาดเจ็บ!
  “ไม่… ผมไม่ลำบาก…” โครงกระดูกน้อยขยับปาก และพูดคำบางคำ แม้ว่าจะไม่คล่องแคล่ว
  ซูผิงอึ้งไปเลย
  โครงกระดูกน้อย… พูดได้?
  ซูผิงพบว่ามันยากที่จะเชื่อ เขาคิดมาตลอดว่าโครงกระดูกน้อยนั้นเชื่องช้า และจะตอบสนองอย่างรวดเร็วในการต่อสู้เท่านั้น มันดูเชื่องช้าเมื่ออยู่เฉยๆ เขาคิดว่าโครงกระดูกน้อยจะต้องไปถึงสภาวะชะตากรรมก่อนมันถึงจะพูดได้
  มังกรเพลิงนรกและสุนัขมังกรดำมองโครงกระดูกน้อยด้วยความประหลาดใจ ไม่นานหลังจากนั้นมังกรเพลิงนรกก็หันกลับมามองสุนัขมังกรดำ สุนัขมังกรดำเข้าใจความหมายเบื้องหลังท่าทางและสายตาของมังกร ในสามตัวนี้มีสุนัขเพียงตัวเดียวที่พูดไม่ได้
  มังกรเพลิงนรกยิ้ม แสดงความดูถูกอย่างไม่ปิดบัง
  สุนัขกระทืบพื้น ซูผิงไม่สนใจเรื่องไร้สาระของพวกมัน เขารู้สึกหดหู่ โครงกระดูกน้อยต้องผ่านความน่าสะพรึงกลัวในถ้ำลึกขณะที่เขาไม่อยู่ นี่คือความเป็นจริง ไม่ใช่สนามบ่มเพาะ
  โครงกระดูกน้อยมีชีวิตเดียวเท่านั้น!
  และมันรอด!
  แม้โครงกระดูกน้อยจะสามารถรอดมาได้ ไม่ได้หมายความว่าการเอาชีวิตรอดนั้นง่ายสำหรับอสูรตัวนี้
  เขาควรปฏิบัติต่อโครงกระดูกดีกว่านี้
  ซูผิงมีอารมณ์เกิดขึ้นมากมาย เขาดึงโครงกระดูกน้อยเข้ามากอดอีกครั้ง กะโหลกศีรษะให้ความรู้สึกเย็น แต่ซูผิงสาบานได้ว่าเขาสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของโครงกระดูก
  ”ฉันขอโทษ ฉันจะไม่มีวันทิ้งนายอีก” ซูผิงกล่าว
  โครงกระดูกน้อยพิงกะโหลกกับหน้าอกของซูผิง หลังจากนั้นไม่นาน โครงกระดูกน้อยก็พูดว่า “ตกลง”
  ซูผิงสงบสติอารมณ์ลง เขานึกถึงความเป็นไปได้ต่างๆ ที่เขาคิดได้ ซึ่งทำให้เขารู้สึกขมขื่นอีกครั้ง เขาถามโครงกระดูกน้อยว่า “นายรู้ไหมว่าอสูรร้ายออกไปมาจากที่นี่ตอนไหน?”
  โครงกระดูกน้อยต้องรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในทางเดิน
  ”รู้”
  โครงกระดูกน้อยพยักหน้า
  เมื่อรู้ว่าโครงกระดูกน้อยมีปัญหาในการพูด ซูผิงจึงเริ่มสอบถามผ่านสัญญา
  ในไม่ช้า ซูผิงก็เข้าใจ
  พวกมันออกไปเมื่อสามวันก่อน… ไม่นาน
  ซูผิงถอนหายใจอย่างโล่งอก
  คงจะน่ากลัวมากหากอสูรร้ายออกไปก่อนหน้านี้ และซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักด้านบนตลอดเวลา มันคงเป็นเรื่องที่น่าสะพรึงกลัว
  ฉันต้องรีบแจ้งให้พวกเขาทราบ… อสูรร้ายออกไปแล้ว ถึงกระนั้น ฉันก็ยังสงสัยว่า… ส่วนลึกที่สุดนั้นเกิดอะไรขึ้น? ซูผิงต้องการกลับไปบอกหลี่หยวนเฟิงเพื่อที่พวกเขาจะได้ไปบอกหอคอย แต่ความคิดล่าสุดนี้ทำให้เขาสนใจ
  เขาไม่เคยไปที่นั่น!
  เขารู้ว่าถ้ำลึกมีชั้นตามที่หลี่หยวนเฟิงบอก
  ทางเดินอยู่ที่ชั้นบนสุด ที่ซ่อนที่แท้จริงของอสูรร้ายเหล่านั้นอยู่ใต้ทางเดิน! อสูรร้ายเหล่านั้นอาศัยอยู่ที่นั่น ตัวที่อ่อนแอสามารถออกจากถ้ำและอยู่ที่ทางเดินได้เท่านั้น แต่อสูรป่าที่ทรงพลังกว่าอยู่ในนั้น!
  เขาสงสัยว่าถ้ำยังว่างอยู่หรือเปล่า
  ซูผิงขมวดคิ้ว
  นี่เป็นการสำรวจที่หายาก แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเข้าไปในถ้ำเพราะมีราชาอสูรร้ายมากมายอยู่ระหว่างทาง!
  อย่างไรก็ตามพวกมันออกไปแล้ว เขามีโอกาสได้เห็นความจริงเกี่ยวกับถ้ำลึก!
  ในที่สุดซูผิงก็ตัดสินใจ “เอาล่ะ ไปตรวจสอบกันเถอะ”
  นั่นเป็นทางเลือกที่เสี่ยง แต่เขามีดาบแห่งความว่างเปล่า เขาสามารถฟันดาบผ่านความว่างเปล่าและหลบหนีได้ หากเขาบังเอิญเจออสูรร้ายจำนวนมาก ในทางกลับกัน หากอสูรร้ายออกไปแล้ว เขาอาจจะพบบางสิ่งที่เป็นประโยชน์ที่นั่น
  โครงกระดูกน้อย มังกรเพลิงนรก และ สุนัขมังกรดำไม่เห็นด้วย แต่พวกมันเคยชินกับคำสั่งของเขาแล้ว ไม่ว่ามันจะเป็นอันตรายหรือไม่ก็ตาม
  ซูผิงเรียกคืนมังกรและสุนัขมังกรดำกลับเข้าไปในพื้นที่สัญญาเพราะมันใหญ่เกินไป เขาสามารถเรียกพวกมันออกมาได้หากเขาเจอปัญหา
  หวืด!
  ซูผิงจับมือโครงกระดูกน้อยและบินไป
  ทางเดินดูเหมือนรกร้างไร้ซึ่งราชาอสูรร้ายสัญจรไปมา
  กระดูกและอุจจาระมีอยู่ทั่วทุกแห่ง และมีเมือกของอสูรร้ายที่ไม่รู้จักอยู่บนผนังหิน ซึ่งทำให้สถานที่นี้ดูมืดมนและน่ากลัวเล็กน้อย
  เขาจะเห็นราชาอสูรร้ายบางตัวตามทาง แต่ส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บ และพักฟื้นอยู่
  ซูผิงฆ่าพวกมันทันทีที่เห็น
  ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงสุดทางเดินหลังจากผ่านไปสี่ถึงห้าชั่วโมง พวกเขาอ้อมไปบ้างเพราะทางเดินเป็นเหมือนเขาวงกต ซูผิงมักจะระมัดระวัง ไม่กล้าฟันดาบแห่งความว่างเปล่าเหมือนเมื่อก่อน เผื่อว่ามันจะไปแจ้งเตือนอสูรร้ายที่อาจซ่อนตัวอยู่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว