ตอนที่ 185 ศึกประลองหนานเจียง (2)
แม้จะเป็นอธิการบดีของมหาวิทยาลัยหนานเจียง แต่ชายชราผู้นั้นก็ไม่เอ่ยอะไรเช่นกัน
คนอื่นๆ ปิดปากเงียบ หวังจินหยางค้อมกายให้เหล่าปรมาจารย์ ก่อนจะมองไปทางพวกฟางผิง “เห็นเรื่องตลกซะแล้ว”
ไป๋รั่วซีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร เรื่องของหนานเจียงได้ชี้แนะให้พวกเราเช่นกัน”
“งั้นคงไม่ถ่วงเวลาทุกคนแล้ว”
หวังจินหยางมองไปทางคนกลุ่มหนึ่งที่อยู่ล่างเวที เอ่ยเสียงดังว่า “วันนี้พวกนายเป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียง เป็นตัวแทนของหนานเจียง! เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองสูงสุดทั้งหมด แต่คู่ต่อสู้ของพวกนายเพิ่งจะเข้าสู่ขั้นสองได้ไม่นานเท่านั้น! ชนะคงไม่คุ้มค่าให้ดีใจ หากแพ้ นั่นหมายความว่าวิธีการสอนของหนานเจียงไม่ถูกต้อง มหาวิทยาลัยไม่ได้ใจอ่อน! วันนี้ถ้าแพ้ ฉันจะแนะนำให้มหาลัยคัดนักศึกษาออกสิบเปอร์เซ็นต์ รวบรวมทรัพยากรบ่มเพาะให้หัวกะทิที่กล้าต่อสู้และสู้รบเป็นเท่านั้น!”
เมื่อคำพูดนี้ออกมาก็ก่อให้เกิดประเด็นร้อนขึ้นมาอีกครั้ง
หวังจินหยางไม่สนใจพวกเขา มองไปทางพวกฟางผิงว่า “ไม่ใช่การแข่งขันใหญ่ จัดลำดับลงสนามได้ตามใจ ผู้ชนะอยู่ต่อ ผู้แพ้ออกจากสนาม! ฝ่ายสุดท้ายที่เหลือบนเวทีเป็นผู้ชนะ!”
ฟางผิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เป็นการแข่งที่จัดขึ้นตามใจไม่น้อย
อีกด้านหนึ่งพวกปรมาจารย์ก็ไม่ชักช้า เดินไปอยู่ด้านข้างเวที
ทุกคนต่างยืนมุงดู ไม่มีคนเตรียมที่นั่งหรือของว่างให้พวกเขาทั้งนั้น
สนามแข่งเช่นนี้ดูซอมซ่อไม่น้อย เทียบกับสนามมวยใต้ดินไม่ได้ด้วยซ้ำ
แต่สนามแข่งซอมซ่อแบบนี้กลับเชิญปรมาจารย์มาชมถึงสามคน
หวังจินหยางรับหน้าที่เป็นผู้ตัดสินไปโดยปริยาย เอ่ยปากอีกครั้งว่า “หนานเจียงเป็นเจ้าภาพ ขึ้นมาก่อนหนึ่งคน!”
ด้านล่างเวทีพวกนักศึกษาสบสายตากัน ไม่นานผู้ยุทธ์ที่ถือหอกยาวก็เดินขึ้นเวที
“เฉินเผิงเฟย ขั้นสองสูงสุด นักศึกษาปีสามสาขายุทโธปกรณ์ มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียง คะแนนภารกิจสะสมขั้นสองเป็นอันดับสามของมหาวิทยาลัยหนานเจียง!”
ฟางผิงงุนงงเล็กน้อย ไป๋รั่วซีอธิบายว่า “ภารกิจของหนานเจียงมีไม่เยอะ ทำภารกิจได้เท่าไหร่ก็หมายความว่าลงมือไปมากเท่านั้น เป็นการแสดงให้เห็นถึงความสามารถต่อสู้ หนานเจียงทำสำเร็จหนึ่งภารกิจ จะมีคะแนนสำหรับภารกิจ อันดับสามของขั้นสอง หมายความว่าในหมู่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองเขาออกทำภารกิจหลายครั้ง มีประสบการณ์ต่อสู้กับผู้ฝึกยุทธ์อยู่ไม่น้อย…”
ฟางผิงพยักหน้า บอกเป็นนัยว่าเข้าใจ
พวกผู้ฝึกยุทธ์ของหนานเจียงเห็นได้ชัดว่าค่อนข้างเข้าใจเรื่องนี้
เห็นเฉินเผิงเฟยขึ้นเวทีคนแรกก็รู้สึกว่าเฉินเผิงเฟยสามารถเป็นตัวแทนของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองในหนานเจียงได้
พวกเขามองไปทางพวกฟู่ชางติ่งอีกครั้ง ฟู่ชางติ่งเอ่ยอย่างอยากลองว่า “ให้ฉันขึ้นเถอะ ฉันใช้หอกเหมือนกัน…”
ฟางผิงกลับไม่มองเขา มองไปยังจ้าวเหล่ย “นายขึ้นไป!”
“ฉัน?”
“ครั้งแรกต้องสู้ชนะอย่างขาดลอย การแข่งก่อนหน้านี้นายโทษฉันว่าไม่ให้โอกาส ครั้งนี้ให้โอกาสนายแล้ว จ้าวเหล่ย ถ้านายแพ้ จะเสียหน้าคนของเซี่ยงไฮ้ ขายหน้าพวกเรา หลังจากนี้ฉันเจอนายหนึ่งครั้งจะอัดหนึ่งครั้ง!”
จ้าวเหล่ยใบหน้าดำคล้ำ ไม่พูดมากอีก
สาวเท้าเดินขึ้นเวที พอขึ้นไปก็กล่าวเสียงดัง “จ้าวเหล่ย ขั้นสองตอนต้น นักศึกษาปีหนึ่งสาขายุทโธปกรณ์ มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้!”
ยังหลอมกระดูกรยางค์ไม่สำเร็จ ต่างจัดอยู่ในขั้นสองตอนต้น
ในกลุ่มพวกเขา นอกจากฟางผิง คนอื่นล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองตอนต้น
—
“จะชนะได้หรือเปล่า?”
ฟู่ชางติ่งกระซิบเสียงเบา ฟางผิงเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “ไม่เป็นไร แพ้แล้วยังมีฉัน พวกนายคิดเอาเองว่าต้องทำยังไง”
“นาย…”
พวกเขาทำหน้าไม่พอใจ กลับไม่ถามอะไรอีก บนเวทีเริ่มการประลองแล้ว
—
บนเวทีประลอง
การแข่งเริ่มต้น เฉินเผิงเฟยก็แสดงความสามารถของหัวกะทิขั้นสองของหนานเจียงออกมาทันที!
หอกยาวโจมตีออกมาพร้อมเสียงราวกับเสือคำราม!
ด้านจ้าวเหล่ยเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเช่นกัน ปลายเท้าแตะพื้น เคลื่อนดั่งพยัคฆ์ ชั่วพริบตาก็เลี้ยวเข้าไปประชิดเฉินเผิงเฟย
เฉินเผิงเฟยตอบสนองว่องไว คิดจะหยั่งเชิงด้วยหอก ยังไม่ทันพุ่งออกไป กลับต้องรีบดึงเข้ามา ตัวหอกจึงสั่นสะเทือนเล็กน้อย
กลางหอกเริ่มบิดโค้ง เสี้ยวนาทีต่อมาคล้ายแปรเปลี่ยนเป็นแส้ยาว พุ่งเข้าหาลำคอของจ้าวเหล่ยด้วยรูปแบบบิดพลิ้วอย่างน่าตกใจ
ฟางผิงจ้องอยู่พักหนึ่ง ขมวดคิ้วว่า “สามารถฝึกหอกยาวจนถึงขั้นนี้ถือว่าไม่ง่าย”
ในสายตาของคนส่วนมาก หอกไม่ใช่อาวุธที่เหมาะใช้ต่อสู้ประชิดตัว
ตัวหอกยาวเกินไป เมื่อถูกคนย่นระยะเข้าใกล้ อานุภาพของอาวุธจะไม่สามารถแสดงออกมาได้
แต่เฉินเผิงเฟยกลับไม่สนใจเรื่องพวกนี้ เวลาเดียวกับที่จ้าวเหล่ยประชิดตัว หอกเขาก็เคลื่อนไหวตามใจทันที
โค้งงอบิดพลิ้ว จึงเป็นปัญหาไม่ต่างอะไรกับดาบกระบี่เลย



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน