ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว นิยาย บท 679

ตอนที่ 679 เปิดร้าน
  “นายแน่ใจนะ?”
  โจแอนนาสังเกตว่าซูผิงไม่ได้พูดเล่น “นายอาจต้องการทำแบบนั้น แต่… ฉันไม่คิดว่านายจะทำสัญญากับอสูรสภาวะว่างเปล่าได้!”
  แม้ว่าซูผิงจะดูมีพลังมาก แต่เธอก็รู้ว่าเขายังไม่ถึงสภาวะสมุทร เขาทำสัญญาได้กับอสูรที่สูงกว่าขั้นหนึ่งเท่านั้น!
  “ไม่เป็นไร ตราบใดที่มันไม่ฆ่าฉันตั้งแต่แรก”
  ซูผิงรู้ดีว่าเมื่ออสูรมีระดับสูงกว่าสองระดับ พลังสัญญาก็จะอ่อนแอลงและอสูรร้ายสามารถกลืนกินเขาได้โดยไม่ต้องถูกลงโทษตามสัญญา!
  อย่างไรก็ตาม… เขาแค่ต้องแน่ใจว่าสมองของเขาจะควบคุมได้!
  กลืนกินเขา?
  เขาสามารถใช้หมัดเพื่อสั่งสอนอสูรได้!
  เขามั่นใจว่าสมองของเขาจะพังแน่นอนถ้าเขาทำสัญญากับอสูรสภาวะชะตากรรม ถึงกระนั้นเขาเชื่อว่าเขาจะสามารถจัดการกับอสูรสภาวะว่างเปล่าได้
  เมื่อเขากลับไปที่ร้านเขาก็ยกเลิกสัญญาได้ จากนั้นเขาก็สามารถกำจัดอสูรร้ายที่ควบคุมไม่ได้ภายในร้าน
  ”เอ่อ…”
  โจแอนนาไม่รู้จะพูดอะไรดี
  ซูผิงไม่ได้อธิบายอะไรอีก เขานำสัญญาชั่วคราวออกและเริ่มสร้างสายสัมพันธ์กับอสูรร้าย
  หนึ่ง สอง…
  อย่างที่เขาคิด อสูรสภาวะว่างเปล่าไม่ได้ทำให้สมองของเขาพัง เขาแค่รู้สึกว่าเขาเหนื่อยเกินกว่าจะคิดอะไร
  เนื่องจากเขามีอสูรอยู่แล้ว ซูผิงยังคงมีที่ว่างสำหรับอสูรอีกห้าตัว
  เขาจะต้องเดินทางแปดครั้ง!
  โฮก!!
  มังกรที่ปกคลุมไปด้วยเกราะหิน คำรามใส่ซูผิงในขณะที่ทำสัญญา นั่นไม่ใช่วิธีที่อสูรมองเจ้านายของมัน
  ”ฮะ?”
  ซูผิงเลิกคิ้วขึ้น
  ปัง!!!
  เขาชกหัวมังกรลงดิน และปัดฝุ่นออกจากมือ “มานี่สิ ถึงเวลาไปแล้ว” เขาพูดกับโจแอนนา
  โจแอนนาพูดไม่ออก เธอไม่เคยเห็นอะไรแปลก ๆ แบบนี้มาก่อน ในไม่ช้า วังวนก็เปิดออก ซูผิงเก็บอสูรร้ายทั้งหมดไว้ในพื้นที่สัญญา และเดินเข้าไปในวังวนกับโจแอนนา ก่อนที่พวกเขาจากไป ซูผิงกล่าวว่า “เดี๋ยวกลับมา”
  เทพองค์อื่นๆ ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความสับสน
  ซูผิงนำอสูรห้าตัวออกไป และสัญญาชั่วคราวก็ล้มเหลวทันทีที่มาถึง
  โฮก! โฮก!!
  อสูรห้าตัวเปล่งเสียงและกระดูกของพวกมันแตก พวกมันกำลังกลับสู่ขนาดปกติ
  ”ไป!”
  ซูผิงเก็บพวกมันไว้ในพื้นที่เก็บของ
  ไม่นานหลังจากนั้น อสูรห้าตัวก็หายตัวไปจากร้าน ในเวลาเดียวกันซูผิงก็เห็นอวาตาร์เหมือนการ์ตูนห้าตัวในหน้าข้อมูลคลังสินค้า
  เขาสามารถดูข้อมูลรายละเอียดของอวาตาร์แต่ละตัวได้โดยคลิกที่ไอคอน รวมถึงสายเลือด ระดับ และทักษะ
  มีบรรทัดที่ระบุราคาโดยประมาณ แต่มี “?” ถัดจากคำว่า “การประเมินไหวพริบ”
  “ถ้านายต้องการประเมิน นายจะต้องจ่าย 10,000 แต้มพลังงาน” เสียงระบบฟังดูค่อนข้างตื่นเต้น “นายควรรู้ว่าอสูรที่ดีมากๆ ราคาจะเพิ่มขึ้นหากไหวพริบของอสูรร้ายถูกทดสอบว่าสูง”
  ดูนายสิ! ซูผิงบ่นในใจ เขาไม่สนใจระบบ หลักๆคือการนำอสูรร้ายทั้งหมดกลับมา
  “กลับไปที่หลุมศพกึ่งเทพกันเถอะ” ซูผิงกล่าว
  ในไม่ช้าวังวนก็เปิดออกและแต้มพลังงานถูกหัก
  ซูผิงและโจแอนนามาถึงสถานที่แปลก ๆ และอีกครั้ง ผ่านตัวตนดั้งเดิมของเธอ เธอเรียกเทพนักรบจากที่อยู่อาศัยของเธอให้มาที่นี่
  ซูผิงทำสัญญากับอสูรอีกห้าตัว จากนั้นกลับไปที่ร้าน
  ในขณะเดียวกันในทวีปมหาสมุทรตะวันตก
  วันนี้ทั่วทวีปมหาสมุทรตะวันตกกำลังจะล่ม แสงเช้าวันแรกกำลังขึ้น ดวงอาทิตย์จะให้แสงสว่างเสมอ
  เมืองฐานกำลังพังพินาศ การต่อสู้ได้หยุดลง นักรบอสูรบางคนสวมเครื่องแบบทหารพิงกำแพง หอบ เครื่องแบบของพวกเขาเปื้อนเลือด บางคนไม่มีอาวุธ บ้างก็พันผ้าพันแผล บางคนจ้องมองแสงเช้าวันแรก ร้องไห้เงียบๆ
  เลือดไหลมารวมกันเป็นแม่น้ำนอกกำแพงที่พังทลาย พวกเขามองไม่เห็นด้วยซ้ำว่าศพกระจายไปที่ไหนบ้าง
  แสงแรกของเช้าขับไล่ความมืดออกไป แต่ก็ส่องแสงสว่างให้เห็นรายละเอียดที่น่าสยดสยอง
  ไม่มีอะไรที่ระบุได้ว่าศพใดเป็นของมนุษย์ และเป็นของอสูรร้าย ศพมนุษย์ส่วนใหญ่ถูกฉีก แทบจะไม่มีศพใดที่สมบูรณ์เลย
  พวกเขาช่วยเมืองฐานไว้ด้วยการต่อสู้ที่ดุเดือดตลอดทั้งคืน
  แต่… ราคาก็สูงมาก!
  เมืองฐานว่างเปล่า ว่างเปล่าอย่างสิ้นเชิง หน้าหนังสือพิมพ์บางหน้าและใบไม้ร่วงปลิวไปตามถนน มันคือความเยือกเย็น
  ประชาชนรวมตัวกันในที่พักพิง ในตอนท้ายของการต่อสู้ มีคนไม่มากพอที่จะไปที่ที่พักเพื่อบอกข่าว
  ”มันจบแล้ว…”
  นักรบอสูรกิตติมศักดิ์กำลังยืนพิงกำแพง ภาพของเลือดและความตายที่น่าสยดสยองนอกกำแพงครอบงำเขา เขาไม่รู้สึกมีความสุขใดๆจากการรอดชีวิต เขาจมอยู่ในความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมาน
  อสูรเจ็ดตัวจากเก้าตัวของเขาเสียชีวิต ตัวหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส และเขาก็รีบส่งมันกลับไปยังพื้นที่สัญญาเพื่อพักผ่อน ในขณะที่อีกตัว… แทบหายใจไม่ออก มันนอนอยู่ข้างเท้าของเขา
  ฮือ~!
  ในระยะไกลมีคนร้องไห้
  ความเศร้าโศกเป็นโรคติดต่อ นักรบอสูรที่รอดชีวิตเต็มไปด้วยความเศร้าโศก
  การต่อสู้ครั้งนี้ช่างน่าสลดใจมากจนพวกเขาไม่รู้สึกตื่นเต้นแม้แต่หลังจากชนะ พวกเขาดีใจที่มันจบลง แต่ก็แค่นั้น
  ตึง!
  ทันใดนั้นพวกเขาได้ยินเสียงบางอย่างเหมือนเสียงกลอง
  ตึง ตึง ตึง~!! แรงสั่นสะเทือนเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ การร้องไห้สะอึกสะอื้นจบลง ทุกคนต่างพยายามลุกขึ้นยืนและมองออกไปนอกกำแพง
  เสียง…มาจากข้างนอก
  นักรบอสูรเบิกตากว้างด้วยความหวาดกลัว ฝุ่นบังสายตา เสียงดังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ม่านหมอกแห่งความมืดอันวุ่นวายกำลังมาถึง อสูรร้าย! มากกว่าเดิม!!
  นักรบอสูรอยากจะยอมแพ้
  พวกเขาต่อสู้อย่างหนัก พวกเขาแทบจะยังไม่ได้พักผ่อน แต่แล้วอสูรร้ายก็กำลังจะมาอีก!
  กระสุนและเสบียงอาหารหมดแล้ว พวกเขาจะทำยังไงต่อ?
  มีคนล้มลงกับพื้น คนๆนั้นค่อยๆ หยิบอาวุธออกมา เขามองไปที่ดาบคมนั้นและใช้มันเจาะหัวใจตัวเอง เขาฆ่าตัวตาย
  เขาเลือกที่จะฆ่าตัวตายแทนที่จะถูกอสูรร้ายฉีกเป็นชิ้นๆ
  ขณะที่ความรู้สึกสิ้นหวังแผ่ซ่านไปทั่ว ทันใดนั้นก็มีใครบางคนเดินมาจากระยะไกล บุคคลนั้นปล่อยรังสีของแสงสีแดงจากมือของเขา และเขาทุบแสงสีแดงนั้นเข้าไปในฝูงอสูรป่า
  ปัง!! อสูรป่ากระจัดกระจายไปทั่ว กำลังเสริม?
  นักรบอสูรแทบจะอดกลั้นความสุขของพวกเขาไว้ไม่ได้
  ปัง! ปัง! ปัง!
  บุคคลนั้นเหวี่ยงตัวเองใส่อสูรป่า
  เมื่อการสั่นสะเทือนสิ้นสุดลง เสียงคำรามของอสูรป่าก็หายไปเช่นกัน
  ชายชราผมขาวประกาศอย่างเคร่งขรึม “หัวหน้าของนายอยู่ที่ไหน? รวบรวมทุกคนและไปจากที่นี่ซะ”
  เขาคือกู่ซือผิงเขารีบมาที่ทวีปมหาสมุทรตะวันตก เขาฆ่าอสูรป่าทั้งหมดที่เขาพบระหว่างทาง และค้นหาราชาอสูรร้ายสภาวะชะตากรรม
  เขาเพิ่งมาถึงทวีปมหาสมุทรตะวันตกและก็เห็นอสูรป่ากลุ่มนั้น
  “นักรบอสูรในตำนาน…”
  ผู้รอดชีวิตจ้องมองชายชราด้วยความงุนงง พวกเขาไม่ได้ยินเสียงอสูรร้ายอีกต่อไป ชายชราต้องอยู่ในระดับตำนานถึงจะมีพลังมากพอที่จะจัดการกับอสูรป่าแบบนี้ได้!
  เขาบดขยี้อสูรป่าด้วยตัวเขาเอง!
  ”ไป อสูรร้ายกำลังมาอีก” ชายชราตะโกน
  หลังจากนั้นเขาก็บินจากไป
  ผู้รอดชีวิตยังคงอยู่ในความงุนงงหลังจากที่ชายชราจากไป พวกเขามองไม่เห็นกู่ซือผิงแล้ว พวกเขากลับมารู้สึกตัว ผู้รอดชีวิตมองหน้ากันอย่างสับสน
  ที่ไหน?
  ที่ … เราควรไป?
  อย่างไรก็ตาม การอยู่ที่นี่หมายความว่าพวกเขาจะต้องรับมือกับการแตกตื่นของอสูรป่า ไม่นานผู้รอดชีวิตก็เริ่มลุกและเตรียมออกเดินทาง
  ในขณะเดียวกันทวีปบึงมังกร
  ใกล้เที่ยงแล้ว แดดร้อนแผดเผา
  ทวีปบึงมังกรและทวีปมหาสมุทรตะวันตกอยู่ไม่ไกลกันมากนัก ความแตกต่างด้านเวลาก็ไม่มาก ไฟแห่งสงครามโหมกระหน่ำไปทั่วทวีปบึงมังกร ในขณะนี้ เมืองฐานหลายแห่งกลายเป็นที่ซ่อนของอสูรป่า
  มนุษย์กำลังจะสูญเสียอาณาเขต
  ทันใดนั้นพวกเขาได้ยินเสียงบางอย่างเหมือนเสียงกลอง
  ตึง ตึง ตึง~!! แรงสั่นสะเทือนเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ การร้องไห้สะอึกสะอื้นจบลง ทุกคนต่างพยายามลุกขึ้นยืนและมองออกไปนอกกำแพง
  เสียง…มาจากข้างนอก
  นักรบอสูรเบิกตากว้างด้วยความหวาดกลัว ฝุ่นบังสายตา เสียงดังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ม่านหมอกแห่งความมืดอันวุ่นวายกำลังมาถึง อสูรร้าย! มากกว่าเดิม!!
  นักรบอสูรอยากจะยอมแพ้
  พวกเขาต่อสู้อย่างหนัก พวกเขาแทบจะยังไม่ได้พักผ่อน แต่แล้วอสูรร้ายก็กำลังจะมาอีก!
  กระสุนและเสบียงอาหารหมดแล้ว พวกเขาจะทำยังไงต่อ?
  มีคนล้มลงกับพื้น คนๆนั้นค่อยๆ หยิบอาวุธออกมา เขามองไปที่ดาบคมนั้นและใช้มันเจาะหัวใจตัวเอง เขาฆ่าตัวตาย
  เขาเลือกที่จะฆ่าตัวตายแทนที่จะถูกอสูรร้ายฉีกเป็นชิ้นๆ
  ขณะที่ความรู้สึกสิ้นหวังแผ่ซ่านไปทั่ว ทันใดนั้นก็มีใครบางคนเดินมาจากระยะไกล บุคคลนั้นปล่อยรังสีของแสงสีแดงจากมือของเขา และเขาทุบแสงสีแดงนั้นเข้าไปในฝูงอสูรป่า
  ปัง!! อสูรป่ากระจัดกระจายไปทั่ว กำลังเสริม?
  นักรบอสูรแทบจะอดกลั้นความสุขของพวกเขาไว้ไม่ได้
  ปัง! ปัง! ปัง!
  บุคคลนั้นเหวี่ยงตัวเองใส่อสูรป่า
  เมื่อการสั่นสะเทือนสิ้นสุดลง เสียงคำรามของอสูรป่าก็หายไปเช่นกัน
  ชายชราผมขาวประกาศอย่างเคร่งขรึม “หัวหน้าของนายอยู่ที่ไหน? รวบรวมทุกคนและไปจากที่นี่ซะ”
  เขาคือกู่ซือผิงเขารีบมาที่ทวีปมหาสมุทรตะวันตก เขาฆ่าอสูรป่าทั้งหมดที่เขาพบระหว่างทาง และค้นหาราชาอสูรร้ายสภาวะชะตากรรม
  เขาเพิ่งมาถึงทวีปมหาสมุทรตะวันตกและก็เห็นอสูรป่ากลุ่มนั้น
  “นักรบอสูรในตำนาน…”
  ผู้รอดชีวิตจ้องมองชายชราด้วยความงุนงง พวกเขาไม่ได้ยินเสียงอสูรร้ายอีกต่อไป ชายชราต้องอยู่ในระดับตำนานถึงจะมีพลังมากพอที่จะจัดการกับอสูรป่าแบบนี้ได้!
  เขาบดขยี้อสูรป่าด้วยตัวเขาเอง!
  ”ไป อสูรร้ายกำลังมาอีก” ชายชราตะโกน
  หลังจากนั้นเขาก็บินจากไป
  ผู้รอดชีวิตยังคงอยู่ในความงุนงงหลังจากที่ชายชราจากไป พวกเขามองไม่เห็นกู่ซือผิงแล้ว พวกเขากลับมารู้สึกตัว ผู้รอดชีวิตมองหน้ากันอย่างสับสน
  ที่ไหน?
  ที่ … เราควรไป?
  อย่างไรก็ตาม การอยู่ที่นี่หมายความว่าพวกเขาจะต้องรับมือกับการแตกตื่นของอสูรป่า ไม่นานผู้รอดชีวิตก็เริ่มลุกและเตรียมออกเดินทาง
  ในขณะเดียวกันทวีปบึงมังกร
  ใกล้เที่ยงแล้ว แดดร้อนแผดเผา
  ทวีปบึงมังกรและทวีปมหาสมุทรตะวันตกอยู่ไม่ไกลกันมากนัก ความแตกต่างด้านเวลาก็ไม่มาก ไฟแห่งสงครามโหมกระหน่ำไปทั่วทวีปบึงมังกร ในขณะนี้ เมืองฐานหลายแห่งกลายเป็นที่ซ่อนของอสูรป่า
  มนุษย์กำลังจะสูญเสียอาณาเขต
  คนส่วนใหญ่ในทวีปบึงมังกรอาศัยอยู่ในเมืองฐานโบราณระดับ A เมืองสุดท้ายของพวกเขา
  นักรบอสูรในตำนานหลายคนรวมตัวกันที่นั่น อาคารทั้งหมดในใจกลางเมืองฐานราบไปกับพื้น
  บนที่โล่งมีฝูงชนหนาแน่นยืนอยู่ วังวนขนาดใหญ่เปิดออก
  ผู้คนยืนเข้าแถวเพื่อเข้าสู่วังวน
  ”อย่าตื่นตกใจ เข้าแถวแล้วรีบเข้าไป!”
  “เข้าแถว!”
  ผู้คนจำนวนมากบินไปรอบๆ เหนือพื้นที่โล่งเพื่อรักษาความเป็นระเบียบ
  “ฉัน ฉันมีเงิน ฉันต้องเข้าไปก่อน ให้ฉันเข้าไปก่อน!!”
  “หลีกไป ไปให้พ้น ฉันเป็นนายกเทศมนตรี ฉันเป็นนายกเทศมนตรีมายา”
  จะมีความโกลาหลเป็นครั้งคราวเมื่อบางคนต้องการเข้าไปในวังวนก่อน
  วังวนนำไปสู่เขตอนุทวีป ช่องทางการสื่อสารในทวีปบึงมังกรกำลังล้มเหลว เนื่องจากการโจมตีของอสูรร้าย แต่ก่อนหน้านี้สถานีโทรทัศน์และสื่อทั้งหมดรายงานการโจมตี พลเรือนรู้เกี่ยวกับการโจมตีที่กำลังจะเกิดขึ้นซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อทวีป บึงมังกรทั้งหมด ไม่มีที่ที่ปลอดภัยแม้แต่แห่งเดียวในทวีปบึงมังกร!
  ในที่สุดนักรบอสูรในตำนานก็มาถึงจุดอพยพ และการวังวนนี่เป็นทางออกเดียวของพวกเขา! “คุณ ออกไป!”
  ”ออกไป!”
  ผู้รักษาระเบียบได้รีบเข้าไปและดึงชายที่เริ่มก่อนออกไป
  “เอามือออกไปจากฉัน นายไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร? ฉันเป็นนายกเทศมนตรีมายา และพี่เขยของฉันคือปรมาจารย์ผู้ฝึกสอน
  คาร์วาลโฮ นายรู้จักปรมาจารย์ผู้ฝึกสอนคาร์วาลโฮ ไหม? นายเป็นแค่นักรบอสูรกิตติมศักดิ์ นายจะต้องขอให้เขาฝึกอสูรของนาย ปล่อยฉัน ให้ฉันเข้าไป!”
  ”ทำตัวดีๆ!”
  “ทำไมคนไม่สำคัญพวกนั้นถึงได้ไปก่อนฉันล่ะ? ทำไมพวกเขาถึงสมควรที่จะมีชีวิตอยู่? พวกนั้นทำอะไรได้? ไล่พวกมัน และให้ฉันเข้าไป!!”
  ขณะที่นายกเทศมนตรีกรีดร้องและตะโกน นักรบอสูรกิตติมศักดิ์ก็คว้าตัวเขาและโยนเขาไปทางด้านหลังฝูงชน ครั้งแล้วครั้งเล่านักรบอสูรกิตติมศักดิ์จะดึงผู้ก่อปัญหาออกไป พวกเขาจะกระทืบพวกเขาจนตายหากพวกเขาไม่ได้มีสถานะสูง
  “ยังเร็วไม่พอ ยังไม่พอ!”
  นักรบอสูรในตำนานสองคนยืนอยู่ข้างวังวนพวกเขาไม่พอใจกับความเร็วนี้ วังวนมีจำกัด หลายคนเข้าไปแล้ว แต่นั่นยังไม่เร็วพอ!
  “อสูรร้ายอยู่ที่ไหน?”
  “ฉันเพิ่งได้ยินมาว่าไมเจอร์กำลังนำกลุ่มนักรบอสูรไปต่อสู้กับอสูรร้ายที่เมืองฐานกัมปอร์ ฉันไม่รู้ว่าเรามีเวลานานแค่ไหน ฉันคิดว่าอสูรร้ายจะมาถึงในครึ่งชั่วโมง”
  ”ครึ่งชั่วโมง? เหอะ!”
  “ครึ่งชั่วโมงจะมีคนหนีไปได้สักกี่คน? ทุเรศ!”
  ถนนเต็มไปด้วยผู้คนมากมายอยู่ทุกแห่งแน่นหนา มีบางคนที่ร่ำรวยหรือมีอำนาจพยายามใช้ทรัพยากรเพื่อก้าวไปข้างหน้า
  เมืองฐานหลงเจียง เขตอนุทวีป
  ร้านขายอสูรพิกซี่
  อีกครั้งเวลากลางคืนมืดมิด
  ในร้านจะมีแสงสว่างเป็นครั้งคราวราวกับว่ามีคนกำลังเปิดและปิดไฟฉายอยู่
  ในที่สุดแสงก็หยุดลง ร้านมืดสนิท ซูผิงทรุดตัวลงบนพื้นภายในร้าน หอบ
  เขาได้ย้ายอสูรสภาวะว่างเปล่ามาแล้วสี่สิบตัว และมันก็เป็นงานที่เหนื่อยมาก ทั้งร่างกายและจิตใจ เขาไม่สามารถแม้แต่จะคิดอะไรได้
  “ในที่สุดก็เสร็จ”
  ซูผิงสูดหายใจเข้าลึกๆ เขาพักสักครู่แล้วโทรหาเซี่ยจินชุ่ย
  เซี่ยจินชุ่ยรับสายทันที
  ในช่วงเวลาสำคัญนี้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่นายกเทศมนตรีจะนอนไม่ค่อยหลับ
  ”คุณซูเป็นยังไงบ้าง?”เสียงเซี่ยจินชุ่ยฟังดูกังวล เขากังวลว่าซูผิงจะบอกข่าวร้ายบางอย่างกับเขา
  “คุณยังไม่นอน ทางคุณเป็นยังไงบ้าง?” ซูผิงถาม เซี่ยจินชุ่ยโล่งใจที่ได้ยินคำถามนั้น “ยังไม่มีอะไรในตอนนี้ ผมได้ยินมาว่าทวีปอื่นกำลังลำบาก ผมคิดว่าอสูรป่ากำลังมุ่งทำลายทวีปเหล่านั้น”
  เขารู้สึกลำบากใจ หายนะของทวีปพวกเขาจะอยู่ใกล้แค่เอื้อมทันทีที่ทวีปอื่นๆ พินาศ
  ซูผิงพยักหน้า เมื่อทวีปเหนือถูกทำลาย เขารู้ว่าสิ่งเดียวกันนี้จะเกิดขึ้นกับทวีปอื่นๆ แต่เขาไม่สามารถช่วยพวกเขาได้ ท้ายที่สุดการข้ามไปยังทวีปอื่นนั้นใช้เวลานาน เขายังไม่ได้เป็นนักรบอสูรสภาวะชะตากรรม พวกเขาสามารถทำการเคลื่อนย้ายระยะไกลได้ “ฟังนะ ผมจะเปิดร้านเพื่อทำการขายอสูร” ซูผิงเข้าประเด็นทันที
ตอนที่ 680 ราคา
  เซี่ยจินชุ่ยรู้สึกประหลาดใจ สัญชาตญาณของเขาตั้งคำถามกับการตัดสินใจของซูผิง การเปิดร้านเพื่อขายอสูร… เป็นเรื่องใหญ่หรอ? ใช่เรื่องที่ควรพูดตอนนี้ไหม?
  แต่ในวินาทีต่อมาเซี่ยจินชุ่ยคิดถึงอสูรที่ซูผิงเคยขาย ซูผิงเคยขายราชาอสูรไปแล้วครั้งหนึ่ง รวมทั้งของฉินตู้หวงด้วย ซูผิงกำลังจะเปิดร้านในตอนนี้ ดังนั้นเขาจะขายราชาอสูรร้ายเพิ่ม!
  ”คุณซูผมขอซื้อได้ไหม?”
  เสียงของเซี่ยจินชุ่ยสั่นเทา เขาอยู่ในระดับกิตติมศักดิ์และเขายังต้องการราชาอสูร ในสมัยก่อนเขาไม่กล้าถามซูผิงเพราะราชาอสูรนั้นหายาก การขอซูผิงสักตัวหนึ่งจะไม่ยุติธรรมกับคนอื่นๆ มันจะทำให้ซูผิงและตัวเขาเองอึดอัดใจ แต่ตอนนี้ต่างออกไป เขาต้องการราชาอสูรร้าย เขาหวังว่าจะมีส่วนร่วมในการป้องกันเมืองฐานเมื่อถึงเวลา แทนที่จะอยู่ด้านหลังและชี้นิ้วสั่งเท่านั้น
  “คุณ… ผมไม่มีราชาอสูรร้ายที่เหมาะกับคุณเท่าไหร่ แต่คุณสามารถแวะมาดูได้ อาจมีตัวที่เหมาะกับคุณ” ซูผิงไม่ได้ปกปิดความจริง
  เซี่ยจินชุ่ยรู้สึกทั้งตื่นเต้นและอับอาย “คุณซูขอบคุณมาก ผม ผมไม่รู้…”
  “ไม่เป็นไรเลย ผมกำลังทำธุรกิจ คุณไม่ต้องขอบคุณ”
  เซี่ยจินชุ่ยยิ้มขมขื่น
  ราคาปกติสำหรับที่เขาขายราชาอสูรร้ายนั้น อะไรคือความแตกต่างระหว่างการขายกับแจก? ซูผิงบอกเซี่ยจินชุ่ยให้เตรียมเงินให้เพียงพอและวางสาย จากนั้นซูผิงเรียกโทรหาปรมาจารย์ดาบ และเขาก็รับสายทันทีเช่นกัน
  ”คุณซู”
  ซูผิงถามว่า “คุณอยู่ไหน? พอมีเวลาไหม? ผมเพิ่งได้ราชาอสูรร้ายมามากมาย คุณสนใจไหม?”
  “ราชาอสูร?” ปรมาจารย์ดาบไม่อยากจะเชื่อว่าซูผิงใช้คำว่า “มากมาย” ในประโยคที่อ้างถึงราชาอสูรร้าย คนอื่นๆ จะบอกว่าหนึ่งหรือสองตัว แต่ซูผิงขายจำนวนมาก…
  ”ผมจะไป ตอนนี้ผมอยู่ในเมืองฐานหานเฉิง” ปรมาจารย์ดาบตอบ
  ซูผิงพยักหน้า “ใช่ นำเงินมาให้พอ ผมไม่ขายอะไรเป็นเครดิต และไม่สามารถนำสินค้าอื่นมาแลก ผมรับแต่เงินเท่านั้น!”
  ปรมาจารย์ดาบถามทันที “ผมควรเอาเงินไปเท่าไหร่?”
  ซูผิงคิด “มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ คุณมีหมื่นล้านไหม?”
  “หมื่นล้าน…”
  ปรมาจารย์ดาบรู้สึกใจสั่น หมื่นล้านไม่ใช่จำนวนเล็กน้อย เกือบ 70% ของทรัพย์สินของห้าตระกูลใหญ่!
  ไม่ต้องพูดถึงว่าหมื่นล้านจะต้องเป็นเงินสด!
  เขาจำได้ว่าซูผิงขายราชาอสูรราคาหนึ่งร้อยหรือสองร้อยล้าน ทำไมราคาถึงเพิ่มขึ้น?
  ปรมาจารย์ดาทราบดีว่าซูผิงกำลังรอคำตอบจากเขา เขาพูดทันที “ครับ ผมจะเตรียมเงินให้พร้อม”
  ”ตกลง”
  ซูผิงวางสาย
  “หมื่นล้าน…”
  ปรมาจารย์ดายิ้มขมขื่น เขาสามารถเตรียมเงินหมื่นล้านได้ แต่ทรัพย์สินส่วนใหญ่ของเขาเป็นอสังหาริมทรัพย์ สมบัติ และร้านค้า สิ่งเหล่านั้นมีค่าแต่เขาจะไม่เจอคนซื้อโดยง่ายในเวลาสั้น ๆ แบบนี้ เงินสดเป็นสิ่งที่มั่นคงที่สุดในช่วงเวลาลำบาก
  ท้ายที่สุดแล้วเมื่อเมืองฐานพินาศ ไม่ว่าย่านนั้นๆจะดีแค่ไหน ทรัพย์สินก็ไร้ค่า!
  ฉันต้องขอยืมเงิน…
  ปรมาจารย์ดาเริ่มโทรหาเพื่อนของเขา
  ที่ร้านซูผิงโทรหาฉินตู้หวง เขาสามารถมีอสูรได้อีก และเขาก็ยินดีทำเช่นนั้น
  ”คุณซูขายอสูรอีกแล้วเหรอ?”ฉินตู้หวงรู้สึกประหลาดใจด้วยความสุข “คุณซูขายเท่าไหร่? ผมต้องการทั้งหมด!”
  “เป็นไปไม่ได้” ซูผิงกล่าว
  ”อะไรนะครับ?”ฉินตู้หวงตระหนักว่าเขาพูดผิดไป มันไม่ยุติธรรมเลยที่จะเอาทั้งหมดคนเดียว
  “ขอโทษด้วยครับ คุณซู ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น ผมจะไปทันที คุยกันส่วนตัวดีกว่า”ฉินตู้หวงขอโทษทันที หลังจากการโทร ซูผิงครุ่นคิดเล็กน้อยและตัดสินใจเลือกคนสองคนที่เขาจะมอบผลไม้ให้ คนแรกคืออู่กวนเฉิงคนที่มากับหยวนเทียนเฉินแต่ถูกเขาขังไว้
  เขาสอนซูหลิงเยวี่ยเพื่อเป็นการขอโทษ แต่ซูผิงสามารถบอกได้ว่าเขาเป็นคนดี เขาแค่ทำงานให้กับเจ้านายที่ไม่ดี
  สำหรับคนที่สอง ซูผิงจะเลือกจากห้าตระกูลหลัก ผู้นำตระกูลมู่ไม่ใช่หนึ่งในตัวเลือกของเขา ผู้นำตระกูลคนนั้นตัดสินใจไม่ถูกต้องตอนที่เมืองฐานหลงเจียงถูกราชาสวรรค์ต่างโลก โจมตี
  ตระกูลเย่… เขาไม่ค่อยสนิทกับผู้นำตระกูลคนนั้น
  สำหรับหลิวเทียนจงทั้งสองคนมีข้อพิพาทกัน แม้ว่าชายคนนั้นจะขอโทษและพวกเขาก็สงบมานาน แต่ซูผิงไม่แน่ใจว่าหลิวเทียนจงจะยังแค้นเขาอยู่หรือเปล่า นอกจากนี้การแข่งขันของพวกเขาในอดีตเกิดขึ้นเพราะเขามั่นใจในตัวเองมากเกินไป… อย่างน้อยนั่นคือสิ่งที่ซูผิงคิด
  คนต่อไปตระกูลโจว
  ตระกูลโจวสร้างปัญหาให้กับซูผิง แต่ภายหลังเขาลงโทษพวกเขาด้วยการบุกเข้าไปในอาณาเขตของพวกเขา พวกเขาประพฤติตัวดีตั้งแต่นั้นมา จากปฏิสัมพันธ์ของพวกเขา ซูผิงสามารถบอกได้ว่าโจวเทียนหลินเป็นคนที่มีหลักการ เขาอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีก็ได้
  ซูผิงไม่ได้เลือกเซี่ยจินชุ่ยเพราะผลข้างเคียง
  ผู้นำตระกูลโจวจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการไปถึงระดับตำนานด้วยตัวเขาเอง เขาอยู่ในระดับกิตติมศักดิ์มาหลายปีแล้ว และศักยภาพของเขาก็มีจำกัด
  ในทางกลับกันเซี่ยจินชุ่ย… โอกาสของเขาที่จะไปถึงระดับตำนานมีน้อย แต่ข้อดีคือเขายังอายุไม่ถึงห้าสิบ เขายังคงมีศักยภาพในตัว
  ซูผิงรู้ด้วยว่าพลังดวงดาวที่ถูกผนึกไว้ในดาวเคราะห์สีน้ำเงินจะถูกปลดปล่อยออกมาในไม่ช้าด้วยการปลดกักสวรรค์เมื่อถึงเวลานั้น จำนวนพลังดวงดาวจะเติบโตในสัดส่วนที่คาดไม่ถึง
  เมื่อถึงตอนนั้นการไปถึงระดับตำนานบนดาวเคราะห์สีน้ำเงินอาจไม่ยากขนาดนั้น เซี่ยจินชุ่ยยังคงมีโอกาสที่จะฝ่าฟันด้วยตัวเอง
  ซูผิงโทรหาอู่กวนเฉิง
  “คุณซู?”
  เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่นอน
  “คุณอู่คุณอยู่ไหน?” ซูผิงถาม อู่กวนเฉิงถามว่า “คุณซู เกิดอะไรขึ้น? ผมอยู่ที่แนวป้องกันเซิงหลง อสูรร้ายมาถึงแนวป้องกันซิงจิงแล้วหรอ?”
  “แนวป้องกันเซิงหลง?” สิ่งนี้ทำให้ซูผิงนึกได้ว่าอู่กวนเฉิงทำงานให้กับหยวนเทียนเฉิน “นักรบอสูรในตำนานที่อยู่ที่นั่น… ใช่คนชื่อหยวนเปล่า?”
  อู่กวนเฉิงกล่าวทันทีว่า “ใช่ครับ มันเป็นคุณหยวน คุณซู ผมรู้ว่าคุณกับหยวนเทียนเฉินเคยมีข้อพิพาทกัน แต่นั่นมันนานมาแล้ว เรายังต้องเผชิญกับสถานการณ์เลวร้ายนี่ เราควรต่อสู้กับศัตรูทั่วไป ผมได้ยินมาว่าทวีปเหนือพินาศแล้ว ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า…”
  “ผมแค่ถาม อย่าประหม่า ผมจะมอบสิ่งดีๆให้คุณ คุณมีเงินไหม?” ซูผิงถาม
  “สิ่งดีๆ?”อู่กวนเฉิงถามว่า “มันคืออะไร? อสูรต่อสู้?”
  ดวงตาของอู่กวนเฉิงเป็นประกาย ความจริงที่ซูผิงเคยขายราชาอสูรร้ายในร้านเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักรบอสูรกิตติมศักดิ์ แน่นอนเขารู้เรื่องนี้
  “ประมาณนั้น” ซูผิงกล่าว “และผมจะให้โอกาสคุณไปถึงระดับตำนาน มาที่นี่หากคุณสนใจ แน่นอน คุณจะต้องมีเงิน อย่างน้อยหนึ่งหมื่นล้าน เงินจะต้องเป็นเงินสดไม่ใช่อสังหาริมทรัพย์”
  “โอกาสที่จะไปถึงระดับตำนาน?”
  อู่กวนเฉิงงง
  โอกาสที่จะไปถึงระดับตำนาน?
  ฉันจะต้องพึ่งพาการบ่มเพาะของตัวเองเพื่อไปถึงระดับตำนานไม่ใช่หรอ?
  ซูผิงสามารถช่วยฉันเข้าใจในพลังมากขึ้นหรอ?
  อู่กวนเฉิงมีปัญหาในการทำความเข้าใจเรื่องนี้ ซูผิงเป็นคนลึกลับมาโดยตลอด เขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับภูมิหลังของซูผิง สิ่งที่ซูผิงพูดทำให้เขาตื่นเต้น หากเขาพูดความจริง… ในไม่ช้าเขาจะไปถึงระดับตำนาน! “คุณซูคุณจริงจังใช่ไหม?” อู่กวนเฉิงถาม
  ซูผิงพูดอย่างไม่พอใจ “ทำไมผมถึงต้องมาล้อเล่นตอนกลางดึกล่ะ?”
  อู่กวนเฉิงกล่าวทันทีว่า “ผมจะที่นั่น คุณซู รอผมด้วย ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละ!”
  “คุณยังไม่ได้ตอบคำถามของผม คุณมีเงินไหม? อย่างน้อยหมื่นล้าน อย่ามาที่นี่ถ้าคุณมีเงินไม่พอ” ซูผิงกล่าว
  เมื่ออู่กวนเฉิงกินผลไม้ เขาจะขายอสูรสภาวะว่างเปล่าให้กับเขา มิฉะนั้นการให้ผลไม้แก่อู่กวนเฉิงจะไม่มีประโยชน์
  ซูผิงตั้งใจจะขายอสูรให้เขา อู่กวนเฉิงจะต้องมีเงินเพียงพอสำหรับมัน “หมื่นล้าน?” หัวของอู่กวนเฉิงโล่งไปเลย เขาตอบหลังจากผ่านไปสามวิ “ครับ ผมจะเตรียมเงินให้พร้อม คุณซู รอผมด้วย ผมกำลังไป!”
  ”ดี” ซูผิงรู้สึกโล่งใจ
  อู่กวนเฉิงอยู่ที่ระดับกิตติมศักดิ์ขั้นสูงสุด เงินหมื่นล้านไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา
  จากนั้นซูผิงก็โทรหาโจวเทียนหลิน
  โจวเทียนหลินรับสายในสองวินาที “คุณซู?”
  เขาเพิ่มความเคารพไปในน้ำเสียง “คุณซูโทรหาผมมีอะไรหรอครับ?”
  “ผมจะเปิดร้านทำธุรกิจ คุณมีเงินไหม?” ซูผิงเข้าประเด็นอีกครั้ง
  โจวเทียนหลินรู้สึกตื่นเต้น “ครับ มี มี เท่าไหร่ครับคุณซู?”
  “หมื่นล้าน”
  “หมื่น…ล้าน?”โจวเทียนหลินไม่อยากจะเชื่อ เขาอยู่ที่นั่นตอนซูผิงขายราชาอสูรร้ายให้กับฉินตู้หวง และรู้ราคาที่จ่าย ราชาอสูรร้ายขายในราคาไม่ถึงสองร้อยล้าน ทำไมซูผิงถึงขอเงินเขาหมื่นล้าน?
  โจวเทียนหลินคิดอย่างลังเล เขาสงสัยว่าซูผิงกำลังพยายามโกงเขาหรือเปล่า?
  “คุณมีเงินจำนวนนั้นหรือเปล่า?” ซูผิงถาม โจวเทียนหลินกลับมามีสติอีกครั้ง “ครับ ผมหาได้! แค่หมื่นล้าน คุณซู คุณกำลังขายอสูร ผมจะเอาเงินก้อนสุดท้ายไปสนับสนุนธุรกิจของคุณ ผมไปเอาเงินก่อนและจะไปที่นั่นในทันที” “ตกลง”
  ซูผิงไม่ได้พูดอะไรอีก
  “ได้รางวัลหรือยัง?” เขาถามโจแอนนา
  โจแอนนายืนอยู่ข้างประตูห้องอสูร เธอไม่ได้ดูเงียบเหมือนปกติ เธอยิ้มสดใสให้ซูผิงและกล่าวว่า“ใช่ เสียงหนึ่งดังขึ้นและบอกว่าฉันเป็นพนักงานดีเด่น ดังนั้นฉันจึงมีโอกาสได้ทัวร์รอบดาวที่ฉันเลือกเป็นเวลาเจ็ดวัน”
  ซูผิงรู้ว่าเสียงนั้นต้องมาจากระบบ “ดี ฉันอยากให้เธอรอหน่อย ฉันจะไปที่แดนเทพอาเคี่ยนกับเธอหลังจากที่จัดการกับปัญหานี่เสร็จแล้ว” ซูผิงแนะนำ
  โจแอนนาพยักหน้า “ไม่มีปัญหา”
  เธอไม่รีบร้อนเพราะในที่สุดเธอก็ได้รับโอกาส ก่อนที่เธอจะไปที่นั่น เธออยากจะกลับไปหลุมศพกึ่งเทพและเตรียมการเสียก่อน
  ฉันต้องไปบอกเธอให้มานี่ซูผิงพูดกับตัวเอง
  เขารู้สึกว่าถังยู่หรานกำลังนอนอยู่ในห้องเดียวกันกับจงหลิงถง ซูหลิงเยวี่ยนั่งอยู่ตรงข้ามห้องโถงในห้องนอนของเธอเอง
  “ร้านจะเปิดแล้ว” ซูผิงส่งข้อความในใจ
  ถังยู่หรานเปิดตาด้วยความงุนงง เธอประหลาดใจกับเสียงในใจของเธอ เธอพึมพำ “นายไม่ได้สังเกตหรอว่ามันเป็นตอนกลางดึก? ชั่วโมงนี้ใครจะมา”
  เธอลุกขึ้นเงียบ ๆ แม้ว่าจะบ่นก็ตาม
  จงหลิงถงยังคงหลับสนิท ถังยู่หรานออกจากห้องโดยไม่ส่งเสียง
  เนื่องจากถังยู่หรานกำลังจะออกไป ซูผิงจึงดึงหน้าข้อมูลที่มีอวตารทั้งหมดขึ้นมา
  “อสูรทรายเลือด, สภาวะว่างเปล่า พลังต่อสู้ 32.5 ราคา 32.50 ล้านแต้มพลังงาน”
  “งูนรกมืด สภาวะว่างเปล่า พลังต่อสู้ 29.9 ราคา 29.90 ล้านแต้มพลังงาน” “มังกรจันทรา สภาวะว่างเปล่า พลังต่อสู้ 31.4…”
  เขาเห็นข้อมูลโดยละเอียดของอสูรทุกตัว รวมถึงระดับ พลังต่อสู้ ตลอดจนทักษะ สายเลือด และที่มาของพวกมัน
  ซูผิงสังเกตว่าราคานั้นสัมพันธ์กับพลังต่อสู้ของพวกมัน
  ตัวที่มีพลังต่อสู้มากกว่า 30 จะถูกตั้งราคามากกว่า 30 ล้านแต้มพลังงาน
  ตัวที่มีพลังต่อสู้ 29 จะมีราคา 29 ล้านแต้มพลังงาน
  “เฮ้ ฉันอยากจะถาม สภาวะสอดคล้องกับพลังต่อสู้เหล่านั้นยังไง?” ซูผิงถาม
  ในไม่ช้าร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในใจของเขา
  “ดูเอาเอง” ระบบส่งเสียง
  มันบอกว่าผู้ที่อยู่ในสภาวะสมุทรมักจะมีพลังระหว่าง 10 ถึง 20
  สภาวะว่างเปล่าอยู่ระหว่าง 20 ถึง 30
  สำหรับสภาวะชะตากรรม จะอยู่ระหว่าง 30 ถึง 50
  แน่นอนว่านั่นเป็นมาตรฐานพื้นฐาน
  ซูผิงจำได้ว่าพลังต่อสู้ของโครงกระดูกน้อยเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 40 ดังนั้นพลังต่อสู้ของโครงกระดูกน้อยจึงใกล้เคียงกับระยะกลางของสภาวะชะตากรรม
  ถึงกระนั้นโครงกระดูกน้อยก็อยู่ที่ระดับเก้าขั้นกลางเท่านั้น ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไหวพริบของโครงกระดูกน้อยนั้นค่อนข้างสูง
  ราชาอสูรร้ายส่วนใหญ่อยู่ในสภาวะว่างเปล่า แต่พลังต่อสู้ของพวกมันมากกว่า 30!
  อันที่จริงราชาอสูรร้ายเหล่านั้นที่ถูกคุมขังในคุกที่ใหญ่ที่สุดในหลุมศพกึ่งเทพนั้นโดดเด่น ราชาอสูรทั้งหกมีพลังต่อสู้ที่ 36 หรือ 37 และราชาอสูรร้ายที่ทรงพลังที่สุดมีพลังต่อสู้อยู่ที่ 38.7!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว