ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว นิยาย บท 731

ตอนที่ 731 คู่มือการเร่งความเร็วขั้นกลาง
  หลังจากที่ซูผิงยอมรับคำขอแล้วมีอาก็นึกถึงบางสิ่ง และมองซูผิงอย่างมีความหวัง
  “เจ้าของร้าน คุณฝึกอสูรตระกูลปีศาจได้ไหม?”
  ”แน่นอน” ซูผิงพยักหน้า
  ผู้ฝึกสอนปกติสามารถฝึกอสูรได้เฉพาะบางตระกูล แต่เขามีสนามบ่มเพาะเพียงพอสำหรับอสูรของตระกูลใด ๆ ก็ได้ เขาได้เจออสูรจำนวนมากที่สูญพันธุ์ไปแล้วตามบันทึกของสหพันธ์
  “จริงเหรอ?”
  มีอาดีใจ ความสงสัยในตัวซูผิงจางหายไปแล้ว วังวนถูกเปิดออกทันที และอสูรรูปร่างเหมือนมนุษย์ก็เดินออกมา กลิ่นอายอันเดธลึกซึ้งแพร่กระจายออกมา
  ในไม่ช้าอสูรก็ถูกยับยั้ง มันมีหัวเป็นแพะน่าเกลียด นอกจากนั้นลำตัวและครึ่งล่างของมันคล้ายกับของมนุษย์ ยกเว้นแต่มันมีหางสีน้ำตาลซึ่งดูเหมือนมังกร
  “ปีศาจฝันร้ายแห่งความโลภ?”
  ซูผิงเลิกคิ้วนิดหน่อยเมื่อเห็นอสูร เขารู้ว่ามันเป็นอสูรปีศาจหายาก อาจแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเจอสักตัวบนดาวเคราะห์สีน้ำเงิน
  อสูรตัวนี้มีสายเลือดของระดับดวงดาวคล้ายกับของจักรพรรดินีสมุทร อย่างไรก็ตามมันอยู่แค่สภาวะว่างเปล่าขั้นกลาง มันขึ้นอยู่กับการฝึกฝนเพื่อหาโอกาสที่จะปลดปล่อยศักยภาพทางสายเลือดของมัน
  เมื่อสังเกตเห็นว่าซูผิงระบุสิ่งมีชีวิตได้อย่างถูกต้อง มีอาก็ทิ้งความสงสัยของเธอออกไปจนหมด และถามอย่างมีความหวังว่า “เจ้าของร้าน มันสามารถฝึกได้ไหม?”
  ท่าทางของเลย์นเปลี่ยนแปลงชัดเจนใน เขาอดแทรกไม่ได้ “มีอา การสอบประจำเดือนของสถาบันจะจัดขึ้นเร็วๆ นี้ ปีศาจฝันร้ายแห่งความโลภเป็นอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดของเธอ เจ้าของร้านนี้จะไม่มีทางชดเชยให้เธอได้เลยถ้ามันบาดเจ็บระหว่างการฝึก! มันจะส่งผลต่อประสิทธิภาพของเธอในการสอบรายเดือน!”
  มีอาไม่ได้มองเลย์น ในดวงตาของเธอมีความกังวล แต่ในไม่ช้าความกังวลก็ถูกแทนที่ด้วยความมุ่งมั่น เนื่องจากเธอได้ตัดสินใจแล้ว เธอจะต้องคำนึงถึงความเป็นไปได้ทั้งหมดมาแล้วอย่างแน่นอน
  อย่างไรก็ตาม จากความประทับใจของเธอที่มีต่อซูผิงและการสังเกตของเธอ เธอยินดีที่จะเสี่ยง!
  เรื่องการสอบประจำเดือน หากอสูรที่ซูผิงฝึกแข็งแกร่งขึ้นพอๆ กับเจ้าขาวน้อย ไม่เพียงแต่เธอจะสอบผ่านอย่างแน่นอน แต่เธออาจจะสามารถผ่านเข้ารอบห้าอันดับแรก หรือสามอันดับแรกได้ด้วยซ้ำ!
  มีอาจ้องที่ซูผิงและถามอย่างประหม่า “เจ้าของร้านการฝึกฝนของแพะน้อยจะสั้นเท่ากับการฝึกของเจ้าขาวน้อยหรือไม่?”
  แพะน้อย? ซูผิงพูดไม่ออก เป็นความจริงที่ผู้หญิงมักจะเลือกตั้งชื่อแปลก ๆ ให้กับอสูรของพวกเธอ เช่น ที่น้องสาวของเขาตั้งชื่ออสูรของเธอ ซึ่งมีสีดำเหมือนถ่าน ว่า “บอลหิมะ” …เขาเพ่งความสนใจและพยักหน้า “ไม่แน่ มันอาจจะใช้เวลาครึ่งวันถึงหนึ่งวัน”
  มีอารู้สึกโล่งใจ “ฉันมีอสูรตัวอื่นๆ ด้วย นานแค่ไหนกว่าคุณจะฝึกพวกมันทั้งหมดเสร็จ?”
  ซูผิงจำภารกิจของระบบได้ในทันทีและยิ้มออกมา เขากล่าวว่า “พรุ่งนี้คุณสามารถมารับพวกมันได้ ถ้าไม่เกินยี่สิบตัว”
  ขณะที่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง มีอาอดไม่ได้ที่จะถาม “แล้ว…ผลของการฝึก…”
  “ก็เหมือนกันหมด” ซูผิงตอบอย่างสบายๆ
  มีอาจ้องเขาครู่หนึ่งและพยักหน้าก่อนที่เธอพูดว่า “ไม่มีปัญหา พรุ่งนี้ฉันจะมารับ”
  เธอเปิดวังวนอีกสองสามครั้งขณะที่พูด
  เกือบทั้งหมดเป็นอสูรสภาวะว่างเปล่า รวมถึงมังกรดวงดาวเลือดเหมันต์และปีศาจฝันร้ายแห่งความโลภ ห้าในนั้นมีสายเลือดระดับดวงดาว!
  เธอมีอสูรที่ค่อนข้างน่ากลัวหลายตัว
  แม้แต่เนี่ยฮั่วเฟิงก็ไม่มีอสูรที่ทรงพลังมากมายขนาดนี้!
  ซูผิงนับอสูรและบอกราคา “ค่าใช้จ่ายทั้งหมดอยู่ที่ 1.2 พันล้าน”
  มีอาหายใจเข้าลึกและจ่ายเงินให้เขา เธอใช้บัตรไม่จำกัดจำนวนเงินของตระกูลไลเยฟา
  ซูผิงได้ยินการแจ้งเตือนของระบบทันทีหลังจากเห็นว่ามีการโอนเงิน 1.2 พันล้าน และเปลี่ยนเป็นแต้มพลังงาน
  “ลูกค้าเป้าหมายใช้แต้มพลังงาน 10 ล้านแต้มในร้าน ภารกิจไม่ควรพลาดคำสั่งซื้อเสร็จสิ้นแล้ว!
  “ในห้านาทีโปรดเลือกรางวัล!”
  ซูผิงตื่นเต้นมาก เพราะเขาจำได้ว่ารางวัลนี้เป็นคู่มือการตรัสรู้ขั้นกลาง เขาถามมีอาว่า “มีอะไรให้ช่วยอีกไหมครับ?”
  เขากำลังบอกเป็นนัยว่าเธอควรออกไปได้แล้ว หากคำตอบคือไม่
  “เจ้าของร้านโปรดดูแลพวกมันด้วย…” มีอามองอสูรของเธออย่างห่วงหา
  เลย์นมีสีหน้าเคร่งขรึมในขณะที่เขามองซูผิงอย่างเย็นชา เขากะพริบตาขณะพิจารณาเรื่องอื่นๆ
  ”ไม่เป็นไร” ซูผิงพยักหน้าและขอให้โจแอนนาพาอสูรไปที่ห้องอสูรก่อน
  มีอาละสายตาของเธอหลังจากอสูรทั้งหมดถูกนำตัวไป แล้วเหลือบมองที่หลังของโจแอนนา เธอถามซูผิงว่า “เจ้าของร้าน เธอเป็นพนักงานของคุณจริงๆ เหรอ?”
  ”แน่นอน เราทำสัญญากัน” ซูผิงตอบอย่างไม่ต้องคิด
  มีอาพูดไม่ออกครู่หนึ่ง เธอเหลือบมองไปที่ห้องอสูรอีกครั้ง แต่โจแอนนาไม่สนใจที่จะหันกลับมามอง และเพียงแค่ปิดประตู
  มีอาค่อนข้างแปลกใจที่ร้านค้าได้รับการปกป้องอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรู้ว่าเธอตรวจสอบสิ่งที่อยู่ภายในห้องอสูรไม่ได้ แม้แต่ประตูดังกล่าวก็ได้รับการติดตั้งเกราะป้องกัน
  เธอเหลือบมองซูผิง แล้วพูดหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “เจ้าของร้าน ฉันฝากลูกๆของฉัน… ไว้กับคุณด้วยนะ”
  ลูกของฉัน? ซูผิงตอบด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร “ไม่มีปัญหา ผมจะดูแลพวกมันอย่างดี”
  มีอาพบว่ารอยยิ้มของซูผิงค่อนข้างแปลก แต่เธอก็ไม่รู้ว่ามันแปลกตรงไหน เธอพูดได้เพียงว่า “ฉันไปล่ะ”
  ”โอเค ”
  มีอาหันกลับมามองบ่อยๆ ขณะออกจากร้าน แต่ในที่สุดเธอก็จากไป
  เลย์นจ้องไปที่ซูผิงแต่ไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่เดินตามหลังเธอ
  หลังจากที่พวกเขาจากไป ซูผิงก็มาที่มุมหนึ่งของร้าน เรียกระบบและเริ่มเสี่ยงโชค
  ”หยุด!”
  เขาค่อนข้างตื่นเต้นเมื่อมองไปที่วงล้อที่ยังคงหมุนอยู่ ซูผิงตื่นเต้น รายการทั้งหมดบนวงล้อเป็นคู่มือการตรัสรู้ขั้นกลาง ได้อันไหนฉันก็ชอบหมด!
  หลังจากนั้นไม่นาน วงล้อก็หยุด และซูผิงเงยหน้าขึ้น เพียงพบว่าตัวชี้หยุดที่คู่มือการเร่งขั้นกลาง
  เสียงของระบบดังก้อง “ยินดีด้วย เจ้าของได้รับคู่มือการเร่งขั้นกลาง”
  ซูผิงเห็นคู่มือลอยออกมา จากนั้นมันก็ตกลงไปในพื้นที่เก็บของของเขา
  ซูผิงค่อนข้างอยากรู้ คู่มือการเร่ง? ผลที่ได้จะเป็นยังไง?
  เขาใช้มันอย่างไม่ลังเล
  ในไม่ช้าคู่มือก็จางหายไปจากพื้นที่เก็บของของเขาและหายไปอย่างสมบูรณ์ ข้อมูลจำนวนมหาศาลก็ไหลเข้ามาในหัวของเขา ความรู้มีนับไม่ถ้วนและให้ความรู้สึกเหมือนกลุ่มดาวที่มีความรู้มากมาย
  ซูผิงจดจ่อกับพวกมัน
  ไม่นานหลังจากนั้น ในที่สุดเขาก็ลืมตาขึ้น หลังจากนั้น ความสามารถแปลก ๆ ก็เปล่งประกายออกมาจากดวงตาของเขา
  “คู่มือการตรัสรู้นี้ดีมาก!”
  ซูผิงตกใจและดีใจ เขาไม่คิดว่าเขาจะโชคดีขนาดได้รับคู่มือตรัสรู้ที่ทรงพลังขนาดนี้!
  ”การเร่ง!”
  หวืด!
  ซูผิงพุ่งไปข้างหน้า จากนั้นโลกตรงหน้าเขาก็ช้าลง เขาปรากฏตัวห่างออกไปสิบเมตรในเวลาต่อมา เขาสังเกตเห็นว่าฝุ่นในอากาศเคลื่อนตัวออกจากจุดเดิมไปแค่ 0.00001 มิลลิเมตร สถานที่นั้นเกือบจะนิ่งเหมือนเดิม!
  ถังยู่หรานและจงหลิงถงที่เดินเข้ามาใกล้ตัวแข็งทื่อเมื่อสังเกตเห็นเขา เท้าของพวกเธอยังไม่ทันแตะพื้นจนกระทั่งซูผิงหยุดขยับ ทั้งคู่ตกตะลึง ไม่คิดว่าจู่ๆเขาจะปรากฏตัว
  ”สุดยอด!”
  ซูผิงค่อนข้างตื่นเต้น เขายังไม่เข้าใจคู่มือนี้อย่างเต็มที่ แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นทักษะที่ทรงพลังอย่างมาก!
  ทักษะดังกล่าวจะช่วยให้เขาเร่งร่างกายได้เร็วขึ้นมาก!
  เวลาจะไหลแตกต่างสำหรับเขาในสภาวะเร่งความเร็ว
  เวลาอะไร?
  บางคนอ้างว่าเป็นความเร็วและการเคลื่อนที่ของวัตถุ ในทางเทคนิคแล้วเวลาจะไม่มีอยู่จริงเมื่อวัตถุอยู่นิ่งสนิท
  ซูผิงเพิ่งเข้าไปในมิติการเร่งของเวลาเนื่องจากความเร็วสูง แม้ว่าเขาจะสามารถใช้การเคลื่อนย้ายตามปกติเพื่อให้ปรากฏห่างออกไปสิบเมตร แต่ก็เป็นสถานการณ์ที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง!
  ถ้าเขาใช้ทั้งทักษะเคลื่อนย้ายและการเร่งความเร็วในการต่อสู้ มันแทบจะทำให้เขาสามารถหายตัวไปสามที่ สี่ที่ หรือมากกว่านั้นในช่วงเวลาเดียวกัน!
  ทักษะนี้เหมาะสำหรับการซุ่มโจมตีและลอบสังหาร!
  เขารู้สึกว่าเขาสัมผัสได้ถึงกฏของเวลา บางทีฉันอาจจะเข้าใจความลึกลับของเวลาได้ถ้าฉันฝึกมันบ่อยขึ้น… ซูผิงคิด และตื่นเต้นกับโอกาส เวลาเป็นหนึ่งในปริศนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เขาอาจจะสามารถนำคนตายกลับมาและมีชีวิตนิรันดร์ได้ ถ้าเขาเชี่ยวชาญกฎแห่งเวลา!
  แม้แต่เจ้าดวงดาวก็อาจไม่มีความสามารถแบบนั้น มันไม่ยากที่จะจินตนาการถึงกฎแห่งเวลา!
  ถังยู่หรานเข้าหาซูผิงขณะที่มองเขาด้วยความสงสัย เธอรู้สึกว่าเขาเพิ่งใช้ก้าวพริบตา” ทำไมนายถึงมาวิ่งอยู่ในร้านล่ะ?”
  ซูผิงทำได้เพียงรู้สึกยินดี ขณะที่มองไปที่จงหลิงถงที่อยู่ข้างหลังเธอ เขาหัวเราะและพูดว่า “เราเพิ่งย้ายมายังดาวดวงใหม่ชื่อรีอา ฉันจะให้เงินเธอภายหลัง เธอควรลงทะเบียนเรียนภาษาโดยเร็วที่สุดเพื่อเรียนรู้ภาษาทั่วไป ด้วยวิธีนี้เธอจะสามารถสื่อสารกับคนอื่นได้ในไม่ช้า”
  ”ค่ะ” จงหลิงถงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
  ถังยู่หรานกลอกตาและพูดว่า “เมื่อกี้ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะเยาะฉันเหรอ? ฉันไม่รู้ว่าเธอพูดอะไร แต่ฉันเห็นมันในสายตาของเธอ ฮึ ฉันจะกลับไปเอาคืยเธออย่างแน่นอนเมื่อฉันเรียนรู้ภาษาทั่วไป!”
  “เธอจะทำอย่างนั้นได้ยังไง?” ซูผิงเหลือบมองเธอ “ด้วยปากของหรือด้วยทักษะ?”
  ถังยู่หรานสำลักแปปหนึ่ง จากนั้นเธอก็พูดอย่างเศร้าโศกว่า “เพื่อให้พูดแบบผู้ชนะได้หลังฉันเอาชนะเธอต่างหาก!”
  ซูผิงไม่รู้จะพูดอะไร “เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะเอาชนะผู้หญิงคนนั้นไปตลอดชีวิตถ้าเธอไม่พยายามมากกว่านี้ นี่คือสหพันธ์ สถานที่ที่เต็มไปด้วยอัจฉริยะ เธออาจเป็นคนเก่งบนดาวเคราะห์สีน้ำเงิน แต่ทุกคนที่เธอเจอที่นี่สามารถสอนบทเรียนให้เธอได้ เธอควรเก็บรายละเอียดและฝึกให้หนักขึ้น อย่าแพ้แปดครั้งในห้านาทีอีก มันทำให้ฉันอาย!”
  คำตอบของเขาทำให้ถังยู่หรานตะลึง และทำได้เพียงจ้องไปที่เขา “นายรู้ได้อย่างไรว่าฉันแพ้แปดครั้งในห้านาที? อ่า เข้าใจแล้ว ผู้หญิงคนนั้นคงบอกนายแบบนั้น ทุเรศ… ฉันรู้ว่าเธอจะต้องพูดถึงฉันไม่ดี!”
  “ผู้หญิงคนนั้นแค่บอกข้อเท็จจริง หรือเธอกำลังพยายามที่จะปฏิเสธมัน?
  ”นาย…”
  “ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปฉันจะเรียกเธอว่าแปดห้า ฉันจะหยุดเรียกจนกว่าเธอจะเอาชนะผู้หญิงคนเมื่อกี้และพิสูจน์ตัวเอง” ซูผิงพูด
  ถังยู่หราน: “…”
  จงหลิงถงมองเธออย่างเห็นอกเห็นใจพอได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่ ไม่เพียงเธอจะเจ็บใจ เธอยังเสียชื่อด้วย น่าสงสาร..แต่ในทางกลับกัน ชื่อแปดห้าก็ไม่เลวเลย
  เธอท่องชื่อซ้ำแล้วซ้ำเล่าในใจหลังจากได้ข้อสรุปนั้น
  ซูผิงไม่ได้พูดคุยกับพวกเธออีก เขาตัดสินใจที่จะออกไปข้างนอกและสำรวจเพื่อนบ้านใหม่ของเขา
  เขามีความรู้สึกที่หลากหลาย ดาวเคราะห์สหพันธ์ดวงนี้แตกต่างอย่างแท้จริง เขาเห็นว่าท้องถนนแน่นไปด้วยรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ลอยได้แบบแม่เหล็กอยู่ทุกหนทุกแห่ง เขาเงยหน้าขึ้นมอง มีถนนสีฟ้าสดใสและโปร่งแสงหลายสายที่เชื่อมกันบนท้องฟ้า ในขณะที่รถหลายคันบินไปยังจุดหมายปลายทางที่แตกต่างกัน
  อาคารใกล้เคียงทั้งหมดมีหมวกแหลม รูปแบบสถาปัตยกรรมของพวกเขาเป็นแบบสไตล์ยุโรปตอนที่ 732 สถาบันราชวงศ์อามิลล์
  ทั้งเมืองทำให้ซูผิงรู้สึกล้ำยุค ผู้คนสัญจรไปมาเป็นจำนวนมากพร้อมกับอสูรที่น่ารักของพวกเขา
  ซูผิงยังเห็นร้านค้าหลายแห่งฝั่งตรงข้ามถนน หนึ่งในนั้นคือร้านก๋วยเตี๋ยวธรรมดาที่มีกระดานเขียนด้วยภาษาของที่นี่เหนือประตู ร้านค้าอื่นๆ บางร้านก็น่าสนใจ รวมทั้งร้านเกราะอสูรและร้านประเมินอสูร
  ซูผิงค่อนข้างแปลกใจเพราะเขาไม่เคยเห็นร้านขายอสูรแบบนี้มาก่อน
  อสูรสามารถใส่อุปกรณ์ต่อสู้ได้ด้วยหรอ?
  ซูผิงไม่รีบเร่งฝึกอสูรของมีอา เขายังมีเวลาอีกมาก เขามองย้อนกลับไปและพูดกับถังยู่หรานว่า“แปดห้าอยู่ในร้าน ฉันจะไปเดินรอบ ๆ เพื่อดูว่าเธอสามารถเรียนรู้ภาษาทั่วไปได้ที่ไหน?”
  “หยุดเรียกฉันว่าแปดห้า!”ถังยู่หรานโกรธจัดและต่อต้านชื่อเล่นที่น่าอับอาย
  “เธอจะกลายเป็นแปดห้าในไม่ช้าถ้าเธอไม่พยายามให้หนักขึ้น พ่ายแพ้แปดครั้งในห้านาที จิ๊จิ๊ … ”ซูผิงหัวเราะเบา ๆ และทิ้งถังยู่หรานที่โกรธจัดไว้ข้างหลัง ขณะที่เขาเดินไปที่ร้านเกราะอสูร
  ขณะที่เขาเดินซูผิงมองไปรอบ ๆ และเห็นร้านขายอสูรอีกแห่งที่มีพื้นที่เพียงห้าร้อยตารางเมตร “มีร้านขายอสูรอีกแห่งบนถนนสายนี้ แต่ไม่ใหญ่เท่าของฉัน ดูเหมือนว่าระบบจะย้ายร้านของฉันมาที่ถนนธุรกิจ…”
  อย่างไรก็ตามร้านนั้นมีสามชั้น พื้นที่ส่วนรวมเมื่อพิจารณาแล้วค่อนข้างโดดเด่น
  ขณะนี้มีผู้ชายหลายสิบคนอยู่ในล็อบบี้ของร้านเกราะที่ซูผิงไป พนักงานต้อนรับข้างประตูเป็นผู้หญิงผิวขาว ผมสีม่วง หูแหลม เธอไม่ได้สวยเหมือนถังยู่หรานแต่สวยในแบบของเธอ ซูผิงได้เรียนรู้พื้นฐานของรีอาจากข้อมูลที่เขาได้รับจากการสแกนพื้นที่ก่อนหน้านี้ ซึ่งรวมถึงจำนวนประชากร ความหนาแน่นของพลังดวงดาว และประเพณีท้องถิ่น พนักงานต้อนรับผมสีม่วงเป็นคนในท้องถิ่นของรีอา สีผมของเธอเป็นธรรมชาติ ซูผิงพบว่าภายในร้านถูกจัดวางเหมือนแกลเลอรี่ขนาดใหญ่ มีกรอบและแผ่นลามิเนตแขวนอยู่บนผนังซึ่งบรรจุของชิ้นเล็กชิ้นน้อยและประณีต บางชิ้นดูเหมือนอาวุธ และบางชิ้นดูเหมือนก้อนหิน ซูผิงรู้สึกประหลาดใจกับสิ่งที่เขาเห็น เขามองไปรอบ ๆ อย่างสงสัย
  ในไม่ช้าพนักงานก็สังเกตเห็นซูผิง เธอเดินมาหาเขาและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ขอโทษค่ะ คุณกำลังมองหาอุปกรณ์อสูรชนิดไหนอยู่คะ? ฉันสามารถให้คำแนะนำบางอย่างแก่คุณได้” ซูผิงบังเอิญสังเกตเห็นเกล็ดเงินที่ฝังอยู่ในกรอบเหล่านั้น เขาถามว่า “นี่นับเป็นอุปกรณ์อสูรด้วยหรอ?”
  แม้จะตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่หญิงสาวก็ตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ใช่ค่ะ”
  “มันเป็นอสูรอะไร? แล้วมันใช้ยังไง?” ซูผิงถามด้วยความสงสัย ผู้หญิงคนนั้นตกตะลึงอีกครั้ง เนื่องจากมันเป็นคำถามพื้นๆ ด้วยความสับสนในดวงตาของเธอ เธอจึงมองเขาละเอียดขึ้นและสังเกตเห็นชุดที่เขาสวมใส่อยู่ ซึ่งแตกต่างจากแฟชั่นของรีอาอย่างสิ้นเชิง จากนั้นเธอก็ตระหนักว่าเขาน่าจะเป็นพวกบ้านนอกจากดาวห่างไกล แม้ว่าความคิดของเธอจะเริ่มไม่ดี แต่ใบหน้าของเธอไม่แสดงสีหน้าใดๆ เธอพูดต่อด้วยรอยยิ้มสบายๆ “นี่คืออุปกรณ์ระดับ A สี่ดาว มันสามารถต้านทานการโจมตีของสภาวะชะตากรรมจากธาตุมืดและธาตุไฟได้ หากคู่ต่อสู้ของคุณมาจากสองธาตุนี้ คุณอาจจะไม่แพ้ถ้าคุณสวมสิ่งนี้” เจนน่าพูดอย่างคลุมเครือ รู้สึกว่ามันจะเป็นการเปิดหูเปิดตาสำหรับคนบ้านนี่
  ซูผิงค่อนข้างประหลาดใจ มันสามารถต้านทานการโจมตีของสภาวะชะตากรรมได้อย่างงั้นหรอ?
  แม้ว่าจะได้แค่ต้านทานได้แต่ธาตุมืดกับไฟ แต่ก็ยังน่าทึ่ง!
  “คุณบอกว่านี่เป็นสิ่งประดิษฐ์ระดับ A สี่ดาว แล้วมีอุปกรณ์ที่ดีกว่านี้ไหม? ถ้ามี มันสามารถต้านทานการโจมตีของระดับดวงดาวได้ไหม” เขาถามด้วยความสงสัย
  เจนน่าตอบด้วยรอยยิ้มสบายๆ “แน่นอน มีชิ้นส่วนหายากที่เป็นประโยชน์กับอสูรระดับเจ้าดวงดาว อย่างไรก็ตามคุณสามารถหาอุปกรณ์ขั้นสูงได้เฉพาะในร้านค้าในเครือใหญ่ของซิลวี่เท่านั้น”
  ซูผิงตกใจมาก เขาไม่รู้ว่าสามารถซื้ออุปกรณ์ระดับเจ้าดวงดาวได้ นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะอยู่ยงคงกระพันหรอ ถ้าเขามีเงินมากพอ?
  มันเป็นความจริงที่เงินคือทุกอย่าง ไม่น่าแปลกใจที่ระบบจะโลภ!
  ซูผิงยังคงถามคำถามต่อไป “แล้วนักรบอสูรสามารถใช้อุปกรณ์นี้ได้ไหม?”
  คำถามโง่ๆอีกคำถาม… คำถามที่บ่งบอกความไม่รู้ของบุคคลนี้ เจนน่ายิ้มอย่างช่วยไม่ได้และอธิบายว่า “อุปกรณ์อสูรแตกต่างจากของมนุษย์ และมีความต้องการที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่นอันนี้เหมาะสำหรับมังกรเท่านั้นเพราะต้องใช้กลิ่นอายมังกรและเลือดเพื่อเปิดใช้งาน… อุปกรณ์มีโครงสร้างตามวิธีที่พลังงานหมุนเวียนในมังกร แม้แต่ครึ่งมังกรที่มีสายเลือดมังกรบางกว่าก็อาจจะใช้ไม่ได้”
  เจนน่าไม่ได้พูดต่อเนื่องจากคนบ้านนอกคงไม่เข้าใจมันอยู่ดี
  เธอรู้สึกท้อแท้ นายควรไปซะมากกว่ามาทำฉันเสียเวลาที่นี่ “อย่างงี้นี่เอง…”
  ซูผิงเข้าใจทันที ดูเหมือนว่าอุปกรณ์จะแตกต่างจากสมบัติ ซึ่งใช้ได้กับทั้งมนุษย์และอสูร ท้ายที่สุดอสูรเป็นสัตว์ป่าและเป็นผู้บ่มเพาะในสมัยโบราณ
  “ผมลองได้ไหม?” ซูผิงถามหญิงสาวอีกครั้ง
  เจนน่าขมวดคิ้ว – เธอเห็นความอยากรู้อยากเห็นที่สะท้อนบนใบหน้าของซูผิง แต่เธอก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ราคาของเกราะราชามังกรเงินคือ 3.2 พันล้าน คุณต้องจ่ายเงินประกัน 300 ล้านหากต้องการทดลองใช้”
  “3.2 พันล้าน?” ซูผิงตกใจ แม้แต่อสูรสภาวะชะตากรรมที่ดีที่สุดในร้านของเขาก็ไม่สามารถขายได้ในราคาสูงแบบนี้! นี่ไม่ต่างจากการปล้น! ซูผิงจำบัญชีส่วนตัวของเขาได้ ส่วนหนึ่งของภาษีและรายได้ของดาวเคราะห์สีน้ำเงินเป็นของเขาตั้งแต่เขากลายเป็นเจ้าแห่งดาวเคราะห์อย่างเป็นทางการ เขาหยิบป้ายตราผู้ปกครองสีเขียวออกมาทันที และส่งกระแสจิตเข้าไป จากนั้นเขาก็เจอบัญชีส่วนตัวโดยทำตามคำแนะนำทั่วไป ตราผู้ปกครองเปรียบเสมือนซุปเปอร์โฟนมัลติฟังก์ชั่น มันค่อนข้างใช้งานได้จริง ซูผิงพบว่าบัญชีส่วนตัวของเขาถูกเปิดในธนาคารจักรวาล ซึ่งเป็นธนาคารหลักในสหพันธ์มีสาขาอยู่บนดาวเคราะห์ทุกดวง ตัวตนของเขาได้รับการลงทะเบียนแล้ว เนื่องจากบัญชีถูกเปิดด้วยผู้ปกครองและบัญชีของเขาได้รับอนุญาตมากกว่าบัญชีทั่วไป
  จิ๊ จิ๊ฉันไม่ต้องกังวลว่าธนาคารจะล้มละลายหลังจากที่ฉันถอนเงินออกตอนนี้ ซูผิงคิด ไอรีนโนเวล
  เขาดูยอดเงินในบัญชีทันที
  เขาเห็นเลขศูนย์จำนวนมากและนับอย่างรวดเร็ว และพบว่าเขามี 128.9 พันล้าน! เขาค่อนข้างแปลกใจเพราะเขาไม่เคยเห็นเงินจำนวนมากขนาดนี้มาก่อน อย่างไรก็ตามในขณะที่เขาคิดว่าเขาได้รายได้ครึ่งหนึ่งของดาวเคราะห์สีน้ำเงิน เขาก็ตระหนักว่าจำนวนหนึ่งแสนล้านนั้นน้อยเกินไป
  เขาถามเหตุผลทันที ในไม่ช้าเขาได้รู้ว่าเงินมาจากภาษีการค้าล่าสุดบนดาวเคราะห์สีน้ำเงิน ผู้รอดชีวิตกำลังยุ่งอยู่กับการสร้างเขตอนุทวีปใหม่เนื่องจากภัยพิบัติล่าสุดบนดาวเคราะห์สีน้ำเงิน และเศรษฐกิจยังคงตกต่ำ รายได้แสนล้านมาจากการทำธุรกรรมทางสินทรัพย์ เจนน่าที่อยู่ใกล้เคียงตกตะลึงเมื่อเห็นตราของซูผิง ดวงตาของเธอเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยจากความตกใจ เธอมองซูผิงขึ้นลงด้วยความกลัว
  ชายหนุ่มคนนี้เป็นผู้ปกครอง?
  แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ปกครองระดับที่ต่ำที่สุด แต่เขาก็ยังเป็นเจ้าของดาวทั้งดวง!
  ในการเป็นผู้ปกครองนั้นข้อกำหนดขั้นต่ำคือต้องไปถึงระดับดวงดาวเว้นแต่จะเป็นสถานการณ์พิเศษ! อย่างไรก็ตาม—ด้วยความที่เป็นสถานการณ์พิเศษ นักรบสภาวะชะตากรรมก็สามารถเป็นผู้ปกครองได้ แต่งานของพวกเขาก็อยู่เพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น! “เงินประกัน 300 ล้านใช่ไหม?” ซูผิงหยุดคิด เก็บตราผู้ปกครองและกำลังจะจ่ายเงินประกัน เขาต้องการค้นหาว่าอุปกรณ์การต่อสู้ใช้งานยังไง
  เจนน่ากลับมาได้สติอีกครั้ง เธอค่อนข้างหวาดกลัวกลัวว่าเธอจะไปทำให้คนใหญ่คนโตโกรธ เธอพูดด้วยสีหน้าซีดเผือดว่า “ฉันไม่รู้ว่าคุณเป็นเจ้าแห่งดาวเคราะห์ ตัวตนของคุณละเว้นข้อกำหนดใดๆ สำหรับเงินประกัน…” อันที่จริง ไม่จำเป็นต้องวางเงินประกัน แม้ว่าซูผิงจะไม่ใช่ผู้ปกครองก็ตาม เธอเพียงแค่ตั้งมันขึ้นมาเองเพราะเธอไม่คิดว่าเขาจะสามารถจ่ายได้ และไม่ต้องการให้เขาทำเธอเสียเวลา
  ซูผิงตกตะลึงครู่หนึ่ง เขารู้ได้ทันทีมันหมายความว่ายังไง ดังนั้นเขาจึงพูดว่า “งั้นเรามาลองกัน”
  เจนน่ารู้สึกผิดและละอายหลังจากสังเกตเห็นว่าซูผิงไม่ได้โกรธ เธอกล่าวด้วยความเคารพ “เชิญทางนี้ ฉันจะให้คนนำมาให้ทันที เรามีห้องทดสอบยอดฝีมือ”
  เธอโค้งคำนับและนำทาง
  เธอส่งสัญญาณบอกให้ใครซักคนไปเอาเกราะราชามังกรเงินมา ห้องทดสอบนั้นกว้างขวางมาก อยู่หลังร้าน และดูเหมือนสนามกีฬากลางแจ้งเล็กๆ อย่างไรก็ตามซูผิงสามารถสัมผัสได้ถึงม่านพลังที่แข็งแกร่ง ซึ่งถูกวางไว้ที่ใดที่หนึ่งในห้อง เขาไม่คิดว่าสิ่งมีชีวิตระดับดวงดาวจะสามารถทำลายมันได้! ผู้ชายสองคนกำลังทำการทดสอบ จากนั้นพวกเขาก็เรียกของพวกเขาอสูรออกมา
  หนึ่งในนั้นคือค้างคาวมังกรสภาวะสมุทร มันเป็นครึ่งมังกรที่มีความยาวลำตัวเพียงแปดเมตร แต่มีปีกกว้างเกือบสิบห้าเมตร มันถูกปกคลุมไปด้วยชุดเกราะที่กระชับพอดีซึ่งปกป้องพลังชีวิตโดยไม่กระทบต่อการเคลื่อนที่ของมัน
  อสูรตัวนี้ยังสวมหมวกแหลมสีเงินคลุมอยู่บนหัวของมันด้วย
  นั่นเป็นสิ่งที่เปิดหูเปิดตาสำหรับซูผิง เขาไม่รู้ว่าอสูรสามารถใช้สิ่งนั้นได้ ถ้าเขาซื้ออุปกรณ์อสูรดีๆ สักชิ้น มังกรเพลิงนรกและสุนัขมังกรดำของเขาก็จะแข็งแกร่งขึ้นนะสิ?
  “ท่านค่ะ นี่คือชุดเกราะราชามังกรเงินที่คุณเลือกค่ะ” เจนน่ารับช่วงต่อจากเพื่อนร่วมงานของเธอ เกล็ดไม่ได้ถูกเคลือบอีกต่อไป มันถูกส่งออกไปเป็นคลื่นพลังงานที่คลุมเครือ มันถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีเงินซึ่งล้นไปด้วยพลังงาน “นามสกุลของผมคือซู แค่เรียกผมว่าคุณซูก็พอ” ซูผิงผู้ซึ่งไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนของเขาในฐานะผู้ปกครอง ด้วยวิธีนี้เขาสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็นได้ “ก็ได้ค่ะ คุณซู” เจนน่าพยักหน้าอย่างเคารพด้วยทัศนคติที่ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง แม้แต่ผู้ปกครองระดับ 5 ก็ยังมีความมั่งคั่งมากกว่าพนักงานทั่วไปอย่างเธอจะจินตนาการได้
  ซูผิงรับเกล็ดเงินมาชั่งน้ำหนักในมือแล้วถาม”แล้วผมควรใช้มันยังไง?”
  ไม่มีการดูถูกในสายตาของเจนน่าอีกต่อไป เธอแสดงความเป็นมืออาชีพอย่างเต็มที่ และพูดอย่างอ่อนโยนด้วยรอยยิ้มว่า “คุณซู อุปกรณ์ได้เปิดใช้งานแล้ว สิ่งที่คุณต้องทำคือเรียกอสูรมังกรของคุณ และขอให้มันปลดปล่อยกลิ่นอายมังกร”
  ซูผิงเรียกมังกรเพลิงนรกออกมาทันทีตามคำแนะนำ
  กลิ่นอายสง่างามและดุร้ายของมังกรแผ่กระจายออกมา ทำให้เจนน่าและสมาชิกคนอื่นๆ หน้าซีด ค้างคาวมังกรที่กำลังทดสอบอุปกรณ์เกือบจะตกลงจากท้องฟ้า มันมองมาที่มังกรเพลิงนรกด้วยสายตาหวาดกลัว ซูผิงไม่คิดว่ามันจะมีอิทธิพลมากขนาดนี้ เขารีบขอให้มังกรเพลิงนรกเก็บกลิ่นอายของมันไว้
  เจ้าของค้างคาวมังกรก็มองมังกรเพลิงนรกจากระยะไกล เขาเปลี่ยนท่าทางเล็กน้อย ไม่กล้าเอ่ยปากชม “คุณ—แค่ติดเกราะราชามังกรเงินกับอสูรของคุณ และขอให้อสูรปล่อยกลิ่นอายมังกรออกมา” ใบหน้าของเจนน่าซีด เธอพูดติดอ่างเพราะกลิ่นอายดุร้ายของมังกรเพลิงนรก เธอเคยเห็นอสูรที่ทรงพลังมามากมาย แต่ไม่มีตัวไหนน่ากลัวเท่าตัวนี้ เมื่อเขาได้รับคำแนะนำ ซูผิงก็โยนเกล็ดเงินเสริมพลังไปยังช่องท้องของมังกรเพลิงนรกและออกคำสั่ง มังกรเพลิงนรกปล่อยกลิ่นอายมังกรทันที วินาทีถัดมา เกล็ดเงินดูเหมือนจะฟื้นคืนชีพขึ้นมาเมื่อมันสัมผัสกับท้องของมัน ทำให้เกิดประกายระยิบระยับ เกล็ดนั้นอ่อนตัวลงและกลายเป็นของเหลว ซึ่งจากนั้นก็กระจายไปทั่วร่างมังกร เมื่อถึงเวลาที่แสงจางไป มังกรก็สวมชุดเกราะสีเงิน หรือชั้นของเกล็ดเงิน! เกล็ดเงินปกคลุมเกล็ดของมังกรเพลิงนรกซึ่งมีสีแดง ดำ และทอง แผ่ไปจนสุดคอ เหลือแต่ปีกและแขนขาเท่านั้น ซูผิงค่อนข้างประหลาดใจ เนื่องจากอุปกรณ์อสูรเหมือนผิวหนังที่สอง!
  เกราะนั้นเมื่อจับคู่กับเกล็ดของตัวมังกรเองจะช่วยให้อสูรสามารถต้านทานการโจมตีของอสูรสภาวะชะตากรรมได้สบายๆ
  “อึดอัดไหม?” ซูผิงถามมังกรเพลิงนรกทันที มังกรเพลิงนรกพูดด้วยเสียงต่ำ “ไม่เลย”
  ซูผิงตระหนักว่ามันหมายถึงอะไร ดูเหมือนว่าอุปกรณ์จะค่อนข้างสะดวกสบาย
  ซูผิงไม่ได้ชักช้าหลังจากค้นหาว่าอุปกรณ์อสูรมีไว้เพื่ออะไร เขาเพียงแค่ขอให้ผู้ช่วยช่วยถอดอุปกรณ์แล้วออกจากร้าน
  สำหรับการซื้อ… ซูผิงตั้งใจจะซื้อบางอย่าง แต่ไม่ใช่ชุดเกราะราชามังกรเงิน เพราะร้านนี้เป็นเพียงร้านเดียวที่เขาลองเข้า เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ร้านค้าที่ดีที่สุดในรีอา เขาชอบที่จะหาอุปกรณ์การต่อสู้ที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบางรุ่นที่มีความสามารถในการต่อต้านพลังระดับดวงดาว อย่างไรก็ตามซูผิงไม่คิดว่าอุปกรณ์ระดับนั้นจะมีขายง่ายๆ มันอาจจะมีเฉพาะในการประมูลดังๆหรือพื้นที่ที่เจริญรุ่งเรืองกว่านี้
  เขาตั้งตารอมันจริงๆ เหรียญดวงดาวที่สะสมไว้ซึ่งไม่สามารถแปลงได้นั้นไร้ประโยชน์สำหรับเขา ทั้งหมดเป็นเพราะเขาไม่สามารถซื้อของดีๆ ได้แม้ว่าเขาจะมีเงินก็ตาม ของดีๆไม่ค่อยมีขาย ส่วนใหญ่แลกเปลี่ยนกันในหมู่นักรบในตำนานเท่านั้น มันยากที่จะได้มันมา อย่างไรก็ตามในสหพันธ์สิ่งมีชีวิตสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้หากพวกเขาลงทุนเงินมาพอ! ซูผิงรู้สึกว่าคิดไม่ผิดที่ตกลงเป็นเจ้าแห่งดาวเคราะห์สีน้ำเงิน ไม่อย่างนั้นคงเหนื่อยสำหรับเขาที่จะหาเงินได้มากเท่านี้
  ฉันอยากรู้จังว่าเกิดอะไรขึ้นบนดาวเคราะห์สีน้ำเงินบ้าง ฉันควรถามใครสักคนเมื่อฉันมีเวลา ซูผิงคิด
  ตอนนั้นเองที่เขาตัดสินใจไปที่ร้านประเมิน
  มีลูกค้าหลายคนภายในร้าน ซูผิงเข้าไปและถามพนักงานต้อนรับคนหนึ่ง ตามชื่อร้านค้านี้สามารถทำการทดสอบอสูรอย่างละเอียด จากนั้นจึงวัดพลังต่อสู้ของพวกมันตามผลการทดสอบ
  ค่าพลังต่อสู้ใช้เพื่อระบุความแข็งแกร่งของอสูร มันไม่ถูกต้องเสมอไป แต่เป็นข้อมูลอ้างอิงที่สำคัญ ซูผิงค่อนข้างอยากรู้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจลองกับสุนัขมังกรดำ แต่กลับพบว่าผลลัพธ์ค่อนข้างคล้ายกับข้อมูลของระบบ โดยผิดพลาดเพียง 1.8 เท่านั้น! “มันสามารถวัดประสิทธิภาพของอสูรได้…” ซูผิงรู้สึกประหลาดใจกับเทคโนโลยีขั้นสูงของสหพันธ์
  “อุปกรณ์ที่มีอาใช้ไม่สามารถแสดงพลังต่อสู้ได้ มันตรวจสอบได้แค่ข้อมูลอื่นเทท่านั้น อุปกรณ์สแกนนี้สามารถแสดงพลังต่อสู้ได้ แต่มีขนาดใหญ่เกินไป การระบุอสูรของระบบสะดวกกว่ามาก…” ซูผิงคิดและตกตะลึงกับพลังของระบบอีกครั้ง “ฮึ!” ระบบพ่นลมในหัวของซูผิง
  ซูผิงเลือกที่จะเพิกเฉยต่อคนแอบฟัง และเดินไปตามถนน แล้วเขาก็ไปร้านอื่น ท้ายที่สุดแล้วความแตกต่างระหว่างร้านขายอสูรในสหพันธ์กับร้านของเขาเองนั้นจำเป็นต้องตรวจสอบ
  ร้านขายอสูรเป็นธุรกิจที่เฟื่องฟู ซูผิงมองไปรอบๆ และพบว่ามีบริการที่คล้ายคลึงกันกับที่เขาทำ แม้ว่าจะไม่ดีเท่าร้านของเขาในแง่ของสิ่งอำนวยความสะดวก อย่างแรกเลยมีอสูรมากมายในร้าน หากลูกค้าคนใดต้องการซื้อ พวกเขาต้องชำระเงินล่วงหน้าและทำการนัดหมายทั้งหมด ทั้งหมดนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ร้านค้าสามารถจัดส่งอสูรจากฐานได้ สำหรับการฝึก จากคำแนะนำ พวกเขาจะเก็บอสูรไว้ในอุปกรณ์มิติ ส่งไปยังฐาน และให้ลูกค้ามารับเมื่อการฝึกเสร็จสิ้น
  มีอาหารอสูรมากมาย พวกมันจะต้องเป็นส่วนหนึ่งของอาหารอสูรที่ได้รับความนิยมในดาวนี้หรือแม้แต่ทั้งสหพันธ์ แต่ไม่เก่ามาก และคุณภาพไม่สูง ฉันควรเติมชั้นวางของฉันให้ไปในทิศทางเดียวกัน… ซูผิงตรวจสอบอาหารอสูรมากมายในร้าน หลังจากเดินทางข้ามมิติมาแล้ว เขาก็บอกได้ง่ายๆ ว่าอาหารอสูรนั้นธรรมดา พวกมันสามารถทำให้อิ่มท้องได้ แต่แทบจะไม่สามารถพัฒนาพลังต่อสู้ได้ หลังจากการสำรวจธุรกิจสิ้นสุดลง ซูผิงก็ออกมา และกลับไปที่ร้านของเขาเอง
  เขาได้ความรู้มากมายจากการออกไปสำรวจ ไม่เพียงแต่เกี่ยวกับร้านค้าอื่นๆ แต่ยังรวมถึงข่าวกรองเกี่ยวกับการย้ายถิ่นฐานของเขาด้วย ผู้ขายทั้งหมดในร้านนี้คิดว่าร้านของเขามีมาหลายปีแล้ว แต่ขายไม่ดี มันไม่สร้างความแปลกใจอะไรให้กับพวกเขา แน่นอน… มันสำเร็จด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ของระบบอีกนั่นแหละ
  การกระโดดจากดาวเคราะห์สีน้ำเงินมาปรากฏตัวบนถนนสายธุรกิจในรีอา ในขณะที่ผู้คนเห็นว่าเป็นเรื่องปกติ… ซูผิงกลัวความสามารถนี้ ถ้าระบบตั้งใจจะฆ่าใครซักคน มันอาจจะลบล้างหรือทำลายความทรงจำของทุกคนที่รู้จักเหยื่อได้! พลังของมันอยู่เหนือความเข้าใจของซูผิง!
  ระบบหัวเราะและพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “ฉันดีใจที่นายรู้ว่าฉันแข็งแกร่งแค่ไหน?”
  ซูผิง: “…” กลับมาที่ร้าน ซูผิงบอกถังยู่หรานและจงหลิงถงว่าเขาเจอบริษัทเรียนภาษา มีหลักสูตรสอนภาษาอยู่ใกล้ๆ แต่ราคาค่อนข้างแพง ซูผิงพาพวกเธอไปธนาคารจักรวาลสาขาใกล้ ๆ และสมัครบัตรธนาคารให้แต่ละคน
  จากนั้นเขาก็พบว่ามีการใช้ตราผู้ปกครองอีกแบบหนึ่ง ซึ่งสามารถรับรองได้ว่าพวกเขาเป็นชาวพื้นเมืองของดาวเคราะห์ที่เกี่ยวข้องกับตราผู้ปกครอง เป็นผลให้ใช้เวลาในการแสดงบัตรประจำตัว และยืนยันว่าข้อมูลประจำตัวของพวกเขาได้รับการบันทึกแล้ว และพวกเธอก็ได้รับบัตรสองใบค่อนข้างเร็ว
  พวกเขาเป็นชาวพื้นเมืองของดาวเคราะห์สีน้ำเงิน แต่ดาวเคราะห์สีน้ำเงินนั้นด้อยพัฒนาเกินไป และข้อมูลของพวกเขาไม่เคยถูกอัปโหลดไปยังฐานข้อมูลของรัฐบาลกลาง พวกเขาเป็นผู้อยู่อาศัยที่ไม่ได้ลงทะเบียน เมื่อทุกคนมีบัญชีแล้ว ซูผิงก็โอนเงินห้าร้อยล้านให้แต่ละคนเพื่อที่พวกเธอจะได้ใช้มันตามที่เห็นสมควร จากนั้นเขาก็พาพวกเธอไปที่โรงเรียนสอนภาษาและจ่ายค่าเล่าเรียนซึ่งมากกว่าแสนเหรียญดวงดาว จำนวนดังกล่าวเท่ากับค่าจ้างรายปีของบุคคลธรรมดาในหนึ่งปีหรือนานกว่านั้น ทว่าในสายตาของซูผิงแทบไม่มีค่าอะไรเลย ซูผิงทิ้งพวกเธอไว้ที่โรงเรียนหลังจากจ่ายค่าเรียนแล้ว ก่อนที่จะขอให้พวกเธอกลับมาเมื่อพวกเธอพูดภาษาทั่วไปได้คล่อง
  จากนั้นซูผิงกลับไปที่ร้านของเขาเพื่อฝึกอสูรของมีอา
  ในเวลาเดียวกัน…
  ในตึกระฟ้าสูงตระหง่านที่ดูเหมือนกระจกที่มีลวดลายเป็นเกลียวคลื่น สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองครึ่งเมืองเมื่อยืนอยู่บนยอด ซึ่งสูงเกือบพันเมตร
  นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่สำคัญของวอฟเฟ็ต ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดเมืองที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในทวีปแคมพ์ของรีอา
  มีห้างสรรพสินค้าหรูหราอยู่ที่ชั้นล่างของตึกระฟ้า ตรงกันข้ามมีโรงแรมชื่อดังอยู่ด้านบน เป็นโรงแรมดังที่สร้างความบันเทิงให้กับผู้ที่มีทั้งความร่ำรวยและอำนาจเท่านั้น
  เธอกำลังยิ้มหวานในตอนนี้ ไม่เย็นชาเหมือนที่เธอแสดงต่อหน้าเลย์น“รีอาเป็นยังไงบ้าง? เธอซื้อมังกรอัสนีบาตนภาที่เธอต้องการหรือยัง?” มีเสียงผู้หญิงเอื่อยๆและไม่เป็นทางการมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ซึ่งฟังดูค่อนข้างเด็ก มีอายิ้มและพูดว่า “พี่ ฉันเพิ่งมาที่นี่ ฉันยังไม่ได้มองหามันเลย” “ถ้าอย่างนั้นเธอรีบไปดีกว่า การสอบประจำเดือนของนักเรียนปีสองจะจัดขึ้นในอีกสองสัปดาห์ คนในตระกูลเราจับตาดูการสอบเป็นจำนวนมาก เธอต้องพยายามให้มากกว่านี้” เสียงผู้หญิงพูด ขณะนึกอย่างอื่นได้และกล่าวเสริมว่า “ตระกูลไรอันให้ความบันเทิงกับเธอระหว่างที่เธออยู่ที่รีอาหรือเปล่า? ถ้าเธอหามังกรเองไม่ได้ แค่พูดชื่อฉันกับผู้นำตระกูลไรอัน เขาจะมอบมันให้เธอเอง”
  มีอาแลบลิ้นและพูดว่า “ฉันแอบมาที่นี่โดยไม่ส่งข่าวไปถึงตระกูลไรอัน ฉันไม่ได้พาผู้คุ้มกันที่แม่เตรียมไว้ให้มาเลยด้วยซ้ำ ฉันชอบพึ่งพาตัวเอง พี่ก็รู้ว่าฉันไม่ควรไปยุ่งกับตระกูลอื่นมากเกินไป หรือจัดการกับเรื่องการแต่งงานของฉัน…” เธอดูหงุดหงิดขณะพูด แต่เธอก็เงยขึ้นแล้วพูดว่า “อีกอย่าง ฉันได้เข้าไปในร้านขายอสูรที่ยอดเยี่ยมมากๆตอนที่ฉันกำลังมองหาอาหารอสูรในวันนี้ ร้านดูธรรมดา การตกแต่งไม่แย่ แต่อย่างไรก็ตามเจ้าของร้านของร้านขายผลไม้ผลึกน้ำแข็งสวรรค์อายุเจ็ดพันปีให้ฉัน! เจ็ดพันปี เชียวนะ!”
  เธอดูตื่นเต้นมากเมื่อพูดถึงร้านของซูผิง
  อย่างไรก็ตาม หญิงสาวอีกคนเงียบไปครู่หนึ่ง ไม่พูดต่อจนกว่าอีกคนจะพูดจบ “อย่าเพิ่งคิดมากเลย เธอมีโอกาสที่จะเปลี่ยนชะตากรรมของเธอเมื่อธอได้รับการยอมรับจากสถาบันราชวงศ์อามิลล์ ฉันจะส่งคำแนะนำไป เพื่อให้เธอได้เข้าร่วมคณะกรรมการในรุ่นของเธอ จากนั้นเธอจะมีเพื่อนมากพอที่จะคอยช่วยเหลือเธอ!”
  มีอาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เธอเริ่มเคร่งขรึมขณะที่เธอพูดด้วยดวงตาเป็นประกายว่า “ไม่ว่าในกรณีใด ฉันจะพยายามเรียนให้จบตามกำหนด!” เธอยิ้มอย่างขมขื่นแล้วเบ้ปาก “แต่มันยากเกินไปสำหรับฉันที่จะเข้าสู่คณะกรรมการ มันเต็มไปด้วยอัจฉริยะอย่างพี่…”
  ““ไม่เป็นไร ฉันจะพูดช่วยเธอเอง อย่าดูถูกตัวเอง” หญิงสาวพูดด้วยความสงบมากขึ้น จากนั้นเธอก็เปลี่ยนเรื่อง “พอแล้ว เธอเพิ่งบอกว่าร้านขายอสูรขายผลผลึกน้ำแข็งสวรรค์อายุเจ็ดพันปีให้เธอเหรอ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว