ตอนที่ 525 เส้นทางขั้นเก้า (1)
………………..
ในขณะที่จัดพิธีไว้อาลัยก็จัดงานฉลองชัยชนะไปด้วย
ความหมายของพวกปรมาจารย์คือร่วมฉลองกับเพื่อนร่วมชาติที่ตายไปพวกนี้
สิ่งที่เรียกว่างานฉลองชัยชนะก็คือเหล้าสุราไร้จำกัด สุราที่หมักไว้หลายปีกองกันเป็นภูเขา ไม่มีกับข้าวของกินอะไร มีแต่เหล้าสุราให้ดื่มเท่านั้น
ไม่เมาไม่เลิกรา!
ผู้ฝึกยุทธ์เมายาก!
มาถึงระดับสูง แม้ว่าจะเมาสุราได้ ต่อให้สุราแรงขนาดไหน ถึงจะไม่เคลื่อนลมปราณในร่างกาย ถึงจะไม่สนใจ อวัยวะภายในที่แปรเปลี่ยนเป็นพลังงานครึ่งหนึ่งก็จะสลายของพวกนี้ไปได้ในชั่วพริบตา
สุราไม่ได้ทำให้คนเมา แต่เมามายกันเอง!
บางทีพวกปรมาจารย์อาจจะมีสติอยู่ แต่ทุกคนเมากันหมด บางคนเมาจนปล่อยเนื้อปล่อยตัว ร้องไห้ฟูมฟาย
บางคนแหกปากร้องเพลง เสียงโหยหวนราวกับหมาป่า
—
การเมาสุราเป็นวิธีระบายอารมณ์ ทั้งยังเป็นข้ออ้างในการก่อเรื่องด้วยเช่นกัน
บางคนเมาสุราแล้วก็ระบายอารมณ์ออกมา
บางคนเมาแล้วกลับคิดก่อเรื่อง
อย่างเช่นชายหนุ่มที่ผมยาวถึงเอว อาศัยข้ออ้างที่เมาสุรา คว้าคอเสื้อฟางผิงเค้นถามว่า “พูดมา ตกลงซ่อนของดีไว้อีกเท่าไหร่กันแน่?”
ฟางผิงมองเขาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยว่า “นายเมา?”
“ใช่! ฉันเมา!”
“ไม่มีสติเลยสักนิด?”
“ใช่ ฉันตื่นอีกครั้งก็จำอะไรไม่ได้แล้ว นายบอกฉันมา นายซ่อนของดีไว้เท่าไหร่…”
“พลั่ก!”
ฟางผิงชกเข้าเบ้าตาเขาไปหนึ่งที เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ในเมื่อตื่นแล้วจำอะไรไม่ได้ งั้นก็ต้องจำไม่ได้ว่าถูกคนซ้อมเหมือนกันสินะ? ถ้ายังจำได้ งั้นนายก็อาจจะยั่วโมโหผู้ฝึกยุทธ์ที่ระดับสูงกว่านาย รู้ชัดๆ ว่านายผิด จึงยิ่งลงมือหนัก!”
พูดจบ ฟางผิงก็ชกออกไปอีกหมัด!
สู้มาถึงสุดท้าย ฉินเฟิ่งชิงก็ร้องจ๊าก วิ่งหนีอุตลุดทันที
เขาแค่สงสัยว่าฟางผิงซ่อนของดีไว้เท่าไหร่กัน นึกไม่ถึงว่าไอ้เวรนี้จะมาไม้นี้ อัดเขาต่อหน้าปรมาจารย์มากหน้าหลายตา จะไม่มีความเป็นคนเกินไปแล้ว!
วิ่งอัดฉินเฟิ่งชิงแล้ว ตาเฒ่าหลี่ที่ดื่มด่ำในงานเลี้ยงยกใหญ่แล้วก็เข้ามาประสมโรง เอ่ยด้วยยิ้มตาหยีว่า “ไอ้หนู มาพูดกับฉันหน่อย ซ่อนไว้อีกเท่าไหร่?”
คนอื่นไม่รู้ เขายังคงรู้ว่าฟางผิงเจ้าเด็กนี้มีแหวนเก็บของอยู่
จากนิสัยของเด็กนี่ คงไม่เปิดเผยออกมาทั้งหมด
ฟางผิงชี้คางไปทางขั้นสุดยอดสองคนที่อยู่ไม่ไกล ก่อนจะขยับหูเล็กน้อย
ตาเฒ่าหลี่เข้าใจทันที หัวเราะว่า “ไว้ค่อยกลับไปคุยกัน”
—
คนพวกนี้ใช้สุราเป็นตัวคลายความกลัดกลุ้ม
ไม่ไกลนั้น หลี่เจิ้นและจางเทาผลัดกันชนแก้ว ลิ้มรสสุราที่ไร้รสชาติ
ดื่มอยู่พักหนึ่ง จางเทาเอ่ยปากว่า “อู๋ขุยซานมีหวังทะลวงขั้นเก้า จะช่วยเหลือสักหน่อยหรือเปล่า? สิงไคเหวินตายในสนามรบ ก่อนหน้านี้เขาประจำการณ์ที่ถ้ำใต้ดินตงหลินมาโดยตลอด ตอนนี้อู๋ชวนประคองสถานการณ์ชั่วคราว แต่ไม่อาจให้อู๋ชวนเฝ้าระวังที่นั่นได้ตลอด…ให้ผู้เฒ่าฟ่านไปตงหลิน ส่วนอู๋ขุยซานต้านไว้?”
“ยังขาดอีกนิดหน่อย…”
“ศพของเจ้าเมืองเฉียงเวยอยู่ในมือเขา นายและฉันร่วมมือกัน ดึงพลังงานต้นกำเนิดของเจ้าเมืองเฉียงเวยเพื่อแสดงเส้นทางของขั้นเก้าให้เขาสักครั้งเป็นยังไง?”
“ไม่ดับสูญ”
หลี่เจิ้นฟังจบก็เอ่ยอย่างสงสัย “งั้นก็พบเจอได้ยาก พูดแบบนี้…อาจมีหวังเหมือนกัน แต่ว่าคงไม่จำเป็นต้องให้ฉันลงมือหรอกมั้ง?”
จางเทาคลี่ยิ้มว่า “สองคนผ่อนคลายกว่าหน่อยไม่ใช่หรือไง”
หลี่เจิ้นหัวเราะ พยักหน้าเล็กน้อย “งั้นก็ทำสักครั้ง แต่อาจไม่สำเร็จเสมอไป”
“ลองดูหน่อยเถอะ นายและฉันออกแรงนิดเดียวเท่านั้น ศพของเจ้าเมืองเฉียงเวยไม่ใช่ของพวกเราสักหน่อย”
“ฮ่าๆๆ…”
หลี่เจิ้นอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ ทำให้คนในหน่วยทหารที่อยู่ไม่ไกลพวกนั้นแปลกใจอยู่บ้าง นึกไม่ถึงว่าหลี่เจิ้นจะมีช่วงเวลาที่หัวเราะอย่างมีความสุขกับเขาเป็นด้วย
—
ไม่ว่าผู้ฝึกยุทธ์จะทำเรื่องอะไรก็ไม่เคยชักช้าอยู่แล้ว
ไม่นาน ผู้บัญชาการหลี่เต๋อหย่งจากหน่วยทหารก็เร่งตามเข้ามา
พยักหน้าให้ตาเฒ่าหลี่เป็นอันดับแรก เวลานี้ค่อยมองไปทางอู๋ขุยซาน “ผู้บัญชาการและรัฐมนตรีจางไปเขตพักผ่อนแล้ว ให้ฉันมาถามว่าอธิการอู๋สนใจจะดูเส้นทางวิวัฒนการของขั้นเก้าหรือเปล่า”
“ง่ายขนาดนั้นที่ไหนกัน เส้นทางผู้ฝึกยุทธ์ของเจ้าเมืองเฉียงเวยไม่ใช่เส้นทางผู้ฝึกยุทธ์ของฉัน ทำได้แค่พูดว่าจะทำให้ฉันเข้าใจต่อขั้นเก้าได้กระจ่างชัดขึ้น ไม่ได้จับต้นชนปลายไม่ถูกเหมือนตอนนี้ เข้าใจหรือยัง?”
“เข้าใจแล้วครับ”
ฟางผิงพยักหน้า มีความรู้คร่าวๆ อันที่จริงก็พอมีทิศทางแล้ว
ใจกว้างชี้ทางให้นาย อย่างน้อยนายก็จะรู้ว่าควรเดินไปทางไหน ทั้งตอนนี้อู๋ขุยซานยังอยู่ในจุดที่ไม่รู้จะเดินไปทางไหน
อาศัยตัวเองคลำผิดคลำถูก บางทียังต้องใช้เวลายาวนาน
เส้นทางของเจ้าเมืองเฉียงเวย แม้ไม่ใช่เส้นทางของเขา แต่อันที่จริงเส้นทางผู้ฝึกยุทธ์เป็นเส้นทางที่แตกต่างแต่มุ่งไปยังเป้าหมายเดียวกัน นั่นก็เพื่อพลังที่แข็งแกร่งขึ้น เดิมทีเส้นทางผู้ฝึกยุทธ์ก็ใช้เพื่อไขว่คว้าความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียว
นึกมาถึงตรงนี้ ฟางผิงไม่มากความอีก ควักกระดาษและปากกาที่พกติดตัว เริ่มขีดๆ เขียนๆ ขึ้นมา
อู๋ขุยซานเผยสีหน้าขื่นขม ด้านข้างนั้น ปรมาจารย์มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้คนอื่นๆ ต่างส่ายหัวไม่หยุด
เจ้าเด็กนี้อย่าฝึกวิชาอีกเลยจะดีกว่า หลังจากนี้ไปเปิดบริษัทกู้เงินให้รู้แล้วรู้รอดไปเถอะ
ไม่นานฟางผิงก็ส่งปากกาและกระดาษออกมา เอ่ยว่า “อธิการ เงื่อนไขไม่สูง ห้าหมื่นล้าน! รวมกับก่อนหน้านี้เป็นหนึ่งแสนล้านพอดี น่าจะเท่ากับมูลค่าอาวุธวิเศษของคุณแล้ว แบบนี้คุณก็ยังมีคุณสมบัติคืนเงินได้”
ฟางผิงคำนวณอย่างชัดเจนแล้ว หนึ่งแสนล้าน อาวุธวิเศษขั้นเก้าน่าจะมูลค่านี้ แน่นอนว่าอาวุธวิเศษขั้นเก้าก็มีระดับสูงระดับต่ำเช่นกัน
แต่อาวุธวิเศษขั้นเก้าที่หลอมโดยคนอื่น ไม่ได้เหมาะกับทุกคนก็มีมูลค่านี้เหมือนกัน
เหล่าอู๋ยังคงมีคุณสมบัติคืนเงินได้
หลังจากนี้ใช้อาวุธวิเศษใช้หนี้ก็คืนครบพอดี
อู๋ขุยซานทำอย่างกับพวกย่องเบา เหลียวซ้ายแลขวา เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจตรงนี้ก็รีบรับกระดาษและปากกามาเขียนลงไป
ฟางผิงเก็บสัญญาหนี้ด้วยความพอใจ หัวเราะว่า “อธิการ ร่างเจ้าเมืองเฉียงเวยเป็นของคุณแล้ว…ไม่สิ ต้นกำเนิดเส้นทางผู้ฝึกยุทธ์เป็นของคุณแล้ว ที่เหลือยังเป็นของผม อย่าลืมคืนเงินให้ผมเร็วๆ ด้วย”
อู๋ขุยซานกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ด้านข้าง ตาเฒ่าหลี่เอ่ยอย่างร้อนใจอยู่บ้าง “ไป พวกเราไปดูด้วยกัน ฉันยังไม่รู้เลยว่าเส้นทางของขั้นเก้าต้องเดินยังไง…แต่ฉันหลอมหมื่นวิถีเป็นหนึ่งแล้ว เดินในเส้นทางทำลายหมื่นวิถีด้วยพลังเดียว ไม่รู้ว่าแตกต่างกันมากหรือเปล่า?”
เส้นทางของขั้นเก้า อู๋ขุยซานยังไม่มีทิศทางเลย
ตาเฒ่าหลี่มีแล้ว!
ไม่สิ หรือจะพูดว่าเส้นทางหมื่นวิถีเป็นหนึ่งก็คือเส้นทางเดียว ฝึกแค่พลังทำลายอย่างเดียว
ดังนั้นร่างของเจ้าเมืองเฉียงเวย ต้นกำเนิดวิวัฒนาการจึงไม่มีประโยชน์กับเขาเท่าไหร่ ตาเฒ่าหลี่ไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้ ครั้งนี้เป้าหมายของเขาคืออาวุธวิเศษต่างหาก
—————–
………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน