ตอนที่ 655 ผู้สังหารสวรรค์
ความเสียใจพุ่งเข้ามาทันทีที่เขาพูดให้กำลังใจตัวเองเสร็จ
ทุกคนสามารถพูดคำที่กล้าหาญเพื่อหาความพึงพอใจชั่วขณะ… แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำในสิ่งที่กล้าหาญ! เมืองฐานหลงเจียงมีประชากรจำนวนมาก แต่เขาก็ยอมจำนนต่อแรงผลักดัน
“หยุดลังเล ไปเตรียมตัวให้พร้อม ผมต้องกลับไปเดี๋ยวนี้แล้ว” ซูผิงเห็นว่าเซี่ยจินชุ่ยแสดงอาการลังเลอีกครั้ง ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจบอกให้เขาออกไป เขาออกจากสำนักงานไม่นานหลังจากนั้น
เซี่ยจินชุ่ยมองซูผิงจากไป รู้สึกหมดหนทาง นับนี้เป็นต้นไป เขาจะต้องฝากความหวังทั้งหมดไว้กับซูผิง
เตรียมทำสงคราม!
ซูผิงตรงกลับไปที่ร้าน
เนื่องจากเมืองฐานหลงเจียงไม่สามารถเป็นส่วนหนึ่งของแนวป้องกันซิงจิง พวกเขาจึงต้องพึ่งพาตนเอง ซูผิงรู้ว่ามีใครบางคนในหอคอยกำลังพุ่งเป้ามาที่เขา แต่นั่นไม่ใช่เวลาที่เขาจะคิดแก้แค้น
“พี่เล้ง คุณพอจะมีเวลาไหม? ที่เมืองฐานหลงเจียงเราต้องการคนมากขึ้น”
ซูผิงโทรหาเล้งหยิงจุน—ปรมาจารย์ดาบ—ทันทีหลังจากที่เขากลับถึงร้าน
”คุณซูผมได้ยินเกี่ยวกับเมืองฐานของคุณ ผมอยู่ที่สำนักงานใหญ่ของแนวป้องกันซิงจิงตอนที่คุณฉินมาที่นี่”
เล้งหยิงจุนถอนหายใจ และพูดต่อ “ผมเข้าใจสถานการณ์ดี แต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้ ผมเสียใจมาก แต่ถ้าหลงเจียงตกอยู่ในอันตราย ผมจะไปที่นั่น”
ซูผิงเลิกคิ้วขึ้น “อย่ากังวลไปเลย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ คุณรู้หรือไม่ว่าใครเป็นคนเสนอให้ยกเว้นหลงเจียง?”
“ก็…” เล้งหยิงจุนดูลังเล แต่ในที่สุดเขาก็ตอบว่า “นักรบอสูรในตำนานอาวุโสของหอคอย แต่ผมไม่สามารถบอกชื่อได้เพราะผม… เป็นสมาชิกของหอคอย!”
ซูผิงรู้สึกประหลาดใจ “คุณเป็นสมาชิกของหอคอย? ในที่สุดคุณก็ไปถึงระดับตำนานแล้วเหรอ?”
“ใช่ และผมอายที่จะพูด”
เล้งหยิงจุนฝืนยิ้มขมขื่น “ผมต้องขอบคุณคุณซู ผมถึงระดับตำนานเพราะราชาอสูรร้ายที่คุณขายให้ผม ผมสัมผัสได้ถึงพลังพิเศษที่ราชาอสูรร้ายส่งผ่านสัญญา ซึ่งต่อมาเป็นแรงกระตุ้นให้ผม ผมสามารถทะลุผ่านคอขวดได้ ถ้าไม่ใช่เพราะราชาอสูร ผมไม่รู้ว่าจะต้องติดอยู่อีกนานแค่ไหน ทั้งชีวิตผมอาจไม่สามารถผ่านมาได้ก็ได้!”
“ยินดีด้วย!” ซูผิงดีใจ มีนักรบอสูรในตำนานอีกหนึ่งคนที่มีความรับผิดชอบ “หอคอยโทรหาผมไม่นานหลังจากที่ผมถึงระดับตำนาน ผมเข้าร่วมหอคอยเพื่อประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ”เล้งหยิงจุนรู้สึกอายเล็กน้อย “ผมเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องระหว่างคุณกับหอคอย ผม…”
“ผมไม่ได้เกลียดหอคอย ผมเกลียดศัตรูของผม” ซูผิงพูดด้วยเสียงยิ้มแย้มว่า “ไม่ว่าคุณจะเข้าร่วมองค์กรไหน ความจริงที่ว่าคุณเป็นนักรบอสูรในตำนานเป็นเรื่องน่ายินดี เมื่อมีเวลา มาเยี่ยมผม ผมจะมอบของขวัญให้”
”คุณซู…” เล้งหยิงจุนไม่รู้จะพูดอะไร
เขารู้สึกอับอายเกินกว่าจะไปพบซูผิงหลังจากเข้าร่วมหอคอย ต้องขอบคุณราชาอสูรร้ายที่ซูผิงขายให้เขา ทำให้เขาสามารถมาถึงระดับตำนานได้
เขาคงไม่ได้การกระตุ้นหากไม่มีราชาอสูรร้ายที่ซูผิงให้ มันเกิดขึ้นจากการพัฒนาในช่วงเวลาวิกฤติ ระดับกิตติมศักดิ์ไม่เพียงพออีกต่อไป นักรบอสูรในตำนานหลายคนเสียชีวิต เขาเป็นหนี้บุญคุณซูผิง
“โอเค ผมต้องโทรหาคนอื่น แล้วเจอกัน” ซูผิงกล่าว
เล้งหยิงจุนได้ยินเสียงวางสาย และเขาก็วางโทรศัพท์ลงหลังจากเงียบไปสักพัก… ในระหว่างนี้ซูผิงเริ่มโทรหาคนอื่นๆ
อู่กวนเฉิงเป็นคนที่สองที่เขาโทรหา
อาจารย์ของซูหลิงเยวี่ย
อู่กวนเฉิงอยู่ในระดับกิตติมศักดิ์ขั้นสูงสุด แต่แตกต่างจากปรมาจารย์ดาบ อู่กวนเฉิงเป็นผู้เชี่ยวชาญในการรักษา พลังต่อสู้ของเขาไม่แข็งแกร่ง แต่มีเขามันจะดีกว่า 1+1 = 2 ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน!
“ไม่มีปัญหา” อู่กวนเฉิงตอบอย่างไม่ลังเล
ซูผิงประทับใจทัศนคติของอู่กวนเฉิง เขานึกภาพไม่ออกว่าเขาจะมาเป็นเพื่อนกับนักรบกิตติมศักดิ์ที่เคยไม่ถูกกันได้ยังไง
ซูผิงไม่ได้โทรหาคนที่สาม อันที่จริงมีนักรบอสูรกิตติมศักดิ์เพียงไม่กี่คนที่เขารู้จัก คนอย่างอวิ๋นว่านหลี่และหานยู่เซียงต้องปกป้องเมืองฐานของตัวเอง เมืองฐานหลงหยางมีความสำคัญเนื่องจากเป็นทางเข้าถ้ำลึก ทำให้เป็นเป้าหมายได้ง่าย
“ถ้าเราต้องการคนมากขึ้น ตระกูลฉิน ตระกูลโจว และตระกูลเย่ ต่างก็มีนักรบอสูรกิตติมศักดิ์” ซูผิงบอกตัวเอง
เมืองฐานหลงเจียงมีนักรบอสูรกิตติมศักดิ์เป็นประชากรอยู่จำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับจำนวนอสูรป่าแล้ว ตัวเลขของพวกเขาเทียบอะไรไม่ได้เลย ดังที่กล่าวไว้นักรบอสูรกิตติมศักดิ์สามารถทำสัญญากับราชาอสูรร้ายได้
หากนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ในหลงเจียงสามารถจัดการราชาอสูรได้…หลงเจียงจะมีพลังมากพอที่จะปกป้องตัวเองแม้ว่าจะมีราชาอสูรร้ายหลายสิบตัวเข้ามาก็ตาม!
ซูผิงคิดแผน
สำนักงานใหญ่ของแนวป้องกันซิงจิง
สถานที่นี้เคยอยู่ในเมืองฐานโต้วซิง ทั้งโต้วซิงและหลงเจียงแข่งขันกันทั้งแบบเปิดเผยและแบบปิดซ่อน ในที่สุดเมืองฐานหลงเจียงก็ยอมแพ้ นักรบอสูรจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มหลั่งไหลเข้าไปอยู่ที่โต้วซิงหลังจากตั้งสำนักงานใหญ่ นักรบอสูรกิตติมศักดิ์จาก 11 เมืองฐานไปรวมกันที่แนวป้องกัน นักรบอสูรในตำนานกว่ายี่สิบคนได้รับการแต่งตั้งจากหอคอยให้ประจำที่สำนักงานใหญ่ หนึ่งในยี่สิบคนอยู่ในสภาวะว่างเปล่าซึ่งเป็นผู้อาวุโสที่แข็งแรง “อืม แค่นักรบอสูรในตำนานที่สภาวะสมุทร กล้าดียังไงมาเถียงกับเรา!”
ชายชราคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ที่มีรูปสลักของนกฟีนิกซ์และมังกร
“สหายฉิน คนนั้นปฏิเสธที่จะเข้าร่วมหอคอย เขาเป็นคนโง่!”
“เขาคิดว่าเขาสามารถจัดการได้ดีกว่า เมื่อมีคนชื่อซูในเมืองฐานหลงเจียง แทนที่จะมาร่วมกับเรา ช่างน่าขำ!”
”ใช่ การเข้าร่วมหอคอยไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ทั้งหมดเพื่อประโยชน์สูงสุดของมนุษยชาติ!”
“เราดูแลเมืองฐานทั้งหมดทั่วโลก และเราทำงานอย่างหนักด้วยทั้งร่างกายและจิตใจ สหายฉินเป็นคนขี้ขลาด ต่ำต้อย เขารู้อะไรเกี่ยวกับความยากลำบากบ้าง?”
นักรบอสูรในตำนานอีกสามคนในห้องเยาะเย้ย
ชายชราพ่นลมหายใจ “เมืองฐานหลงเจียง เป็นยังไง? ผู้ชายคนนั้นที่ชื่อซูโทรมาขอ หรือขอให้ใครสักคนทำแทนเขาไหม?”
“ไม่ ตอนนี้ยังไม่”
“ใครเล่าจะโง่เขลาพอที่จะมาขอร้องเพื่อเห็นแก่เด็กคนนั้น เขาฆ่านักรบอสูรในตำนานหลายคน เขาเป็นคนทรยศต่อสังคมมนุษย์!”
“อย่ากังวล เขาจะมาขอร้องเมื่ออสูรร้ายไปถึงที่นั่น”
นักรบอสูรในตำนานทั้งสามคนหัวเราะ พวกเขายังคิดภาพที่ซูผิงมาขอร้องต่อหน้าพวกเขาเมื่อการโจมตีมาถึง “อย่าไปสนใจ เราควรเตรียมตัวให้พร้อม เจ้าแห่งหอคอยมอบหมายแนวป้องกันนี้ให้ฉัน เราไม่สามารถทำผิดพลาดได้” ชายชราขัดจังหวะพวกเขา
“พูดถูกแล้ว ท่านเนี่ย”
“เราให้โอกาสเมืองฐานหลงเจียงแต่พวกเขาปฏิเสธที่จะย้ายออก พวกเขาร้องหาความหายนะให้ตัวเองทั้งนั้น”
“ที่นี่มีท่านเนี่ย แม้ว่าอสูรป่าจะไปยังเมืองฐานหลงจิง เราก็จะสามารถปกป้องมันได้อย่างแน่นอน”
ชายชราพยักหน้า “หลงจิง มีความสำคัญเพราะมันมีทางเข้าถ้ำลึกอยู่ด้วย สถานที่นั้นคือสิ่งที่เราจะต้องให้ความสำคัญ รายงานสิ่งผิดปกติทันที”
“ใช่หลงจิงมีผู้สังหารสวรรค์คอยดูแลถ้ำลึก ดังนั้นผมไม่คิดว่าเราจะต้องกังวล”
“อย่างไรก็ตามผู้สังหารสวรรค์เหล่านั้นซ่อนตัวอยู่ในเมืองฐาน พวกเขาจะปกป้องอะไร?”
“ฉันได้ยินมาว่าเมืองฐานบางเมืองที่ไม่มีทางเข้าถ้ำลึกก็มีผู้สังหารสวรรค์ด้วยเช่นกัน อย่างเช่นหลงเจียง…” ทันใดนั้นชายชราก็ชำเลืองมองทั้งสามอย่างเย็นชา “ฉันแนะนำให้นายเลิกคิดถึงมันและไปพักผ่อนซะ นายไม่มีอำนาจที่จะถามเกี่ยวกับผู้สังหารสวรรค์ นั่นเป็นความลับสุดยอด และแม้แต่ฉันเองก็ไม่รู้ ระวังเจ้าแห่งหอคอยอาจได้ยินสิ่งนี้”
“การพูดถึงผู้สังหารสวรรค์เป็นสิ่งต้องห้าม!”
คนอื่นๆ ยิ้มขอโทษ และไม่ได้พูดต้องเรื่องนั้นอีกต่อไป พวกเขาซ่อนความอยากรู้อยากเห็นไว้ลึกๆ แม้แต่หอคอยก็ถือว่าหัวข้อนี้เป็นความลับสุดยอด น่าสนใจจริงๆ
ในระหว่างนี้
เมืองฐานหลงเจียง
ซูผิงกำลังจะปิดประตูเพื่อไปสนามบ่มเพาะ แต่ซูหยวนซาน พ่อของเขามาถึงก่อน “ผิง นี่คือร้านของลูกเหรอ?” ซูหยวนชานยืนอยู่ข้างประตูและมองไปรอบๆ
ซูผิงยิ้ม “ผมได้รับร้านค้ามาจากพ่อ นี่คือร้านของเรา”
ตอนที่ 656 วิกฤต
“แม่ของลูกเป็นคนดูแลร้านมา ลูกได้ร้านมาจากแม่”
ซูหยวนชานส่ายหัว “เมื่อก่อนมันเป็นแค่ร้านเล็กๆ ธรรมดาๆ แต่ตอนนี้… ดูนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ที่มาสิ พ่อไม่สามารถนับได้ว่ามีกี่คนที่มาที่นี่”
ซูผิงยิ้มนิดๆ “พ่อเห็นในข่าวว่าอสูรป่ากำลังโจมตีอยู่ทุกหนทุกแห่ง และเมืองฐานหลายแห่งกำลังอพยพ ลูกคิดที่จะย้ายไหม” ซูหยวนซานถาม
ซูผิงส่ายหัว “ผมจะไม่ไปจากหลงเจียง”
ซูหยวนชานจ้องมองเขา “ลูกแน่ใจหรอ? ครั้งนี้ไม่ใช่การโจมตีเล็กๆ อสูรป่าอาจน่ากลัวยิ่งกว่าราชาสวรรค์ต่างโลกที่ลูกเจอ”
ซูผิงรู้สึกประหลาดใจ “พ่อรู้ได้ยังไง?”
“พ่อเห็นในข่าว”
“รายงานข่าวเหล่านี้มีรายละเอียดเยอะมาก…” ซูผิงพูดไม่ออก “ยังไงก็ตาม รอดูเลย และเราจะได้เห็นกันว่าจะต้องทำยังไงเมื่อถึงเวลา”
ซูหยวนซานไม่ได้ตอบอะไร
“พ่อ ผมต้องทำอะไรบางอย่าง พ่อกลับบ้านก่อนได้ไหม?”
“แน่นอน” ซูผิงปิดประตูหลังจากที่พ่อของเขาจากไป เขาดึงร้านค้าของระบบขึ้นมา และเจอวงแหวนจับอสูรร้ายขั้นสูง
เขารีเฟรชร้านหลายครั้ง สามในห้ารอบ เขาเจอแหวนจับอสูรร้าย
เขาซื้อแหวนจับอสูรร้าย เรียกโจแอนนา และไปที่หลุมศพกึ่งเทพ
ซูผิงพูดกับโจแอนนาตรงๆว่า “ฉันต้องการราชาอสูรสภาวะว่างเปล่าสี่ตัว”
“นายต้องการที่จะขายพวกมัน?”
”ใช่”
“แน่นอน การค้นหาราชาอสูรร้ายสภาวะว่างเปล่าสี่ตัวภายในสิบวันเป็นเรื่องง่ายๆ” โจแอนนารับภารกิจ ซูผิงมองเธอ เธอช่วยเขาจัดการปัญหามากมาย เธอเป็นผู้ช่วยที่ดีจริงๆ
“เธอจะกลายเป็นพนักงานดีเด่นหลังจากการโจมตีของอสูรร้าย ฉันจะพาเธอไปที่แดนเทพอาเคี่ยนทันทีหลังจากนั้น” ซูผิงกล่าว
โจแอนนารู้สึกประหลาดใจ “นายพูดจริงเหรอ?” เธอจ้องมองที่เขา
”ใช่”
ซูผิงพยักหน้า
โจแอนนากัดปากตัวเองและสูดหายใจเข้าลึกๆ “ดี นั่นเป็นข้อตกลงเหรอ?”
ซูผิงตอบด้วยรอยยิ้ม
“เธออยากปฏิเสธมันไหม?”
“ไม่”
“แล้วทำไมนายไม่ตอบตกลงฉันละ?”
“ ฉันเป็นคนรักษาคำพูด ถ้าฉันไม่ใช่คนแบบนั้น ไม่ว่าฉันจะให้คำสัญญาสักเท่าไร พวกมันก็ไร้ความหมาย”
โจแอนนามองเขาเงียบๆ
เธอเรียกเทพนักรบมาสองคน และขอให้พวกเขาไปจับราชาอสูรร้ายสภาวะว่างเปล่า
โจแอนนาเริ่มสอนค่ายกลห้าธาตุขนาดเล็กให้กับซูผิง หลังจากที่เทพนักรบออกไป
อาจารย์และศิษย์
โจแอนนาเป็นอาจารย์สอนที่อดทน เธอบอกเทพสวรรค์ให้หาวัตถบุดิบมาเพื่อให้ซูผิงได้ฝึกฝน วัตถุดิบเหล่านั้นราคาไม่ถูก แต่โจแอนนามีทรัพย์สมบัติมากมาย เธอสามารถซื้ออุปกรณ์ฝึกให้ซูผิงได้
สิบวันผ่านไป
เทพนักรบจับราชาอสูรร้ายสภาวะว่างเปล่าสี่ตัวได้ตั้งแต่วันที่สาม พวกเขาใส่ราชาอสูรร้ายไว้ในกรงและส่งพวกมันให้ซูผิง
ซูผิงบอกเทพนักรบให้โจมตีราชาอสูรก่อนเขาจึงใช้วงแหวนจับอสูรขั้นสูง เขาสามารถจับได้สามตัวหลังจากใช้สี่ครั้ง นั่นเป็นการจับที่ค่อนข้างโชคดี
ราชาอสูรร้ายเหล่านั้นอาศัยอยู่ในหลุมศพกึ่งเทพ พวกมันแตกต่างจากอสูรป่าที่เขาเคยเห็นบนดาวเคราะห์สีน้ำเงินเนื่องจากพวกมันมีพลังเทพไหลเวียนอยู่ในจตัว พวกมันมีแกนผลึกเพื่อเก็บพลังเทพ ทำให้พวกมันสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ราชาอสูรร้ายเหล่านั้นยังมีทักษะเทพหนึ่งหรือสองทักษะที่ทรงพลังหรือไม่ก็ลึกลับ
ซูผิงพอใจที่จับได้สามตัวนี้ เขาไม่อยากขายมันด้วยซ้ำ
ท้ายที่สุดราชาอสูรร้ายทั้งสามนั้นดีกว่าราชาอสูรร้ายที่เขาเคยเจอมาบนดาวเคราะห์สีน้ำเงิน เขายังลังเลที่จะขายให้คนอื่น
“น่าเสียดายที่ฉันยังไม่สามารถทำสัญญากับราชาอสูรร้ายสภาวะว่างเปล่าได้” ซูผิงรู้สึกเสียใจ
เขาเชี่ยวชาญค่ายกลห้าธาตุขนาดเล็กในช่วงระยะเวลาสิบวัน และเขาเปลี่ยนไปบ่มเพาะเมื่อใดก็ตามที่มีเวลาว่าง เขาสงสัยว่าเขามีประสบการณ์บททดสอบสวรรค์มากเกินไปหรือว่าเขาทำอะไรอย่างอื่นไปแล้วหรือไม่ แต่เขาก็ยังไม่สามารถข้ามขั้นตอนสุดท้ายได้ แม้จะมีพลังดวงดาวอยู่ในตัวเขาเพียงพอ เขาคิดว่าจุดเปลี่ยนเกี่ยวข้องกับบททดสอบสวรรค์ ซูผิงรู้สึกสับสน
เขาไม่สามารถสัมผัสได้ว่าบททดสอบสวรรค์ของเขาจะมาถึงเมื่อใด หมายความว่าเขาจะยังไม่ไปถึงระดับตำนานในเร็วๆนี้
อย่างไรก็ตาม—เมื่อเขาใช้บททดสอบของคนอื่น—เขาสามารถสัมผัสได้ว่าสายฟ้าปรากฏออกมาอย่างไร โผล่ออกมาจากความว่างเปล่า ความยิ่งใหญ่นั้นทำให้เขาประหลาดใจ แต่ถึงกระนั้น เขาก็ไม่รู้สึกอะไรเลยระหว่างบททดสอบ แม้จะอยู่ในระดับเก้าขั้นสูงสุดก็ตาม
เขาขอให้โจแอนนาหาคนที่กำลังจะทำบททดสอบมาเพิ่มเพื่อที่เขาจะได้ลอง แต่เขาสูญเสียความรู้สึกนั้นไป
เขาตายด้าน
ฉันมีภูมิคุ้มกันต่อบททดสอบสวรรค์หรอ? ซูผิงกลัวว่าเขาจะหมดสติหลังจากผ่านบททดสอบสวรรค์หลายครั้ง
อย่าลืมว่ากายแสงอาทิตย์ของเขาถึงขั้นสองแล้ว ความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขาสามารถเทียบได้กับสภาวะชะตากรรม บททดสอบสวรรค์แทบจะไม่สามารถทำร้ายเขาได้
“ฉันคงทะลวงผ่านไม่ได้ถ้าฉันไม่สามารถรู้สึกได้ถึงเสียงเรียกใช่ไหม?” ซูผิงถามโจแอนนา เขาคิดว่าเขาสามารถฝ่าไปได้โดยใช้บททดสอบของคนอื่น
บททดสอบสวรรค์ทั้งหมดมีความคล้ายคลึงกันโดยพื้นฐาน
”ใช่แล้ว”
โจแอนนามองซูผิงราวกับว่าเขาเป็นคนโง่ “หากนายบรรลุความก้าวหน้าด้วยวิธีนี้ ไม่เพียงแต่นายจะทำเช่นเดียวกันกับบททดสอบสวรรค์สำหรับระดับในตำนาน มันสามารถใช้สำหรับระดับดวงดาวได้ด้วย แต่จะมีผู้มีอำนาจมากเกินไปในโลกนี้ถ้าพวกเขาสามารถชุบชัวิตได้เหมือนที่นายทำ และเพียงแค่ยืมบททดสอบสวรรค์ของระดับเทพสูงสุด”
ซูผิงพูดไม่ออก “บอกฉันมา ทำไมฉันสัมผัสถึงการเรียกของบททดสอบสวรรค์ไม่ได้? ฉันอยู่ในระดับที่เหมาะสมตามทฤษฎีแล้ว และความก้าวหน้าควรจะมาถึงตามธรรมชาติ เหมือนกับการดื่มน้ำและทานอาหาร”
”ใครจะไปรู้ บางทีนายอาจต้องการอย่างอื่น” โจแอนนายักไหล่
ซูผิงไม่ตอบ
ไม่เป็นไร
ความสำเร็จจะมาถึงเมื่อเงื่อนไขสุกงอมเต็มที่แล้ว
เขาขอวัตถุดิบจำนวนมากเพื่อสร้างค่ายกลห้าธาตุขนาดเล็กแล้วกลับไปที่ร้านพร้อมกับโจแอนนา ผ่านไปอีกวันในชีวิตจริง
”ฮะ?”
ซูผิงตกใจหลังจากรู้สึกว่ามีนักรบอสูรเพียง 1-2 คนอยู่ฝั่งตรงข้ามถนน เขาผลักประตูเปิดและออกไปทันที
“อสูรป่ามาถึงแล้วหรือยัง?” ซูผิงถามทันที
ผู้อาวุโสสองคนของตระกูลฉินกำลังชี้ไปที่บางสิ่งที่ปรากฎอยู่บนโต๊ะแบบจำลอง คำถามของซูผิงทำให้พวกเขาตกใจ หนึ่งในนั้นตอบว่า “คุณซู ผมได้ยินมาว่าคุณกำลังบ่มเพาะอยู่ในร้าน อสูรป่าเคลื่อนไหวแล้ว แต่เมืองฐานของเราไม่ได้รับผลกระทบ วิกฤตเกิดขึ้นในแนวป้องกันซิงจิง”
“แนวป้องกันซิงจิง? “ใช่ เมืองฐานหลงจิ่งถูกโจมตีอย่างรุนแรงเมื่อเช้านี้ ผมได้ยินมาว่ามีนักรบอสูรกิตตมศักดิ์กว่าร้อยคนกับนักรบในตำนานสองคนเสียชีวิต!” ผู้อาวุโสอีกคนตอบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว