ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว นิยาย บท 713

ตอนที่ 713 ความหวัง
  เสวี่ยอวิ๋นเจินตกตะลึง
  ทันใดนั้นเธอก็ได้สติขึ้นมา เธอขนลุกไปทั้งตัวหลังจากมองดวงตาที่โกรธและเศร้าของเซียงเฟิงหรั่น
  พวกเขากลัวตายอย่างงั้นหรอ?
  ใช่พวกเขากลัว แต่พวกเขาก็พร้อมที่จะเสียสละตัวเองได้ทุกเมื่อ!
  พวกเขาทั้งหมดพร้อมที่จะตาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ถูกส่งตัวไปที่ถ้ำลึกมานานหลายปี เบื้องหลังการต่อสู้ที่กล้าได้กล้าเสีย มันจะทำลายความหวังสุดท้ายของมวลมนุษยชาติ!
  สายเลือดต้องถูกส่งต่อ!
  เสวี่ยอวิ๋นเจินกัดริมฝีปากของเธออย่างแรงจนเลือดไหลออกมา เธอเงยหน้าขึ้นและมองดวงตาที่เร่าร้อนรอบตัวเธอ… จากนั้นเธอก็กัดฟันและพูดว่า “ขอโทษด้วย แต่ฉันต้องไป!”
  ถ้าเธอต้องตาย เธอแค่หวังว่าการตายของเธอจะมีค่า เธอจะเป็นผู้พิทักษ์คนสุดท้ายของมนุษย์!
  “ตำนาน ไปเถอะ!”
  “ตำนาน เรามาที่นี่เพื่อคุ้มกันคุณ คุณไม่ได้ทรยศ คุณคือฮีโร่!”
  “ใช่ ตำนาน คุณควรไป เราจะยื้อไว้ให้นานที่สุดด้วยเนื้อและเลือดของเรา!”
  สิ่งที่ทำให้เสวี่ยอวิ๋นเจินตัวสั่นก็คือไม่มีใครตอบโต้ด้วยคำด่า ทั้งหมดล้วนเป็นเสียงของความจริงใจและความเข้าใจ นักรบอสูรคนอื่นๆ ได้ยินสิ่งที่เซียงเฟิงหรั่นและเย่อู่ซิวพูด และรู้ถึงความมุ่งมั่นของพวกเขา
  พวกเขารู้ว่านักรบในตำนานไม่ได้วิ่งหนี แต่มันเป็นความพยายามครั้งสุดท้ายสำหรับมนุษยชาติ!
  ทำไมพวกเขาถึงจะต้องบังคับวีรบุรุษด้วย?
  ดวงตาของเสวี่ยอวิ๋นเจินเปียกไปด้วยน้ำตา ทันใดนั้นเธอก็คิดว่าการต่อสู้หลายร้อยปีในถ้ำลึกนั้นคุ้มค่า!
  เพื่อแผ่นดินและคนที่เธอรัก การอุทิศตนของเธอคุ้มค่า!
  ”ไปกัน!”
  ไม่มีการอำลาหรือคำอื่นใด เสวี่ยอวิ๋นเจินกัดฟันและพุ่งไปด้านหลังแนวป้องกัน เธอดูเหมือนคนที่วิ่งหนี แต่เธอก็เหมือนฮีโร่ที่ไม่หันหลังกลับไปมอง
  นักรบอสูรมากมายในบริเวณใกล้เคียงไม่ได้ขอให้นักรบในตำนานอยู่ต่อไป พวกเขากลับปลดปล่อยพลังดวงดาวและเรียกอสูรของพวกเขาออกมา พร้อมสำหรับการต่อสู้ครั้งสุดท้ายในชีวิต!
  …
  ในเมืองฐานหลงเจียงหลังแนวป้องกัน
  ซูผิงมีอาการหน้าซีดเมื่อเขากลับมาที่ร้าน เขารีบมองไปรอบๆ และพบคนสองสามคนอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยของร้าน
  ซูผิงก้าวเข้าไปและพูดกับถังยู่หรานและซูหลิงเยวี่ยอย่างรวดเร็ว “แจ้งฉินตู้หวงและคนอื่น ๆ ให้พวกเขาอพยพและย้ายเข้ามาที่นี่ทันที บอกตระกูลของเธอให้ส่งผู้หญิงและเด็กมา พวกเขาจะปลอดภัยที่นี่!”
  ร่างกายของเขาสั่นเทา แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเขาจะไม่ถูกฆ่าตายจากการปกป้องของระบบ แต่เขาก็สามารถจินตนาการถึงหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ย!
  นอกร้านจะกลายเป็นนรก!
  ทั้งถังยู่หรานและซูหลิงเยวี่ยต่างตกใจกับสิ่งที่ซูผิงพูด พวกเขาได้เห็นการต่อสู้ของระดับดวงดาวที่น่าตกใจข้างนอก หลังจากที่เห็นสภาพของซูผิงเมื่อเขามาถึง พวกเธอตระหนักว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะกอบกู้โลก
  อย่างไรก็ตาม คำพูดของซูผิงทำให้พวกเธอสับสนอยู่บ้าง
  ร้านนี้จะสามารถเป็นที่พักพิงได้อีกหรอเมื่อหายนะมาถึง?
  เป็นเพราะโจแอนนาอยู่ในร้านหรือเปล่า?
  แต่ถ้าโจแอนนาสามารถฆ่าเจ้าแห่งถ้ำลึกได้ ทำไมเธอไม่ออกไปฆ่ามันซะล่ะ?
  ซูหลิงเยวี่ยที่สับสนกำลังจะถาม “พี่…” แต่เธอได้เห็นแล้วว่าร้านลึกลับนี้มีความสำคัญต่อพี่ชายของเธอมากแค่ไหน เธอไม่เคยรู้ว่าเขาไปหาอสูรมาขายจากที่ไหน
  “ไม่ต้องถาม ทำตามที่บอกซะ!” ซูผิงคำราม
  เวลาคือชีวิต คำนี้เข้ากันได้ดีในสถานการณ์นี้ เวลาเป็นสิ่งสำคัญ
  ผู้หญิงทั้งสองคนตะลึงกับเสียงคำรามของซูผิง เป็นครั้งแรกที่พวกเธอเห็นเขากังวลใจ
  พวกเธอไม่กล้าถามหรือคิดอะไรอีก พวกเธอรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาและทำตามที่เขาสั่ง สถานที่นี้น่าจะปลอดภัยเพราะซูผิงบอกแบบนั้น แม้ว่าจะไม่ใช่ แต่การรวบรวมพวกเขามาที่ร้านก็ยังดีกว่าปล่อยให้พวกเขาตายที่อื่น
  ขณะที่พวกเธอคุยโทรศัพท์ ซูผิงรีบโทรหาเซี่ยจินชุ่ย เย่อู่ซิว หลี่หยวนเฟิงและคนอื่นๆ เพื่อขอให้พวกเขามาที่ร้านของเขา
  โชคดีที่ร้านของเขาเพิ่งเลื่อนขั้น ซึ่งเพิ่มพื้นที่ร้านค้าเป็นสองเท่า อาณาเขตของร้านขยายไปถึงสองช่วงตึก!
  พื้นที่เพียงพอสำหรับรองรับคนได้หมื่นคนแบบอัดๆหน่อย!
  อย่าลืมว่าพื้นที่นี้เป็นสามมิติ อากาศภายในรัศมีหนึ่งร้อยเมตรเหนือร้านก็ปลอดภัยเช่นกัน!
  ดังนั้น หากซ้อนกันเหมือนสินค้า อย่างน้อยก็มีคนจำนวนหนึ่งแสนคนที่บรรจุในนี้ได้!
  ผู้คนนับแสนคนน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรทั้งหมดที่อยู่เบื้องหลังแนวป้องกัน แต่นี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ซูผิงสามารถทำได้ในขณะนี้
  บางคนไม่รับและบางคนก็รับสาย ซูผิงรีบบอกคนที่รับสายแล้ววางสายเพื่อโทรหาคนต่อไปทันที
  เขาติดต่อทุกคนที่เขารู้จัก สำหรับคนที่เขาไม่รู้จัก เขาไม่มีเบอร์ที่จะไปเตือนพวกเขา
  ไม่นานก็มีคนมา บางคนเป็นนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ และบางคนอยู่ในระดับตำนาน
  ”คุณซู!”
  “น้องซู!”
  เย่อู่ซิว,หลี่หยวนเฟิงและคนอื่นๆ มาถึงก่อน นักรบสภาวะว่างเปล่าสามารถเดินทางได้ด้วยการหายตัว ดังนั้นพวกเขาจึงมาถึงก่อน
  เย่อู่ซิวถามอย่างรวดเร็ว “คุณเรียกพวกเรามาที่นี่เพราะว่าคุณมีทางหนีอย่างงั้นหรอ?”
  ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหวัง เนื่องจากซูผิงได้แสดงความสามารถในการต่อสู้ที่สูงรองแค่เนี่ยฮั่วเฟิงเท่านั้น!
  ถ้าซูผิงและพวกเขาช่วยกันเดินขบวนกันเป็นแถว ก็มีความหวังว่าพวกเขาจะแยกตัวออกไปตราบใดที่เจ้าแห่งถ้ำลึกไม่ไปถึงที่นั่นทันเวลา!
  เขาเต็มใจที่จะเสียสละตัวเองแม้ว่าซูผิงจะเป็นเพียงคนเดียวที่รอดชีวิต!
  ซูผิงนั้นอ่อนแอกว่ายอดฝีมือระดับดวงดาวเท่านั้น เขาอาจเข้าสู่ระดับดวงดาวสักวันหนึ่งถ้าเขาฝึกฝนตัวเองในอาณาจักรลับ แล้วเขาจะสามารถล้างแค้นให้กับพวกเขาได้!
  ”น้องซู!”
  เซียงเฟิงหรั่น เสวี่ยอวิ๋นเจินและคนอื่น ๆ มาถึง
  ฉินตู้หวงและโจวเทียนหลินตามหลังมา พวกเขายังคงรวมเข้ากับอสูรของพวกเขาและใช้ความสามารถของพวกมัน
  ถนนที่ว่างเปล่าเต็มไปด้วยรังสีอันทรงพลังในทันที
  “เจ้าของร้านซู เราจะปกป้องคุณ! ต่อสู้เพื่อทางออกของเรา!”ฉินตู้หวงมองไปที่ซูผิงด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย กลิ่นอายอันทรงพลังและจิตวิญญาณการต่อสู้ที่เขาปล่อยออกมาทำให้เขาดูอ่อนกว่าวัยหลายสิบปี
  เขาหมายความตามที่พูดและพร้อมที่จะทำตามสัญญา!
  อสูรของเขาเป็นของขวัญจากซูผิง และเขากลายเป็นนักรบในตำนานส่วนใหญ่เป็นเพราะความเข้าใจจากอสูรของราชาอสูรที่ซูผิงมอบให้เขา เขาเคยพูดเสมอว่าเขาเป็นหนี้บุญคุณของซูผิง และให้คำมั่นไว้ในความทรงจำ
  ตอนนี้…
  ถึงเวลาต้องชดใช้!
  ”น้องซู!”โจวเทียนหลินก็เช่นกัน เขาจ้องไปที่ซูผิงด้วยความเสียใจและความมุ่งมั่นในสายตาของเขา เขาเพิ่งจะกลายเป็นนักรบในตำนาน เขาต้องการที่จะมีชีวิตอยู่และสนุกกับระดับใหม่ อย่างไรก็ตามไม่มีเวลาหรือความหวัง เขาเพียงต้องการจะทำอะไรบางอย่างด้วยพลังที่เหลืออยู่ของเขา
  ทุกคนจับตามองซูผิง
  พ่อแม่ของซูผิงเดินมาที่ร้านด้วยสีหน้าลำบากใจ
  “ลูกแม่ ไม่ต้องห่วงเรา” หลี่ฉิงรู่ แม่ของเขากล่าว ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความรัก คิดถึง และสบายใจ
  ข้างๆเธอ พ่อของเขาซูหยวนซานยังคงเงียบ แต่เขารู้สึกได้ถึงความรักลึกซึ้งที่พ่อมีต่อเขา!
  หลังจากเห็นพวกเขามาถึง ซูผิงก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ และพูดว่า “เราจะไม่ไปไหน ร้านนี้เป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด!”
  ทั้งร้านตกอยู่ในความเงียบชั่วขณะ
  ไม่กี่วินาทีต่อมา ทุกคนก็ตระหนักได้ว่าเขาหมายถึงอะไร และมองไปที่ซูผิงด้วยความตกใจ
  พวกเขาจะอยู่ที่นี่?
  เย่อู่ซิวอดไม่ได้ที่จะถาม “เจ้าของร้านซู พูดจริงเหรอ? เราจะอยู่ที่นี่เพื่อรอความตายหรอ?”
  ในทางกลับกันฉินตู้หวงและโจวเทียนหลินมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง พวกเขารู้จักซูผิงนานและรู้จักมากกว่า และพวกเขารู้ว่าร้านของเขาน่ากลัวแค่ไหน
  เพราะมันอาจเป็นร้านเดียวในโลกที่มีอสูรสภาวะว่างเปล่าอยู่ตลอดเวลา
  พวกเขายังจำได้ว่าร้านของซูผิงถูกดูแลโดยผู้หญิงผมบลอนด์ระดับตำนาน!
  เธอสามารถปกป้องพวกเขาได้อย่างงั้นหรอ?
  แต่ในไม่ช้า พวกเขาก็มีคำถามเดียวกันกับถังยู่หรานและซูหลิงเยวี่ย: ถ้าผู้หญิงคนนั้นสามารถต้านทานเจ้าอสูรถ้ำลึกได้ ทำไมเธอถึงไม่ออกไปสู้ข้างนอกล่ะ?
  ในขณะที่ทุกคนดูประหลาดใจ ซูผิงรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะอธิบาย เขารีบหาข้อแก้ตัวว่า “ใจเย็นๆ มีค่ายกลศักดิ์สิทธิ์โบราณในร้านของผม ซึ่งสามารถต้านทานการโจมตีของระดับดวงดาวได้ ไม่มีอสูรป่าหน้าไหนมาบุกร้านผมได้!”
  ทุกคนตกใจเมื่อได้ยินอย่างนั้น
  ค่ายกลศักดิ์สิทธิ์โบราณสามารถป้องกันศัตรูของระดับดวงดาวได้?
  พวกเขาสังเกตร้านด้านหลังซูผิงอีกครั้ง ไม่คิดว่ามันจะมีความสามารถมหัศจรรย์เช่นนี้
  เสวี่ยอวิ๋นเจินคิดอย่างรวดเร็วเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่างและกล่าวว่า “อย่างไรก็ตามแม้ว่าเราจะซ่อนและพวกมันไม่สามารถฆ่าเราได้ แต่พวกมันก็ยังสามารถล้อมรอบเราได้ เราจะไปไหนไม่ได้…”
  แม้ว่าเธอจะดูเหมือนเสือโคร่งที่ประมาท แต่จริงๆ แล้วเธอเป็นคนรอบคอบ
  รอยยิ้มของคนอื่นหุบลงทันที
  นั่นเป็นเรื่องจริง
  แม้ว่าอสูรป่าจะบุกเข้ามาไม่ได้ มนุษย์ก็ไม่สามารถออกไปได้ ในที่สุดความอดอยากก็จะโจมตีพวกเขา!
  แม้ว่านักรบในตำนานจะมีตัวเลือกเพราะสามารถดำรงตนด้วยพลังดวงดาวเพียงอย่างเดียว จะเกิดอะไรขึ้นหากเจ้าแห่งถ้ำลึกแย่งชิงพลังดวงดาวทั้งหมดที่อยู่ใกล้เคียง?
  จากนั้นนักรบในตำนานก็จะแก่ตาย!
  วิธีการนั้นเป็นเพียงวิธีการตายที่ช้ากว่าเท่านั้น!
  ซูผิงกำลังจะพูด แต่ระบบพูดในหัวของเขาทันทีว่า “มันไม่มีประโยชน์”
  ซูผิงมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
  ระบบแอบเข้ามาในความคิดของเขาอีกแล้ว! เขากำลังจะปลอบทุกคนโดยบอกพวกเขาว่าเขาสามารถเคลื่อนย้ายร้านออกจากที่นี่ได้!
  “ทำไมมันถึงไม่มีประโยชน์” ซูผิงเรียกร้องอย่างฉุนเฉียวในใจ
  อย่างไรก็ตาม ระบบไม่ตอบตามนิสัยของมัน มันพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แม้ว่านายจะได้รับโอกาสในการย้ายร้านหลังจากเลื่อนขั้นเป็นระดับ 4 แล้ว แต่กฎก็คือสามารถย้ายไปยังสถานที่ที่มีลูกค้าเพียงพอเท่านั้น มีเพียงหลังแนวป้องกันที่ตรงตามข้อกำหนดในขณะนี้ ดังนั้นต่อให้นายย้าย นายก็ทำได้แค่ย้ายที่อยู่ในระยะของแนวป้องกันเท่านั้น!”
  ซูผิงรู้สึกประหลาดใจ
  มันเป็นกฎที่ห่วยแตกไปไหมt?
  เขาอารมณ์เสีย
  “มันเป็นไปได้ที่จะย้ายไปอยู่ที่อื่นถ้านายมีผู้อยู่อาศัยเพียงพอ อย่างไรก็ตามประชากรโลกทั้งหมดกระจุกตัวอยู่ที่นี่” ระบบตอบโดยไม่สนใจความโกรธของซูผิง
  ซูผิงพูดด้วยความโกรธในใจ “ทำไมนายไม่เตือนฉันให้เร็วกว่านี้? นายไม่ได้อ่านความคิดของฉันตลอดเวลาหรือยังไง? ทำไมนายไม่บอกฉันว่าแผนของฉันใช้ไม่ได้ นอกจากนี้นายไม่อยากได้เงินหรือไง? ผู้คนจำนวนมากกำลังจะตาย ตามที่นายบอก มีแค่พวกเขาเท่านั้นที่จะเป็นลูกค้า!
  “ถ้าอย่างนั้น นายควรช่วยเหลือฉันและช่วยฉันช่วยชีวิตพวกเขาไม่ใช่หรอ?”
  ระบบกล่าวอย่างจริงจังว่า “การดูแลลูกค้าเป็นความรับผิดชอบของนาย ไม่ใช่ของฉัน”
  เลว!
  ซูผิงกัดฟันและรักษาความสงบไม่ได้
  แต่เขารู้ว่าไม่ใช่ความผิดของระบบ เขาแค่ใจร้อนเกินไป
  เซียงเฟิงหรั่นขมวดคิ้วและเรียกเขาเบาๆ “เจ้าของร้านซู?”
  ซูผิงดูเหมือนกำลังจะพูด จากนั้นท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันและเขาดูโกรธ ซึ่งทำให้คนอื่นๆ รู้สึกสับสนและไม่สบายใจ
  ซูผิงกลับมารู้สึกตัวและในที่สุดก็พูดว่า “ผมโอเค แม้ว่าเราจะออกไปไม่ได้ แต่มันก็เข้ามาไม่ได้เช่นกัน เราสามารถฝึกฝนที่นี่ได้จนกว่าเราจะแข็งแกร่งพอที่จะออกไปเอาชนะพวกมันได้!”
  เซียงเฟิงหรั่นและคนอื่นๆ ตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนั้น พวกเขามองซูผิง มั่นใจว่าเขาเป็นคนที่มีความหวังสูงสุดที่จะไปถึงระดับดวงดาว
  ”ไม่ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะฝึกฝนที่นี่ หากเจ้าอสูรแห่งถ้ำลึกดูดซับพลังดวงดาวในบริเวณใกล้เคียง”เสวี่ยอวิ๋นเจินกล่าวขณะส่ายหัว
  การแสดงออกของทุกคนเปลี่ยนไป นั่นเป็นปัญหาจริงๆ
  อย่างไรก็ตามฉินตู้หวงกล่าวหลังจากเงียบไปไม่กี่วินาที “ในกรณีนั้น เราสามารถปลดปล่อยพลังดวงดาวในร่างกายของเราให้คุณซูได้”
  ทุกคนตกใจมากที่ได้ยินแบบนั้น
  ปลดปล่อยพลังดาวของเราให้ซูผิงบ่มเพาะที่นี่?
  นั่น… เป็นทางออกจริงๆ!
  หลังจากพิจารณาแนวคิดนี้เสวี่ยอวิ๋นเจินมองไปที่ฉินตู้หวงด้วยความชื่นชมในดวงตาที่เปล่งประกายของเธอ
  อย่างไรก็ตาม ซูผิงตัวสั่นและรู้สึกว่าน้ำตากำลังจะไหลออกมา
  การปลดปล่อยพลังดาวในร่างกายของพวกเขาจะหมายความว่าพวกเขาจะสูญเสียการบ่มเพาะ!
  เขากัดฟัน เขารู้ว่าเขาไม่ต้องการพลังดวงดาว ไม่ใช่ตอนที่เขามีสนามบ่มเพาะ แต่เขาพบว่าความเสียสละของพวกเขามันมากเกินไป!
  ผู้คนจำนวนมากขึ้นรวมตัวกันพูดคุย
  จี้หยวนเฟิงและรองหัวหน้าต่างก็อยู่ที่นี่
  ซูผิงเป็นความหวังเดียว พวกเขาต้องการเข้าร่วมกับซูผิงและออกจากที่นี่ด้วยกัน!
  พวกเขารู้ว่าพวกเขามาถูกที่แล้วเมื่อเห็นเย่อู่ซิว เซียงเฟิงหรั่นและนักรบในตำนานคนอื่นๆ ในร้านของซูผิง
  หยวนเทียนเฉินและกลุ่มนักรบในตำนานอีกกลุ่มก็มาเข้าร่วมกับพวกเขา พวกเขาอยู่รวมอยู่กับคนอื่นและไม่ได้ทักทายซูผิง แต่พวกเขาก็มาแล้ว
  ความหวังเดียวของพวกเขาคือซูผิง!
  ทุกคนรู้สึกมั่นใจหลังจากได้เห็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งมารวมตัวกัน พวกเขาได้พบกลุ่มนักรบที่เก่งที่สุดแล้ว!
  “น้องซู!”
  ”คุณซู!”
  จี้หยวนเฟิงทักผิงและกล่าวว่า “อยากให้เราทำอะไรบอกได้เลย ก้าวผ่านมันไปด้วยกัน”
  ซูผิงกำลังจะพูด แต่ได้ยินเสียงลมพัดมา นักรบกิตติมศักดิ์ขี่อสูรบินมาถึง ด้านหลังของอสูรทั้งหมดเต็มไปด้วยผู้หญิงและเด็กมากมาย
  ทั้งหมดเป็นคนตระกูลถัง
  ซูผิงและตระกูลถังได้สงบศึกกันแล้ว อันที่จริงความขัดแย้งของพวกเขาไม่ได้รุนแรงนัก ตระกูลถังท้าทายซูผิงเพราะตั้งใจที่จะนำคุณหนูของพวกเขากลับคืน
  อย่างไรก็ตามซูผิงได้ฆ่านักรบกิตติมศักดิ์ไปหลายคน และกำจัดกองทัพนักรบอสูรไปกว่าสองพันคน ตระกูลถังเจอกับความสูญเสียครั้งใหญ่
  ตระกูลถังขอโทษและชดเชยให้ซูผิงหลังจากนั้น แล้วทุกอย่างก็จบ
  ซูผิงไม่ใช่คนใจแคบ
  เมื่อมีถังยู่หรานเป็นคนกลาง และเนื่องจากเธอได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้นำตระกูล ซูผิงจึงเลิกคิดเรื่องตระกูลถัง
  ร้านของเขาเป็นที่พักพิง แต่ไม่มีใครรู้ เขาต้องการให้คนมาเพิ่มอีก มันจะเสียเปล่าถ้าปล่อยให้ร้านว่าง
  “พวกเขามาแล้ว” ถังยู่หรานกล่าวอย่างโล่งอกหลังจากเห็นสมาชิกตระกูลถัง
  เธอสนิทกับซูผิง และเชื่อเรื่องค่ายกลโบราณเมื่อซูผิงกล่าวถึง เพราะเธอเชื่อว่าชายคนนี้จะไม่พูดถ้าไม่มีอยู่จริง
  หวืด! หวืด! หวืด!
  สมาชิกตระกูลถังกระโดดลงจากอสูรบิน และทุกคนตกใจเมื่อเห็นนักรบในตำนานมากมายในร้านของซูผิง
  “สมาชิกตระกูลถังทำความเคารพคุณ คุณซู!”
  ทั้งหมดคุกเข่าลงข้างหนึ่ง เคารพเขาอย่างสุภาพที่สุด
  ซูผิงแข็งแกร่งพอที่จะทำให้พวกเขาคุกเข่าโดยสมัครใจ ท้ายที่สุดเขาเป็นนักรบระดับตำนานที่สมควรได้รับความเคารพจากพวกเขา!
  “ถังหลินจ้านอดีตผู้นำตระกูลถังขอโทษคุณซู!”
  “ถังหยวนชิงผู้อาวุโสตระกูลถังขอโทษคุณซู!”
  ผู้ชายหลายคนพุ่งออกจากฝูงชน พ่อของถังยู่หรานหรืออดีตผู้นำตระกูลถังคุกเข่าและก้มหน้าลง
  ข้างหลังเขาคือผู้อาวุโสตระกูลถังที่เคยโจมตีซูผิง
  แม้ว่าซูผิงจะไม่สนใจเรื่องราวในอดีตแล้ว แต่คนเหล่านี้ก็มักจะกังวลว่าเขาอาจจะยังรู้สึกขุ่นเคือง
  “ถังยู่หยูตระกูลถังขอโทษคุณซู!”
  หญิงสาวตัวเตี้ยซึ่งอยู่ในระดับกิตติมศักดิ์แล้วก็ออกมาจากฝูงชน คุกเข่าข้างหนึ่งและก้มหน้าลง
  เป็นฉากที่น่าตกใจมาก จี้หยวนเฟิง เย่อู่ซิว และคนอื่นๆ สับสน ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น
  ซูผิงมองไปที่ใบหน้าที่คุ้นเคย หลังจากขจัดความคับข้องใจแล้ว เขาก็โบกมือแล้วพูดว่า “ลุกขึ้นเถอะ เราอยู่ท่ามกลางวิกฤต เข้ามาในร้านเดี๋ยวนี้เลย”
  ในช่วงเวลาต่อมาถังหลินจ้าน ถังยู่หยู และคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกถึงพลังที่ไม่อาจต้านทานได้ ซึ่งทำให้พวกเขาลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
  สิ่งนี้เพิ่มความรู้สึกเกรงขามเช้าไปอีก สิ่งที่ซูผิงพูดต่อไปทำให้พวกเขามั่นใจ ดูเหมือนว่าซูผิงจะไม่สนใจความผิดก่อนหน้านี้ของตระกูลถังอีกต่อไปแล้ว
  พวกเขาทั้งหมดตื่นเต้น ราวกับว่าเงาในหัวใจของพวกเขาคืบคลานออกไปแล้ว
  “เร็วเข้า รีบไป!”ถังหลินจ้านโบกมืออย่างรวดเร็วและบอกผู้หญิงและเด็กๆ ในตระกูลของเขาหาที่ของตัวเอง
  จี้หยวนเฟิงสับสนกับการกระทำของพวกเขา และถามแค่ว่า “น้องซูกำลังทำอะไรอยู่?”
  “เราจะไม่ไปไหน” ซูผิงมองไปที่จี้หยวนเฟิง คนที่เขาไม่ชอบ “มีค่ายกลโบราณในร้านของผม ที่แม้แต่เจ้าอสูรแห่งถ้ำลึกก็ไม่สามารถทำลายได้ คุณจะปลอดภัยตราบใดที่คุณอยู่ในร้านของผม เข้ามาเถอะ”
  จี้หยวนเฟิงค่อนข้างตกใจ
  หยวนเทียนเฉินและนักรบในตำนานคนอื่นๆ ก็ประหลาดใจไม่แพ้กัน ซูผิงเชี่ยวชาญการสร้างค่ายกลที่น่าสยดสยองแบบนี้ตอนไหน?
  หยวนเทียนเฉินมองไปที่ร้านด้านหลังซูผิง เขาเกือบถูกสาวผมบลอนด์แทงทะลุในการมาเยือนครั้งก่อนของเขา เขาพบว่าร้านของซูผิงดูสวยงามกว่าเดิม
  สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเมื่อเขาจำหญิงสาวผมบลอนด์ได้ เนื่องจากความกลัวยังคงหลอกหลอนเขาอยู่
  สิ่งที่ทำให้เขาสับสนก็คือเขาไม่เห็นหญิงผมบลอนด์ในการต่อสู้ เป็นเรื่องแปลกเล็กน้อยที่ซูผิงเข้าร่วมการต่อสู้แต่ไม่ได้ส่งเธอออกไป
  เขาถือว่าความปลอดภัยของผู้หญิงคนนั้นสำคัญกว่าความปลอดภัยของเขาหรอ?
  ในขณะนั้นผู้คนจำนวนมากพุ่งเข้ามา
  พวกเขาคือลู่ฉิว ชือหาวจื่อ และคนอื่นๆ จากสมาคมผู้ฝึกสอน นอกจากนี้ยังมีนายกสมาคมผู้ฝึกสอนซึ่งมีชายชราสองคนมาด้วย หนึ่งในนั้นเป็นคนผมสีฟ้าสดใสจากทวีปสายฟ้าคำราม และอีกคนมาจากทวีปบึงมังกรมีผมสีทองสดใส
  ซูผิงสามารถบอกได้อย่างง่ายดายจากความรู้สึกว่าพวกเขาเป็นผู้ฝึกสอนจิตวิญญาณเทวะเหมือนกับประธานสมาคมผู้ฝึกสอน!
  ”คุณซู”
  “ตำนานซู”
  พวกเขาทั้งหมดดีใจที่ได้เห็นนักรบในตำนานในร้าน โดยคิดว่าพวกเขากำลังวางแผนที่จะรวบรวมกำลังเพื่อออกปจากที่นี่!
  “ช่วยผมดูแลคนที่นี่และเรียกคนมาเพิ่ม” ซูผิงบอกกับฉินตู้หวงและคนอื่นๆ จากนั้นเขาก็บินขึ้นไปบนฟ้าและรวบรวมเปลวไฟบนปลายนิ้ว เขายกมือขึ้นขณะที่มองลงไปที่ร้านค้า
  พุฟ!
  เปลวไฟที่ถูกบีบอัดบนปลายนิ้วของเขาถูกยิงออกไปราวกับเลเซอร์ วาดวงกลมที่ทำเครื่องหมายพื้นที่ปลอดภัย
  หลังจากวาดเสร็จ ซูผิงก็บินลงมาและพูดว่า “ขอให้ทุกคนเข้าไปในพื้นที่ภายในวงกลมและอย่าก้าวออกมา!”
  ฉินตู้หวงและเย่อู่ซิวฟังคำสั่งของเขา และเรียกคนมาเพิ่ม
  “อยู่ในร้าน” ซูผิงพูดกับซูหลิงเยวี่ยและพ่อแม่ของเขา จากนั้นเขาก็รีบวิ่งออกไป ยังมีคนไม่ถึงแสนคน เขาต้องการคนเพิ่ม
  บี๊บ…
  ทันใดนั้น โทรศัพท์ของซูผิงก็ดังขึ้น
  เขาเห็นว่าเป็นเซี่ยจินชุ่ยที่ไม่รับสายเขาก่อนหน้านี้ เขารับสายและพูดว่า “ผู้อาวุโสเซี่ยมาที่ร้านของผมเดี๋ยวนี้เลย แล้วแจ้งให้คนอื่นมาด้วย ร้านของผมได้รับการคุ้มครองโดยค่ายกลโบราณและสามารถต้านทานกระแสอสูรร้ายได้”
  “ซู…”
  เซี่ยจินชุ่ยเพิ่งพูดคำเดียวและกำลังจะอธิบายว่าทำไมเขาถึงไม่ได้รับสายของซูผิง แต่พอได้สิ่งที่ซูผิงบอกเขา เขาก็ตกใจ
  ”เข้าใจแล้ว!” เขาตอบรับอย่างรวดเร็ว
  ซูผิงรีบออกไปหลังจากวางสาย
  ไม่นานหลังจากนั้น เขาเห็นรถขับผ่านมา มีคนที่เขารู้จักหลายคน สวี่คัง—คนที่เรียกเขาว่าอาจารย์ตลอดเวลา—และพี่ของเขาอยู่ในนั้นด้วย
  ผู้โดยสารคนอื่นๆ ดูแก่กว่า พวกเขาดูเหมือนพ่อแม่และญาติของพวกเขา
  สวี่คังรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นซูผิงบนท้องฟ้า เขาตะโกนทันที “อาจารย์!!”
  ”ไปที่ร้านของฉัน!” ซูผิงตะโกนกลับไป
  จากนั้นเขาก็บินไปไกล
  สวี่คังที่ยังคงอยู่ในรถก็ตกตะลึงสักครู่จากนั้นชายวัยกลางคนข้างหลังก็ถามด้วยความตกใจ “เขาเป็นอาจารย์ของลูกหรอ?”
  สวี่คังพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ใช่! ผมเรียกเขาว่าอาจารย์ตลอด! ”
  ”แล้วเขายอมรับนายเป็นศิษย์ไหม?”
  สวี่คังรีบตะโกนว่า “เฮ้พี่เลิกถามเลย รีบไปที่ร้านของผม เขาขอให้เรารอให้เขาอยู่ที่นั่น เขาจะพาเราออกไป! ”
  สวี่ หยิงเสวี่ยกลอกตา ซูผิงไม่ได้พูดถึงอะไรเกี่ยวกับการพาใครไปไหน
  อย่างไรก็ตามเนื่องจากวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ เธอหวังว่าสิ่งที่น้องชายที่ไม่น่าเชื่อถือของเธอพูดจะเป็นจริง
  …
  ซูผิงบินไปไกลสิบสองกิโลเมตรและบอกทุกคนที่เขาเจอให้ไปที่ร้านของเขา
  หลังจากนั้นเขาก็พบว่าร้านค้าเกือบเต็มแล้วเมื่อเขากลับมา
  จากนั้นผู้รอดชีวิตคนอื่นจะต้องอยู่ด้านบน!
  บูม !!
  ถูกต้องตอนที่ซูผิงขอให้เย่อู่ซิวและฉินตู้หวงเตรียมของ คือที่อุดหู การแสดงออกของนักรบในตำนานทั้งในและนอกร้านของซูผิงเปลี่ยนไป
  พวกเขารู้แล้วว่ามันจะเกิดขึ้น แต่มันก็ไม่น่าตกใจลงเลยเมื่อมันเกิดขึ้นจริง ๆ
  กำแพงด้านนอกของถูกทำลาย!
  เจ้าแห่งถ้ำลึกได้ข้ามกำแพงด้านนอกทั้งสองและผ่านแนวป้องกันมาแล้ว!
  สภาวะชะตากรรมหลายตัวและสภาวะสมุทรบางตัวปรากฏในส่วนอื่น ๆ ของแนวป้องกัน
  ราชาอสูรมีมาไม่จำกัด เนื่องจากนักรบในตำนานถอยทัพ
  ไกลออกไปซูผิงและคนอื่น ๆ ได้ยินเสียงกรีดร้อง
  พวกเขาสั่นเพราะอสูรร้ายพุ่งเข้ามา พวกเขาไม่อยากรับรู้ว่าสนามรบในแนวหน้านั้นเป็นนรกแล้ว
  ร่างกายของซูผิงนั้นแข็งแกร่งเท่ากับสภาวะชะตากรรม สายตาของเขาดีมากมำให้เขาสามารถมองเห็นนักรบอสูรบนกำแพงได้
  แม้ว่าบนกำแพงจะมีหลุมเต็มไปหมด แต่นักรบอสูรหลายคนกำลังต่อสู้อยู่ ทักษะที่พวกเขาปล่อยออกมานั้นอ่อนแอมาก พวกเขาดูเหมือนหิ่งห้อยที่ไม่สร้างความเสียหายใดๆให้กับศัตรูเลย …
  อย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลบางอย่างซูผิงหลั่งน้ำตา
  ถัดจากเขาเย่อู่ซิวและตำนานอื่น ๆ ก็เงียบ พวกเขากำมือจนเลือดออก
  โฮกก! โฮกกกก!
  โฮกก !!
  เสียงคำรามแสบหูสะท้อนไปทุกทิศทาง แนวป้องกันถูกครอบงำ !
  กระแสอสูรโจมตีทั้งสี่ทิศทางและแนวป้องกันถูกฉีกขาดอย่างง่ายดายราวกับว่าทำจากกระดาษ!
  หวืด!
  ในระยะไกลทำให้เงาหลายสิบเงาเข้าใกล้ ทั้งหมดกำลังต่อสู้กับนักรบอสูร
  ซูผิงและคนอื่น ๆ ก็ตกใจ พวกเขากระพริบตาอย่างรวดเร็วและมองนักรบอสูรที่ขวางทางพวกมัน
  อสูรบางตัวมาถึงเมืองฐานหลงเจียง แล้ว!
  ราชาอสูรสภาวะชะตากรรม ที่มีความสูงหลายร้อยเมตรสามารถบดขยี้กำแพงเมืองและโจมตีได้อย่างง่ายดาย
  เสียงร้องไห้และเสียงกรีดร้องดังมาจากทุกทิศทาง!
  หายนะได้มาถึงแล้ว!
  ในขณะที่อสูรร้ายกำลังโจมตี ซูผิงเห็นนักรบอสูรจำนวนมากขี่อสูรและช่วยเหลือประชาชน
  ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังจะมาที่ร้านของซูผิง
  พวกเขามาถึงในไม่ช้า และผ่อนคลายลงได้เมื่อเห็นซูผิงจี้หยวนเฟิงและนักรบในตำนานอื่น ๆ
  บางคนเข่าอ่อนเมื่อเห็นซูผิงและร้องขอด้วยความกลัว “โปรดช่วยเราด้วย!”
  ไม่ใช่ทุกคนที่มาจากเมืองฐานหลงเจียง; บางคนมาจากที่อื่น
  เซี่ยจินชุ่ยได้กระจายข่าวซึ่งจากนั้นส่งไปยังศูนย์บัญชาการ จากนั้นผู้คนที่ได้รับข้อความในพื้นที่อื่น ๆ ก็รีบมาที่ร้านของซูผิง
  ผู้รอดชีวิตจากทวีปอื่น ๆ ที่ไม่รู้ว่าร้านค้าอยู่ที่ไหนก็ถามคนอื่นๆมา
  ซูผิงขอให้จี้หยวนเฟิงและคนอื่น ๆ ช่วยคนที่มาใหม่หาที่พัง
  อสูรตระกูลหินปรากฏขึ้นหลังจากเสียงระเบิดดังสนั่น มันเป็นอสูรของเซียงเฟิงหรั่น ดินเริ่มเคลื่อนที่ทันที แผ่นหินบาง ๆ เพิ่มขึ้นภายในวงกลมที่ซูผิงวาดและครอบคลุมร้านของเขา จากนั้นแผ่นหินถูกแยกออกเป็นชั้นๆที่แตกต่างกันและสร้างลูกบาศก์ขนาดใหญ่
  ลูกบาศก์ดูเหมือนภาชนะขนาดใหญ่ที่มีกล่องเยอะๆ ทั้งหมดเพื่อรองรับผู้รอดชีวิตให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
  ”เร็วเข้า! ทุกคนเข้าไปข้างใน! ” ซูผิงพูดอย่างเร่งรีบ
  ผู้ที่เพิ่งมาถึงถูกส่งไปยังกล่อง ผู้มาใหม่บางคนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเพียงแค่ตามคนอื่น ๆ มา ท้ายที่สุดพวกเขายินดีที่จะทำตามที่นักรบในตำนานสั่ง
  โฮกก !!
  เสียงดังระเบิดออกมา ในระยะไกลกลุ่มคนหลายสิบคนที่กำลังเดินทางมาที่พักพิงถูกกรงเล็บหินที่โผล่ออกมาจากดินตบตบจนตาย!
  ซูผิง จี้หยวนเฟิงและคนอื่น ๆ หวาดกลัว
  เสียงอึกทึกดังขึ้นอีก ราชาอสูรร้ายอยู่ที่นี่ ในเมืองฐาน!
  ”หยุดเดี๋ยวนี้!”
  ทันใดนั้นเสวี่ยอวิ๋นเจินที่ลาดตระเวนอยู่บนท้องฟ้าก็ระเบิดความโกรธ และรีบเข้าไปช่วย มีกลุ่มคนธรรมดากลุ่มหนึ่ง—มีทั้งผู้ชาย ผู้หญิงและเด็ก—บนถนนห่างออกไปหลายสิบกิโลเมตร และพวกเขากำลังเผชิญกับอสูรป่าระดับแปด
  สิ่งมีชีวิตที่ดูเหมือนหิวโหยนั้นแลบลิ้นยาว และมีเสมหะปะปน
  มนุษย์เหล่านั้นกำลังลำบาก
  บูม!!
  เสวี่ยอวิ๋นเจินหายตัวอย่างต่อเนื่อง ปรากฏตัวขึ้นเหนืออสูรป่าระดับแปดและเหยียบบนตัวมัน พื้นดินระเบิด และอสูรร้ายก็ถูกบดขยี้เป็นละอองเลือด!
  เสวี่ยอวิ๋นเจินมองไปที่มนุษย์ที่กำลังตกตะลึง จากนั้นจึงอุ้มพวกเขาด้วยพลังดวงดาวและประกาศว่า“ตามฉันมา!”
  เธอกำลังจะพาพวกเขาไปที่ร้านของซูผิง
  อย่างไรก็ตามทันใดนั้นกรงเล็บแหลมคมก็ยื่นออกมาจากความว่างเปล่า บดขยี้คนธรรมดาที่เธอเพิ่งช่วยออกเป็นชิ้นๆ
  เด็ก ๆ ก็ถูกทุบเป็นเศษเนื้อเช่นกัน!
  ดวงตาของเสวี่ยอวิ๋นเจินเบิกกว้าง จากนั้นเธอก็รู้สึกราวกับว่าเลือดของเธอพุ่งขึ้นหัว เธอคำรามด้วยดวงตาแดงก่ำ “อ๊ากกกกก!”
  พลังดวงดาวของเธอระเบิดออกมา และเธอก็โจมตีกรงเล็บยักษ์
  ร่างที่อยู่หลังกรงเล็บยักษ์ถูกเปิดเผยอย่างเต็มที่ มันเป็นราชาปีศาจสภาวะชะตากรรม มันมีขนสีขาวและดูเหมือนหมีขั้วโลก
  อสูรร้ายมองลงมาที่เสวี่ยอวิ๋นเจินและยิ้ม “ไม่เลว เจอของอร่อยแล้ว”
  วินาทีต่อมาเสวี่ยอวิ๋นเจินรู้สึกว่ามิติรอบตัวเธอถูกกัก รูม่านตาของเธอหดตัว แต่เธอก็ปล่อยเสียงคำรามโกรธจัด วังวนปรากฏขึ้นข้างๆ เธอ และเธอก็รวมเข้ากับอสูรต่อสู้ของเธอ จากนั้นเธอก็ปล่อยสายฟ้าออกไป ร่างกายอันทรงพลังของเธอเป็นของตระกูลสายฟ้า
  ในขณะนั้นเธอได้ใช้เทคนิคโบราณเพื่อเสริมสร้างร่างของเธอ เธอปล่อยแสงนับพันที่ทำให้เกิดรอยร้าวบนมิติที่ถูกกัก
  เมื่อเธอกำลังจะวิ่ง กรงเล็บยักษ์ก็ตกลงมาขวางทางเธอ
  อย่างไรก็ตามในขณะนั้นเอง รังสีดาบอันเจิดจ้าปรากฏขึ้นและฟันกรงเล็บยักษ์ออกจากกัน
  ซูผิงมาถึงตรงที่เสวี่ยอวิ๋นเจินอยู่ ผมสีดำของเขาพริ้วสะบัด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าและความโกรธ
  ราชาปีศาจสภาวะชะตากรรม ตกตะลึงอย่างมากเมื่อเห็นซูผิง มันคาดไม่ถึงว่าเมืองฐานที่บุกเข้ามาจะเป็นสถานที่ที่ซูผิงอยู่
  ด้วยความตื่นตระหนก มันจึงฉีกช่องว่างออกจากกันอย่างรวดเร็วและหนี
  ซูผิงตั้งใจจะฆ่ามัน แต่มันสามารถหลบหนีไปได้ เขาไม่พยายามไล่ตามต่อ เขาพูดกับเสวี่ยอวิ๋นเจินว่า “กลับไปที่ร้าน”
  เสวี่ยอวิ๋นเจินมองเขา ในไม่ช้าซูผิงก็เปลี่ยนท่าทางและหายตัวออกไปก่อนที่เธอจะขอบคุณเขา
  บูม!
  ราชาอสูรสภาวะสมุทรทั้งสองกำลังไล่ตามกลุ่มนักรบกิตติมศักดิ์อยู่บนถนน ซูผิงไปถึงที่นั่นแล้วฟันดาบใส่พวกมัน
  รังสีดาบพุ่งออกมา และเขาได้ฆ่าราชาอสูรสภาวะสมุทรทั้งสองทันที เขาไม่ได้ใช้ดาบแห่งความว่างเปล่าเนื่องจากไม่จำเป็น
  ซูผิงพาเหล่านักรบกิตติมศักดิ์กลับไปที่ร้าน และพบว่ามันเกือบเต็มแล้ว!
  ผู้รอดชีวิตจากระยะไกลกำลังเข้ามาใกล้ร้านของเขามากขึ้น
  สีหน้าซูผิงดูไม่ดีเลย
  จี้หยวนเฟิง เย่อู่ซิว และคนอื่น ๆ ก็สังเกตเห็นสิ่งนี้เช่นกัน พวกเขาถามซูผิงว่า “เราจะทำยังไง?”
  เขาควรทำอย่างไร?
  ซูผิงรู้คำตอบ แต่เขาไม่สามารถพูดออกมาดัง ๆ ได้
  เขาจะทำอะไรได้อีก? มีพื้นที่ไม่เพียงพอ!
  พวกเขาทำได้แค่ทอดทิ้งคนที่เหลือ!
  อย่างไรก็ตาม…
  ”ช่วย! ช่วยฉันด้วย…”
  ในระยะไกล นักรบอสูรหลายคนร้องขอความช่วยเหลือขณะขี่อสูรของพวกเขา แต่ในไม่ช้าอสูรบินระดับราชาก็ผ่านมาและบีบพวกเขาเป็นชิ้น ๆ
  บนถนนอีกสายหนึ่ง มีรถยนต์ส่วนตัวแล่นมาเพื่อรักษาชีวิตอันเป็นที่รักจากการไล่ตามอสูรป่าระดับห้า
  บูม~!
  อาคารต่าง ๆ พังทลายลง บางส่วนถูกอสูรป่าทำลาย และบางส่วนทรุดตัวลงเนื่องจากแรงสั่นสะเทือน
  กำแพงสองด้านที่อยู่ห่างไกลพังทลายลงอย่างสมบูรณ์ มีรูหลายช่อง ฝูงอสูรป่ากำลังเดินผ่านช่องมา
  นี่คือวันสิ้นโลกหรอ?
  ไม่เห็นอะไรนอกจากความตาย ได้ยินแต่เสียงคร่ำครวญและเสียงกรีดร้อง ไม่มีอะไรนอกจากเลือดและกลิ่นเหม็น
  ฉากที่คาดหวังในนรกเท่านั้นกำลังเกิดขึ้นจริงต่อหน้าต่อตาทุกคน
  มนุษย์ทุกคนต่างร้องไห้อย่างสิ้นหวัง!
  “ท่าน ช่วยผมด้วย…”
  “ท่าน…”
  ผู้คนมาที่ร้านของซูผิงมากขึ้นเรื่อยๆ ผ่านการพัวพันกับอสูรป่ามากมาย พวกเขาทั้งหมดอยู่ในอากาศ ส่วนใหญ่เป็นนักรบกิตติมศักดิ์ ในขณะที่บางคนเป็นนักรบอสูรขั้นสูงที่มีอสูรบิน
  หลายคนพาครอบครัวมาด้วย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนธรรมดา
  ที่พื้นดิน รถยนต์ยังแล่นมาหรือจอดขวางทาง ทุกคนทิ้งรถและวิ่งมาที่ร้านของซูผิง
  พวกเขารู้สึกปลอดภัยเมื่อเห็นซูผิงและนักรบในตำนานคนอื่นๆ อย่างไรก็ตามการระเบิดต่อเนื่องและเสียงกรีดร้องที่อยู่ข้างหลังพวกเขาทำให้พวกเขากลัวจนสติแตก
  ใบหน้าของซูผิงถูกปกคลุมด้วยเงามืด
  ร้านของเขาแน่นแล้ว
  ห้องพักทุกห้องเต็ม สำหรับพ่อแม่ของเขา ซูหลิงเยวี่ย และคนรู้จักที่สนิทสนมทั้งหมด เขาขอให้โจแอนนาพาพวกเขาไปที่ห้องอสูร ซึ่งก็เต็มเช่นกัน!
  …ไม่มีที่ว่างอีกแล้ว
  จี้หยวนเฟิงและคนอื่นๆ ดูแย่มาก เนื่องจากมีผู้รอดชีวิตมาปรากฏตัวมากเกินไป ท้ายที่สุดมีคนหลายพันล้านคนที่อยู่เบื้องหลังแนวป้องกัน เพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ก็เพียงพอแล้วที่จะเติมเต็มพื้นที่รอบข้างร้าน
  จี้หยวนเฟิงเข้าใจความเงียบของซูผิง สถานการณ์อยู่นอกเหนือการควบคุมของพวกเขา
  จี้หยวนเฟิงมองไปที่ทุกคนและพูดพร้อมกับถอนหายใจ “ขอโทษจริงๆ ไม่มีที่ว่างแล้ว”
  ผู้รอดชีวิตทุกคนที่มาถึงต่างตกตะลึง ด้วยความกลัวที่มากขึ้นบนใบหน้าของพวกเขา บางคนก็คุกเข่าลงและตะโกนเสียงดัง!
  “ได้โปรด ท่าน ทุกท่าน โปรดช่วยพวกเราด้วย!”
  ”ได้โปรด!”
  เหล่านักรบผู้กิตติมศักดิ์ซึ่งอยู่กลางอากาศต่างก็คุกเข่าด้วยความตื่นตระหนก
  ทุกที่ที่จี้หยวนเฟิงมองไป ผู้คนต่างอ้อนวอนเขา ซึ่งทำให้เขาดูแย่มาก ไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้
  คนในร้านของซูผิงมองไปที่คนที่คุกเข่าอยู่ข้างนอกเพื่อขอความช่วยเหลือ บางคนรู้สึกโชคดีที่มาถึงที่นี่ทันเวลา บางคนรู้สึกลำบากใจ
  ทันใดนั้นมีคนประกาศท่ามกลางเสียงร้องเหล่านั้นว่า “ผมจะให้ที่ของผม ผมยังสู้ได้!”
  ชายร่างใหญ่เดินออกจากร้านของซูผิง เขาดูธรรมดา เป็นคนที่ไม่มีใครสังเกตเห็นเลยในฝูงชน
  แต่ในขณะนี้ เขาเบียดฝูงชนและเดินออกไป
  ทุกคนมองไปที่เขา เขาเป็นนักรบอสูร แต่อยู่แค่ระดับเจ็ดเท่านั้น
  “ได้โปรดดูแลภรรยาและลูก ๆ ของผมด้วย” ชายร่างใหญ่มองซูผิงที่อยู่บนท้องฟ้าและก้มหน้า จากนั้นเขาก็เดินไปหาผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังอุ้มทารกอยู่ในอ้อมแขนของเธอ “เข้าไปข้างในกับลูกเถอะ”
  ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนธรรมดา เธอค่อนข้างแปลกใจที่ในที่สุดเธอก็จะรอด
  วินาทีต่อมา น้ำตาของเธอก็ไหลออกมา และเธอกำลังจะคุกเข่าให้เขา—
  ชายร่างใหญ่หยุดเธอ จากนั้นเขาก็มองไปที่ชายที่อยู่ข้างๆเธอ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นสามีของเธอ
  “ขอโทษด้วย ผมมีแค่ที่เดียว” ชายร่างใหญ่กล่าว
  ชายคนนั้นรีบส่ายหัวและกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณ!ขอบคุณ! ขอบคุณมาก!”
  เขาพูดขอบคุณนับไม่ถ้วนติดๆกัน เขารู้สึกขอบคุณจริงๆ
  “เข้าไปข้างในเถอะ” ชายร่างใหญ่สั่งเธอ
  สามีของเธอหยุดขอบคุณ และรีบเร่งให้เธอเข้าไป
  ผู้หญิงคนนั้นมองสามีของเธออย่างอาลัยขณะอุ้มลูกของเธอ จากนั้นเธอก็วิ่งไปในร้านของซูผิง เธอได้รับการต้อรับจากฝูงชนภายใน
  หลังจากเงียบไปชั่วครู่—คนอื่นก็ได้รับแรงบันดาลใจจากการกระทำอันกล้าหาญของชายผู้กล้า—ชายในร้านก็ประกาศทีละคนว่า “ผมสามารถให้ที่ของผมได้!”
  “ผมก็สู้ได้!”
  “ผมเป็นนักรบกิตติมศักดิ์! ผมอยู่อย่างคนขี้ขลาดไม่ได้!”
  “ลูกพ่อ พ่อคงไปกับลูกไม่ได้แล้ว พ่อจะต่อสู้เพื่อลูก!”
  “บอกลูกของเราว่าพ่อของเขาไม่ใช่คนขี้ขลาด ไม่เคยเป็น!”
  ชายคนหนึ่งเดินออกจากร้านไป บางคนแก่ บางคนยังหนุ่ม
  บางคนลังเล แต่เลือดร้อนที่หลงเหลืออยู่ในใจกลับถูกจุดไฟขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นคนอื่นก้าวออกมา พวกเขาเดินออกไปพร้อมกับคนอื่นๆ
  อย่างไรก็ตามยังมีผู้ชายบางคนที่ยังก้มหน้าอยู่ พวกเขาไม่กล้ามองไปรอบ ๆ หรือออกไปเพื่อเสียสละ
  มีตำแหน่งว่างมากมายอีกครั้งเมื่อคนเหล่านั้นเดินออกจากร้าน บางคนที่คุกเข่าอ้อนวอนอยู่ข้างนอกต่างตกตะลึงกับสิ่งนี้ นักรบกิตติมศักดิ์บางคนที่อ้อนวอนอยู่ก็มีแรงจูงใจเช่นกัน พวกเขาทั้งหมดยืนขึ้นด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่แผดเผาอยู่ในสายตาของพวกเขา
  ผู้ชายคนอื่นกำลังให้ชีวิต เป็นการดูถูกอย่างแท้จริงสำหรับพวกเขาที่จะคุกเข่าขอเข้าไป พวกเขาไม่สามารถยอมรับความอัปยศเช่นนี้ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจรักษาศักดิ์ศรีของตัวเองอีกครั้ง
  ในอีกด้านหนึ่ง ผู้คนจำนวนมากขึ้นเห็นตำแหน่งว่างและความหวัง พวกเขารุมเข้าไปใกล้และอ้อนวอนมากกว่าเดิม
  …
ตอนที่ 714 สะกดจักรพรรดินี
  “นายท่าน โปรดมอบที่ให้กับลูกสาวของผม เธอเพิ่งจะได้ฉลองวันเกิดครบหกขวบ…”
  นักรบอสูรบินมายังจุดที่ห่างจากซูผิงหลายร้อยเมตรและคุกเข่าบนหลังอสูร
  ข้างๆเขามีเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่น่ารักที่กำลังเขย่าแขน น้ำตาของเธอทำให้หัวใจของเขาสลาย
  “นายท่าน โปรดให้ที่ภรรยาของผม เธอกำลังท้อง…”
  นักรบกิตติมศักดิ์บางคนขยับเข้ามาใกล้และคุกเข่าลงด้วยดวงตาแดงก่ำ ก่อนที่พวกเขาจะอ้อนวอนอย่างนอบน้อมว่า “ผมยินดีที่จะเป็นคนใช้ของคุณและทำงานเพื่อคุณตลอดชีวิตหน้า ได้โปรด…”
  มีคนเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ บางคนต้องการเข้าไปข้างใน ในขณะที่บางคนต้องการส่งคนในครอบครัวเข้าไป
  ใบหน้าของซูผิงถูกปกคลุมด้วยเงา การขอร้องรอบตัวเขาดังเกินกว่าจะไม่ได้ยิน จี้หยวนเฟิงและคนอื่นๆ นั่งถัดจากซูผิง; พวกเขาทั้งหมดนิ่งจนน่ากลัว
  เนื่องจากซูผิงไม่ตอบสนอง จี้หยวนเฟิงจึงกัดฟันและตัดสินใจ เขาชี้ชายที่พาภรรยาที่ตั้งครรภ์ของเขา และอนุญาตให้เธอเข้าไป
  นักรบกิตติมศักดิ์คนนั้นตื่นเต้นมากเมื่อได้รับการอนุญาตจากจี้หยวนเฟิง เขารีบโค้งคำนับและกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณครับท่าน ผมจะตอบแทนความเมตตาของท่านอย่างแน่นอน ถ้าผมยังมีชีวิตอยู่…”
  “ไปเถอะ” จีหยวนเฟิงพูดอย่างรวดเร็วแล้วชี้ไปที่บางคนในฝูงชน คนเหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก จี้หยวนเฟิงเห็นคนแก่จำนวนมากเช่นกัน แต่หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาตัดสินใจที่จะทิ้งความหวังไว้กับคนรุ่นต่อไป
  ไม่นานร้านก็แออัดอีกครั้งเมื่อมีคนเหล่านั้นเข้ามา
  มีผู้หญิงและเด็กอีกมากมายที่วิงวอนขอร้อง
  ท้ายที่สุดมีคนมารวมกันเกือบสิบล้านคน และครึ่งหนึ่งของย่านก็เต็มแล้ว!
  เมื่อเห็นว่าการขอร้องได้ผล ผู้คนจำนวนมากขึ้นก็ทำแบบเดียวกัน ซึ่งทำให้สีหน้าของจี้หยวนเฟิงดูไม่ดี เขารู้ว่ามีที่ไม่เพียงพอที่จะช่วยทั้งหมด!
  ยิ่งกว่านั้นยังมีคนอีกจำนวนมากขึ้นกำลังรอการช่วยชีวิตอยู่ในจุดที่พวกเขามองไม่เห็น…
  ในขณะนั้น นักรบในตำนานทั้งหมดก็เงียบ
  พวกเขาเคยมองความเคารพของผู้คนที่มีต่อพวกเขาอย่างภาคภูมิใจในอดีต แต่ในขณะนี้พวกเขารู้สึกเหมือนเป็นไก่ที่เพิ่งแพ้การต่อสู้ไป…
  ขณะเผชิญกับหายนะนี้ พวกเขาทำได้เพียงมองดูเพื่อนร่วมเผ่าล้มตายเท่านั้น พวกเขาต้องการช่วยชีวิตคนเหล่านั้น แต่พวกเขาไม่สามารถช่วยชีวิตคนเหล่านั้นได้ พวกเขาไม่สามารถแม้แต่จะช่วยเหลือตัวเองได้หากไม่มีที่พักพิงของซูผิง!
  เศร้า!
  เศร้าสุดๆ!
  ทันใดนั้น เสียงที่หยาบคายแต่มั่นใจมาจากพื้นที่ปลอดภัยในร้าน “คนของตระกูลถังออกไปกับฉัน!”
  จากนั้นชายวัยกลางคนกล้ามโตก็พยายามเบียดผ่านฝูงชน เขาคือถังหลินจ้านอดีตผู้นำของตระกูลถัง
  ตามคำสั่งของเขา ผู้ชายจำนวนมากตามหลังเขาและออกจากร้าน!
  ส่วนใหญ่ยังเด็ก แต่บางคนก็แก่และบางคนก็เป็นแค่วัยรุ่น คนเด็กสุดดูเหมือนจะอายุไม่ถึงยี่สิบด้วยซ้ำ และคนแก่มีผมสีขาวทั้งหัว
  “คนในตระกูลถังยังสู้ได้!”ถังหลินจ้านคำราม
  เสียงดังก้องในร้าน และทำให้ทุกคนตะลึง
  ท่ามกลางฝูงชนในร้าน ถังยู่หรานตกอยู่ในความงุนงงเมื่อเธอมองไปที่ด้านหลังของชายที่เพิ่งเดินออกจากร้าน ความทรงจำเก่าๆ ของเธอหวนกลับมา และเธอก็นึกขึ้นได้ว่าชายคนนี้ช่วยให้เธอลุกขึ้นยืนได้ทุกครั้งที่เธอล้มลงตอนที่เธอยังเด็ก
  อย่างไรก็ตาม ผู้ชายคนนี้เปลี่ยนไปทันทีที่เธอกลายเป็นตัวสำรอง เขามักจะดุเธอเสมอและบอกให้เธอพยายามให้มากขึ้น…
  พ่อ…
  เธอรู้สึกว่าเธอใกล้จะน้ำตาไหล ความโกรธและความผิดหวังทั้งหมดของเธอจางหายไป
  ”ฮะ?”
  ฉินตู้หวงและโจวเทียนหลินมองเขาด้วยความประหลาดใจ ไม่คาดหวังว่าอดีตผู้นำตระกูลถังจะเป็นคนเสียสละ
  ทุกคนรู้ดีว่าการอยู่ข้างนอกหมายถึงความตาย!
  “ขอบคุณ คุณซูที่ปกป้องสมาชิกผู้หญิงของตระกูลถัง นี่คือสิ่งที่ผมจะทำได้!”ถังหลินจ้านกล่าวเสียงดังกับซูผิงขณะที่จับมือของเขา
  ทุกคนมองไปที่ซูผิงเพียงเพื่อพบว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะเห็นการแสดงอารมณ์ของเขา
  ซูผิงไม่ตอบสนอง
  ถังหลินจ้านสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขาเดินออกไป ทั้งเพราะเขาเป็นลูกผู้ชาย และเพราะเขาหวังว่าหลังจากเสียสละตัวเองแล้ว ซูผิงจะปล่อยให้สมาชิกผู้หญิงของตระกูลถังอยู่ในที่พักพิง
  เขากังวลเรื่องความขัดแย้งกับซูผิงไม่มากก็น้อย นั่นเป็นเหตุผลที่เขาเดินออกไปอย่างแน่วแน่
  ตระกูลถังจะไม่สูญสิ้น ตราบใดที่สมาชิกผู้หญิงรอดชีวิต!
  เขาได้ปฏิบัติตามหน้าที่ความรับผิดชอบในฐานะผู้นำของตระกูล เขาสมควรกับตำแหน่งที่พ่อมอบหมายให้เขาเมื่อหลายปีก่อน!
  ขณะที่ถังหลินจ้านกำลังคิดอย่างนั้น ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียง “ผู้หญิงตระกูลถังก็ไม่อ่อนแอเช่นกัน!”
  เสียงแหลมสูง มันเป็นเสียงของผู้หญิง แต่ฟังดูมั่นใจไม่น้อยไปกว่าผู้ชายคนไหนๆ
  เด็กสาวร่างเล็กวิ่งออกมาจากฝูงชน เธอคือถังยู่หยู
  ถังยู่หรานที่ยังคงอยู่ในร้านก็ตกตะลึงเมื่อเห็นสิ่งนั้น
  การแสดงออกของถังหลินจ้านเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาตะโกนว่า “ลูกกำลังทำอะไร?”
  “ตอนนี้พี่สาวของหนูกำลังเป็นผู้นำตระกูลถัง ดังนั้นหนูจึงไม่จำเป็นอีกต่อไป หนูจะไปกับพ่อ!”ถังยู่หยูพูดกับถังหลินจ้านด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมขณะจ้องไปเขา ดวงตาของเธอดูเหมือนจะพูดว่า ‘พ่อ หนูรู้ว่าพ่อกำลังคิดอะไรอยู่ หนูเลยอยู่กับพ่อที่นี่!’
  “ไร้สาระ!” ถังหลินจ้านตะคอก
  “หนูตัดสินใจแล้ว!”ถังยู่หยูจ้องมองเขาด้วยดวงตาวาววับ
  ถังหลินจ้านตกตะลึงไม่สามารถพูดอะไรได้อีก
  นักรบในตำนานบนท้องฟ้ามีสีหน้าลำบากใจ บางคนดูเหมือนจะชื่นชมตระกูลถัง และบางคนก็หันหน้าหนี ราวกับว่าพวกเขาละอายใจเกินกว่าจะมอง
  ในขณะนั้นฉินตู้หวงก็เปิดปากของเขาทันที “คนในตระกูลฉิน ได้เวลาออกไปแล้ว!”
  ตระกูลฉินอยู่ใกล้กับร้านของซูผิงมากที่สุด ดังนั้นสมาชิกในตระกูลฉิน จำนวนมากจึงอยู่ที่นี้
  ผู้ชายจำนวนมากในวัยต่างๆ ก้าวออกมาหลังจากฉินตู้หวงกล่าว
  “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฉันพร้อมจะออกไปแล้ว!”
  “ตระกูลฉินกลัวการต่อสู้ที่ไหน!”
  “ผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดก็คือความตายใช่ไหม? ฉันรอมันตั้งแต่เกิด!”
  “ตระกูลฉินจะไม่ยอมถูกตระกูลถังแย่งแสงหรอก!”
  ผู้ชายในตระกูลฉินเดินออกมามากขึ้นเรื่อยๆ ผู้อาวุโสบางคนยิ้มและพูดว่า “ฉันอยู่มานานพอแล้ว!”
  หลังจากเห็นเช่นนั้น โจวเทียนหลินก็กัดฟันและคำราม “คนในตระกูลโจว ออกไป!”
  สมาชิกหลายคนในตระกูลโจววิ่งออกไปทันที ราวกับว่าพวกเขาไม่ได้จะออกไปตาย แต่ออกไปรับรางวัล พวกเขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ!
  สมาชิกบางคนซ่อนตัวอยู่ในฝูงชน โจวเทียนหลินเห็นและโกรธ แต่เขาไม่ได้พูดอะไร ท้ายที่สุด ชายหนุ่มบางคนในตระกูลฉินก็ไม่ออกมาเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นคนขี้ขลาด
  เนื่องจากพวกเขาเป็นคนขี้ขลาด การขอให้พวกเขาออกมาคงไม่มีประโยชน์และน่าอาย
  เหลือที่ว่างนับหมื่นหลังคนในตระกูลเดินออกไป
  หลังจากนั้นจี้หยวนเฟิงก็รีบส่งคนเข้ามาเติม อย่างไรก็ตามตำแหน่งว่างก็เต็มอีกครั้งในไม่ช้า
  ร้านของซูผิงเป็นเหมือนถ้วย ในขณะที่ผู้คนภายนอกเป็นเหมือนมหาสมุทร เติมน้ำจนล้นถ้วยได้ง่ายๆ!
  คนส่วนใหญ่ยังคงไม่มีที่ พวกเขาทำได้เพียงรอความตายด้วยความสิ้นหวัง
  เมื่อเห็นว่าซูผิงนิ่งเงียบมาเป็นเวลานาน เสวี่ยอวิ๋นเจินก็เรียกเขาอย่างไม่สบายใจว่า “เจ้าของร้านซู?”
  หลายวินาทีต่อมา ซูผิงค่อย ๆ หันหัวมองเธอ ก่อนที่เขาจะพูดว่า “ผมโอเค”
  เมื่อจ้องมองที่ใบหน้าของเขาสักครู่ เสวี่ยอวิ๋นเจินกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า “อย่าผิดหวัง คุณได้พยายามอย่างดีที่สุดแล้ว เราจะช่วยใครไม่ได้เลยถ้าไม่มีคุณ ถ้าจะโทษใครก็โทษเจ้าแห่งถ้ำลึกที่มันแข็งแกร่งเกินไป…”
  ริมฝีปากของซูผิงกระตุกเล็กน้อย แต่เขาไม่ได้พูดอะไร
  ทันใดนั้น เสียงเย็นชาที่สุดก็ดังขึ้น “แกอยู่นี่เอง…”
  อากาศกระเพื่อม และจักรพรรดินีสมุทรก็ก้าวออกมาจากความว่างเปล่า ด้วยขายาวของเธอที่เปล่งประกายอย่างน่าดึงดูดใจเหมือนเคย การปรากฏตัวของเธอทำให้อุณหภูมิในละแวกนั้นลดลงและก่อตัวเป็นน้ำแข็งบนพื้น
  ทุกคนตกใจ
  จักรพรรดินีสมุทรมาแล้ว!
  เธอเป็นอสูรป่าสภาวะชะตากรรมที่แข็งแกร่งที่สุดต่ำกว่าระดับดวงดาว และเธอก็ปรากฏตัวที่นี่!
  ทันทีที่จักรพรรดินีมาถึง มิติหลายมิติก็โผล่ออกมาข้างหลังเธอ ราชาสวรรค์ดีชั่ว ราชาสวรรค์ต่างโลก เจ็ดบาป และราชาปีศาจสภาวะโชคชะตาตัวอื่น ๆ ก็เดินออกมา อสูรป่าสภาวะชะตากรรมที่อยู่ในด้านต่าง ๆ รวมตัวกันรอบตัวเธอ พวกมันทำให้อาคารที่อยู่ข้างหน้าพังทลายลงพร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นอายสะกดข่มอันน่าสะพรึงกลัว!
  เหล่ามนุษย์ที่มารวมตัวกันที่ร้านค้าต่างพากันกรีดร้อง
  ผู้รอดชีวิตภายในร้านต่างหวาดกลัว และกรีดร้องสุดเสียง
  สัตว์ประหลาดที่น่าสยดสยองที่พวกเขามักจะเห็นในทีวีมาอยู่ต่อหน้าพวกเขาแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นทีวีแสดงได้แค่ภาพของเท่านั้น ในขณะที่สัตว์ประหลาดในความเป็นจริงนั้นกลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวของพวกมันเกือบจะเอื้อมมือมาหาผู้รอดชีวิตเหมือนกรงเล็บ
  หลายคนหายใจไม่ออกและตัวสั่นด้วยความกลัว ส่วนใหญ่สูญเสียการควบคุมลำไส้และส่งกลิ่นเหม็น
  บางคนถึงกับสลบ
  “เป็นเรื่องดีที่พวกแกอยู่รวมกันที่นี่ จะได้ช่วยฉันประหยัดเวลา…” จักรพรรดินีมหาสมุทรมองทุกคน ดวงตาของเธอจับจ้องไปที่จี้หยวนเฟิงและซูผิงชั่วครู่ จากนั้นเธอก็ยิ้มอย่างเย็นชา
  จี้หยวนเฟิง หยวนเทียนเฉิน และคนอื่น ๆ รู้สึกว่าเลือดของพวกเขาแข็งตัว พวกเขาไม่คู่ควรกับจักรพรรดินีมหาสมุทรเลย
  ทุกคนมองซูผิงซึ่งอาจเป็นคนเดียวที่สามารถต่อสู้กับจักรพรรดินีมหาสมุทรได้
  แต่แม้แต่ซูผิงก็ไม่สามารถเอาชนะเธอได้!
  ‘หนีกันเถอะ!”จี้หยวนเฟิงกัดฟันพูด
  พวกเขาไม่ซ่อนตัวอยู่ในร้านอยู่แล้ว และการต่อสู้ก็ไร้จุดหมาย!
  ที่สำคัญกว่านั้นพวกเขาจะไม่มีวันชนะการต่อสู้!
  แม้ว่าซูผิงจะทำให้จักรพรรดินีมหาสมุทรสับสน แต่อสูรสภาวะชะตากรรมอื่น ๆ ก็ยังแข็งแกร่งเกินไป บางคนอาจตายขณะต่อสู้!
  เจ้าแห่งถ้ำลึกก็อยู่ใกล้เช่นกัน มันสามารถมาถึงในพริบตาด้วยความสามารถของระดับดวงดาว!
  อย่างไรก็ตามเจ้าแห่งถ้ำลึกดูเหมือนจะไม่สนใจที่จะทำลายล้างพวกเขา มันหันหลังกลับและไปยังเมืองฐานอื่นแทน
  ซูผิงสังเกตการเคลื่อนไหวของมัน โดยรู้ว่าเป้าหมายคือการทำลายกักสวรรค์
  เห็นได้ชัดว่าเจ้าอสูรแห่งถ้ำลึกต้องการพลังดวงดาวมูลค่านับพันปีภายในกักสวรรค์ หรือมันอาจจะพยายามบังคับให้เนี่ยฮั่วเฟิงที่บาดเจ็บสาหัสออกมาเพื่อฆ่าเขา!
  สรุปแล้ว เจ้าอสูรแห่งถ้ำลึกไม่ได้สนใจพวกเขา
  “พวกเราสู้พวกมันได้!” ซูผิงกล่าวอย่างครุ่นคิดหลังจากสูดหายใจเข้าลึกๆ
  หากเป็นช่วงเวลาก่อนหน้านี้ เขาจะเลือกที่จะซ่อนตามที่จี้หยวนเฟิงแนะนำ เพราะการต่อสู้นั้นไร้ประโยชน์อย่างมาก อย่างไรก็ตามเขารู้สึกประทับใจมากที่ผู้ชายที่อยู่ด้านล่างได้สละตำแหน่งอันมีค่าของพวกเขา ซึ่งเป็นโอกาสเดียวในชีวิตของพวกเขา
  คนที่อ่อนแอกว่าเขามากก็ตั้งใจแน่วแน่ที่จะต่อสู้อย่างเต็มที่ เขาสามารถซ่อนและมองพวกเขาถูกฆ่าได้จริงๆเหรอ? ไม่ เขาทำไม่ได้!
  “อย่าประเมินตัวเองสูงเกินไป” จี้หยวนเฟิงตกใจพูดหลังจากได้ยินซูผิง
  ซูผิงหันกลับไปมองเขาอย่างเคร่งขรึม “ผมไม่ได้ประเมินตัวเองสูงเกินไป ผมไม่ต้องการที่จะเสียใจภายหลัง แม้ว่าจะต้องซ่อนตัวหรือวิ่งหนี ผมก็อยากจะพยายามทำอย่างดีที่สุดก่อน!”
  ผู้ชายคนอื่น “ประเมินตัวเองสูงเกินไป” มากจนแทบยอมสละชีวิต ทำไมเขาไม่พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตบางคน และมีส่วนร่วมในการต่อสู้ที่อาจทำลายล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้?
  จี้หยวนเฟิงมึนงงเมื่อเห็นดวงตาของซูผิง
  “ผมมีวิธีปราบปรามเธอ!” ซูผิงพูดกับจี้หยวนเฟิงผ่านกระแสจิต ขณะที่มองจักรพรรดินีมหาสมุทรที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ด้วยฝีเท้าที่ไม่เร่งรีบ
  เขากลัวว่าเธอจะได้ยิน
  ดวงตาของจี้หยวนเฟิงเป็นประกาย แต่ในไม่ช้า เขาก็กลับมาแสดงสีหน้าตามปกติและตอบกลับผ่านกระแสจิตว่า “วิธีการคืออะไร? ผมช่วยอะไรได้บ้าง?”
  เนื่องจากซูผิงบอกกับเขา เขาจึงมีความจำเป็นในแผนนี้อย่างแน่นอน
  ซูผิงกล่าวว่า “เมื่อผมต่อสู้กับเธอ คุณช่วยพาเธอมาที่ร้านของผมได้ไหม”
  จี้หยวนเฟิงตกตะลึง เขาถามด้วยความสงสัย “มาที่ร้านของคุณ?”
  “ใช่ ถ้าเธอโจมตีค่ายกลศักดิ์สิทธิ์ในร้านของผม การโจมตีของเธอจะถูกเด้งกลับ นั่นจะทำให้เธอบาดเจ็บสาหัส!” ซูผิงกล่าว ค่ายกลเป็นเรื่องโกหก แต่ผลที่ได้คือเรื่องจริง ราชาแห่งมหาสมุทรจะกระตุ้นการโต้กลับของระบบหากเธอบุกเข้าไปในร้านของซูผิง!
  ในกรณีเช่นนี้ เธอจะถูกกำจัดหรือถูกกดขี่!
  ปัญหาคือทำอย่างไรให้เธอเข้าไปในพื้นที่ปลอดภัยรอบร้าน
  การโจมตีระยะไกลที่โจมตีร้านค้าจะถูกยกเลิกเท่านั้น พวกมันจะไม่ก่อให้เกิดการโต้กลับใดๆ ระบบทำได้เพียงปราบปรามสิ่งชีวิตภายในขอบเขตของร้านค้าเท่านั้น ดังนั้นจักรพรรดิมหาสมุทรจึงต้องเข้ามาในพื้นที่และโจมตี!
  มิฉะนั้น ซูผิงจะหลอกล่อเธอให้โจมตีระยะไกลอย่างง่ายดายแล้วหลบ เพื่อที่เธอจะได้โจมตีร้านค้าและกระตุ้นการโต้กลับของระบบ
  “ค่ายกลศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถสะท้อนการโจมตี?”
  จี้หยวนเฟิงตกใจและสงสัย เขาสามารถเชื่อได้ว่าค่ายกลสามารถต้านทานการโจมตีของระดับดวงดาวได้ แต่ก็ค่อนข้างไม่น่าเชื่อว่าจะสามารถสะท้อนการโจมตีได้เช่นกัน!
  ซูผิงจะอยู่ยงคงกระพันบนดาวเคราะห์สีน้ำเงินด้วยค่ายกลดังกล่าว
  “คุณเคลื่อนย้ายเธอได้ไหม” ซูผิงถาม
  การแสดงออกของจี้หยวนเฟิงเปลี่ยนไป เขากัดฟันและพูดว่า “ผมทำได้ แต่ผมต้องการความช่วยเหลือจากคนอื่น ผมคิดว่ามันจะใช้ได้ผลตราบใดที่เราจับเธอตอนเธอไม่ทันระวัง”
  ซูผิงพยักหน้า “ได้”
  เนื่องจากมีโอกาสจึงคุ้มค่าที่จะลอง!
  อันที่จริง เขามีอีกวิธีหนึ่งในการปราบปรามจักรพรรดินีสมุทร ซึ่งเป็นแหวนจับอสูรร้ายเกรดพิเศษที่เขาเพิ่งซื้อไปในราคาแปดล้านแต้มพลังงาน
  แหวนจับอสูรเกรดพิเศษสามารถจับอสูรป่าสภาวะชะตากรรมด้วยอัตราความสำเร็จ 80%!
  เกือบจะแน่ใจว่าเขาจะจับเธอได้ตราบเท่าที่เขาไม่ได้โชคร้ายเกินไป!
  อย่างไรก็ตาม… ซูผิงได้ให้ความคิดบางอย่าง เขาต้องช่วยชีวิตคนให้ได้มากที่สุด!
  ดังนั้นเขาจึงทิ้งแหวนจับอสูรร้ายเกรดพิเศษไว้สำหรับแผนอื่นและตั้งใจที่จะจัดการกับเจ้าแห่งถ้ำลึกด้วย เพราะแหวนมีโอกาส 10% ที่จะจับอสูรป่าระดับดวงดาว!
  “นี่คือแผน…”
  ซูผิงรีบบอกความคิดของเขากับจี้หยวนเฟิงผ่านทางกระแสจิต
  จี้หยวนเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับความคิดนี้ เขาพยักหน้าอย่างรวดเร็วและยอมรับงานของเขา
  “จิ๊ๆ พวกตัวน่ารัก เราเจอกันอีกแล้ว”ตอนนี้ ราชาสวรรค์ต่างโลกหัวเราะท่ามกลางอสูรสภาวะชะตากรรมหลายตัวด้านหลังจักรพรรดินีสมุทร
  พอได้ยิน อสูรสภาวะชะตากรรมตัวอื่นก็อดมองมันไม่ได้ สงสัยว่าทำไมมันถึงรู้จักมนุษย์แสนน่ากลัวนั่น
  ซูผิงแค่นเสียงและเมินมัน”เขามองจักรพรรดินีสมุทรอย่างเย็นชา”ด้วยสถานะของแก แกปกครองท้องทะเลของดาวเคราะห์และมีลูกสมุนมากมาย แต่แกยังก้มหัวให้เจ้าแห่งถ้ำลึก เต็มใจสู้เพื่อมัน แกมันน่าสมเพช!”
  “แกพูดมากไปสำหรับคนที่กำลังจะตาย.
  ดวงตาของจักรพรรดินีสมุทรเย็นชา และดาบน้ำแข็งก็พุ่งออกจากความว่างเปล่าใส่มนุษย์ที่มาหาการปกป้อง พวกเขานับพันโดนฆ่าในชั่วพริบตา!
  มนุษย์คนอื่นหนีด้วยความตื่นตระหนกทันที
  สีหน้าของซูผิงเปลี่ยนไป เขาประกาศด้วยดวงตาหนาวเหน็บ”อย่าคิดว่าฉันจะทำอะไรแกไม่ได้ ฉันสามารถสะกดแกได้ง่ายๆ!”
  “จริงเหรอ?ทำไมไม่ลองดูละ?”จักรพรรดินีสมุทรแค่นเสียง”ด้วยความเข้าใจแบบตื้นเขินของแกต่อพลังแห่งกฏงั้นเหรอ?มาดูกันว่าใครจะเหนือกว่า การฝึกกับแกก็เป็นอีกทางให้ฉันเข้าใจกฏ แกคือคู่ต่อสู้ที่หาได้ยาก ฉันแทบจะไม่สามารถฆ่าแกได้!’
  “ไสหัวไป!”
  ซูผิงคำราม และพุ่งใส่เธอพร้อมดาบในมือ
  อวกาศรอบเขาพลันบิดเบี้ยว ดาบน้ำแข็งแหลมนับร้อยซึ่งทำจากกฏล้อมซูผิงพร้อมกัน
  สีหน้าของซูผิงเปลี่ยนไป เนื่องจากความเข้าใจของจักรพรรดินีสมุทรนั้นลึกซึ้ง มันไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็ใกล้เคียง!
  พลังงานของเธอยังมากกว่าเขา!
  เหนือสิ่งอื่นใด มีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างพวกเขา
  ซูผิงกัดฟันและอัญเชิญโครงกระดูกน้อย ตอนพลังงานรุนแรงเกาะติดกับเขา เขาก็สะบัดดาบ ซึ่งดูเหมือนสายฟ้าฟาดสีดำ
  หลังเกิดเสียงดังสนั่น ดาบน้ำแข็งรอบเขาก็โดนกำจัด
  วินาทีต่อมา ซูผิงเห็นสภาพแวดล้อมรอบจักรพรรดินีสมุทรที่เปลี่ยนเป็นโลกหิมะ พื้น อากาศ กับมิติ ทุกอย่างควบแน่น!
  อาณาเขตควบแน่นเป็นเหมือนช่องน้ำแข็งขนาดมหึมาที่เข้าหาซูผิง ผู้กำลังจะโดนกลืนกินด้วยกฏ
  แน่นอน ซูผิงไม่ยอมให้เธอทำแบบนั้น เขาฟื้นพลังบางส่วน และเขาก็สามารถโจมตีสองครั้งได้ด้วยดาบ
  เขารู้สึกหมดแรงหลังทำลายการโจมตีของจักรพรรดินีสมุทรด้วยการโจมตีเดียว เขาสามารถโจมตีได้อีกครั้งเท่านั้น!
  เขาต้องทำให้เธอเปิดเผยจุดอ่อนของเธอด้วยการโจมตี!
  “อ้ากก..”ซูผิงคำรามและชกหมัด พลังดวงดาวทั้งหมดในตัวของเขาลุกไหม้ และกระแสพลังในเซลล์ก็หมุนเหมือนกังหันลม พลังงานรุนแรงถูกฝังในหมัดเขา ซึ่งปลดปล่อยพลังเจิดจ้า
  “หือ?”
  จักรพรรดินีสมุทรแปลกใจเล็กน้อยกับพลังหมัด ซึ่งไม่มีพลังของกฏแต่เกือบจะสามารถขัดขวางอาณาเขตของเธอได้
  นั่นคือความแข็งแกร่งที่สามารถทำลายกลอุบายทั้งหมดได้!
  “หยุด!’จักรพรรดินีสมุทรพูดเสียงเบา
  ความเย็นในอาณาเขตเคลื่อนไปหาหมัด พยายามแช่แข็งหมัด!
  ดวงตาของซูผิงระเบิดความโหดเหี้ยมออกมา จิตสังหารของเขากวาดออกไป เขาพุ่งประชิดตัวจักรพรรดินีสมุทรด้วยเทคนิคการเคลื่อนไหวพิสดาร
  ตาย!
  ซูผิงคำราม
  “หึ!’
  แต่ทว่า จักรพรรดินีสมุทรกลับลืมตากว้าง ราวกับเธอเตรียมรับการโจมตีไว้แล้ว โซ่น้ำแข็งปรากฏตรงหน้าเธอ หลอมรวมกันเป็นโล่
  คลื่นดาบดำตัดผ่านโล่และระเหยไปครึ่ง ความร้อนกับแสงจากการเสียดสีแผ่ออกไป
  แต่คลื่นดาบก็หมดฤทธิ์!
  พอเห็นว่าพลังงานของซูผิงหมด จักรพรรดินีสมุทรก็รู้ว่าเขาหมดแรงแล้ว นั่นคือโอกาส”ตาย!”
  เธอวิ่งไปข้างหน้า
  แต่ทว่า โลกพลันไหววูบตรงหน้าเธอ จากนั้นซูผิงก็หายไป เขาถูกแทนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
  “หือ?”
  จักรพรรดินีสมุทรตื่นตัว จากนั้นเธอก็ตระหนักว่ามันไม่ใช่ซูผิง แต่เป็นเธอที่ถูกเคลื่อนย้าย
  คนตรงหน้าเธอล้วนเป็นมนุษย์
  พวกเขาย้ายฉันมาเพื่อให้ซูผิงหนีได้?
  ขณะอยู่ระหว่างการต่อสู้ จักรพรรดินีสมุทรไม่มีเวลาขึ้น เธอสะบัดกรงเล็บอย่างไร้ความปราณี
  ความหนาวเย็นกระจายออกไป มนุษย์ทุกคนจะถูกแช่แข็ง!
  แต่ทว่า น้ำแข็งกลับหายไปวินาทีที่มันก่อตัว ราวกับมันไม่เคยถูกสร้าง
  จักรพรรดินีสมุทรตกตะลึง จากนั้นความรู้สึกน่าสะพรึงกลัวแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาเกิดก็เกาะกุมหัวใจเธอ
  ถ้าพวกเขาอยากช่วยซูผิง ทำไมถึงไม่ย้ายเขาหนีไป?ทำไมถึงย้ายเธอ
  เธอตรวจพบว่ามนุษย์รอบข้างไม่เป็นอันตรายเลย เธอจึงไม่เคยคิดมาก แต่ทว่า ความแปลกประหลาดของสถานการณ์ก็ทำให้เธอรู้ตัวว่ามันคือกับดัก!
  ถอย!
  เธออยากถอย แต่มีบางอย่างดังก้องในหัวเธอ
  จักรพรรดินีสมุทรรู้สึกเหมือนวิญญาณ ความมุ่งมั่นกับพลังงานของเธอสลายหายไปหมด หูของเธอดังก้อง และเธอก็แทบไม่เป็นตัวของตัวเองอีก
  พลังกฏของเธอกระจัดกระจายไปด้วย เธอไม่สามารถใช้มันได้!
  ในอีกด้าน การแจ้งเตือนดังในหัวของซูผิง”ตรวจพบสิ่งมีชีวิตที่พยายามก่อวินาศกรรมร้านค้า นายอยากปราบปรามเธอหรือฆ่าเธอ?”
  “ปราบปราม!”
  เขามองเหลียวหลังและเห็นว่าหนึ่งในขาของจักรพรรดินีสมุทรก้าวเข้าร้าน มือของเธอยังเข้าร้านและพลังงานที่ปลดปล่อยโดยนิ้วของเธอก็ห่อหุ้มร้าน
  บูม!
  วินาทีที่ซูผิงพูดคำว่า’ปราบปราม’ในหัว จักรพรรดินีสมุทรก็สั่นสะท้านและคุกเข่าอย่างแรงนอกร้าน
  ฉากนี้ทำให้ทุกคนเงียบ
  จักรพรรดินีสมุทรที่ครอบงำทุกคนก่อนหน้ากำลังคุกเข่า!
  มนุษย์ตรงหน้าเธอ ทั้งหมดเกือบจะหมดสติไปก่อนหน้ากลับมองเธอคุกเข่าและรู้สึกเหมือนกำลังจะเป็นบ้า
  เกิดอะไรขึ้น?!
  บนท้องฟ้า จี้หยวนเฟิงกับตำนานคนอื่นมึนงง
  มันน่าตกใจยิ่งกว่าการฆ่าเธอซะอีก!
  ใกล้ๆ นักรบอสูรในตำนานที่ร่วมมือกับจี้หยวนเฟิงในแผนนี้ต่างก็ประหลาดใจพอกันและไม่คิดว่าการโต้กลับจะเป็นแบบนี้
  “ฝะ-ฝ่าบาท”
  ลูกตาของราชาอสูรสภาวะชะตากรรมแทบถลนออกมา
  จักรพรรดินีที่น่านับถือสุดกำลังคุกเข่าต่อหน้ามนุษย์!
  “เป็นไปได้ยังไงกัน?”
  ท่าทีเฉยเมยหายไปจากใบหน้างดงามของเธออย่างสมบูรณ์ ดวงตาของเธอเบิกกว้างอย่างเหลือเชื่อ
  เธอสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลที่เธอไม่อาจต้านทานได้บนตัว!
  พลังแห่งกฏรวมถึงพลังงานภายในตัวเธอโดนสะกด พวกมันไม่สามารถปลดปล่อยออกมาได้แม้แต่น้อย!
  “จงคุกเข่าและไตร่ตรองพฤติกรรมของแก!’ซูผิงพูดอย่างเย็นชาขณะบินกลับร้าน ก้มมองจักรพรรดินี ราวกับเขาคือเทพเจ้า
  จักรพรรดินีกัดฟัน ความอัปยศทำให้หัวเธอแทบระเบิด เธอกำลังจะอาละวาด
  เธอเรียกพลังทั้งหมดและพยายามยกหัว แต่ทว่า สิ่งที่น่ากลัวคือไม่ว่าเธอจะระดมพลังแค่ไหน พลังที่สะกดเธอก็ไม่ได้รับผลกระทบเลย!
  มันเหมือนภูเขาบนหลังเธอ เธอไม่สามารถสลัดมันออก!
  นี่มันอะไรกัน?
  จักรพรรดินีอดกรีดร้องไม่ได้ ซึ่งเป็นเสียงที่ทำลายหู แต่เสียงกรีดร้องของเธอถูกปิดกั้นขณะที่เปล่งเสียง
  ‘ฮึ่ม!”
  เสียงไม่พอใจดังขึ้นจากที่ไหนสักแห่ง
  เสียงพ่นลมหายใจนั้นแผ่วเบา เต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม ราวกับว่ามาจากจักรพรรดิสวรรค์ที่ก้มมองดาวจากหมู่เมฆ
  มีแค่จักรพรรดินีถึงได้ยินเสียงนั้น ทันใดนั้น หัวของเธอก็ขาวโพลน หัวใจของเธอเต็มไปด้วยหวาดหวั่น อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนมันน่ากลัวยิ่งกว่าเจ้าแห่งถ้ำลึก
  ในสายตาคนอื่น สิ่งมีชีวิตเพศหญิงนี้ตัวแข็งราวกับโดนฟ้าผ่า ดวงตาของเธอเสียแวว ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยความกลัว น้ำลายไหลออกจากริมฝีปาก และที่น่าตกใจสุดคือมีของเหลวไหลออกจากต้นขาเธอ
  จักรพรรดินีฉี่ราด!
  นักรบอสูรในตำนานหลายคนที่เห็นฉากนี้ตกใจ
  เกิดอะไรขึ้นกับเธอ?มันดูเหมือนเธอจะเพิ่งเห็นอะไรที่น่ากลัวเข้า!
  ทุกคนไม่สามารถสู้กับความอยากที่จะมองซูผิง กระตือรือร้นว่าทำไมสิ่งนี้ถึงเกิด
  มันน่าเหลือเชื่อที่จักรพรรดินีผู้ปกครองท้องทะเลมานับพันปีจะฉี่ราดเพราะความกลัว!
  ซูผิงเองก็เห็นและประหลาดใจเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าระบบจัดการกับเธอยังไงมันฉายอาณาจักรโกลาหลแห่งอันเดทให้เธอเหรอ?
  มันเป็นปฏิกิริยาตามธรรมชาติถ้าเป็นอย่างนั้น เธอคงเป็นอัมพาตด้วยความกลัวจากทิวทัศน์ของโลกนั้น!
  โฮก!โฮก!
  “ปล่อยฝ่าบาทซะ!’
  อสูรสภาวะชะตากรรมโกรธจัด พวกมันไม่สามารถทนเห็นจักรพรรดินีในสภาพนี้ได้ แค่การคุกเข่าพวกมันก็ทนเห็นไม่ได้แล้ว นับประสาอะไรกับสิ่งนี้!
  ความอัปยศต้องล้างด้วยเลือดเท่านั้น!
  อสูรทะเลสภาวะชะตากรรมทั้งหมดคำราม มนุษย์ที่ไปร้านซูผิงกลัวมากจนวิ่งหลบหลัง ไม่มีห้องให้พวกเขาด้านในที่พักพิง พวกเขาจึงทำได้แค่เข้าใกล้มันสุด
  จี้หยวนเฟิงกับคนอื่นก้าวออกไปพอได้ยินเสียงคำราม
  “จักรพรรดินีของพวกแกยอมจำนนแล้ว พวกแกยังอยากต่อต้าน?”จี้หยวนเฟิงคำราม
  “ตอแหล!”
  อสูรสภาวะชะตากรรมโกรธ จักรพรรดินีพวกมันจะยอมจำนนได้ไง?
  ซูผิงหน้าซีด เขาอ่อนแอมากในตอนนี้
  เขารีบดูดพลังดวงดาวรอบตัวและฟื้นพลังกาย เขายกเลิกการผสานกับโครงกระดูกน้อย และขอให้มันช่วย
  เขาไม่เรียกมังกรเพลิงนรก ความสามารถของมันยังไม่ถึงขั้นชะตากรรมดี ถึงแม้มันจะกลืนผลึกมังกรม่วงเขาไปก็ตาม
  “ถ้าแกไม่ยอมจำนน ฉันจะฆ่าเธอ!”
  ซูผิงวางดาบบนคอของจักรพรรดินีที่ยังคุกเข่า ก่อนประกาศต่อหน้าอสูรทะเลสภาวะชะตากรรม
  ถึงแม้เขาจะอ่อนแอ แต่พลังที่เขาแสดงก่อนหน้าก็ทำให้พวกมันยำเกรง นอกจากนี้ ซูผิงยังวางดาบบนคอของจักรพรรดินี แต่เธอไม่แสดงอาการต่อต้าน เช่นนั้น อสูรทั้งหมดจึงหยุดแม้จะโกรธ
  จี้หยวนเฟิงกับคนอื่นที่กัดฟันเตรียมสู้โล่งใจ
  พวกเขาต้องแพ้แน่ เหนือสิ่งอื่นใด มีอสูรสภาวะชะตากรรมเป็นสิบ และมีแค่จี้หยวนเฟิงกับรองหัวหน้าที่อยู่ในสภาวะชะตากรรม
  สำหรับกู่ซือผิง ไม่มีใครเห็นเขา และเขาก็อาจตายไปแล้ว
  จี้หยวนเฟิงสังเกตเห็นว่ากู่ซือผิงโดนเจ้าแห่งถ้ำลึกจับระหว่างหนี เขาไร้ความหวัง
  อีกด้าน ราชาสวรรค์ดีชั่วออกคำสั่ง”ฮึ่ม ถ้าพวกแกไม่ไป เราไป!’มันมองว่านี่เป็นโอกาสล้างแค้น
  ราชาสวรรค์ต่างโลกกับเจ็ดบาปกระตือรือร้นที่จะลอง ราชาอสูรตัวอื่นจากถ้ำลึกเองก็บุกเข้าไป เตรียมโจมตี
  ซูผิงพูดเสียงเย็น”หยุดพวกมันถ้าพวกแกไม่อยากให้จักรพรรดินีของพวกแกตาย!”
  เขาพูดถึงราชาอสูรสภาวะชะตากรรมจากท้องทะเล
  ราชาอสูรสภาวะชะตากรรมทั้งหมดหน้าเปลี่ยนสี
  ราชาอสูรทะเลสภาวะชะตากรรมโกรธมากจนแทบพ่นไฟออกมา
  ในทางกลับกัน ราชาอสูรของถ้ำลึกกลับมองพวกมันอย่างระมัดระวัง กลัวว่าพวกมันจะเปลี่ยนข้าง!
  พอสังเกตเห็นแบบนี้ ซู ผิงก็รีบคำราม”ไสหัวออกไปจากที่นี่ให้หมด!พวกแกแค่เศษสวะถ้าไม่มีจักรพรรดิสมุทร พวกแกอยากให้ฉันฆ่าพวกแกทีละตัวหรือไง?”
  มนุษย์ที่มาหาการคุ้มครองในร้านตกใจกับเสียงคำรามของเขา เขาพูดอย่างมั่นใจต่อหน้าสัตว์ประหลาดน่ากลัวพวกนี้ เขาคือเทพหรือไง?
  ราชาอสูรสภาวะชะตากรรมหน้าดำ พวกมันทั้งตกใจและโกรธ
  ทั้งหมดสามารถบอกได้ว่าซูผิงไม่แข็งแกร่งเหมือนเดิม แต่พวกเขาก็จำฝีมือเขาได้
  ซูผิงมีความสามารถฆ่าพวกมัน และไม่มีใครรู้ว่าซูผิงเหลือพลังมากแค่ไหน
  ราชาอสูรสภาวะชะตากรรมไม่อยากท้าทายซูผิงที่จับจักรพรรดินีไว้เป็นตัวประกัน มันจึงเสนอ”เร็ว รีบไปแจ้งเจ้าแห่งถ้ำลึก”
  ราชาอสูรสภาวะชะตากรรมตัวอื่นตระหนักว่าพวกมันไม่ต้องเสียเวลากับซูผิงอีกและสามารถทิ้งเขาไว้ให้เจ้าแห่งถ้ำลึกได้
  “ไปกัน และพิชิตสถานที่อื่นก่อน”
  “เหยียบย่ำพวกมัน!”
  ไม่ช้า ราชาอสูรที่กระหายเลือดของถ้ำลึกก็เลือกไปเล่นที่อื่น
  ราชาสวรรค์ดีชั่วไม่พอใจ มันหันไปมองซูผิง แต่พอเห็นราชาอสูรสภาวะชะตากรรมตัวอื่นถอยหมด มันจึงเปลี่ยนสีหน้าและนึกถึงดาบของซูผิง
  “ไปกัน”
  มันไม่กล้าอยู่อีกพอไม่เหลือพรรคพวก
  ฟู่!
  ทุกคนถอนหายใจโล่งอก
  ทั้งหมดมองซูผิงด้วยความชื่นชมและเคารพ
  ซูผิงสังเกตเห็นสายตาพวกเขา แต่หัวใจของเขาขมขื่น เขาไม่รู้สึกภูมิใจและไม่รู้สึกพอใจ ถ้าเจ้าแห่งถ้ำลึกไม่โดนจัดการ มันจะไปพอใจกับความสงบสุขชั่วคราวได้ไง?
  “คุณมีวิธีติดต่อเจ้าหอคอยรุ่นแรกไหม?”
  ซูผิงยกมือ จากนั้นก็เรียกพวกจี้หยวนเฟิงมา
  หลังตกใจสักพัก จี้หยวนเฟิงก็ส่ายหัว”คุณอยากขอให้เขาช่วย?ผมไม่มีทางติดต่อเขาเลย ผมคิดว่าเขาตายไปตั้งนานแล้วด้วยซ้ำ ศิษย์ของเขาอาจปเนคนเดียวที่สามารถเข้าถึงเขาได้’
  “คุณหมายถึงกู่ซือผิง?”เย่อู่ซิวถาม
  จี้หยวนเฟิงพยักหน้า
  นักรบอสูรในตำนานข้างหยวนเทียนเฉินพูด”ตอนเราหนี….ฉันเห็นว่า..คุณกู่โดนกินไปแล้ว”
  สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปหลังได้ยินข่าว
  มีแค่เจ้าแห่งถ้ำลึกถึงกินเขาได้ ไม่มีอสูรสภาวะชะตากรรมตัวใดที่มีพลังพอจะจัดการเขา
  ซูผิงอดถอนหายใจไม่ได้ พอเห็นว่าพวกเขาไม่มีทางออก แต่เขาเตรียมการไว้แล้ว”ในกรณีนั้น เราจะหาโอกาส เจ้าแห่งถ้ำลึกจะต้องปลดผนึกและปลดปล่อยพลังดวงดาวของดาวเคราะห์ที่โดนผนึกมานับพันปี”
  “ตอนเวลานั้นมาถึง เนี่ยฮั่วเฟิงจะต้องออกมาแย่งแน่ ถ้าเขาทำ ผมก็หวังว่าเราจะร่วมมือกกับเขาเพื่อผนึกเจ้าแห่งถ้ำลึกได้ไหม”
  ซูผิงกำลังจะพูด’จับ’ แต่เขาพูดว่า’ผนึก’แทน มันง่ายกว่าที่พวกเขาจะเข้าใจ
  มันคงน่ากลัวเกินไปถ้าเขาเสนอให้จับเจ้าแห่งถ้ำลึก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว