ตอนที่ 653 รายชื่อ-2
“หมูก็สามารถกลายเป็นผู้ท้าทายโชคชะตาได้? ต่อให้นายเรียกเราว่าหมู เราก็เป็นหมูที่เก่งที่สุด!”ถังยู่หรานเถียง
ซูผิงเยาะเย้ย
เขาบอกแค่ว่าพวกเธอถูกกักบริเวณ และไปหาโจแอนนา
“พี่ชายของเธอกับโจแอนนาตกลงอะไรกัน?”ถังยู่หรานสงสัยว่าทำไมเขาถึงสนใจโจแอนนามากขนาดนั้น
ซูหลิงเยวี่ยยืนเท้าเปล่า และพ่นลม “ไม่ใช่เรื่องที่คนนอกต้องรู้”
“เธอไม่รู้เหรอ”
“นะ… แน่นอนฉันรู้ ฉันรู้จักทุกคนที่คุ้นเคยกับพี่ชายของฉัน”
“อย่างนั้นหรอ?”
”ใช่!”
ในห้องอสูร
“นั่นคือทั้งหมด เธอเคยได้ยินเกี่ยวกับค่ายกลแบบนั้นไหม?”
ซูผิงบอกโจแอนนาเกี่ยวกับสิ่งที่เขาเห็นในถ้ำลึก รวมถึงค่ายกลที่เคยใช้ในบริเวณทุ่งทั้งห้า และค่ายกลผนึกที่ราชาอสูรร้ายบางตัวกำลังปกป้อง
โจแอนนากำลังนั่งอยู่ในคอกเลี้ยงดูที่มีพลังงานรอบตัวเธอ เธอมีรูปลักษณ์ที่งดงามราวกับนางฟ้า
“ห้าทุ่ง…”
โจแอนนาเลิกคิ้ว “นายน่าจะพูดถึงค่ายกลห้าธาตุ! ตัดสินจากสถานการณ์ที่นายอธิบาย ฉันคิดว่ามันเป็นแค่ค่ายกลห้าธาตุขนาดเล็ก แต่นั่นก็มากเกินพอที่จะบรรจุราชาอสูรร้ายเหล่านั้นได้”
“ค่ายกลห้าธาตุขนาดเล็ก?”
นั่นเป็นเรื่องน่าประหลาดใจสำหรับซูผิง “เธอรู้จักหรอ? แล้วเธอรู้วิธีซ่อมมันไหม?”
“มันง่ายที่จะซ่อมแซมค่ายกลดังกล่าว ค้นหาจุดแตก จากนั้นใช้พลังงานและแกนค่ายกลเพื่อซ่อมแซม”
โจแอนนาพูดด้วยเสียงสบายๆเหมือนเดินเล่นอยู่ในสวนสาธารณะ “ฉันเข้าใจว่าสี่ในห้าธสตุถูกทำลาย และค่ายกลห้าธาตุก็เหลือแค่ชื่อ… ฉันแนะนำให้นายสร้างใหม่ บางครั้งการสร้างจากศูนย์ง่ายกว่าการซ่อมแซม กรณีนี้ก็เหมือนกัน”
ปากของซูผิงกระตุก
ขนาดเล็ก?
ขนาดเล็ก นั้นบรรจุราชาอสูรร้ายทั้งหมดไว้ในถ้ำลึกมานานกว่าพันปี ราชาอสูรร้ายหลุดออกมา สำหรับโจแอนนายอกว่าค่ายกลนั้นมีชนาดเล็ก…
“ฉันเข้าใจว่าเธอสามารถสร้างมันขึ้นมาได้ใช่ไหม?” ซูผิงถาม
โจแอนนาตอบด้วยความภาคภูมิใจ “ฉันสามารถสร้างค่ายกลห้าธาตุขนาดใหญ่ให้นายยังได้ นับประสาอะไรกับขนาดเล็ก ค่ายกลห้าธาตุขนาดใหญ่สามารถบรรจุสิ่งมีชีวิตระดับดวงดาวได้สบายๆ แต่… ฉันไม่สามารถออกจากร้านของนายได้ ฉันถูกขังอยู่แค่ที่นี่ ขอโทษด้วย”
ซูผิงพูดไม่ออก แววตาเป็นประกายของเธอบ่งบอกว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
“อย่าแม้แต่จะคิดที่จะออกจากร้านของฉัน ไม่มีทาง”ระบบพูด
ซูผิงคิดเกี่ยวกับมัน และเสนออย่างอื่น “ถ้ามันไม่ซับซ้อน สอนฉัน แล้วฉันจะสร้างมันขึ้นมา”
โจแอนนาพ่นลมหายใจ “มันไม่ซับซ้อน แต่ไม่ได้เรียนรู้ได้ง่าย นายจะต้องใช้เวลาหนึ่งหรือสองเดือนในกรณีที่นายเรียนรู้ได้เร็ว หากไม่เป็นเช่นนั้น จะต้องใช้เวลาหลายสิบปีหรือกว่าร้อยปี ฉันสามารถสอนนายได้แน่นอนอยู่แล้ว แต่เมื่อไหร่ที่นายคิดจะพาฉันไปที่แดนเทพอาเคี่ยน? นายแน่ใจหรือว่าจะพาฉันไปที่นั่น ที่แห่งนั้นแตกสลายมานานมากแล้ว”
”แน่นอน เราคุยเรื่องนี้กันแล้ว ฉันจะพาเธอไปที่นั่น แต่เธอจะต้องประพฤติตัวดีๆ และเป็นพนักงานที่ดี” ซูผิงสัญญา
“อืม ฉันจะเชื่อใจนาย แต่แค่ตอนนี้เท่านั้น”โจแอนนากล่าว “ที่บ้านของฉันมีวัตถุดิบที่จะสร้างค่ายกลนี้ แต่ฉันไม่สามารถควบคุมได้ว่านายจะเรียนรู้ได้หรือเปล่า เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ฉันคิดว่าสิ่งที่นายเรียกว่าอาจารย์น่าจะสามารถจัดการกับราชาอสูรร้ายได้อย่างง่ายดาย ทำไมนายถึงต้องแก้ไขปัญหามากมายด้วยตัวเอง?
“ก็ …ที่เธอพูดก็ถูก ฉันคิดว่าอาจารย์ของฉันเป็นคนโง่” ซูผิงเม้มปาก
“ล่วงละเมิดทางคำพูด ความผิดครั้งที่หนึ่ง!”
“บางครั้งเธอขอให้บางคนออกมาแต่พวกเขาไม่สนใจ แต่พวกเขากลับสังเกตเห็นได้ในพริบตาเมื่อเธอเรียกพวกเขาว่าโง่” ซูผิงกล่าวเสียดสี
“ความผิดครั้งที่สอง!”
”อะไร?” โจแอนนารู้สึกงุนงง แต่เธอพอจะเข้าใจ เธอประหลาดใจ เธอเชื่อว่าอาจารย์ลึกลับคนนั้นได้ช่วยให้ซูผิงมีพลังมหาศาล เพื่อเขาจะได้กลับมาเยาะเย้ยอาจารย์ของเขา…
เธอตระหนักว่าเธออาจประเมินซูผิงต่ำไป
ผู้ชายคนนี้คือใคร?
“ไม่มีอะไร ในเมื่อเธอยินดีที่จะสอนฉัน เรามาเริ่มกันเลย เมื่อฉันเรียนรู้แล้ว บางทีฉันอาจจะไล่อสูรร้ายกลับไปที่ถ้ำลึกและขังพวกมันอีกครั้ง” ซูผิงกล่าว
“นายควรเตรียมตัวให้พร้อม ตามที่นายพูด ฉันคิดว่าอสูรร้ายจากถ้ำลึกนั้นพร้อมแล้วและพวกมันกำลังวางแผนอะไรบางอย่าง ฉันไม่สามารถบอกได้ว่าค่ายกลผนึกนั่นคืออะไร เพราะคำอธิบายของนายไม่มีรายละเอียดและฉันไม่ได้เห็น ฉันไม่แน่ใจ.
“ไม่ควรมีแกนที่สองภายในค่ายกลห้าธาตุขนาดเล็ก ดังนั้นฉันไม่คิดว่าค่ายกลผนึกเป็นส่วนหนึ่งของค่ายกลห้าธาตุขนาดเล็ก ควรเป็นพื้นที่อิสระ ส่วนสิ่งที่ถูกปิดผนึกไว้ข้างในนั้น ฉันไม่รู้”
ซูผิงขมวดคิ้ว เขายังคงคิดว่าค่ายกลผนึกมีความเสี่ยงซ่อนอยู่
เขาสงสัยว่าเมื่อไรความเสี่ยงนั่นจะเผยตัว
ซูผิงส่ายหัวเพื่อสงบสติอารมณ์ การคิดมากไปคงไม่ช่วยอะไร เขาอยากจะใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุด และทำงานที่สำคัญ “กลับไปที่บ้านของเธอกัน เธอจะได้สอนฉันได้” ซูผิงกล่าว
โจแอนนาพยักหน้า เธอคิดถึงบ้าน เพราะซูผิงยุ่งมากเลยไม่มีเวลาพาเธอกลับบ้าน “ฉันจะไปบอกพวกเธอก่อน” ซูผิงกล่าว ซูผิงกลับไปที่หน้าร้านถังยู่หรานและผู้หญิงอีกสองคนยังคงอยู่ที่นั่น “กลับบ้าน อย่าไปไหนอีก ฉันต้องปิดร้านหนึ่งวัน”
“อีกแล้วเหรอ?”ถังยู่หรานรู้สึกประหลาดใจ
ซูหลิงเยวี่ยถามด้วยน้ำเสียงสับสน “นายเพิ่งกลับมา ฉันคิดว่านายชอบหาเงิน ทำไมไม่เปิดร้าน การโจมตีของอสูรร้ายกำลังจะมา ร้านค้าของเราสามารถช่วยนักรบอสูรได้มากมาย การช่วยเหลือพวกเขาจะเพิ่มโอกาสในการอยู่รอดให้กับพวกเราทุกคน”
จงหลิงถงจ้องมองซูผิงแต่ไม่ได้พูดอะไร
“ฉันบอกให้กลับบ้าน ก็กลับเถอะ ฉันมีธุระส่วนตัว” ซูผิงพูดอย่างไม่พอใจ เขาไม่สามารถอธิบายความลับของร้านได้ ดังนั้นเขาจึงต้องบอกให้พวกเธอออกไป
“อืม ทำตัวลึกลับอีกแล้ว”ถังยู่หรานพึมพำและจากไป
ซูหลิงเยวี่ยไม่ได้พูดอะไรอีก สามสาวออกจากร้านไป
ซูผิงปิดประตูโดยไม่สนใจความขุ่นเคืองของสามสาวที่พุ่งเข้ามาหาเขา
เขาและโจแอนนาเดินทางไปที่หลุมศพกึ่งเทพ
เวลาแบบนี้ที่อสูรป่าสามารถมาได้ตลอดเวลา ซูผิงต้องกลับมาในทุกวัน
วันหนึ่งในชีวิตจริงคือสิบวันในสนามบ่มเพาะ
นั่นก็เหมือนกันสำหรับสนามบ่มเพาะทั้งหมด เขาถามระบบเกี่ยวกับหลักการ แต่ระบบกลับไม่ตอบ
ซูผิงคุ้นเคยกับระบบที่มักจะเล่นตัวในช่วงเวลาวิกฤติ
วิธีที่จะทำให้ระบบสนใจคือเรื่องง่ายๆ เรียกว่าโง่ก็พอ “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่านายคิดอะไรอยู่ นายต้องการลิ้มรสชาติของสายฟ้าหรือยังไง? ความเจ็บปวดจะรุนแรงกว่าเดิมสิบเท่า!” ระบบเตือนซูผิงด้วยน้ำเสียงอำมหิต
พวกเขามาถึงที่หลุมศพกึ่งเทพเช่นเดียวกับเมื่อก่อน ตัวตนดั้งเดิมของโจแอนนาบอกให้บางคนพาพวกเขาไปที่บ้านของเธอ
นานมากแล้วที่โจแอนนาไม่ได้มาเยือนดินแดนนี้ เหล่าทวยเทพบนภูเขาต่างตื่นเต้นที่ได้เห็นเธอกลับมา พวกเขารีบเข้ามาทักทายเธอ
โจแอนนารู้ว่าซูผิงกำลังรีบและดาวเคราะห์สีน้ำเงินอยู่ในอันตรายร้ายแรง โจแอนนาบอกผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างเด็ดขาดให้ออกไป แล้วพาซูผิงไปที่ห้องสมุดที่ตั้งอยู่บนภูเขา
มีทักษะลึกลับบางอย่างที่ตัวตนดั้งเดิมของโจแอนนาได้รวบรวมเอาไว้ พวกมันถูกเก็บไว้ในห้องสมุด รวมทั้งค่ายกลห้าธาตุด้วย
“ทฤษฎีการสร้างค่ายกลห้าธาตุนั้นง่าย นายใช้ธาตุพื้นฐานห้าประการและใช้ประโยชน์จากธรรมชาติเพื่อสร้างพลังงาน ค่ายกลห้าธาตุพื้นฐานมีลักษณะเฉพาะ พลังการกักขังจะเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา!”
“หากค่ายกลห้าธาตุพื้นฐานมีประวัติศาสตร์มานับล้านปี ค่ายกลห้าธาตุพื้นฐานก็สามารถกักขังเทพได้!
“อย่างไรก็ตาม แทบจะไม่มีค่ายกลห้าธาตุพื้นฐานใดที่มีอายุนับล้านปี ค่ายกลห้าธาตุพื้นฐานขนาดเล็กที่นายจะได้เรียนรู้ไม่มีลักษณะแบบนั้น พลังของมันจะยังคงเหมือนเดิม นายยังไม่สามารถทำลายสมดุลของธาตุทั้งห้าได้ เมื่อความสมดุลลดลง พลังของค่ายกลจะเสื่อมลงและสิ่งที่อยู่ภายในจะเจอจุดอ่อนที่พวกมันสามารถทำลายได้ในที่สุด”
โจแอนนาหยิบลูกประคำออกมาออกมา มีการแกะสลักคำอธิบายของค่ายกลห้าธาตุพื้นฐานขนาดเล็กไว้
“อ่านสิ่งนี้ก่อนและจดจำข้อมูลทั้งหมด ฉันจะอธิบายในภายหลัง สิ่งนี้จะช่วยให้นายเข้าใจ”
ซูผิงพยักหน้า
เขานั่งลงบนพื้นโดยไม่สนใจฝุ่น ตรวจสอบคำอธิบายอย่างตั้งใจ
เวลาผ่านไป
ซูผิงศึกษาค่ายกลห้าธาตุขนาดเล็กและโจแอนนาก็อยู่เป็นเพื่อนเขา เธอไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องค่ายกล แต่เธอก็มีความสามารถมากเกินพอที่จะสอนเขาได้
คำอธิบายของโจแอนนานั้นละเอียดถี่ถ้วน และการเรียนรู้ของซูผิงก็ครอบคลุม ซูผิงบรรลุความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับค่ายกลห้าธาตุขนาดเล็กในเวลาเพียงสิบวัน
ความคืบหน้าของซูผิงเร็วกว่าที่โจแอนนาคาดไว้ เธอตระหนักว่าซูผิงมีความสามารถค่อนข้างมากในการเรียนรู้ค่ายกลต่างๆ
“นายเรียนรู้จบได้ในเวลาน้อยกว่าหนึ่งเดือน อันที่จริง… ฉันเป็นอาจารย์ที่ดีแหะ”โจแอนนาอุทาน
ซูผิงกลอกตา สิบวันผ่านไป เขาเรียกระบบและกลับไปที่ร้าน
เขาเปิดประตูเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ภายนอกทันทีหลังจากที่เขากลับมา
อสูรป่ากำลังเคลื่อนไหว
ทันทีที่เขาเปิดประตู เขาเห็นบรรดานักรบอสูรตระกูลฉินที่อยู่ฝั่งตรงข้ามถนน ตระกูลอื่น ๆ ก็รวมตัวกันที่นั่นด้วย ทุกคนดูสีหน้าไม่ดี
ตอนที่ 654 รายชื่อ-3
”เกิดอะไรขึ้น?” ซูผิงตะโกนถาม
เหล่านักรบอสูรกิตติมศักดิ์หันกลับมาและทักทายซูผิงด้วยความเคารพ มีคนบ่นว่า “คุณ… ซูอยู่นี่แล้ว ขอบคุณพระเจ้า” “มาดูกันว่าคุณซูคิดว่ายังไง”
“แน่นอน”
นักรบอสูรกิตติมศักดิ์เหล่านั้นหลีกทางให้ซูผิง “คุณซู”
ผู้อาวุโสของตระกูลฉินและผู้นำตระกูลของทั้งตระกูลหลิวกับตระกูลโจวทักทายซูผิง หลิวเทียนจงมองซูผิงด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน
ย้อนกลับไปเมื่อก่อน ร้านขายอสูรของพวกเขาแข่งขันกับร้านของซูผิง พวกเขาใช้วิธีต่างๆนาๆเพื่อทำให้ร้านของซูผิงเสื่อมเสียชื่อเสียง
นั่นต้องเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่กล้าหาญที่สุดในชีวิตของเขา
เรื่องที่ดีคือซูผิงขอเพียงครึ่งหนึ่งของสมบัติตระกูลหลิว มิฉะนั้นซูผิงที่มีพลังต่อสู้ระดับตำนาน—พูดเพียงคำเดียวตระกูลหลิวจะหายไปอย่างไม่เหลือร่องรอย แม้ว่าสมาชิกบางคนจะหลบหนีได้ แต่ในไม่ช้าพวกเขาก็รู้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถมองเห็นแสงสว่างของวันต่อไปได้
นักรบอสูรในตำนานคือคนสร้างกฎบนดาวเคราะห์สีน้ำเงิน!
“คุณกำลังพูดเรื่องอะไร? ทำไมพวกคุณถึงดูกังวลกันจัง” ซูผิงกล่าวหลังจากชำเลืองมอง
หลิวเทียนจงกลับมารู้สึกตัวและฝืนยิ้ม “คุณซู เรากำลังพูดถึงการย้ายถิ่นฐาน หอคอยบอกรายชื่อเมื่อเช้านี้ แต่เมืองฐานหลงเจียงไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของแนวป้องกันซิงจิง หอคอยหวังว่าหลงเจียงจะรวมเข้ากับเมืองฐานซวงหลง…”
ซูผิงเลิกคิ้วขึ้น “คุณแน่ใจหรอ? ที่นี่มีฉินตู้หวง ทำไมพวกเราถึงย้ายเมืองฐานในเมื่อมีนักรบอสูรในตำนานประจำการอยู่ที่นี่”
การย้ายถิ่นฐานนั้นไม่ได้หมายความว่าผู้คนจะไปอยู่ที่อื่นก่อน รอจนกว่าการโจมตีจะสิ้นสุดลงและกลับมา
หลังจากที่ผู้คนทั้งหมดออกจากเมืองฐานแล้ว อสูรป่าก็จะเข้ามาและยึดเมืองฐาน จะไม่มีใครกลับมาได้
เมืองฐานแต่ละแห่งมีขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมของตนเอง ทั้งหมดจะสูญหายไปกับการย้ายถิ่นฐาน
ซูผิงรู้ดีว่าการย้ายถิ่นฐานเป็นไปไม่ได้สำหรับเขา
ร้านของเขาอยู่ที่นี่
เขาไม่ต้องการออกจากหลงเจียง นี่คือเมืองฐานระดับ B และเขาอาศัยอยู่ในชุมชนที่ยากจนซึ่งถนนก็เก่าและอาคารก็มีอายุมาก อย่างไรก็ตามผนังที่มีรอยด่างดำเหล่านั้นและความชื้นในอากาศเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขา
นี่คือบ้านของเขา ถึงจะโทรมแต่ก็สวย
หลิวเทียนจงฝืนยิ้ม “ฉินเป็นนักรบอสูรในตำนาน แต่เขาไม่ได้เข้าร่วมหอคอย เราได้ยินมาว่านักรบอสูรในตำนานในหอคอยได้จัดตั้งฝ่ายต่างๆ ขึ้น และเรื่องต่างๆ ก็เริ่มซับซ้อนขึ้น หอคอยอ้างว่าที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของหลงเจียงไม่เหมาะที่จะใช้เป็นแนวป้องกัน เราอาจกลายเป็นจุดอ่อนสำหรับทุกคน ผมบอกเลยว่ามันไม่สมเหตุสมผลเลย อย่างไรก็ตาม เราสามารถจัดการช่องโหว่นั้นได้ด้วยฉินตู้หวง หอคอยแค่หาข้ออ้าง…”
ซูผิงขมวดคิ้ว “ฉินตู้หวงทำยังไง?”
“เขาไปที่สำนักงานใหญ่ของแนวป้องกันซิงจิง และยังไม่กลับมา” ผู้อาวุโสของตระกูลฉินถอนหายใจ
“เซี่ยจินชุ่ยก็โทรออกไปเช่นกัน เขาพยายามหาทางแก้ไขโดยใช้เส้นสายของเขา เพื่อให้หลงเจียงได้เพิ่มเป็นแนวป้องกัน หากแนวป้องกันซิงจิงไม่รวมเรา แนวป้องกันอื่นจะไม่ยอมรับเรา เนื่องจากเราจะกลายเป็นจุดอ่อนสำหรับพวกเขา”
ผู้นำตระกูลตระกูลโจวถอนหายใจและกล่าวเสริมว่า “ผมคิดว่าเราจะเป็นส่วนหนึ่งของแนวป้องกันอย่างแน่นอน เนื่องจากเรามีฉินตู้หวงและคุณซู ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกเขาบอกให้เราย้ายที่อยู่ นี่มัน…”
อุกอาจ!
โจวเทียนหลินอยากจะใช้คำพูดที่หยาบคาย แต่เขาได้พูดไปแล้วก่อนหน้านี้ เมื่อได้ยินข่าวครั้งแรก
เขาไม่อยากจะสาปแช่งอีกต่อไป เขาแค่กังวลที่จะหาวิธีเพิ่มเมืองฐานของพวกเขาให้เป็นแนวป้องกัน
มิฉะนั้น… คนในเมืองฐานทั้งหมดจะต้องย้ายที่อยู่ ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะเผชิญกับการโจมตีเพียงลำพัง
การย้ายถิ่นฐานอาจส่งผลเสีย โดยเฉพาะกับตระกูลใหญ่ อาณาเขตทั้งหมดของพวกเขาอยู่ในหลงเจียง สินทรัพย์ถาวรทั้งหมดจะไร้ค่าเมื่อพวกเขาจากไป ที่ดินและธุรกิจทั้งหมดของพวกเขาจะต้องถูกยกเลิก พวกเขาสามารถนำไปได้แค่เงินสดและทรัพย์สินส่วนหนึ่งของตระกูล
แต่… ตระกูลใหญ่ใด ๆ ถือว่าสินทรัพย์ถาวรเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด!
ซูผิงหน้าตึง ฉินตู้หวงได้พูดสรุปเกี่ยวกับแนวป้องกันให้เขาฟังแล้ว
เขาไม่เข้าใจอะไรเลยเกี่ยวกับที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ เขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับปัญหานั้น
อย่างไรก็ตามเขาเชื่อมั่นในการตัดสินใจของฉินตู้หวง หลงเจียงจะได้รับการปฏิบัติเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของแนวป้องกัน เว้นแต่ที่ตั้งของเมืองฐานจะห่างไกลเกินไป
“คุณมีแผนที่ไหม? ผมต้องการดูอะไรบางอย่าง” ซูผิงกล่าว
ผู้อาวุโสตระกูลฉินพูดพร้อมกัน “ครับ คุณซู เชิญทางนี้”
พวกเขาเข้าไปในห้องโถงของอาคารแล้ววางโต๊ะแบบจำลองเดิมห้องโถงนี้เคยใช้จัดแสดงเครื่องปั้นดินเผา ขนอสูรหายาก และเปลือกหอยที่ตระกูลฉินเก็บสะสมมาหลายปี ตอนนี้มันไม่ใช่ห้องโถงนิทรรศการอีกต่อไป โต๊ะแบบจำลองรวมทั้งแผนที่ของเขตอนุทวีปและโลกเป็นเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่จัดแสดง
“นี่คือเมืองฐานหลงเจียง” ผู้อาวุโสตระกูลฉินจิ้มไปที่แผนที่
ซูผิงมอง เขาเห็นสถานที่แห่งหนึ่งใกล้กับทิวเขา และมีธงเล็กๆ ที่มีคำว่า “หลงเจียง” เขียนอยู่
”คุณซู เรา…”
ผู้อาวุโสตระกูลฉินคิดที่จะแนะนำซูผิง แต่ซูผิงส่งสัญญาณให้หยุด
ไม่มีใครพูดอะไร
ซูผิงเห็นที่ตั้งของเมืองฐานบนโต๊ะแบบจำลอง เช่นเดียวกับป่าสันหลังมังกร และภูเขาล่องเหนือ ทั้งสองขนาบข้างภูมิทัศน์ของเมืองฐาน
มีเมืองฐานมากกว่าสิบสองแห่งที่สร้างขึ้นรอบ ๆ พื้นที่ สิบสองแห่งอยู่ใกล้กับภูเขาล่องเหนือรวมถึงหลงเจียงซึ่งใกล้กับภูเขามากที่สุด และอยู่ห่างจากป่าสันหลังมังกรสุด
อย่างไรก็ตามเมื่อมองในภาพรวม ระยะห่างระหว่างหลงเจียงและป่าสันหลังมังกรนั้นไม่มีนัยสำคัญ เมืองฐานหลงเจียงไม่มีทางเป็นจุดอ่อน
“คุณสามารถติดต่อเซี่ยจินชุ่ยได้ไหม?” ซูผิงถาม
หลิวเทียนจงส่ายหัว “เซี่ยจินชุ่ยยุ่งกับการโทรหาทุกคนที่เขารู้จัก คุณต้องไปที่ศาลากลาง”
ซูผิงพยักหน้า “ผมจะไป”
เขาจากไปทันที
คนอื่นๆ มองหน้ากัน มีคนกระซิบว่า “คุณซูกำลังคิดจะไปที่หอคอยเพื่อขอความช่วยเหลือด้วยตัวเองหรือเปล่า?”
“ขอความช่วยเหลือจากหอคอย? คุณซูเคยไปที่นั่นเพื่อเอาชนะพวกเขา คุณคิดจริงๆหรอว่าอย่างคุณซูจะไปขอความช่วยเหลือจากหอคอย?” “หอคอยรู้ว่าเมืองฐานหลงเจียงมีคุณซู แต่พวกเขาไม่ได้รวมเราไว้ในแนวป้องกัน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาตั้งใจ พวกเขาจะไม่ยอมแม้ว่าคุณซูจะไปขอร้องก็ตาม”
“ฉันไม่รู้ บางทีพวกเขาอาจพยายามทำให้คุณซูอับอายเพื่อบังคับให้เขาคลานไปหาพวกเขา”
“นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญ คุณซูไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้อีก ถ้าเขาทำร้ายหรือฆ่านักรบอสูรในตำนานอีก เขาจะต่อสู้กับสังคมมนุษย์ทั้งหมด เราไม่สามารถมีความขัดแย้งภายในได้ในขณะนี้”
“ทำไมเขาจะทำไม่ได้? เราไม่ได้เป็นคนเริ่ม หอคอยเริ่ม พูดถึงเรื่องไร้สาระเกี่ยวกับที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ จุดอ่อน และสิ่งที่ไม่ควรทำ บ้าอะไร? เราไม่ใช่คนโง่ พวกเขาหลอกเราไม่ได้”
“ฉันไม่เข้าใจหอคอยเลยจริงๆ หลงเจียงมีนักรบอสูรในตำนานสองคน และเรายังต้องย้ายที่อยู่ พวกเขาตัดสินใจโง่ๆแบบนี้ได้ยังไง?”
“พวกเขาตั้งใจ คุณซูเคยทำให้พวกเขาอับอาย ดังนั้นพวกเขาจึงพยายามเอาคืน”
“ไม่น่าแปลกใจที่คุณซูไม่เห็นด้วยกับหอคอย ฉันคิดว่านักรบอสูรในตำนานไม่สนใจชื่อเสียงและทรัพย์สมบัติ
แต่… พวกเขาเหมือนเรา”
“เงียบ นายไม่สามารถพูดแบบนี้ได้ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เราควรมาพูด ถ้าพวกเขารู้…”
พวกเขามองหน้ากัน แม้จะโกรธแต่ก็หยุดพูด
แท้จริงแล้ว
ซูผิงสามารถเขย่าหอคอยได้ เพราะเขามีความสามารถและความกล้าหาญ!
ในทางกลับกัน พวกเขาเองไม่ใช่นักรบอสูรในตำนาน นอกจากตระกูลฉินแล้ว ไม่มีตระกูลอื่นใดที่มีนักรบอสูรในตำนาน หากการร้องเรียนของพวกเขาถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ หอคอยสามารถทำลายตระกูลของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย
นั่นคือชะตากรรมของผู้อ่อนแอ
พวกเขาโกรธแต่ไม่สามารถแม้แต่จะบ่นเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้
ศาลากลาง
ทุกคนที่ศาลากลางรู้จักซูผิงจากภาพของเขา
เมื่อซูผิงพบเซี่ยจินชุ่ย เขายืนอยู่ข้างหน้าต่างสำนักงานและโทรออก
“จี้ ได้โปรด เรารู้จักกันมาหลายปี ช่วยส่งต่อข้อความของผมได้ไหม ผมจะไปขอบคุณคุณด้วยตัวเองหลังจากเรื่องนี้สิ้นสุดลง คุณรู้เรื่องของเรา เมืองฐานหลงเจียงไม่ใช่เมืองฐานระดับ C และเราไม่ใช่ระดับ A เช่นกัน แต่เรามีนักรบอสูรในตำนาน!
”จี้! ฮัลโหล?
การโทรสิ้นสุดลง
ซูผิงผลักประตูเปิด และเข้าไป
เซี่ยจินชุ่ยหันกลับมามอง เขาฝืนยิ้มหลังจากที่ซูผิงปรากฏตัวอย่างไม่คาดฝัน “คุณซู คุณมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“สักพัก” ซูผิงพูดอย่างสงบ “ผมได้รับทราบสถานการณ์แล้ว มีคนจงใจสร้างปัญหาให้เราใช่ไหม?”
หลังจากเห็นโต๊ะแบบจำลอง ซูผิงก็พบว่าเหตุผลที่แยกหลงเจียงออกจากแนวป้องกันนั้นไม่มีเหตุผลอย่างมาก
สถานการณ์ของเมืองฐานหลงเจียงไม่ถูกต้องที่จะถูกเพิกเฉย!
เซี่ยจินชุ่ยคิดจะพูด แต่ก็ไม่พูด เขาส่ายหัวและตอบว่า “ผมไม่รู้ ฉินไปหาคำตอบอยู่ หอคอยน่าจะแสดงความเคารพต่อเขาบ้าง แม้ว่าผมจะยังสงสัยว่าเขาจะกลับมาพร้อมข่าวดีหรือเปล่า?”
“หอคอยกำลังจัดการแนวป้องกันซิงจิงใช่ไหม? มีนักรบอสูรในตำนานกี่คน? ใครเป็นหัวหน้า?” ซูผิงถาม
เขานึกถึงนักรบอสูรในตำนานจากหอคอยซึ่งเขาเกลียดชังฝังลึกอยู่
หยวนเทียนเฉิน
หากหยวนเทียนเฉินเป็นผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมด ซูผิงจะไม่แสดงความเมตตาอีกต่อไป
แม้ว่าซูผิงจะเงียบ แต่ประสบการณ์ของเซี่ยจินชุ่ยในฐานะนายกเทศมนตรีทำให้เขาสังเกตเห็นเจตนาฆ่าของซูผิงในทันที ด้วยความตกใจจึงพูดขึ้นทันทีว่า “คุณซู นี่จะต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดแน่ๆ อย่าพ่ายแพ้ต่อแรงกระตุ้น หากคุณต่อสู้กับหอคอย คุณจะต้องเป็นศัตรูกับมนุษยชาติทั้งหมด หอคอยเป็นตัวแทนของความยุติธรรมในเวลานี้ และความยุติธรรมชนะเสมอ!”
“ไม่ใช่ว่าความยุติธรรมจะชนะเสมอไป ฝ่ายที่รอดตายต่างหากที่เป็นฝ่ายชนะ”
ซูผิงสูดลมหายใจ “ตอนนี้ผมจะไม่จัดการพวกเขา พวกเขาเป็นแค่ขยะ แต่ประชาชนเป็นผู้บริสุทธิ์ สมาชิกของหอคอยนั้นเน่าเฟะ แต่พวกเขาจะต้องต่อสู้เพื่อปกป้องเมืองฐาน และนี่คือคุณค่าเพียงอย่างเดียวของพวกเขา”
เซี่ยจินชุ่ยโล่งใจ “ผมดีใจที่ได้ยินแบบนี้ ผมเชื่อว่าคุณเป็นคนรักษาคำพูด”
”แน่นอนอยู่แล้ว ไม่ต้องมาเตือนผม”
“ไม่ ไม่ ผมได้หมายความแบบนั้น คุณซู”เซี่ยจินชุ่ยโบกมือทันที เขากำลังจะพูดต่อ แต่เสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้นก่อน “ฉินตู้หวง เขาน่าจะกลับมาแล้ว”เซี่ยจินชุ่ยดูดีใจ
เขารับสายย่างไม่ลังเล
“ฉันทำไม่สำเร็จ”
เขาได้ยินคำที่พรากความสุข และความหวังของเขาไป
ซูผิงก็ได้ยินเช่นกัน เขาหรี่ตาลง
เซี่ยจินชุ่ยหเงียบ เขายืนมึนอยู่ครู่หนึ่ง โดยไม่ทันสังเกตว่าฉินตู้หวงวางสายไปแล้ว หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็กลับมารู้สึกตัวและเห็นว่าการโทรสิ้นสุดลงแล้วจริงๆ เขาฝืนยิ้มและพูดกับซูผิงว่า”คุณซู ทำไมคุณไม่กลับบ้านก่อนล่ะ ผมต้องโทรศัพท์ ผมมีเพื่อนร่วมโรงเรียนเก่าที่สามารถติดต่อได้ และตระกูลของภรรยาของผมพอจะมีเส้นสายอยู่บ้าง ผมจะโทรหาพวกเขา…”
หลังจากมองรอยยิ้มฝืนๆแล้ส ซูผิงก็กล่าวว่า “คุณไม่จำเป็นต้องโทรหาใคร เนื่องจากแนวป้องกันไม่ต้องการเรา เราก็แค่ต้องป้องกันตัวเอง”
เซี่ยจินชุ่ยรู้สึกประหลาดใจ “การโจมตีครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดา ผมได้ยินมาว่ามีปัญหาใหญ่ที่ถ้ำลึก ตามบันทึกโบราณและความลับ ผมรู้ว่าอสูรป่าที่อยู่ในนั้นน่ากลัวกว่าที่เราเคยเห็นในดินแดนรกร้าง ต้องมีราชาอสูรร้ายมากกว่าร้อยตัวในถ้ำลึก!”
“คุณไม่จำเป็นต้องเดา” ซูผิงกล่าว “อาจมีราชาอสูรร้ายมากกว่าพันตัว แต่พวกมันกระจัดกระจายไปทั่วโลก เขตอนุทวีปต้องจัดการกับหนึ่งร้อยหรือสองเท่านั้น และหลงเจียงจะต้องต่อสู้กับพวกมันหลายสิบตัว”
“เกินพัน?”เซี่ยจินชุ่ยตกตะลึงจนเกือบทำโทรศัพท์ตก
เขาเม้มปาก และหน้าซีด “เรา? หลายสิบ?”
เขาดูสิ้นหวัง
ราชาอสูรร้ายนับสิบ! สยดสยองแค่ไหน!
พวกมันเพียงพอที่จะทำให้เมืองฐานหลงเจียงราบเรียบ!
หลงเจียงมีซูผิงและฉินตู้หวง แต่เมืองฐานไม่ใช่สถานที่เล็กๆ ถ้าพวกเขาประจำทิศตะวันออก ฝั่งตะวันตกจะถูกปล่อยทิ้งโดยไม่มีใครดูแล หากอสูรร้ายมาจากทิศทางที่ต่างกัน… ซูผิงก็ทำอะไรไม่ได้!
“อย่ากังวล ผมอยู่นี่” ซูผิงพูดกับนายกเทศมนตรีที่สั่นเทา ผมอยู่ที่นี่!
สามคำนี้เพิ่มความมั่นใจให้กับเซี่ยจินชุ่ย
เขาจ้องไปที่ซูผิงและพูดด้วยจิตใจที่หนักอึ้งว่า “คุณซู ผมไม่รู้ว่าคุณทำอะไรได้บ้าง แต่ผมเข้าใจดีว่าคุณเก่งกว่าคนที่อยู่ในสภาวะว่างเปล่า ถึงกระนั้นราชาอสูรหลายสิบตัว… เราจะจัดการได้หรอ?” “ผมจะเปิดร้าน และจะโทรหาเพื่อนเพื่อขอความช่วยเหลือ ผมได้ดูโต๊ะแบบจำลองแล้ว ผมสามารถปกป้องด้านหนึ่งและฉินตู้หวงสามารถปกป้องอีกด้านหนึ่งได้ อสูรของผมสามารถปกป้องอีกด้านได้เช่นกัน” ซูผิงกล่าว
”แต่…”
“ไม่มีแต่ เริ่มกันเถอะ!” ซูผิงตัดบทเซี่ยจินชุ่ย
เซี่ยจินชุ่ยได้รับแรงกระตุ้นจากความมุ่งมั่นของซูผิง เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ และความกังวลในใจก็หายไปในที่สุด “คุณพูดถูก เริ่มกันเถอะ!”
“ไม่มีใครเต็มใจช่วยเรา ไม่ว่าผมจะอ้อนวอนอย่างไร ไอ้พวกเวรนั่นก็คงไม่ยอม และผมก็ขอมากเกินพอแล้ว!
“การพึ่งพาพวกเขาทุเรศกว่าการพึ่งพาตัวเอง บ้ามาก เราจะจัดการกันเอง!!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว