ตอนที่ 542 ฉันไม่ได้พูดจริงๆ (2)
………………..
“อธิการ แต่การแข่งขันกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วนะครับ โควตาน่าจะถูกกำหนดแล้ว…”
“จะเป็นไรไป!” ผู้หญิงคนนั้นแค่นเสียง “ผู้อ่อนแอถูกคัดออก ผู้แข็งแกร่งอยู่รอด นี่คือสัจธรรม! ไปคัดคนที่อ่อนแอกว่าเธอออกต้องสามารถเข้าไปได้อยู่แล้ว! เมืองเจิ้นซิงและหน่วยทหารมีคนเข้าร่วมไม่น้อย มากขึ้นหนึ่งคนหรือน้อยลงหนึ่งคนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”
ด้านข้าง ชายกลางคนยิ้มอย่างขมขื่น “อธิการ นี่ไม่ค่อยดีหรือเปล่า? ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาอาจไม่รับปากเสมอไป”
“ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพวกเขา!”
หญิงคนนั้นสูดลมหายใจเข้าลึก เว้นช่วงเล็กน้อย เอ่ยขึ้น “ในสามหน่วยงาน มีแค่หน่วยสืบสวนที่ไม่มีโควตาเลย ไม่ไหวจริงๆ ฉันจะไปหน่วยสืบสวน ต่อให้หนานอวิ๋นเยวี่ยจะไร้ประโยชน์ยังไง กระทั่งโควตาเดียวจะช่วงชิงให้ไม่ได้เลยหรือไง? หากเป็นแบบนี้จริงๆ เธอยังจะเป็นผู้อำนวยการไปอีกทำไม!”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา ชายกลางคนและเหยาเฉิงจวินก็สบสายตากัน ต่างพูดไม่ออกอยู่บ้าง
สามหน่วยงานใหญ่ ขั้นสุดยอดสองคน มีแค่หนานอวิ๋นเยวี่ยที่ไม่ใช่
ดังนั้นในสามหน่วยงาน หน่วยสืบสวนถือว่าอ่อนแอที่สุดแล้ว หน่วยทหารทำสงครามเป็นหลัก นั่งรักษาการณ์ในถ้ำใต้ดิน
กระทรวงการศึกษาควบคุมมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั้งใต้หล้า มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เป็นกำลังหลักในการต่อสู้กับถ้ำใต้ดินเช่นกัน มีปรมาจารย์นับไม่ถ้วน
แต่หน่วยสืบสวนดูแลแค่ข้อพิพาทของผู้ฝึกยุทธ์บนพื้นโลกเท่านั้น สังหารผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตบางส่วน จับกุมผู้ฝึกยุทธ์ที่กระทำความผิด แทบจะมีสามระดับล่างเป็นหลัก
ในสามหน่วยงานนี้ หน่วยสืบสวนอ่อนแอที่สุดแล้ว
แต่ยังไงขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในสามหน่วยงานใหญ่ หนานอวิ๋นเยวี่ยเรียกได้ว่าเป็นรองแค่ขั้นสุดยอด สังหารยอดฝีมือขั้นเก้าไปกองใหญ่ ไม่ถือว่าเป็นผู้อ่อนแอเช่นกัน หากเธอบ้าคลั่งขึ้นมาจริงๆ ขั้นสุดยอดไม่ออกหน้าก็คงไม่มีใครควบคุมเธอได้
อธิการหญิงของโรงเรียนเตรียมทหารอันดับหนึ่งคนนี้เลือกไปหาหนานอวิ๋นเยวี่ยแทนที่จะไปหน่วยทหารและกระทรวงการศึกษาเพราะว่าหนานอวิ๋นเยวี่ยและเธอเป็นพี่น้องกัน
แต่เธอเป็นพี่ หนานอวิ๋นเยวี่ยคือน้องสาว
ความแตกต่างของลำดับขั้นผู้ฝึกยุทธ์เป็นสาเหตุที่ทำให้เธอไม่ยินดีจะก้มหัวให้หนานอวิ๋นเยวี่ยตลอดมา
แต่ตอนนี้เพื่อให้เหยาเฉิงจวินเข้าสู่ขั้นเจ็ดให้เร็วที่สุด เธอไม่คิดมากแล้วเหมือนกัน
เหยาเฉิงจวินปรากฏพลังจิตใจ แต่ประตูซานเจียวยังไม่ปิดผนึก ยังไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานอีกเท่าไหร่
บนพื้นโลก ไม่มีวิธีที่จะปิดผนึกประตูซานเจียวได้อย่างรวดเร็ว
แต่ถึงเขตหวงห้ามแล้ว หลายคนสามารถปิดผนึกประตูซานเจียวได้ในเวลาสั้นๆ บางคนชั่วพริบตาเดียวก็หลอมสารจิงกับเลือดได้แล้ว คนที่เข้าไปพวกนั้นแทบจะกลายเป็นปรมาจารย์ภายในปีสองปี
นี่เป็นโอกาสดีที่หาได้ยากยิ่ง อธิการหญิงไม่ยินยอมจะละทิ้งเช่นกัน
“อธิการ ผมเพิ่งขั้นห้า…”
“โง่!”
อธิการหญิงด่าออกไปตรงๆ เอ่ยอย่างไม่เกรงใจว่า “พวกเขาไม่ได้มีกฏตายตัวว่าต้องเป็นขั้นหก…อีกอย่างเธอบอกว่าเธอขั้นห้า ฉันไม่ได้บอกว่าเธอขั้นห้า แต่บอกว่าขั้นเจ็ด พวกเขาจะพิสูจน์ว่าเธอขั้นห้าได้ยังไงกัน? ขั้นห้าสามารถปรากฏพลังจิตใจได้งั้นเหรอ?”
ผู้หญิงยามที่ไม่มีเหตุผล นั่นก็ไม่อาจพูดอะไรได้แล้ว
โดยเฉพาะยอดฝีมืออย่างอธิการหญิงคนนี้ มิหนำซ้ำอธิการหญิงยังคว้าช่องโหว่นี้ได้แล้ว ปรากฏพลังจิตใจตกลงนับเป็นขั้นไหนกัน?
ตอนนี้บอกว่าเหยาเฉิงจวินอยู่ขั้นห้าก็ได้เหมือนกัน บอกว่าเขากึ่งขั้นเจ็ด นั่นก็ยังได้
อธิการพูดขนาดนี้แล้ว เหยาเฉิงจวินจึงไม่พล่ามมากอีก
ในความเป็นจริง เขาอดใจไม่ไหวอยู่บ้างเช่นกัน อยากไปถามฟางผิงดู ตกลงเรื่องมันยังไงกันแน่?
ตอนที่ปรากฏพลังจิตใจ ฉากเหตุการณ์พวกนั้นมันจริงหรือไม่จริง?
ทำไมถึงหายวับไปได้?
หลังจากนี้ยังจะปรากฏหรือเปล่า?
ในเมื่อปรากฏภาพแบบนี้แล้ว น่าจะยังคงอยู่ แต่เหยาเฉิงจวินพบว่าตอนนี้เขาไม่สามารถปรากฏฉากนี้ได้อีกแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุที่พลังจิตใจไม่แข็งแกร่งพอหรือเปล่า
—

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน