บทที่ 182 อดีต
“เข้าบ้านมากันก่อน เสี่ยวเทียนเสี่ยวหยู อย่าเพิ่งรีบกลับอยู่ทานข้าวเที่ยงกับปู่ก่อน วันนี้ปู่อารมณ์ดี!” คุณปู่ผู้ใหญ่บ้านพูดอย่างตื่นเต้นแล้วเดินเข้าไปในครัว
ฉิงหยูเองก็ตอบด้วยความตื่นเต้น “ได้สิครับ วันนี้พวกเราพี่น้องจะอยู่ทานข้าวฝีมือคุณปู่ ผมอยากทานซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวานของคุณปู่มากๆเลยครับ”
มองดูท่าทีตื่นเต้นของฉิงหยูแล้ว ฉิงเทียนก็ได้ยิ้มออกมาแล้วพูดขึ้น “นิสัยช่างกินของน้องโผล่แล้วนะ!”
แล้วทั้งสามคนก็นั่งที่โต๊ะทานอาหาร “ว้าว ฝีมือของคุณปู่สุดยอดขึ้นนะครับเนี่ย” ฉิงหยูรีบทานซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวานราวกับเป็นเด็กเล็กๆ
เมื่อเห็นฉิงหยูที่ยังชอบทานอาหารฝีมือเขาเหมือนตอนที่เขายังเป็นเด็ก คุณปู่ผู้ใหญ่บ้านก็ยิ้มอย่างมีความสุขและพูดขึ้น “ทานช้าๆก็ได้ ยังมีเหลืออีกเยอะ”
“ไม่ต้องกังวลครับคุณปู่ ผมไม่ทานจนลวกปากเหมือนตอนเด็กอีกแล้วครับ” ฉิงหยูตอบพร้อมกับยิ้ม เขายังจำได้ในสมัยที่เขายังเป็นเด็กนั้น คุณปู่ผู้ใหญ่บ้านนั้นได้ชวนสองพี่น้องไปทานข้าวที่บ้านเขาสัปดาห์ละครั้ง ซึ่งในวันนั้นจะเป็นวันที่ทั้งสองพี่น้องได้ทานข้าวกันอย่างเต็มที่ เพราะโดยปกติที่บ้านนี้จะอยู่กันแค่ 2 คนพี่น้องซึ่งยังเป็นเด็กอยู่การทำอาหารจึงเป็นเรื่องยากมาก ซึ่งไม่รู้เลยว่าอาหารที่ทำออกมาในวันนี้จะทำออกมาทานได้หรือไม่ ดังนั้นในช่วงเวลานั้นสิ่งที่พวกเขาเฝ้ารอมากที่สุดคือวันที่พวกเขาจะได้ไปทานข้าวที่บ้านของคุณปู่ผู้ใหญ่บ้าน
“มาๆ เสี่ยวหยูเสี่ยวเทียนวันนี้พวกเจ้ามาร่วมดื่มกับข้าสักหน่อยด้วย” คุณปู่ผู้ใหญ่บ้านที่กำลังมีความสุขก็ได้พูดกับสองพี่น้องพร้อมขวดเหล้าในมือ “วันนี้ข้ามีความสุขมาก ไม่คิดว่าวันที่พวกเจ้าสองพี่น้องจะประสบความสำเร็จได้มาถึงแล้ว”
คุณปู่ผู้ใหญ่บ้านที่กำลังมีความสุข ก็ได้รินเหล้าให้ฉิงเทียนและฉิงหยู
คุณปู่ผู้ใหญ่บ้านก็ได้ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มแล้วพูดกับฉิงเทียน “ข้าคิดอยู่แล้วเพราะเสี่ยวเทียนนั้นเป็นคนแรกในหมู่บ้านของเราที่ได้เข้าเรียนที่มหาลัยจิงตู ในเวลานั้นข้าคิดเอาไว้แล้วว่าฉิงเทียนจะต้องประสบความสำเร็จแน่”
พูดจบคุณปู่ผู้ใหญ่บ้านก็ได้ยกเหล้าขึ้นดื่ม หลังจากที่ดื่มไปได้หลายแก้ว การพูดการจาของคุณปู่ผู้ใหญ่บ้านก็เหมือนคนเมามากขึ้นเรื่อยๆ “ในตอนนี้พ่อแม่ของพวกเจ้าดูแลข้าในฐานะผู้สูงอายุเป็นอย่างดี โดยเฉพาะตอนที่พ่อของเจ้ายังมีชีวิตอยู่นั้น เรียกได้ว่ามีชื่อเสียงมากในมณฑลของเราเลยทีเดียว
“แต่ในท้ายที่สุด ข้าไม่คิดเลยว่าจะมีเรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นได้” คุณปู่ผู้ใหญ่บ้านพูดขึ้นมาและอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา”
ใช่แล้ว ภาพความทรงจำต่างๆได้ผุดขึ้นมาในหัวของเขา เมื่อนึกถึงผู้คนในหมู่บ้านมากมายที่พ่อของฉิงเทียนได้รักษาในตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ ในเวลานั้นใครๆต่างก็ชื่นชมพ่อของฉิงเทียนในฐานะฮัวโต๋ที่ยังมีชีวิตอยู่ นอกจากนี้สองพี่น้องฉิงเองก็ไม่ได้แค่เรียนเก่งอย่างเดียว ผู้คนในหมู่บ้านต่างก็ชมสองพี่น้องที่ทั้งน่ารักและเป็นอัจฉริยะ
แต่พอพ่อแม่ของพวกเขาเสียชีวิตลงผู้คนเหล่านี้ก็ได้หายไป เหลือเพียงคุณปู่ผู้ใหญ่บ้านที่ยังคอยช่วยเหลือพวกเขาอย่างสุดความสามารถ แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้มากนักด้วยความที่เขาเป็นผู้สูงอายุ
เมื่อได้ฟังเรื่องที่คุณปู่ผู้ใหญ่บ้านพูด น้ำตาของทั้งสองพี่น้องก็อดไม่ได้ที่จะหลั่งไหลออกมาเช่นกัน พ่อแม่ของพวกเขานั้นได้เสียชีวิตมาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว และที่ฉิงเทียนกลับมาที่นี่ในคราวนี้เขาไม่ได้มาเพียงแค่มาเคารพศพพ่อแม่ของเขาเท่านั้น แต่เขายังมาเพื่อสืบหาสาเหตุการตายที่แท้จริงของพ่อแม่ของเขา ถึงแม้ว่าตอนนั้นเขาจะยังเด็กอยู่ แต่ฉิงเทียนก็รู้ดีว่าพ่อแม่ของพวกเขานั้นไม่ได้เสียด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เฉยๆแน่
เขานั้นสามารถจะจดจำภาพเหตุการณ์ต่างๆตลอดชีวิตของเขาได้ดี และในตอนที่คุณปู่ผู้ใหญ่บ้านมาพาพวกเขาสองพี่น้องไปนั้น เขาก็เห็นชายวัยกลางคนกำลังสั่งการอะไรบางอย่างตรงนั้นอยู่ แล้วผู้คนที่อยู่รอบๆก็ทำตามคำสั่งของเขา จากนั้นเขาก็เดินมาลูบหัวฉิงเทียนกับฉิงหยูเพื่อปลอบเขา จนกระทั่งมีคนคนหนึ่งมาบอกกับฉิงเทียนว่าเขาเป็นผู้พิพากษามณฑล หมายความว่าผู้พิพากษามณฑลลงมาจัดการอุบัติเหตุรถยนต์เลยอย่างนั้นหรือ?

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านค้าจากแดนสวรรค์ (仙界淘宝) ข้ามได้รีรันเฉยๆของเก่าหาย